px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 405: เพื่อน


Chapter 405: เพื่อน
หลายนาทีต่อมา จางเทีย ได้แบกเอาหน้าไม้ของตัวเองไปหาเหล่าวัยรุ่น

ตอนนั้น จางเทีย เหมือนกับได้เจอสาวๆมารายล้อม เขาน่ะดีใจอย่างมากถึงกับฮัมเพลงออกมาด้วย

ครั้งนี้เขาฆ่าไฮยีน่าไปกว่า 28 ตัว บวกกับที่เขาฆ่าไปเมื่อวานกับตอนเช้าแล้ว เขาสามารถได้ Seven-Strength Fruit ของไฮยีน่าสุกอีกผล  ในตอนที่เขาคิดว่าเขาจะได้กิน Seven-Strength Fruit อีกผลแล้ว จางเทีย ก็รู้สึกเหมือนได้อาบน้ำเย็นในฤดูร้อน

เขาคิดถูกที่มาที่นี่ แค่มาที่นี่ 3 วันเขาก็จะได้กิน Seven-Strength Fruit ผลที่สองแล้ว

เหล่าเด็กวัยรุ่นมองรอยยิ้มของ จางเทีย แล้วรู้สึกแปลกขึ้นมา ในตอนที่ จางเทีย เดินเข้ามาหาพวกเขา พวกเขาต่างก็มองด้วยความกังวลแทนที่จะผ่อนคลายแม้ว่าจะผ่านสถานการณ์เฉียดตายไป

เพราะพวกเขาอยู่ในป่า การเจอกับคนแปลกๆแบบนี้ทุกคนต่างก็รู้สึกกังวล ตอนนี้ จางเทีย ได้ฆ่าไฮยีน่ากว่า 20-30 ตัวในเสี้ยวพริบตาด้วยอาวุธที่ทรงพลัง จางเทีย สามารถฆ่าพวกเขาได้ง่ายๆ

ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะเป็นศัตรูรึเพื่อน

ในตอนที่ จางเทีย เข้ามาใกล้ เขาก็เห็นว่าพวกนี้น่ะกังวล เขารู้ว่าพวกนี้กังวลเรื่องอะไร   จางเทีย ไม่ได้โกรธเรื่องนี้ ถ้าเขาเป็นพวกนี้ เขาก็ต้องตื่นตัวแบบนี้ด้วย เพราะพวกนี้เกิดในป่าน้ำแข็งหิมะ พวกนี้จึงต้องอคติกับทุกอย่าง ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่พวกนี้จะต้องระวังตัว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงได้มาล่าตั้งแต่แรก

หลังจากที่วางหน้าไม้ลงไปที่พื้นแล้ว จางเทีย ก็ยิ้มออกมา – “ พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่มั้ย ? “

เมื่อเห็นแบบนั้น เด็กๆต่างก็เริ่มวางใจขึ้นมา

“ ใช่ ขอบคุณที่ช่วย เราไม่เป็นไร ! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เราคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว !! “ – อีวาน ตอบกลับ

“ มันง่ายน่ะ ข้าก็แค่ทำไปงั้นๆ ! “ - หลังจากที่พูดจบ จางเทีย ก็ก้มตัวลงดึงเอาลูกดอกโชคเลือดอันหนึ่งจากพื้น หลังจากที่เช็ดโคลนและเลือดออกแล้ว เขาก็เอามันเก็บไว้ในซองลูกดอกที่เอว

ในตอนที่ จางเทีย เก็บลูกดอกตัวเอง พวกเด็กๆต่างก็มองหน้ากัน คนอื่นๆก็เข้าไปช่วยเขา  สักพักพวกเขาก็ช่วย จางเทีย เก็บลูกดอกทั้งหมด

พวกลูกดอกนี่หนักอย่างมาก แม้ว่าจะ จางเทีย จะใช้ไปแล้วแต่เมื่อเช็ดออกก็ยังเป็นของดูเหมือนไม่มีรอยขีดข่วนเลยสักนิด  พวกเด็กๆต่างก็ทึ่ง

“ โอ้ เจ้าชื่ออะไร ? “ – หลังจากที่ช่วยเก็บลูกดอกแล้ว อีวาน ก็ใช้ความกล้าถาม จางเทีย – “ เพราะเจ้าช่วยเราไว้ เราต้องตอบแทน ! “

เมื่อเห็นว่าพวกนี้น่าสนใจ จางเทีย เลยตอบกลับ – “ ข้า ปีเตอร์ พวกเจ้าล่ะ ?”

