ตอนที่ 21 ผิวลอก
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดกินเวลานานกว่าสิบนาที อุณหภูมิของร่างกายเขาสูงมาก ถึงจะค่อย ๆ ลดลง
ในเวลานี้คุณสมบัติของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง
ความแข็งแกร่ง: 12.6 จุด (10)
ความว่องไว: 12.8 จุด (10)
ความแข็งแกร่งของร่างกาย: 13.5 จุด (10)
สติปัญญา: 12.3 จุด (10)
การรับรู้: 10.8 (10)
ความตั้งใจ: 11.4 จุด (10)
นอกจากความตั้งใจและการรับรู้ที่ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว คุณสมบัติที่เหลือต่างเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีบางคุณสมบัติเพิ่มขึ้นมาถึง 2 จุด
เขาลองใช้แรงบีบกำปั้น ปรากฏว่าในร่างกายของเขาปรากฏความแข็งแกร่งอันทรงพลังขึ้น
ไม่เพียงแค่นี้
ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาเฉียบแหลมมากยิ่งขึ้น ความคิดมีความว่องไวและละเอียดอ่อนมายิ่งขึ้น ขนาดข้อสอบข้อยากๆ ที่เมื่อวานไม่สามารถทำได้ ในวันนี้แค่ลองคิดดูแวบเดียว ก็คิดคำตอบออกแล้ว
แม้กระทั่งเวลาก็ยังดูชะลอตัวลงมากในสายตาของเขา
……
แรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นสามเท่า ในเวลานี้กลับรู้สึกว่าดูเหมือนมันจะไม่ได้แตกต่างอะไรจากในโลกมนุษย์มากนัก เขารู้สึกว่าเขามีความสามารถในการป้องกันตัวเอง
เขาลุกขึ้นยืน เตรียมสำรวจพื้นที่บริเวณนี้สักนิด
เขาแบกท่อนไม้ แล้วก้าวเดินไปอย่างแผ่วเบาตามแนวไหล่เขา
ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ ดูเหมือนจะไม่สามารถควบคุมได้โดยง่าย
ความเคยชินในการใช้แรงเมื่อก่อนและร่างกายที่แข็งแกร่งทรงพลังในปัจจุบันนี้เกิดการขาดการเชื่อมต่ออย่างรุนแรง เดี๋ยวก็ใช้แรงเยอะ เดี๋ยวก็ใช้แรงน้อย ทำเอาเขาเกือบจะล้มลงอยู่หลายครั้ง
ดีที่หลังจากที่เขาเดินอย่างระมัดระวังอยู่สิบกว่านาที ในที่สุดร่างกายของเขาก็ปรับตัวช้าๆ
นี่เป็นเพียงเกาะที่ไร้ค่าแห่งหนึ่ง มีพื้นที่แค่ประมาณหนึ่งตารางกิโลเมตรเท่านั้น
นอกจากภูเขาที่อยู่กลางเกาะแล้ว รอบๆ มีแต่มหาสมุทร บนเกาะไม่มีสัตว์อะไรเลย บนพื้นหญ้ากลับมีแต่แมลงตัวเล็กๆ ประเภทเดียวกับพวกมดที่เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่แบบนี้ นอกนั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นเลย
นี่ถึงจะทำให้เขาโล่งใจอย่างแท้จริง หมายความว่าที่นี่ยังถือว่าปลอดภัยอยู่
เขามองสำรวจไปรอบๆ ภูเขาอย่างคร่าวๆ รอบหนึ่ง พอเห็นว่าเวลาเกือบจะถึงตีสองแล้ว
เขาจึงรีบกลับออกไป
หลังจากที่เขากลับสู่โลกมนุษย์ผ่านทางอุโมงค์มิติ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาดูเบาจนแทบจะบินได้ ตอนที่เดินอยู่รู้สึกเซไปเซมา เหมือนจะตัวลอยเบาๆ
ในตอนแรกเขาเริ่มเดินช้าๆ ก่อน ต่อมาเขาถึงจะเริ่มวิ่ง
เขาล้มลงไปหลายครั้ง แล้วก็ลุกขึ้นมาวิ่งต่อ
บนถนนว่างเปล่าที่ไร้ซึ่งผู้คน เฉินโจวอี้วิ่งไปอย่างตื่นเต้น เขาวิ่งไปด้วยพลางหัวเราะไปด้วย ความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนลมที่พัดกรรโชกไปตามถนน ไม่นานเขาก็วิ่งกลับมาถึงบ้าน
เขาเปิดประตู แล้วแอบย่องกลับห้องนอนของตัวเองเบาๆ
