px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 417: Great Wildness Sutra(สูตรป่าเถื่อนอันยิ่งใหญ่)


Chapter 417: Great Wildness Sutra(สูตรป่าเถื่อนอันยิ่งใหญ่)


แม้ว่าหนูปิศาจนั้นจะเร็วอย่างกับสายฟ้าแต่ดาบของ จางเทีย เร็วกว่า

ดาบเงินได้เข้าปะทะกับหนูหัวหน้าในอากาศ ก่อนที่หนูจะได้ทิ้งแผลที่คอ จางเทีย มันก็โดนเฉือนยาวกว่า  2 ม.แล้วทำให้เลือดกระจายก่อนจะหล่นลงไปที่พื้น

 จางเทีย ไม่คิดว่าหนูปิศาจในถ้ำที่เขาฆ่าตัวนี้จะเป็นหัวหน้า  หนูนี่อันที่จริงก็เร็วกว่าตัวอื่นๆ ในตอนที่มันเห็นเขา มันได้เริ่มเข้ามาโจมตี ผลก็คือมันตายเพราะดาบของ จางเทีย

แม้ว่าหนูปิศาจนั้นจะฉลาดแต่หนูหัวหน้าคิดไม่ออกว่าชายคนนี้ที่พวกมันไล่กลับลงไปในน้ำเมื่อประมาณ 30 ชม.ก่อนจะมาฆ่าพวกมันได้

แน่นอนว่า จางเทีย ไม่จำเป็นที่จะต้องมาอธิบาย เขาแค่สะบัดดาบปลาเงินและทองของเขาอย่างรวดเร็ว

ภายใต้แรงของพลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิต ดาบสีทองและเงินนั้นได้ยืดจนยาวออกมาสูงสุด ดาบนั้นยาวไปกว่า 6 ม. ดาบพลังฉีนั้นว่องไวราวกับน้ำและมีปลาเงินและปลาทองว่ายไปมาอย่างมีความสุข  ทุกที่ที่ดาบไปถึงต้องมีเลือดตามมา

เมื่อเห็นหัวหน้าพวกมันโดนฆ่า หนูทุกตัวก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา พวกมันเริ่มเข้าโจมตี จางเทีย โดยไม่สนอะไรสักอย่างแต่หลังจากนั้นแค่ 1.5 วัน  จางเทีย ก็ได้หายดีจากบาดแผลต่างๆและยังมาเหวี่ยงดาบไปมาจนกลายเป็นกำแพงที่ไม่อาจข้ามได้สำหรับพวกหนู

เพราะดาบนี่ยาวกว่า 6 ม. นอกจากหัวหน้ามันในตอนแรก ไม่มีหนูตัวไหนที่เข้ามาใกล้ในระยะ 2 ม.ได้เลย

ถ้าคนอื่นไม่รู้ทักษะต่อสู้มาเห็นการต่อสู้นี้ เขาอาจจะทึ่งกับสิ่งที่เห็น เพราะ จางเทีย ได้ฆ่าราวกับนักเวทย์ที่ปล่อยเวทย์ออกมาในน้ำ  ตราบใดที่เขาสะบัดมือ เขาจะทำให้เกิดแสงสีทองและเงินออกมาจากด้ามจับและส่งแสงนั้นเข้าใส่พวกหนูและทำให้เกิดหมอกเลือดขึ้นมา

ตั้งแต่ที่เขาได้ดาบสองเล่มนี้มาจากเมืองสวรรค์  จางเทีย สามารถใช้ดาบหนึ่งเข้าโจมตี ส่วนอีกเล่มไว้เพื่อป้องกันในตอนที่สู้ได้

เพราะ จางเทีย ใช้อาวุธสองอย่างนี้พร้อมกันได้ไม่คล่อง เขาจึงพยายามให้มันทำงานร่วมกันให้ได้มากที่สุด  มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมที่ใช้ดาบสองเล่มพร้อมกันแต่เขาไม่สามารถใช้มันได้สมบูรณ์แบบในตอนนี้ได้  ในสายตาของคนแข็งแกร่ง จางเทีย อาจจะยังมีปัญหาในการใช้ดาบสองเล่มนี้ร่วมกันแต่มันก็เพียงพอที่ จางเทีย จะใช้ดาบคู่นี้จัดการกับพวกหนูปิศาจ

ไม่ถึง 10 นาทีหัวหนูตัวสุดท้ายก็โดนตัด ทั้งถ้ำตอนนี้กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

พื้นดินเต็มไปด้วยศพและเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว  สำหรับพวกหนูที่อยากจะกินเขา เขาจะไม่เหลือความสงสารให้มัน หลังจากที่จัดการเสร็จ จางเทีย ก็ถอนหายใจออกมา
ด้วยการปรับพลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิตอีกครั้ง   จางเทีย ได้ลดความยาวของดาบลงมาเหลือ 1 ม.และทำให้มันส่งเสียงหึ่งออกมา พวกมันดูเหมือนดาบธรรมดาและสั่นไหวเล็กน้อยในอากาศ  หลังจากที่มองดูมันสักพัก จางเทีย ก็พบว่าไม่มีคราบเลือดบนตัวดาบเลย

“ เป็นดาบที่ดีจริงๆ ! “

จางเทีย ชมออกมา – “ ดาบคู่นี้น่ะดีกว่าดาบอสรพิษแดงที่ข้าเคยใช้มาก่อนจริงๆ “

เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกหนูจะอยู่ร่วมกับสัตว์ตัวอื่นๆและไม่มีใครอยู่ที่นี่  จางเทีย จึงเอาดาบกลับไปห้อยที่เอว

“ เจ้าของปราสาท หนูพวกนี้รสชาติดี ขนมันก็มีประโยขน์ ทำไมไม่เอามันกลับเข้ามาใน Castle of Black Iron ? หลังจากดูแลสักหน่อย เราอาจจะได้ใช้มันในอนาคต ! “
เสียงของ เฮลเลอร์ ดังขึ้นมา  เมื่อมองไปยังศพหนูที่พื้น  จางเทีย พบว่าน้ำหนักแต่ละตัวหนักกว่า 10-20 กก. – “ เพราะพวกในบ่อมันน่ารังเกียจ ข้าจะไม่เอามันเข้าไปแต่มันน่าเสียดายที่จะทิ้งศพและขนใหม่ๆไว้ที่นี่ เพราะมันมีประโยชน์และไม่มีใครเห็น ข้าจะเก็บมันเอง “

จางเทีย เก็บศพหนูทั้งหมดแล้วโยนในถ้ำน้ำแข็งใน Castle of Black Iron บวกกับขนและกระดูกของมันแล้ว หนักรวมๆอาจจะถึง 5000-6000 กก. – “ ข้าจะให้ เอแกน จัดการกับพวกมัน “

ก่อนหน้านี้ จางเทีย คิดจะออกจากถ้ำทันที่ที่ฆ่าพวกหนูเสร็จและปล่อยให้หนูได้โตกันต่อ  แต่ตอนนี้เขารู้ว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน  เพราะความสงสัยที่มีเขาจึงเดินเข้าไปข้างใน

บางคนอยู่ที่นี่มาก่อนจริงๆ  แค่ไม่กี่ก้าว  จางเทีย ก็เห็นเครื่องมือต่างๆในห้องเก็บของ  ตะเกียงถูกห้อยไว้ที่กำแพงส่องแสงสีเขียวออกมา ในห้องนั้น จางเทีย พบกับของในการใช้ชีวิตอย่างพวกขวด,เหยือกน้ำซึ่งมีแต่ฝุ่นรึไม่ก็พังไปแล้ว แค่มองผ่านๆ จางเทีย ก็บอกมาได้

ถ้ำนี้ไม่ได้ลึก หลังจากที่เดินมาได้ 70-80 ม.  จางเทีย ก็ได้มาถึงที่ปลายถ้ำที่ซึ่งเขาเห็นบันไดวนที่เหมือนกับก้นหอย  จางเทีย เดินขึ้นไปตามบันไดพวกนั้น

