ตอนที่ 24 คำโกหกที่ปรารถนาดี
เฉินโจวอี้รู้สึกแค่ว่าขนลุกขนชัน เขาไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป จึงตัดสินใจรีบออกจากที่นี่
ก่อนที่จะออกไป เขาปลดเชือก แล้วไปมัดกับเปลือกหอยเพื่อหยิบเด็กหญิงเปลือกหอยขึ้นมา จากนั้นรีบเดินไปทางอุโมงค์มิติอย่างรวดเร็ว
สมมุติเขาทิ้งเด็กหญิงเปลือกหอยไว้ที่นี่ ถ้าหากตายหรือไม่ก็หนีไปเขาคงเสียดายแย่
ใช้เวลาไม่นาน เขาก็ออกมาจากตึกร้าง
มองไปยังผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาและการจราจรที่วุ่นวายบนถนนที่อึกทึกครึกโครม เฉินโจวอี้ถอนหายใจเบาๆ
เมื่อเทียบกับโลกที่แตกต่างอันน่าพิศวงนั่นแล้ว ที่โลกมนุษย์ยังให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่เขามากกว่า ที่นี่ไม่ได้มีสัตว์ประหลาดลึกลับมากมายนัก และก็ไม่มีภูตผีปีศาจอะไรด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้เขาสบายใจกว่า
ในเวลานี้เขามองไปที่เปลือกหอยในมือ พบว่าสีสันวิเศษดูมีมนตร์ขลังที่ปล่อยออกมาในตอนแรก เวลานี้กลับจางลงอย่างเห็นได้ชัด สีสดใสค่อยๆ จางหายไป พื้นผิวของมันกลายเป็นรอยด่าง
เฉินโจวอี้ตกตะลึง ใจหายวาบ
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเปลือกหอยถึงสวยได้ขนาดนี้ และก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กหญิงเปลือกหอยถึงได้เลือกเปลือกหอยอันนี้เป็นที่กำบังตน ที่ไหนได้เปลือกหอยอันนี้ไม่ธรรมดานี่เอง
น่าเสียดายที่หลังจากกลับมาที่โลกมนุษย์แล้ว ความวิเศษของมันหายไป กลายเป็นเปลือกหอยธรรมดา
อย่างไรก็ตามในใจของเขากลับไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร
ตั้งแต่แรกเขาก็ไม่รู้ว่าเปลือกหอยอันนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
เขานึกถึงเด็กหญิงเปลือกหอยที่อยู่ด้านในขึ้นมา เขาจึงค่อยๆ เปิดรอยแยกของเปลือกหอยเบาๆ
โชคดีที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่หดตัวเข้าไปด้านใน ทั้งหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและระแวง ร่างของเธอสั่นไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าเธอกลัวการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม
เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ตาย เฉินโจวอี้ก็วางใจแล้ว
ระหว่างทางผ่านร้านเครื่องประดับ ทันใดนั้นเขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปด้านในทันที
วันนี้เป็นวันชาติวันแรก ในร้านมีผู้คนมากมาย ลูกค้าในร้านส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แน่นอนว่าต้องมีพวกผู้ชายที่มาเป็นเพื่อนแฟนสาวของพวกเขาด้วย ส่วนผู้ชายที่มาคนเดียวอย่างเฉินโจวอี้นี้กลับมีอยู่น้อยมาก