หลังจากปิดประตูแล้ว เขากระโดดขึ้นไปบนเตียง พลิกไปพลิกมาอยู่สองสามรอบ การผจญภัยในวันนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นตัวและตื่นเต้นมาก
เขาแอบหัวเราะแบบไม่มีเสียงไปพักหนึ่ง พลางอดไม่ได้ที่จะเปิดดูแผงคุณสมบัติ
คุณสมบัติที่เพิ่มเข้ามาไม่ได้ถูกลดจำนวนลงกลับเป็นอย่างเดิน ขณะเดียวกันรายการความสามารถพิเศษยังคงอยู่ เพียงแต่ว่า “ความสามารถในการฟื้นฟูตามธรรมชาติ” ถูกแทนที่ด้วย “ความสามารถในการฟื้นฟูด้วยตนเองขั้นต้น”
เขากำหมัดขึ้น ผิวของฝ่ามือภายใต้แรงเสียดทานที่หนาแน่น ส่งเสียงดังกรอบแกรบ
ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงไม่ใช่สิ่งมายา
เขาแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ แข็งแกร่งจนเกินกว่าที่จินตนาการไว้
ในเวลานี้เอง จู่ๆ เขาก็นึกถึงปัญหาหนึ่งอย่างขึ้นมา ความตื่นเต้นที่เคยมีลดลงไปอย่างรวดเร็ว
“อุโมงค์มิติอันนี้ต้องรายงานทางการไหมเนี้ย?”
ในใจของเฉินโจวอี้เกิดความลังเล ถ้าพูดตามใจจริง เขาไม่เคยคิดอยากจะบอกเลย ไม่มีใครยอมบอกหรอก
ว่ากันว่าชาวยุทธฝึกหัดในวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ต่างก็สามารถเข้าไปในอุโมงค์มิติที่ซ่อนเร้นเพื่อทำการฝึกฝนได้ นี่หมายความว่าสภาพแวดล้อมที่มีลักษณะพิเศษของโลกที่แตกต่างมีผลดีในการเพิ่มความแข็งแกร่งของชาวยุทธฝึกหัดได้
คุณสมบัติของร่างกายเขาในตอนนี้เกินกว่ามาตรฐานของชาวยุทธฝึกหัดแล้ว เกือบจะใกล้เคียงกับมาตรฐานของชาวยุทธ
ตัวอย่างเช่นการทดสอบชาวยุทธฝึกหัดเพศชาย ต้องการยกบาร์เบลที่น้ำหนัก 200 กิโลกรัม แต่เขาในตอนนี้ ถ้าลองคำนวณจากคุณสมบัติแล้ว สามารถยกบาร์เบลได้ถึง 290 กิโลกกรัม ห่างจากมาตรฐานของชาวยุทธที่ต้องยกให้ได้ 300 กิโลกกรัม แค่ก้าวเดียวเท่านั้น
ส่วนความว่องไวสูงกว่าความแข็งแกร่ง 0.2 จุด ซึ่งถึงค่ามาตรฐานของชาวยุทธแล้ว
ส่วนความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นคุณสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา มันไปถึงจุดที่ทำให้คนตกใจ นั่นก็คือ 13.5 จุดนั้นเอง
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขายังไม่ผ่านการทดสอบชาวยุทธฝึกหัด ต่อให้ผ่านการทดสอบชาวยุทธฝึกหัด อยากจะเข้าเรียนที่วิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ยังต้องรออีกห้าเดือนกว่า
แต่ในช่วงเวลานี้ อุโมงค์มิติที่เปิดมาเพื่อเขาเพียงคนเดียวนั้นกลับดึงดูดความสนใจของเขาอย่างแรงกล้า เขารู้สึกได้ว่าถ้าหากสามารถทำได้อย่างรวดเร็วภายใต้แรงโน้มถ่วงสามเท่า ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นไปอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน
แต่ว่าอุโมงค์มิติที่ไม่ได้ป้องกันและยังตั้งอยู่ในเมืองเช่นนี้ มันยังคงเป็นอันตรายอยู่มาก
ในคืนนี้เขาหันตัวไปมา ความคิดของเขาเกิดความขัดแย้งกันจนกระทั่งฟ้าใกล้สว่าง เขาถึงจะผล็อยหลับไป
เขาเพิ่งนอนไปได้ไม่เท่าไร นาฬิกาชีวิตของเขาปลุกให้เขาตื่นตรงเวลา
ถึงแม้ว่าจะงัวเงียไปสักพัก เฉินโจวอี้กลับรู้สึกสดชื่น ไม่รู้สึกถึงความง่วงที่ไม่ได้นอนแทบทั้งคืน
