px

เรื่อง : รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
ตอนที่ 20 อุโมงค์มิติ


ตอนที่ 20 อุโมงค์มิติ

 

            ออกมาจากประตูโรงเรียน หลังจากที่ซุนซินแยกตัวกลับไป เฉินโจวอี้จึงใช้โอกาสนี้ในการชวนไปกินไอศกรีม

            จางเซียวเยว่รู้สึกอายและก็ไม่ปฏิเสธ

            เธอสวยมาก ถ้าหากเปรียบผู้หญิงเหมือนน้ำ บางคนดูแล้วเหมือนจะเป็นน้ำโคลน แต่บางคนดูแล้วก็เหมือนจะเป็นน้ำพุที่ใสสะอาด

            ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจางเซียวเยว่คืออันหลังอย่างแน่นอน

            แต่เฉินโจวอี้กลับพบว่าถึงแม้ว่าตัวเองจะมีความตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่กลับไม่ได้ตื่นเต้นใจเต้นแรงเหมือนที่จินตนาการไว้ ด้วยประสบการณ์ที่แปลกประหลาดในเดือนนี้ ทำให้เขาจากที่เคยเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็ว

            เนื่องจากร้านไอศกรีมตั้งอยู่บนถนนอีกสาย และไม่ใช่ทางที่จะกลับได้ง่ายๆ ดังนั้นตอนที่เขากลับบ้าน เฉินโจวอี้จึงเลือกใช้ถนนอีกเส้นทาง แต่พอเขาปั่นจักรยานผ่านตึกร้างนั้น จู่ๆ หนังสือแห่งความรู้ในหัวของเขาก็กระพริบแสงแวววาวขึ้นมาพักหนึ่ง

            ตอนแรกเฉินโจวอี้ไม่ได้สนใจ แต่หลังจากที่เขาทำการบ้านของวันนี้เสร็จ ตอนที่กำลังจะนอนหลับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงปรากฏการณ์นี้

            ตั้งแต่หลังจากที่หนังสือแห่งความรู้ได้ถูกรวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับร่างกาย มันก็อยู่อย่างเงียบๆ ราวกับของตายมาเสมอ ถ้าไม่เรียกมันออกมา มันก็จะไม่มีการตอบสนองด้วยตัวเอง

            แต่วันนี้กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

            เนื่องจากเขาเอาแต่คิดถึงเรื่องแปลกประหลาดนี้ เขานอนพลิกไปพลิกมาไม่ยอมหลับ ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะสวมเสื้อผ้า ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูบ้าน ไม่ได้ปลุกให้ใครตื่นทั้งนั้น เขาแอบย่องออกไปจากบ้านเบาๆ

            เขามองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนครึ่งแล้ว

            ในฐานะที่เมืองตงหนิงเป็นเมืองขนาดเล็ก ทำให้ขาดแคลนสถานบันเทิงยามค่ำคืน

            ในช่วงเวลาแบบนี้ บนถนนว่างเปล่า แทบไม่มีเงาของผู้คน นานๆ ทีถึงจะมีรถวิ่งผ่านมาสักคันสองคัน

            ตึกร้างหลังนั้นอยู่ห่างจากที่นี่ไม่เท่าไร หลังจากที่เฉินโจวอี้ข้ามถนนมาหลายสาย ไม่นานก็มาถึงอาคารนี้

            ขนาดตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องมาที่นี่ ดูเหมือนว่ามีอำนาจลึกลับบางอย่างผลักให้เขาเข้าไปด้านหน้า

            มองดูอาคารด้านหน้า เขากัดฟันแล้วเดินเข้าไป

            ถ้าเป็นเมื่อก่อนในมุมมืดแบบนี้ เขาไม่มีทางเข้าไปอย่างแน่นอน

            แต่ความแข็งแกร่งคือความกล้าของเขา ตราบใดที่ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งแบบพวกชาวยุทธฝึกหัดอะไรนั่น คนทั่วไปถึงแม้ว่าต่อให้มาเป็นกลุ่ม ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถ้าหากปล่อยให้มีการฆ่าเกิดขึ้น โดยพื้นฐานแล้วต่างก็เป็นอันตรายถึงชีวิตทั้งหมด