เขาเดินดูของอย่างช้าๆ ไม่นานเขาก็หยิบเทปมาม้วนหนึ่ง เชือกไนล่อนหนึ่งม้วน กรรไกรขนาดเล็กหนึ่งอัน แล้วก็หาชุดตุ๊กตาบาร์บี้ขนาดเล็กได้หลายชุด น่าเสียดายที่หาเสื้อในกับกางกงในไม่เจอ เขาจึงซื้อเพียงเท่านี้
ตอนที่จ่ายเงิน เมื่อแคชเชียร์เห็นชุกตุ๊กตาบาร์บี้ขนาดเล็กห้าหกชุด ก็อดไม่ได้ที่จะมองเขาอยู่หลายครั้ง
ครึ่งนาทีต่อมา เฉินโจวอี้เดินออกจากร้านขายเครื่องประดับโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ จากนั้นก็ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อขวดน้ำผึ้ง
ก่อนหน้านี้เขาสังเกตว่าเด็กหญิงเปลือกหอยดูเหมือนจะกินน้ำหวานเป็นอาหาร คาดว่าน่าจะกินน้ำผึ้งได้เหมือนกัน ถ้าพูดถึงเรื่องอาหารการกินของเธอ เธอก็ควรจะได้กินของดีๆ สักหน่อย
……
หลังเดินออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้ว เพิ่งจะเป็นเวลาบ่ายสามโมงอยู่เลย ดวงอาทิตย์ยังคงร้อนระอุ เฉินโจวอี้ก็รู้สึกว่าไม่มีที่ไหนน่าไปแล้ว
ผิวที่ยังคงขาวผ่องของเขา การตากแดดเกือบครึ่งวันที่ในโลกที่แตกต่างดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรมากมาย ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายที่มากถึง 13.5 จุดนี้ ดูเหมือนจะทำให้เขามีภูมิคุ้มกันต่อความเสียหายจากรังสี UV
เขาเปิดโทรศัพท์มือถือ พูดคุยกับจางเซียวเยว่ไปด้วยพลางเดินเล่นอย่างไร้จุดหมายไปด้วย จนกระทั่งช่วงใกล้ค่ำ เขาถึงตัดสินใจกลับบ้าน
“ แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว ” เฉินโจวอี้พูดจบ จึงถือโอกาสตอนที่แม่ของเขาไม่ได้สนใจ รีบเดินขึ้นไปชั้นบน
ในเวลานี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุดของทางร้าน แม่ของเขาที่กำลังเก็บจานอยู่รู้สึกแค่ว่ามีเงาคนแวบผ่านวิ่งขึ้นบันไดไป เธอจึงด่าไล่หลัง “ นี่ไม่คิดจะกินข้าวกินปลาเลยหรือไง? ”
“ กินมาจากบ้านเพื่อนแล้วครับ ” ทันใดนั้นเขาก็หยุดฝีเท้า นึกความคิดได้บางอย่าง จึงตัดสินใจพูดคำโกหกที่ปรารถนาดีออกไป
ตรงบันไดยังไม่เปิดไฟ ความมืดเป็นสิ่งปกปิดที่ดีที่สุดของเขา เขาจึงหันมาอย่างสบายใจ “อ้อ ใช่แล้วครับแม่ ตอนนี้ความสามารถทางกายภาพของผมถึงมาตรฐานการทดสอบศิลปะการต่อสู้แล้วนะครับ เพียงแต่เรื่องวิชาดาบกับวิถีธนูที่ยังแย่อยู่ ”
“ จริงหรอลูกชาย ความสามารถทางกายภาพของลูกผ่านแล้วเหรอ? ” ได้ยินดังนั้น แม่ของเขาก็มองมาอย่างดีใจ เธอมักจะกังวลว่าลูกชายคนนี้จะไม่มีอะไรทำในอนาคต แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะทำให้เธอประหลาดใจอย่างมาก หลังจากที่เข้าเรียนชั้น ม.6
“ แม่ครับ แม่ไม่เห็นว่าพักนี้ผมดูแข็งแรงขึ้นมาบ้างเหรอครับ? ดังนั้นผมเลยคิดว่าจะพักการเรียน สองสามวันมานี้ผมหาข้อมูลมาได้ว่า มีสถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่งมีส่วนร่วมในการฝึกอบรมก่อนปิดการทดสอบ ได้ยินมาว่าผลลัพธ์ค่อนข้างสูง ดังนั้นผมจึงอยากลงทะเบียนเรียนครับ ”