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เตรียมดูเวลา กลับพบว่าหน้าจอของมันยังคงมืดสนิท เขารีบกดเปิดโทรศัพท์มือถือ โชคดีที่ไม่นานมันกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง ดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมของโลกที่แตกต่างจะไม่ได้เผาไหม้มันนะ
“อืม สายไปแค่สิบกว่านาที”
เขารีบสวมเสื้อผ้า ไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำ
เฉินซิงเยว่อยู่ที่ห้องน้ำนานล้ว เธอสวมชุดนอนน่ารักลายกระต่าย แปรงฟันด้วยท่าทางตาปรือดูง่วงนอน
“อรุณสวัสดิ์” เฉินโจวอี้กล่าวทักทายแล้วหยิบแปรงสีฟันออกมา เริ่มเตรียมแปรงฟัน
เซินซิงเยว่บ้วนปากเอาคราบขาวของยาสีฟันออก เธอเหลียวมองเขาจากในกระจกแวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า “พี่ ผิวพี่ลอกแล้ว”
“อ้อ ตรงไหนเหรอ?” เฉินโจวอี้มองอย่างละเอียดพักหนึ่ง พบว่าเป็นแบบนั้นจริงด้วย
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีผิวลอกเยอะขนาดนี้ ตรงนั้นก็มี ตรงนี้ก็มี เขาแปรงฟันต่อไม่ได้แล้ว เขากัดแปรงสีฟัน ใช้นิ้วจิกเอาผิวที่ลอกออกมาหนึ่งแผ่น เขาลอกมันโดยดูจากกระจก ผลก็คือเกิดเสียง ‘ครืด’ ดังขึ้น เขาดึงได้แผ่นใหญ่
เขาตะลึง พบว่าผิวด้านในเป็นสีขาวแดง ดูอ่อนนุ่มราวกับผิวของทารก
เขาดึงสติกลับมา สังเกตเห็นสีหน้าตกใจของเฉินซิงเยว่ เขาจึงทำสีหน้าเรียบเฉยพลางพูดขึ้น “อาจเป็นเพราะถูกแดดเผาเมื่อวานนี้น่ะ”
“เมื่อวานพี่มีสอบไม่ใช่หรอ?” เฉินซิงเยว่ถามขึ้นอย่างสงสัยในทันที
“โดนแดดเผาเมื่อตอนกลางวันหน่ะ ตอนที่ไปล้างมือที่ก๊อกน้ำ ก๊อกน้ำมันใหญ่เกินไป น้ำมันกระเด็นมาเปียกเต็มกางเกง ดังนั้นมันเลยดูดแสงแดดมากเกินไป” เฉินโจวอี้พูดขึ้นด้วยท่าทางที่จริงจัง เขาพบว่าตอนนี้ความคิดของเขาลื่นไหลมาก เขาสามารถพูดโกหกได้อย่างชำนาญโดยไม่ต้องคิดมากแล้ว
“พี่ พี่น่าขยะแขยงมาก”
ทันใดนั้นเฉินซิงเยว่ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้ารังเกียจ
“ใครใช้ให้เธออยากรู้อยากเห็นขนาดนี้ล่ะ อีกอย่างมันก็ไม่ใช่การฉี่รดกางเกง ก็แค่น้ำเท่านั้น มีอะไรน่าขยะแขยงเหรอ? ตอนเธออยู่ประถม มีครั้งหนึ่งเธอเคยฉี่ราด เธอยัง......” เฉินโจวอี้ตอบโต้ในทันที
เมื่อเห็นว่าเฉินโจวอี้พร้อมที่จะพูดถึงเรื่องอื้อฉาวในวัยเด็กของเธอ เฉินซิงเยว่หน้าแดงและพูดด้วยความโกรธว่า "พี่ ถ้าพี่ยังพูดอย่างนี้อีกครั้ง ฉันจะไม่สนใจพี่อีกแล้ว"
สำหรับข้อสงสัยก่อนหน้านี้นั้นได้ถูกเธอโยนทิ้งหายไปอย่างไร้ร่องรอย
มองไปที่ด้านหลังของเฉินซิงเยว่ที่ฟึดฟัดออกไป เฉินโจวอี้รู้สึกภูมิใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถปะทะคารมจนเอาชนะน้องสาวจอมปากจัดได้
รอให้เฉินซิงเยว่เดินไปจนพ้นทาง เขารีบปิดประตูห้องน้ำ ส่องกระจกแล้วลูบใบบหน้าของตัวเองอย่างแรง ผลก็คือผิวทั้งแผ่นถูกเขาลูบออกมา
เขามองใบหน้าของเขาในกระจกแล้วรู้สึกแปลก ๆ
ดูเหมือนว่าตัวเขาเองจะดูหล่อขึ้นมาเล็กน้อย ริมฝีปากแดงระเรื่อ ผิวดูสว่างใส เรียบเนียนนุ่มเด้ง ภายใต้คิ้วดกหนาคู่นั้น มีดวงตาสีดำเข้มดูมีเสน่ห์
เทียบกับรูปร่างหน้าตาธรรมดาของเขาเมื่อก่อนที่ดูดำหน่อยๆ ตอนนี้ราวกับเป็นคนละคนเลย
มองไปที่กระจก ในใจของเฉินโจวอี้ไม่รู้สึกยินดีเลย ตอนนี้เขามีแต่ความตกใจ
“แล้วแบบนี้จะออกไปยังไงเนี้ย?”