            ที่แห่งนี้ไม่มีโคมไฟรายทาง ทำให้เห็นเพียงภาพพื้นที่สีดำสนิท

            เขาหยิบท่อนไม้ที่ถูกทิ้งร้างขึ้นมาจากพื้นหนึ่งท่อน นี่ทำให้เขามีความกล้ามากยิ่งขึ้น

            ตึกร้างหลังนี้ใหญ่มาก เดิมทีทำเป็นศูนย์การค้า

            ในปีนั้นซึ่งก็คือสามปีก่อนนั่นเอง ตอนที่ตึกนี้เปิดทำงานขึ้น พื้นที่ใกล้เคียงเกิดความปั่นป่วนขึ้นอยู่ช่วงหนึ่ง น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเถ้าแก่หนีไป เหลือทิ้งไว้เพียงความเละเทะ

            เฉินโจวอี้เดินไปอย่างช้าๆ อย่างระแวดระวัง หนังสือแห่งความรู้ตอบสนองรุนแรงมากยิ่งขึ้น มันเหมือนกับไวรัสที่กระพริบขึ้นบ่อยๆ ในคอมพิวเตอร์ อีกอย่างเขาไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกผิดไปหรือไม่ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาร้อนขึ้นเรื่อยๆ

            ราวกับว่ามีน้ำพุร้อน น้ำพุร้อนอุ่นๆ ที่กำลังไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขา

            ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการฝึกตอนกลางคืนดูเหมือนจะบรรเทาลงไปได้มาก สามารถเดินได้สบายและเร็วมากยิ่งขึ้น

            จากอำนาจบางอย่างที่ผลักดันนำทางเขาไป เขาเดินตรงไปยังลานจอดรถใต้ดิน

            ที่แห่งนี้มืดสนิท เขายื่นมือออกไปมองไม่เห็นนิ้วสักนิ้ว เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดไฟฉายส่องให้แสงสว่าง แล้วเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

            เพิ่งจะเดินไปได้สิบกว่าวินาที ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็กระพริบอยู่ครั้งสองครั้งแล้วไฟก็ดับลง

            จางฮ่านรีบกดไปครั้งสองครั้ง พบว่าไม่มีการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น

            ในเวลานี้หางตาของเขาสังเกตได้ว่าที่ด้านหน้าดูเหมือนจะมีแสงสว่างอยู่เล็กน้อย

                        “นี่มันคืออะไรเนี่ย?”

            เขาตกใจ ใจเต้นแรงดังตึกตักๆ เขาพยายามที่จะมองมันชัดๆ แต่ว่าแสงสว่างนั้นช่างดูเบาบางเหลือเกิน มันดูสลัวๆ ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันคืออะไร

            เขาถือท่อนไม้ในมือไว้แน่น แล้วเดินเข้าไปยังด้านหน้า

            เขาเดินต่อไปอีกยี่สิบสามสิบเมตร ทันใดนั้นเขาก็ตัวแข็งทื่อ ฝีเท้าของเขาหยุดลง ท่อนไม้ในมือร่วงลงไปที่พื้นส่งเสียงเคร้งๆ ดังก้องอยู่เป็นเวลานานในลานจอดรถของค่ำคืนอันเงียบสงบนี้

            แต่เฉินโจวอี้กลับไม่ขยับตัว ราวกับไม่ได้สติ

            เขาเบิกตากว้างจ้องมองไปยังพื้นที่ตรงหน้าที่อยู่ห่างออกไปสิบเมตร

            บนพื้นหญ้าสีเขียวขจีขนาดเล็ก มันเหมือนพื้นผิวภาพลวงตาปรากฏอยู่บนพื้น ส่องแสงสว่างอยู่เล็กน้อย