“ มันมีประโยชน์แน่นอน งั้นก็ลงทะเบียนเรียนไว้สิ ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไรล่ะ? ” เธออาจเป็นคนที่ประหยัดมากในบางเรื่อง แต่ตราบใดที่มันมีประโยชน์สำหรับผลการเรียนของลูกๆ ของเธอ เธอกลับเป็นคนที่ใจกว้างมาก
“ ประมาณ 18,000 หยวนครับ เรียนสิบห้าวัน ” เฉินโจวอี้ลังเลไปสักพัก หลังจากพูดตัวเลขออกมา การฝึกฝนก่อนการสอบประเภทนี้มีเป็นจำนวนมาก ราคานี้เป็นราคากลางๆ ถ้าราคาต่ำเกินไปก็จะถูกเปิดเผยได้ง่าย
“ แต่ผมต้องอยู่ข้างนอกนะครับ! ” ในที่สุดเขาก็แกล้งพูดขึ้นด้วยท่าทีลังเลอีกครั้ง
“ โตขนาดนี้แล้ว ยังกลัวการอยู่ข้างนอกอีก แล้วลงทะเบียนเรียนเมื่อไร? ” แม่ของเขาอารมณ์ดี เธอพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ พรุ่งนี้เช้าครับ ”
“ ด่วนขนาดนี้เลยเหรอ ดีนะที่ในบัตรยังมีเงิน รอแม่ทำธุระเสร็จ จะโอนเงินให้ลูกนะ! ”
ท่ามกลางความมืด เฉินโจวอี้เห็นแม่ของเขามีสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ด้วยท่าทีที่พึงพอใจของแม่เขา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเคืองตา เหมือนอยากจะร้องไห้
ในความทรงจำของเขา ไม่มีเรื่องไหนเลยที่ทำให้พ่อกับแม่ของเขาพอใจได้ มีแต่เรื่องที่ทำให้พวกเขาผิดหวังซ้ำๆ
“ แต่ว่าต่อไปพ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นแบบนี้อีกแล้ว พวกพ่อกับแม่จะต้องภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้ ” เขาเช็ดน้ำตา หมุนตัวเดินกลับเข้าห้องนอนและล็อคประตู
……
เขานั่งลงตรงหน้าโต๊ะหนังสือไปสักพัก หัวใจเขาก็เต้นรัวๆ
ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ เขารีบหยิบเปลือกหอยออกมาจากถุงพลาสติกอย่างรวดเร็ว
เด็กหญิงเปลือกหอยนอนอยู่ด้านในไม่ขยับขเยื้อน ดวงตาแดงกล่ำและบวม ดูไม่สดใสเลย
ปากของเธอถูกปิดด้วยเทป มือและเท้าของเธอถูกมัดไว้
เฉินโจวอี้หัวเราะเจื่อนๆ คิดดูแล้วจึงจับเธอออกมาจากเปลือกหอย เขาหยิบกรรไกรอันเล็กขึ้นมา ท่ามกลางสายตามึนงงของเธอ เขาตัดลงไปที่เชือกที่มักมือและเท้าของเธออยู่
จากนั้นก็แกะเทปออกจากปากของเธอ
เขาหยิบชุดตุ๊กตาบาร์บี้ที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ แล้วตัดสินใจเปลี่ยนให้เธอ
การเปลือยกายมันช่างไม่น่าดูเลย ทุกครั้งมันทำให้เขารู้สึกเก้ๆ กังๆ ดังนั้นสวมใส่เสื้อผ้าให้ดูเป็นธรรมชาติสักหน่อยดีกว่า
เขาจับแขนของเธอขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วสวมเสื้อแจ็คเก็ตให้เธอ เขากลัวว่าจะบีบเธอแรงจนเกินไป