“อีกพักหนึ่งถ้าพ่อกับแม่เห็นเข้าแล้วเกิดความสงสัย พอถึงตอนนั้นถ้าจะอธิบายว่าตัวเองโดนแดดเผาอยู่เรื่อยๆ จะมีใครเชื่อกันล่ะ?”
เขามองที่แขนของเขา แล้วลูบเบาๆ ทันใดนั้นเขาก็ลูบเอาผิวที่ลอกแผ่นใหญ่ออกมา คาดว่าทั้งตัวของเขาคงจะเหมือนการลอกคราบแล้วแหละ
เขารีบถอดเสื้อผ้าอาบน้ำทำความสะอาดผิวหนังที่ลอกออกจนสะอาด
หลังจากกลับไปที่ห้องนอน เขานั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางที่เป็นทุกข์
จะอธิบายยังไงดี?
เขาจะอยู่ในห้องนอนไปตลอดไม่ได้ ต่อให้เขาเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องนอน ก็ไม่สามารถเอาแต่เก็บตัวไม่ยอมออกไปพบหน้าคนในครอบครัวได้
ในเวลานี้เขามองไปที่หน้าต่างห้องนอน ใจเขาเต้นแรง เขาเดินไปเปิดหน้าต่างแล้วมองลงไปที่ชั้นล่าง
ชั้นล่างเป็นตรอกสูงประมาณสี่หรือห้าเมตรจากพื้นดิน เฉินโจวอี้รู้สึกว่าด้วยความแข็งแรงของร่างกายและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ถ้ากระโดดลงไปคงไม่เป็นอะไร ส่วนเรื่องอธิบายไว้ตอนกลางคืนค่อยว่ากัน
บางทีถ้าตากแดดตลอดทั้งวัน เขาอาจจะกลับมาผิวคล้ำเหมือนเดิมก็ได้นี่นา!
มองไปยังกลุ่มคนด้านหน้าที่ค่อยๆ เดินห่างออกไป ด้านหลังของเขาไม่มีใคร เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ อยู่สองสามครั้ง เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จากนั้นเขายื่นแขนออกไปนอกหน้าต่าง แล้วกระโดดลงไป
เกิดเสียงดัง “พลั่ก!” ขาทั้งสองข้างของเฉินโจวอี้โค้งงอเล็กน้อย เขายืนจนได้ที่แล้ว การกระโดดเมื่อกี้ก็เหมือนกับกระโดดลงมาจากระดับความสูงครึ่งเมตร
กลุ่มคนที่เดินห่างออกไปได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว นึกว่ามีอะไรตกลงมาจากบนฟ้า จึงหันกลับมามองด้วยความสงสัย ผลก็คือนอกจากคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเพียงไม่กี่คนแล้ว กลับไม่พบเจออะไรเลย
เฉินโจวอี้หัวเราะให้เขา จากนั้นเดินไปใกล้ร้านอาหาร แล้วตะโกนจากที่ไกลๆ
“แม่ครับ วันนี้ผมนัดเพื่อนไปเที่ยว กลับมาตอนกลางคืนนะครับ”
“รู้แล้ว ระวังตัวด้วยนะ” แม่ของเขาที่กำลังถูกพื้นอยู่ได้ยินเสียงของเฉินโจวอี้ จึงพูดขึ้นทันที
พอพูดจบเพิ่งนึกได้ว่ามันผิดปกติ ลูกชายเขาออกไปข้างนอกตอนไหน?
รอให้เธอเดินมาที่ประตู เฉินโจวอี้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว