ตอนที่ 18 ความไม่แน่นอนของชีวิตและความตาย
มีคนเดินขวางอยู่บนถนน ถูกเขาจับโยนด้วยมือเปล่า ร่างปลิวขึ้นไปสูงราวหกถึงเจ็ดเมตร แล้วตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง
โชคดีที่รถที่วิ่งอยู่บนถนนเห็นเหตุการณ์ผิดปกติเข้า รีบเบรกทันที จึงไม่เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
“ มันคือคนเถื่อน รีบฆ่ามันเร็ว อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้ ” ชายวัยกลางคนร่างกำยำคนหนึ่งที่หนีออกมาจากร้านหนังสือได้ตะโกนขึ้นเสียงดัง เขาหยิบไม้กวาดขึ้นมาจากร้านค้าริมทาง เขาหมุนไปรอบๆ ทำเป็นดาบ
ดูจากท่าทางของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาเคยเรียนวิชาดาบมาก่อน อาจเป็นชาวยุทธฝึกหัด ไม่อย่างนั้นในเวลาแบบนี้คงไม่กล้าที่จะยั่วยุคนเถื่อนหรอก
เฉินโจวอี้ที่กำลังจะวิ่งหนี อดไม่ได้ที่จะชะลอฝีเท้าลง
ในฐานะคนหนุ่ม ในใจของเขายังไม่หวาดกลัวมาก เลือดยังร้อนอยู่ เขามองซ้ายมองขวาเพื่อหาอาวุธที่เหมาะมือ
ยังไม่ทันรอให้เขาหาอาวุธได้ คนเถื่อนก็รีบพุ่งไปยังชายวัยกลางคนคนนั้นทันที เฉินโจวอี้ไม่สามารถอธิบายถึงความเร็วของเขาได้ แม้แต่ตาเปล่ายังจับภาพได้ยาก ด้วยระยะห่างสิบกว่าเมตรทำให้เขาพุ่งเข้าไปถึงตัวชายวัยกลางคนได้อย่างรวดเร็ว
ดาบของชายวัยกลางคนยังไม่ทันได้แทงออกไป ก็ถูกกำปั้นทุบเข้าไปที่หัวของเขาอย่างแรง
ร่างของเขาปลิวขึ้นและตกลงมาอย่างรวดเร็ว ราวกับเศษผ้าที่ร่วงลงสู่พื้นดิน
กะโหลกศีรษะแตก ราวกับแตงโมที่แตกกระจาย
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ตั้งแต่ต้นจนจบ มือของคนเถื่อนคนนั้นยังคงแบกถุงใบใหญ่ที่ทำมาจากผ้าปูที่นอน ด้านในบรรจุหนังสือไว้เต็ม น้ำหนักอย่างน้อยๆ ก็ร้อยปอนด์ขึ้นไป
เฉินโจวอี้ทำได้แค่มองดูศพที่น่าสังเวชของชายวัยกลางคน เลือดร้อนในใจลดลงอย่างรวดเร็ว ความเย็นยะเยือกแผ่เข้ามาในร่างกาย ความกระตือรือร้นที่อยากจะลองสู้ในตอนแรกหายไป เหลือไว้แต่ความหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจ
โชคดีที่คนเถื่อนคนนี้ไม่ได้ฆ่าไม่เลือกหน้า หลังจากที่เขายั้งมือ เขามองไปยังรอบๆ อย่างระมัดระวัง แล้วรีบหลบหนีไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ฝีก้าวของเขาหนักและก้าวยาวมาก แต่ละก้าวยาวถึงห้าหรือหกเมตร
เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา คนเถื่อนคนนั้นก็หายไปจากถนน
เรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากรอให้ตำรวจหน่วยจู่โจมพิเศษติดอาวุธครบมือมาถึง เวลาก็ล่วงเลยไปกว่าสามนาทีแล้ว
เพียงแต่ในเวลานี้ เฉินโจวอี้ออกมาจากตรงนั้นแล้ว
ทั้งสองคนจูงจักรยานของตัวเอง คนที่ผ่านไปผ่านมาบนท้องถนน เมื่อเห็นเลือดสีแดงสดบนตัวพวกเขา ก็พากันหลีกเลี่ยงและมีสีหน้าตกใจ
เพียงแต่ทั้งสองคนในตอนนี้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงไม่รู้สึกรู้สาอะไร
จางเซียวเยว่ยังคงเงียบ ตัวสั่นเบาๆ
เฉินโจวอี้รู้สึกได้ถึงความกลัวในใจของเธอ ในความเป็นจริงไม่ใช่แค่เธอ เขาเองก็เป็นแบบนี้เช่นกัน
คนที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความสงบสุขมาโดยตลอด มักจะไม่สามารถจินตนาการถึงความโหดร้ายของความตายได้ แม้กระทั่งข่าวประเภทนี้ที่ออกอากาศอยู่ทุกวัน แต่เป็นเพราะมันเกิดเหตุในที่ที่อยู่ห่างไกลจนเกินไป ไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง ทำให้รู้สึกว่ามันไม่เหมือนความจริง