“ ข้า อีวาน ! “

“ ข้า ชอย ! “

“ ข้า ทาปนอฟ ! “

“ ข้า โซน ! “
...
เด็กทั้งแปดเริ่มแนะนำตัวเอง

หลังจากที่แนะนำตัวเองเสร็จพวกเขาก็รู้สึกว่าบรรยากาศผ่อนคลายขึ้น ตอนนั้นพวกเด็กไม่ได้ระวัง จางเทีย อีกต่อไป ยังไงซะเมื่อเห็นความแข็งแกร่งของ จางเทีย แล้ว ถ้า จางเทีย อยากฆ่าพวกเขา  เขาก็ไม่ต้องคุยอะไรก็ได้ด้วยซ้ำ อีกอย่างแล้วพวกเขาก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะมีค่าสำหรับ จางเทีย

หลังจากหยิบหน้าไม้ที่พื้นมา จางเทีย ก็มองไปที่อากาศรอบๆและพูดขึ้น – “ อีวาน เจ้าพักอยู่ที่ไหน ? “

“ ตรงหมู่บ้านเคอแกนห่างออกไป 10 กม. ! “

จางเทีย รู้จักหมู่บ้านนั้นที่หมายถึงเผ่าที่เล็กที่สุดในป่าน้ำแข็งหิมะซึ่งถูกรายล้อมไปด้วยกำแพงและที่กั้นต่างๆ นอกจากเอสไชน์แล้ว คนกว่า 99% ต่างก็อาศัยอยู่ในเผ่า ในที่แบบนี้เผ่าน่ะแบ่งออกเป็นระดับที่ต่างๆกันไป เผ่าที่ระดับสูงสุดจะมีคนเป็นล้านซึ่งสามารถห้อยเครื่องหมายของเผ่าได้  หมู่บ้านเคอแกนนี้น่ะจริงๆเป็นเผ่าสลาฟเล็กซึ่งมีคนไม่ถึง 2000 คน
“ เพราะมีอันตรายในป่า ข้าไม่แน่ใจว่าพวกเจ้าจะเจอพวกไฮยีน่าระหว่างที่กลับรึเปล่า  ข้าตัดสินใจว่าจะไปคุ้มกันให้ละกัน ! “
เมื่อได้ยินแบบนั้นเด็กๆทุกคนต่างก็รู้สึกว่า จางเทีย เป็นคนใจกว้าง

“ เอิ่ม..เจ้าต้องใช้พวกไฮยีน่านั่นมั้ย ? “ – บาสะ ถามออกมาหลังจากลังเลสักพักและชี้ไปยังพวกศพไฮยีน่าที่พื้น

“ ข้าไม่ต้องการมันหรอก ถ้าเจ้าเอากลับไปได้ ข้าจะให้เป็นของขวัญเจ้าละกัน  !” - จางเทีย ตอบกลับอย่างใจกว้าง ก็จริงที่ว่าเขาไม่ต้องการศพของพวกไฮยีน่า  เขาเคยลองกินเนื้อมันเมื่อสองวันก่อน แม้ว่าจะกินได้แต่เนื้อของพวกมันคาวและมันซึ่งทำให้ จางเทีย แทบจะอ้วก
สำหรับขนของพวกมัน แม้ว่าเขาจะขี้เหนียวแต่เขาก็ไม่เลือกที่จะเอาขนพวกมันไปแลกเงินไม่กี่เงินกับพวกมอนเกอร์ ตอนนี้ จางเทีย ไม่แน่ใจว่าข้อความที่เขาได้ออกจากเอสไชน์หลังจากที่เปลี่ยนชื่อนั้นโดนเปิดเผยรึยัง ยังไงซะนอกจากคนจากเกาะงูเวทย์แล้ว แม้แต่ช่างตัดผมที่ตัดผมเขาก็อาจจะเผยร่องรอยของเขา มันเสี่ยงอย่างมากที่จะติดต่อไปยังกลุ่มใดๆ ยังไงซะเงินกว่าพันทองน่ะก็ไม่ใช่เงินน้อยๆสำหรับคนธรรมดา