            มันมีขนาดเพียงประมาณหนึ่งตารางเมตร สูงกว่าสองเมตร ส่วนล่างของมันถูกเชื่อมกับพื้นอย่างสมบูรณ์ มองดูแล้วราวกับว่ามีพื้นหญ้าขึ้นอยู่กลางพื้นคอนกรีต

            “นี่มันอุโมงค์มิติที่ยังไม่ถูกค้นพบนี่!” เขาตกตะลึง

            เขาเคยเห็นอุโมงค์มิติจากในโทรทัศน์และในอินเทอร์เน็ต มีทั้งขนาดใหญ่ แล้วก็มีขนาดเล็กด้วย แต่ก็ยังไม่มีอันไหนเทียบได้กับอันที่เห็นกับตาอยู่นี้

            “ทำไมที่นี่ถึงมีอุโมงค์มิติได้ล่ะ?” จางฮ่านรีบสงบสติอารมณ์ตัวเองลง

            ถ้าหากจำไม่ผิด ตึกร้างแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อสามปีก่อน หรือจะพูดได้ว่าเมื่อสามปีก่อนอุโมงค์มิติยังไม่เกิดขึ้น งั้นนี่ก็หมายความว่า อุโมงค์นี้พึ่งปรากฏขึ้นเมื่อไม่นานมานี้สิ

            นี่ก็หมายความว่าหลังจากที่เกิดการหลอมรวมมิติเมื่อยี่สิบปีก่อน หลังจากที่มันซบเซาไปกว่ายี่สิบปี การหลอมรวมของมิติดูเหมือนจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

            ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงข่าวล่าสุดรวมถึงคนเถื่อนที่ดุร้ายคนนั้นในเมืองตงหนิงทันที “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเรื่องการบุกรุกของสิ่งมีชีวิตจากโลกที่แตกต่างจะมีมากขึ้น”

            แต่ในขณะนี้เขาไม่มีเวลามาคิดมาก

            เขาหยิบท่อนไม้ขึ้น แล้วเดินตรงไปยังอุโมงค์ทีละก้าวๆ

            พอเขาเข้าไปใกล้อุโมงค์มิติอันนี้ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาร้อนขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีเปลวไฟลุกโชนในร่างกายของเขา ภายใต้สถานการณ์อันแปลกประหลาดนี้ สถานการณ์ของตัวเขาเองดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของเขาดูเหมือนจะมีพลังงอกเงยและค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกายของเขา

            ไม่นานเขาก็เข้ามาใกล้อุโมงค์มิติ

            เมื่อมองไปยังพื้นหญ้าที่อยู่ใกล้แค่นี้ ดูเหมือนว่าแค่ก้าวเดียวก็สามารถเข้าสู่โลกที่แตกต่างได้แล้ว

            “จะเข้าไปดูดีไหมนะ ถ้าหากมันเป็นอันตราย ก็รีบกลับมา” เฉินโจวอี้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่แข็งแกร่งของเขา เขาไม่สามารถที่จะระงับไม่ให้เกิดความคิดนี้ได้

            เขาลองใช้ท่อนไม้ทดสอบโดยการยื่นเข้าไปในอุโมงค์มิติ ท่อนไม้จมหายเข้าไปในทันที ราวกับว่ามันถูกลากโดยบางสิ่ง เขาไม่แปลกใจเลย เป็นเพราะแรงโน้มถ่วงของโลกที่แตกต่างสูงกว่าโลกมนุษย์ถึงสามเท่า

            ไม่นานท่อนไม้ก็ตกลงมาที่พื้นหญ้า เขาพบว่าไม่มีการหักเหของแสงเกิดขึ้น ภาพที่เห็นดูเหมือนกับภาพที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมด โลกที่แตกต่างดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับลานจอดรถได้อย่างสมบูรณ์แบบ

            ต่อมาเขาดึงท่อนไม้ออกมา มองผ่านแสงสลัวเข้าไปดูอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่ง ดูเหมือนจะไม่มีอันตรายใดๆ

            “ดูเหมือนจะเข้าไปได้นะ”

            เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเขาลองยื่นเท้าเข้าไปหนึ่งข้าง