เมืองตงหนิงเป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบมาโดยตลอด แม้แต่สงครามการรุกรานจากโลกที่แตกต่างเมื่อสิบหรือยี่สิบปีก่อน ก็ยังเป็นเพียงสงครามอันโหดร้ายในพื้นที่เล็กๆ ตามแถบชายแดนอันห่างไกล
ถ้าพูดถึงในแง่ของขนาดสงคราม มันไม่สามารถเทียบได้กับสงครามโลกครั้งที่สอง และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิต
บางทีเฉินโจมอี้เองอาจดูข้อมูลของสงครามเหล่านั้นผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทันสมัย เขาจึงดูอย่างเพลิดเพลิน ไม่ได้รู้สึกถึงความโหดร้ายของสงคราม
ที่เมืองเล็กแห่งนี้ มีเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันที่เรียกว่าการบุกรุกจากโลกที่แตกต่าง เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน
คนเถื่อนที่แอบลักลอบเข้ามาสองคนถูกฆ่าตายที่ชานเมืองตงหนิง
หลังจากนั้นไม่นาน รูมิติซ่อนเร้นที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับเมืองตงหนิงก็ถูกค้นพบ จากนั้นจึงมีกองทัพประจำการอยู่
ประสิทธิภาพของกองกำลังตำรวจนั้นสูงมาก ตอนที่เดินอยู่บนถนน บนหน้าจอโฆษณาของจัตุรัสกลางเมืองกำลังออกอากาศประกาศหมายจับชายเถื่อนคนนั้น ทำให้หลายคนหยุดดูและแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา
เฉินโจวอี้ส่งจางเซียวเยว่ที่ประตูบ้านของเธอ แล้วพูดขึ้น “หัวหน้า ฉันกลับก่อนนะ”
เขาหยุดแป๊ปหนึ่งแล้วพูดปลอบเธอ “คนเถื่อนคนนั้นหนีไปไม่รอดหรอก บนถนนมีกล้องวงจรปิดเต็มไปหมด บางทีอาจจะรอตอนเย็นนี้ น่าจะมีข่าวประกาศออกมาแล้ว”
“ ขอบคุณเธอมากนะ เฉินโจวอี้ ถ้าเธอไม่ลากฉันออกมา ฉันอาจจะ...... ”
“ เธอเป็นหัวหน้าห้องของพวกเรานี่นา ฉันจะทิ้งเธอไว้ไม่สนใจเธอได้ยังไง อย่าคิดมากนะ ฉันกลับก่อนนะ ” เฉินโจวอี้ฉีกยิ้ม แสร้งทำท่าทางผ่อนคลาย
พูดเสร็จ เขาก็ปั่นจักรยานจากไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางกลับบ้าน เขาได้รับโทรศัพท์
“ ทำไมลูกยังอยู่ข้างนอกอยู่อีก ? รีบกลับมาเดี๋ยวนี้ ! ” ปลายสายเป็นเสียงแม่ของเขากำลังกระวนกระวายใจ
“ แม่ครับ ไม่นานผมก็ถึงบ้านแล้ว ” เฉินโจวอี้ไม่ได้ถามว่าเป็นเพราะว่าอะไร
เขากดวางสาย แล้วรีบเพิ่มความเร็วในการปั่นจักรยานกลับบ้าน
ร้านอาหารปิดร้านแล้ว ประตูเลื่อนถูกดึงไปครึ่งหนึ่ง เขาจอดรถจักรยานที่ประตูหลังเรียบร้อยแล้วก็ถูกแม่ของเขาลากเข้ามา จากนั้นแม่ของเขาก็รีบดึงประตูเลื่อนเข้ามาปิดทันที
“ เจ้าแม่กวนอิมคุ้มครองลูกด้วย ลูกกลับมาสักที ลูกไม่รู้หรอว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น มันน่ากลัวมาก ” แม่ของเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ทันใดนั้นเธอก็มีสีหน้าตกใจ ใบหน้าซีดเซียว
“ ทำไมบนตัวลูกมีเลือดล่ะ ”
เฉินโจวอี้ลูบดู เลือดที่อยู่บนหน้าแห้งกรังแล้ว มีเพียงบนฝ่ามือที่เหลือทิ้งไว้แต่สะเก็ดเลือด และอาจมีชิ้นเนื้อปนอยู่ในนั้นนิดหน่อย พอนึกถึงสิ่งเหล่านี้ เขาก็จำได้ว่ามันกระเด็นมาจากพวกศพ เขาก็รู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย
พอเห็นว่าไม่สามารถปิดได้แล้ว เฉินโจวอี้จึงอธิบายออกมาตามตรง
“ ลูกนี่นะ ที่ดีๆ มีไม่ไป ทำไมต้องไปที่ร้านหนังสือด้วย แม่กลัวจริงๆ นะ ” ในใจของแม่เขาทั้งดีใจและหวาดกลัวในคราเดียวกัน สุดท้ายเธอก็อดไม่ได้ที่จะตีเขาไปสองที “ รีบถอดเสื้อผ้าเลย เดี๋ยวอีกพักนึงแม่จะเอาไปเผา แล้วค่อยไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม ขับไล่ความโชคร้ายจากตัวลูก ”