หลังจากที่เดินวนรอบๆแล้ว เด็กวัยรุ่นก็ได้เลือกไฮยีน่าก่อนจะแบกมันขึ้นหลัง  จางเทีย ยืนอยู่กับที่ราวกับเป็นคนคุ้มกันให้พวกนี้

ในตอนที่เดินอยู่นั้น พวกเขาก็เริ่มคุยกับ จางเทีย   จางเทีย เองก็ได้รู้ข้อมูลมากมามายเกี่ยวกับเนินเขาเทา

“ ปีเตอร์ เจ้านี่โหดจริงๆ เจ้าใช่นักสู้ฆ่าหมีจากเอสไชน์ที่มาจัดการฝูงสัตว์ที่นี่รึเปล่า ? “ – ชอย มองไปยังหน้าไม้อันน่ากลัวแล้วถามออกมาด้วยตาที่เป็นประกาย

ระหว่างที่กลับเด็กทุกคนต่างก็มองมาที่หน้าไม้อันนี้ มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นอาวุธที่สุดยอดแบบนี้ มันต่างจากหน้าไม้เหล็กทั่วไปที่พวกเขาเคยเห็น  อาวุธของ จางเทีย สามารถยิงออกมาด้วยพลังที่มหาศาล ในตอนที่ลูกดอกแตะตัวไฮยีน่า มันจะแทงทะลุตัวทันที อีกอย่างแล้วลูกดอกเหล็กเองก็ไม่ใช่ของธรรมดาเช่นกัน

“ ข้าไม่ใช่นักสู้ฆ่าหมีหรอก  ! “- จางเทีย ส่ายหน้า เขารู้ว่าสิ่งที่ ชอย พูดหมายถึงอะไร พวกนั้นคือนักสู้พิเศษสลาฟในป่าน้ำแข็งหิมะ นักสู้ฆ่าหมีทุกคนน่ะระดับ 6 ขึ้นไปแต่ไม่ใช่ว่านักสู้ระดับ 6 ขึ้นไปทุกคนจะเป็นนักสู้ฆ่าหมีได้ จุดสำคัญของการเป็นนักสู้ฆ่าหมีได้คือต้องเชี่ยวชาญความสามารถในการบ้าคลั่ง ที่สามาถเพิ่มพลังในการต่อสู้ได้ในเวลาสั้นๆ ด้วยความช่วยเหลือจากความสามารถนี้แล้ว นักสู้ธรรมดาจะเพิ่มความแข็งแกร่งจากระดับ 6 จนสามารถเอาชนะนักสู้ระดับ 7 ได้รึระดับ 7 อาจจะสู้กับระดับ 8 ได้

“ เจ้าไม่ใช่นักสู้ฆ่าหมีงั้นเหรอ ? “

คำตอบของ จางเทีย ทำให้ทุกคนแปลกใจ

“ แน่นอนว่าไม่ ! “

“ งั้นทำไมเจ้ามาที่นี่ ? เหมือนว่าเจ้าสนใจจะล่าพวกไฮยีน่า ! “ – ชอย พูดออกมาตรงๆด้วยความสงสัยโดยไม่ห่วงเรื่องความส่วนตัวของ จางเทีย