            วินาทีต่อมา มิติเกิดการเปลี่ยนแปลง ร่างของเขาจู่ๆ ก็ทรุดลง

            ถึงแม้ว่าเฉินโจวอี้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว แต่ก็ยังเกือบจะทรุดลงก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้น

            ภายใต้แรงโน้มถ่วงแบบนี้ ถ้าหากนั่งลงแบบนี้ล่ะก็ คาดว่ากระดูกสันหลังคงจะหัก

            แรงโน้มถ่วงที่มากถึงสามเท่าเช่นนี้ทำให้ทั่วทั้งร่างกายดูเหมือนจะถูกวัตถุหนักตกใส่ การหายใจก็ลำบาก แม้แต่หัวใจยังเต้นได้ลำบากดูอึดอัด จนไม่สามารถถอนหายใจให้กับแรงโน้มถ่วงอันน่ากลัวของที่นี่ พอเขายืนได้มั่นแล้ว เป็นครั้งแรกเลยที่เขาตื่นตัวมองไปรอบๆ

            ตอนที่อยู่บนโลกมนุษย์ที่นั่นยังคงมืดมิด แต่ที่นี่กลับเป็นตอนกลางวัน เขาพบว่าตัวเองยืนอยู่บริเวณเนินเขา จากตรงนี้สามารถมองเห็นทะเลที่อยู่ในระยะไกลได้ ทุกที่ที่เขากวาดตามอง ไม่พบสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ มีเพียงแค่จุดสีดำจางๆ เพียงไม่กี่จุดบนท้องฟ้าลอยอยู่เหนือศรีษะ

            จากนั้นเขาตรวจดูทุ่งหญ้าโดยรอบอย่างระมัดระวัง ไม่พบกับแมลงใดๆ ในโลกที่แตกต่างนี้

            ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

            เขาค่อยๆ นั่งลงบนพื้นหญ้าผืนนั้นที่ทอดยาวไปตามแนวของพื้นคอนกรีตจากโลกมนุษย์ ในมือของเขากำท่อนไม้ไว้แน่น

            ในเวลานี้เขาพึ่งจะมีเวลาสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเอง ร่างกายของเขาร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะติดไฟได้เองแล้ว ผิวของเขาเป็นสีแดง เหมือนกำลังนึ่งร่างกายทั่วทั้งร่าง

            แต่ที่น่าแปลกก็คือ ร่างกายของเขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นไปพร้อมๆ กับการเผาไหม้ร่างกายนี้

            ตอนที่เข้ามาแรกๆ เขายังรู้สึกหายใจลำบาก แต่พอเวลาผ่านไป เขากลับรู้สึกว่าแรงโน้มถ่วงที่นี่ดูเหมือนจะลดลงเรื่อยๆ การหายใจของเขาค่อยๆ ราบรื่น ความอึดอัดตรงหน้าอกค่อยๆ ลดลงช้าๆ

            ไม่ต้องสงสัยเลย สิ่งนี้มันเกี่ยวข้องกับหนังสือแห่งความรู้อย่างเห็นได้ชัด

            เขารีบเรียกหนังสือแห่งความรู้ออกมา

            ในโลกที่แตกต่างแห่งนี้ หนังสือแห่งความรู้ดูเหมือนว่าจะกระตือรือร้นมาก แค่คิดในใจแป๊ปเดียว แผงคุณสมบัติก็ปรากกฎขึ้นในหัวทันที

 

            ชื่อ-นามสกุล: เฉินโจวอี้

            คุณสมบัติ

            ความแข็งแกร่ง: 11.6 จุด (10)

            ความว่องไว: 11.7 จุด (10)

            ความแข็งแกร่งของร่างกาย: 12.1 จุด (10)

            สติปัญญา: 10.8 จุด (10)

            การรับรู้: 10.8 จุด (10)

            ความตั้งใจ: 11.4 จุด (10)