ในความเป็นจริงเขาไม่จำเป็นต้องระมัดระวังขนาดนี้เลย เธอดูเหมือนจริงมากกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก เพราะยังไงเธอก็คือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงที่มากกว่าถึงสามเท่า ไม่เปราะบางเหมือนที่แสดงออกมา
ระหว่างสวมใส่เสื้อผ้า เด็กหญิงเปลือกหอยไม่ยอมขยับตัว ยอมให้เขาดำเนินการแต่โดยดี ดูเหมือนว่าหัวใจของเธอนั้นได้ตายด้านไปแล้ว
ตั้งแต่เธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมโดยรอบ เธอพบว่าตัวเองสูญเสียความสามารถทั้งหมดไป ไม่สามารถบินได้อีกต่อไป เธอจึงหมดหวังและด้านชาไปแล้ว
หลังจากที่สวมใส่กระโปรงเจ้าหญิงให้แก่เธออย่างไม่ง่ายนั้น เฉินโจวอี้ก็ปาดเหงื่อโดยไม่รู้ตัว แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ อ้อ ใช่แล้วฉันมีน้ำผึ้งด้วยนะ ”
เขารีบหยิบน้ำผึ้งออกมาจากในถุง แล้วหยิบช้อนโลหะมา ตักน้ำผึ้งออกมาเล็กน้อยแล้วผสมกับน้ำอุ่น ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าเธอ
ช้อนอันนี้ยาวกว่าความสูงของเธอมาก ตัวช้อนใหญ่กว่าหัวของเธอถึงสามเท่า
จมูกของเด็กหญิงเปลือกหอยสั่นเล็กน้อย จากนั้นเธอมองออกไป ไม่ขยับตัว
ดูเธอไม่ได้ใช้ความรุนแรงและไม่ให้ความร่วมมือ เฉินโจวอี้อดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วมือดันไปที่ตัวเธอ ผลักให้ร่างของเธอกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนโต๊ะหนังสือ แต่เด็กหญิงเปลือกหอยกลับนิ่งเงียบไม่ส่งเสียงอะไร
ในที่สุดเฉินโจวอี้ก็ยอมแพ้ ไม่สนใจเธออีก อย่างไรก็ตามทนหิวแค่วันเดียวคงไม่ตายหรอก
เขาหยิบดาบไม้ออกมาจากใต้เตียง แล้วเริ่มฝึกดาบต่อ
แต่แค่ทำท่าพุ่งแทงดาบหนึ่งครั้งเท่านั้น
ดาบไม้แทงทะลุอากาศ เกิดเสียงแหลมดังคมชัดขึ้น เขารีบหยุดการฝึกทันที
ผ่านไปสักพัก ที่ประตูก็มีเสียงเคาะดังขึ้น
“ มีอะไร ? ” เฉินโจวอี้ที่ยืนพิงประตูพลางพูดเสียงเข้ม
“ พี่ พี่กลับมาแล้วหรอ เมื่อกี้ในห้องพี่มีเสียงอะไรน่ะ? ”
“ ไม่มีอะไร เสียงมาจากข้างนอกน่ะ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเสียงอะไรเหมือนกัน ”
“ อ้อ ฉันตกใจหมดเลย! ”
ในไม่ช้าน้องสาวของเขาก็เดินจากไป เฉินโจวอี้ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขามองไปที่ดาบ แล้วมองมาที่มือของตัวเอง
ไม่มีแนวคิดที่ชัดเจนว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหนตอนที่ฝึกฝนในโลกที่แตกต่าง จนกระทั่งตอนนี้เขาค้นพบแล้วว่า ตัวเองได้มาถึงจุดนี้แล้ว
วิถีดาบเมื่อสักครู่นี้น่าจะเกือบถึงระดับความเร็วเสียงแล้วแหละ
ทันใดนั้นเขาก็พบว่าข้ออ้างที่ขอออกไปอยู่ข้างนอกช่วงหนึ่งมันช่างชาญฉลาดแบบนี้นี่เอง ถ้าหากเขายังอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย แค่เรื่องฝึกดาบยังค่อนข้างลำบากเลย