“ จริงๆแล้วข้าทำตามกฎของโรงเรียนอุปถัมภ์ !  “- นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ จางเทีย ทำแบบนี้ เขาเข้ากับคนง่ายอยู่แล้ว  จางเทีย พบว่าในตอนที่เขาใช้โรงเรียนน่ะเป็นข้อแก้ตัว เขาก็สามารถอธิบายมันได้มากกว่าเดิม ข้อแก้ตัวนี้มีประโยชน์อย่างมาก ไม่ว่าเขาจะทำอะไรแต่ถ้าบอกว่าเกี่ยวข้องกับโรงเรียน เขาก็บอกว่าสิ่งที่เขาทำน่ะถูกต้องได้ – “ มันเป็นกฎของโรงเรียนเพื่อรักษาสมดุลระหว่างกฎพื้นฐานของแผ่นดินแม่และเผ่าพันธุ์ทุกอย่าง ข้าคิดว่าฝูงสัตว์ที่นี่น่ะส่งผลกับความสมดุล ข้าเลยต้องมาที่นี่ ! “

“ อ่า เจ้าเป็นสมาชิกของโรงเรียนอุปถัมภ์งั้นเหรอ ? “ – อีวาน มองไปที่ จางเทีย ด้วยตาที่เบิกกว้าง – “ อีกคนที่มาจากโรงเรียนอุปถัมภ์ก็มาที่หมู่บ้านเราไม่กี่วันก่อน ! “

เมื่อได้ยินคำพูดของ อีวาน  จางเทีย ก็อึ้ง  หลังจากที่ออกจากแบล็คฮ็อตมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินข่าวของสมาชิกคนอื่นของโรงเรียนอุปถัมภ์ สำหรับโรงเรียนลึกลับนี้  จางเทีย ไม่รู้จักใครเลยนอกจาก ย่าเทเรซ่า  ในตอนที่เขาได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย  จางเทีย ก็เริ่มสงสัย

“ หือ คนๆนั้นมาทำอะไร ? “

“ ข้าเองก็ไม่รู้ เขาออกไปหลังจากที่คุยกับ ลุงซีค อยู่หลายชั่วโมง ! “
...
“ ทำไมโรงเรียนอุปถัมภ์ถึงได้ส่งคนมาที่หมู่บ้านเล็กๆแบบนี้ได้ ? “ - จางเทีย ยังคงคิดก่อนที่จะไปถึงหมู่บ้าน

กว่า 10 กม. ทีมที่มีแต่ผู้ใหญ่อายุกว่า 20 ปีก็ได้มาพบกับกลุ่มของ จางเทีย ระหว่างทาง

“ อีวาน, โซน ดีที่เห็นพวกเจ้าปลอดภัย !” – ชายคนหนึ่งถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นพวกเด็กเหล่านี้ เขาได้วิ่งเข้ามาหาพวกนี้ – “ มีไฮยีน่ามากมายไม่ไกลจากหมู่บ้าน  ลุงซีค ให้เราไปตามหาพวกเจ้าแล้วพาพวกเจ้ากลับมาให้เร็วที่สุด ! “

“ อืม เราเพิ่งเจอไฮยีน่ากว่า 20 ตัวตะกี้ เราเกือบกลับมาไม่ได้แล้ว ! “

“ เกิดอะไรขึ้น ? “ – เมื่อได้ยินแบบนั้น  พวกผู้ใหญ่ก็ยกอาวุธขึ้นมาทันที – “แต่พวกไฮยีน่ามันไปไหนละ ? “

“ ต้องขอบคุณ ปีเตอร์ เขาฆ่าพวกมันทั้งหมด ถ้าไม่งั้นเราคงโดนกินไปแล้ว ! “

เมื่อได้ยินคำแนะนำของ อีวาว อีกกลุ่มก็ได้มองมาที่ จางเทีย ด้วยสีหน้าจริงจัง

“ อีวาน ถ้ามีคนดูแลเจ้ามากขนาดนี้แล้วข้าขอตัวดีกว่า แล้วเจอกันทีหลัง  !” - จางเทีย ยิ้ม เขาเตรียมที่จะออกไปและกิน Seven-Strength Fruit อันใหม่ของเขา