            ความรู้: ภาษาจีนกลาง (เชี่ยวชาญระดับ 6)  ฟิสิกส์ (ชำนาญระดับ 12)   เคมี (ชำนาญระดับ 11)   คณิตศาสตร์ (ชำนาญระดับ 9)  ภาษาอังกฤษ (ชำนาญระดับ 6)   คอมพิวเตอร์ (ขั้นเริ่มต้นระดับ 6)   การปรุงอาหาร (ขั้นเริ่มต้นระดับ 5)   สามสิบหกกระบวนท่าเพิ่มสมรรถภาพทางกาย (ชำนาญระดับ 8)   การเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตน (ชำนาญระดับ 2)   วิชาดาบ (ชำนาญระดับ 4)  วิถีแห่งธนู (ยังไม่เริ่มต้น)

            ความสามารถพิเศษ: สามารถฟื้นฟูได้ตามธรรมชาติ

            พลังงานสะสม: 2.35 จุด

 

            เฉินโจวอี้แค่มองแวบเดียว ทันใดนั้นเขาก็ตกตะลึง

            เขาอดไม่ได้ที่จะดูอยู่หลายรอบ เกือบจะนึกว่าตัวเองดูผิดไปแล้ว

            ภายในระยะเวลาสั้นๆ คุณสมบัติของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงจนน่าตกใจ

                        “มิน่าล่ะทำไมตัวเองถึงรู้สึกว่าผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ”

            ไม่เพียงแค่นั้น บนแผลคุณสมบัติยังปรากฏความสามารถพิเศษเพิ่มเข้ามาด้วย : “สามารถฟื้นฟูได้ตามธรรมชาติ”

            ทันใดนั้นเขาก็นึกออกว่าวัสดุที่ใช้ทำหนังสือแห่งความรู้นี้ดูเหมือนจะทำมาจากแก่นของต้นไม้แห่งโลกจากโลกที่แตกต่าง และต้นไม้แห่งโลกในตำนานของคนเถื่อนเป็นจุดเริ่มต้นของโลก มันคอยรองรับมิติต่างๆ สร้างสมดุลพลังของธรรมชาติ

            แน่นอนในความคิดของเฉินโจวอี้ ตำนานมันก็เป็นเพียงแค่ตำนาน มันจะต้องมีการพูดเกินจริงกันบ้าง ส่วนเรื่องจริงก็จะถูกพูดถึงน้อยลง

            ต่อให้เป็นเทพเจ้าแห่งโลกที่แตกต่าง หรืออยู่ที่โลกที่แตกต่างแห่งนี้ พลังของมันก็ยังคงไปไม่ถึงระดับที่เกินจินตนาการ อารยะธรรมส่วนใหญ่ของโลกที่แตกต่างนั้นยังอยู่ในช่วงที่ใช้ชีวิตในป่า ยังคงเป็นสังคมชนเผ่าเป็นหลัก ยังไม่มีการสร้างประเทศขึ้น

            เทพเจ้าของพวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็เป็นรูปของเทพเจ้าที่พวกเขากราบไหว้ หรืออาจจะเป็นสัตว์ร้ายศักดิ์สิทธิ์ หรืออาจจะเป็นยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ หรือวิญญาณตามธรรมชาติ พวกเขาอาจมีความสามารถอันน่าเหลือเชื่อ แต่พวกเขายังห่างไกลจากการมีอำนาจทุกอย่าง

            อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าตำนานจะถูกตัดทอนเรื่องจริงออกไปบ้าง แต่พออยู่บนโลกมนุษย์กลับดูชำรุดทรุดโทรม พลังงานไม่ชัดเจน มันดูเหมือนว่าจะยังหลงเหลือพลังงานอยู่เพียงเล็กน้อย และฟื้นฟูร่างกายของตัวเองได้

            ยิ่งไปกว่านั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังไม่ยอมหยุด ดูเหมือนพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น ในเวลาเพียงไม่กี่สิบวินาที เขาก็พบว่าความแข็งแกร่งของร่างกายเขาเพิ่มขึ้นมาที่จุดศูนย์อีกครั้ง

รีวิวผู้อ่าน