ในฐานะคนทำธุรกิจ มักจะมีพวกความเชื่อต่างๆ ครอบครัวของเขามักจะคำนับเจ้าแม่กวนอิมและเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งอยู่เสมอ เพียงแต่ไม่ว่าเขาหรือว่าน้องสาวของเขา ไม่มีใครไหว้สักคน
“ ครับแม่ อ้อ ซิงเยว่ล่ะ ? ” เขาถอดชุดไปด้วย พลางถามขึ้น
“ น้องเขากลับมาตั้งนานแล้ว กำลังดูข่าวกับพ่อที่ชั้นบน ”
ภายใต้การกำกับของแม่เขา เฉินโจวอี้ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม จากนั้นเดินขึ้นไปชั้นบน แล้วก็ถูกซักถามโดยเฉินต้าเหว่ยเป็นการยกใหญ่
ข่าวที่กำลังประกาศอยู่ในทีวีขณะนี้ เขามองเห็นศพแต่ละศพที่ถูกเบลอภาพไว้ ถูกยกออกมาจากร้านหนังสือ ศพบางศพที่เรียกได้ว่าเป็นเนื้อเละถูกบรรจุลงถุงบรรจุ
“ จนถึงตอนนี้ จากเหตุการณ์โจมตีในครั้งนี้ มียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 135 คน อีก 43 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทางทีมแพทย์กำลังให้การช่วยเหลือฉุกเฉิน..... .”
เฉินโจวอี้เหลียวดูพักหนึ่ง แล้วไม่ได้ดูต่อ ภาพของจริงมันช่างโหดร้ายกว่าในข่าวเสียอีก เขาลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำ อาบน้ำล้างเอาคราบเลือดจากความโหดร้ายนั้นออกไปจากร่างกายเขาจนสะอาด
ตอนพลบค่ำ หลังจากที่ทั้งครอบครัวกินข้าวเย็นอย่างง่ายๆ พวกเขาทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่หน้าทีวี ดูข่าวล่าสุดกัน
บนถนนได้ยินเสียงของรถตำรวจเป็นครั้งคราว เห็นได้ชัดว่าทางตำรวจมีการเคลื่อนไหวแล้ว
บรรยากาศในห้องนั่งเล่นค่อนข้างหดหู่ ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมา
ผู้ก่อการร้ายที่น่ากลัวจากโลกที่แตกต่างนี้ กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในเมือง ไม่มีใครที่กินข้าวได้อย่างเอร็ดอร่อยหรือนอนหลับสบายแบบไม่มีอะไรเกินขึ้น
พอถึงเวลาหนึ่งทุ่มตรง
ทันใดนั้นก็มีข่าวประกาศออกมา
พิธีกรดูที่ตัวประกาศข่าว สีหน้าของเขาเผยความยินดีออกมา แต่พริบตาเดียวก็กลับมาเคร่งขรึมดังเดิม “ ตอนนี้มีการรายงานข่าวเข้ามาว่า ภายใต้การปิดล้อมทั้งเมืองเมื่อเวลา 18.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพิเศษกิตติมาศักดิ์หลายคนจากทีมหน่วยจู่โจมพิเศษและสมาคมศิลปะการต่อสู้พบที่ซ่อนตัวของคนเถื่อนคนนี้ในสวนสาธารณะหยางหู หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือด ในที่สุดคนเถื่อนก็ถูกฆ่าตาย ”
“ ในการต่อสู้ครั้งนี้ รวมถึงโจวฉ่าวเฟิง รองประธานสมาคมศิลปะการต่อสู้และตำรวจพิเศษกิตติมาศักดิ์สี่ท่านได้เสียสละชีวิตเพื่อสาธารณชน......”
โจวฉ่าวเฟิงตายแล้ว!
เฉินโจวอี้ชะงักไป ครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อของโจวฉ่าวเฟิง คือมาจากปากของครูสอนศิลปะการต่อสู้ในโรงเรียนของเขา
สองปีก่อนคนเถื่อนสองคนนั้นที่บุกเข้ามาเขตชายแดนของเมืองตงหนิงถูกเขาฆ่าตายด้วยตัวเอง เขาฆ่าคนเถื่อนทีละคนด้วยท่าแทงดาบ
แต่คนที่ทรงพลังเช่นนี้ คนที่เป็นชาวยุทธผู้เก่งกาจ กลับตายอย่างไม่คาดคิด ตายท่ามกลางการต่อสู้กับคนเถื่อน
ในใจของเขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย และก็รู้สึกโชคดีเช่นกัน
ถ้าในตอนแรกเขาหัวร้อนแล้วพุ่งเข้าไป บางที......