“ นี่ก็เกือบมืดแล้ว ทำไมไม่ไปพักที่หมู่บ้านหน่อยล่ะ ? ถ้า ลุงซีค รู้ว่าเราปล่อยเจ้าไป เขาต้องอัดเราและโทษเราที่ทำตัวไม่สุภาพแน่ๆ.. “ - อีวาน พูดขึ้นมา

“ ใช่..” – คนอื่นๆต่างก็เห็นด้วย

“ เจ้าช่วยชีวิตคนของเรา 8 คนเอาไว้ ดังนั้นแล้วเจ้าน่ะถือว่าเป็นแขกที่มีเกียรติที่สุดของเรา มากับเราเถอะแล้วไปชิมไวน์บัคทอร์นกัน ! “ – หนึ่งในนั้นได้เชิญเขา

เมื่อคิดถึงเรื่องสมาชิกของโรงเรียนอุปถัมภ์ที่มาหมู่บ้านนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน  จางเทีย ก็พยักหน้าแล้วยืนยัน – “ ดี ข้าอยากชิมไวน์นั่น ! “

เมื่อเห็นว่า จางเทีย เป็นคนตรงๆ  ทุกคนก็ได้หัวเราะกันออกมา

ระหว่างทางที่กลับ อีวาน และวัยรุ่นคนอื่นๆต่างก็บอกอีกกลุ่มถึงวิธีที่พวกเขาเจอ จางเทีย และวิธีที่ จางเทีย ช่วยพวกเขา เมื่อได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น อีกทีมก็ได้มองมาที่ จางเทีย ด้วยสีหน้าเคารพ  บางคนถึงกับอยากท้าทาย จางเทีย เพราะพวกเขามักจะทำแบบนั้นเมื่อเห็นคนเก่งกว่า

จางเทีย ดูแก่กว่า อีวาน แค่ 3 ปีแต่เด็กกว่าอีกกลุ่ม 3 ปี อีกกลุ่มคิดว่า อีวาน น่ะพูดเกินจริงที่ว่า จางเทีย ฆ่าไฮยีน่ากว่า 20-30 ตัว  ตามที่ อีวาน และคนอื่นๆบอกมาแล้ว  จางเทีย อาจจะเป็นนักสู้ฆ่าหมีแล้วก็ได้แต่นักสู้ฆ่าหมีอายุ 17-18 ปีน่ะไม่เคยเห็นในเคอแกนมานานแล้ว

“ ปีเตอร์ อาวุธเจ้าใช่หน้าไม้หนักรึเปล่า ?  เจ้าฆ่าไฮยีน่าไป 20 ตัวโดยใช้มันเหรอ ? “ – เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อ เบอแมน ได้ถามออกมาตรงๆ

จางเทีย เห็นคนแบบนี้มาเยอะ จริๆงแล้วเขารู้สึกว่ามันง่ายที่จะเข้ากับคนแบบนี้ได้ – “ ใช่ เจ้าอยากลองหน่อยมั้ยล่ะ ? “

“ แน่นอน ! “ – เบอแมน ถูมือด้วยความตื่นเต้น

จางเทีย ส่งมันไปให้เขาด้วยมือเดียว เมื่อเห็น จางเทีย จับมันได้ง่ายๆ  เบอแมน ก็เตรียมรับมันไว้ด้วยมือเดียว

“ มันหนักนิดหน่อยนะ เจ้าแน่ใจนะว่าจะรับไปด้วยมือเดียว ? “ – ก่อนที่จะปล่อยหน้าไม้  จางเทีย ก็ได้เตือนออกมาด้วยความหวังดี

เบอแมน ฮึดฮัดอย่างเย็นชาและไม่พอใจที่เหมือนโดนดูถูก

แต่ในตอนที่ จางเทีย ปล่อยมือ  หน้าของ เบอแมน ก็ได้เปลี่ยนไป เขารู้สึกว่าเขาแทบล้มลงไปพร้อมกับหน้าไม้ ก่อนที่เขาจะได้พยุงตัวขึ้นมา เขาก็ได้คำรามออกมาและรีบใช้อีกมือมายกช่วย แม้ว่าในที่สุดเขาจะรักษาหน้าตัวเองได้แต่หน้าของเขาก็แดงกล่ำ แม้ว่า จางเทีย จะเดินได้สบายๆด้วยอาวุธนี่แต่เขาน่ะแทบจะถือไว้ไม่ได้

“ อ๊าก เบอแมน... “ – เมื่อเห็นแบบนั้นคนอื่นๆต่างก็อึ้งและมองไปพร้อมกัน – “ ไม่ใช่ว่าอาวุธนี่มันเบาตอนอยู่ในมือ ปีเตอร์ เหรอ ?  เบอแมน มีสภาพน่าอายแบบนี้ได้ไง ! เบอแมน น่ะมีแรงเยอะแท้ๆ ! “

“ เป็นไปได้ยังไง.. “ - เบอแมน มองไปที่ จางเทีย ด้วยความทึ่ง – “ หน้าไม้...นี่หนัก...อย่างน้อย 300 กก....”

“ อะไรนะ ? 300 กก. ? เป็นไปได้ไง ! ? แม้ว่ามันทำมาจากเหล็ก มันไม่น่าจะหนักแบบนั้นสิ ! “ – เด็กหนุ่มอีกคนพร้อมกับยื่นมืออกมา – “ เอามาให้ข้าลองดูหน่อย.. “

ในตอนที่ เบอแมน ส่งหน้าไม้ไปให้อีกคน คนหลังก็ได้เปลี่ยนสีหน้า – “ บ้าเอ้ย มัน...มันหนักจริงๆ..เป็นไปได้ไง ? ! “

แม้แต่ อีวาน, ชอย และเด็กคนอื่นๆต่างก็มาลองแต่สำหรับเด็กพวกนี้  อาวุธน่ะเกินกว่าที่พวกเขาจะยกกันไหว  สำหรับอีกกลุ่มแล้ว 1 คนรับมันได้  2 คนแทบถือไม่ไหว อีก 3 คนน่ะถือมันไม่ไหวเลย

พวกเขาคิดถึงตอนที่ จางเทีย เคลื่อนที่อย่างคล่องแคล่วด้วยอาวุธนี้ พวกเขาต่างก็บูชา จางเทีย มากกว่าเดิม

“ ปีเตอร์ มันหนักแบบนี้ได้ไง ? “

จางเทีย จับจมูกแล้วตอบกลับ – “ ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม ข้าไม่ได้ทำแต่ข้ารู้ว่ามันมีวัสดุที่เรียกว่าแอโรว์ไซต์ ด้วยวัสดุนี้มันคือกุญแจหลักในการเพิ่มแรงที่ไม่พังแม้ว่าจะใช้เป็นหมื่นครั้ง “

เมื่อได้ยินคำอธิบายนั้น ทุกคนต่างก็เข้าใจ  บางคนรู้วิธีการใช้หน้าไม้แบบนี้และลองยิงถีบมันด้วยเท้าเพื่อใส่ลูกดอกแต่แม้ว่าหน้าจะแดงแต่พวกเขาก็พลาดที่จะเลื่อนตัวล็อกไปด้านล่างได้

เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย ก็รับหน้าไม้มาด้วยมือข้างเดียว เขาเลื่อนรางจับกลับไปได้ง่ายๆ  จากนั้นเขาก็ใส่ลูกดอกเข้าไปหนึ่งอัน

เมื่อเห็นแบบนั้นทุกคนต่างก็ล้มเลิกความคิดที่จะท้าทาย  จางเทีย

ก่อนที่จะตกเย็น จางเทีย ก็ได้ไปหมู่บ้านกับพวกนี้
 

รีวิวผู้อ่าน