มีพื้นที่ขาดใหญ่อยู่ด้านบน ในตอนที่ จางเทีย ไปถึง เขาได้เห็นห้องเครื่องมือ  หยดน้ำได้หยดลงมาจากเพดาน  มีบ่อเล็กๆถูกสร้างไว้ด้านนอกห้อง  แสงอาทิตย์สาดลงมาจากรอยแตกซึ่งทำให้ที่นี่สว่างกว่าด้านนอก

“ แสง,อากาศ, น้ำ ถ้ามีอะไรที่สำคัญในถ้ำนี้ มันต้องอยู่ในห้องนี้ “ - จางเทีย พึมพำ

มีห้องมากมาในถ้ำแต่มีห้องเดียวตรงหน้าเขาที่มีประตู  จางเทีย เดินไปตรงหน้าประตูนั้น หลังจากที่ผลักออก  จางเทีย ก็เปิดมัน ในเวลาเดียวกันก็มีฝุ่นตกลงมาจากด้านบนประตู    จางเทีย รีบหลบทันที หลังจากนั้น จางเทีย ก็เดินเข้าไปในห้อง

ในตอนที่เขาเข้ามา จางเทีย ก็เจอโครงกระดุกที่นั่งอยู่บนเตียงหิน นอกจากเตียงและโต๊ะแล้วของส่วนมากในห้องพังไปหมดแล้ว

ด้วยความสงสัย จางเทีย ได้เดินไปที่โครงกระดูก  เสื้อผ้าของโครงกระดูกนั้นมีแต่ฝุ่น  จางเทีย บอกไม่ได้ว่ามันทำมาจากอะไร  หลังจากที่จับดูเล็กน้อย มันก็แตกเป็นชิ้นๆ  ดูเหมือนว่ามันได้นั่งอยู่ที่นี่มาหลายสิบปีแล้ว นอกจากนี้แล้วเขายังหาของสักชิ้นเดียวจากโครงกระดูกไม่ได้

มันนั่งหลังตรงเหมือนกระดูกทั่วไป ไม่มีกระดูกสักอันเลยที่หักรึแตก อีกอย่างแล้วกระดูกนี้ก็ยังดูธรรมดา จากมุมมองนี้ จางเทีย สรุปได้ว่าชายคนนี้ตายเพราะเรื่องธรรมชาติ ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะไม่ได้เจอเรื่องอันตรายรึโดนวางพิษ

“ ข้าเสียใจด้วย แม้ว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่มาก่อนแต่เจ้าตายไปแล้ว ข้ามาที่นี่เผื่อว่ามีอะไรที่ข้าเอาไปใช้ได้ ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ไม่ต้องการมันแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่รังเกียจ ! ฮี่ฮี่... “

จางเทีย อธิบายให้โครงกระดูกฟังก่อนจะไปที่โต๊ะหิน มีขวดและเหยือกบนโต๊ะ  จางเทีย เปิดมันออกและพบว่าข้างในนั้นว่างเปล่าไม่ก็เสียไปแล้ว

หลังจากที่เช็คขวดและเหยือกพวกนั้น จางเทีย ก็ผิดหวังอย่างมาก – “ ของที่นี่มีแต่ขยะ  พวกมันไม่มีค่าแม้แต่เงินเดียว  ไม่ใช่ว่ามีเขียนในนิยายรึว่าคนเราอาจจะได้รับความสำเร็จเมื่อมาเจออะไรแบบนี้ ?  นี่มันไม่ได้ผลกับข้าได้ไง ! “

หลังจากที่มองไปทั่วห้องอีกครั้ง จางเทีย ก็ไม่พบอะไรพิเศษ

“ เจ้าอยากให้ข้าคุกเข่าให้โครงกระดูกรึฝังเหมือนกับที่ ดอนเดอร์ บอกข้ารึ ? “ – เมื่อคิดถึงนิยายที่ ดอนเดอร์ เล่าให้ฟังและมองไปยังพื้นหิน  จางเทีย เกือบหัวเราะออกมาซึ่งได้สลัดอารมณ์เสียของเขาไปทันที

“ ข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นแค่คนเก็บตัวธรรมดา ตอนนี้เมื่อไม่มีอะไรพิเศษ ข้าคงไม่รบกวนเจ้า  !” - แน่นอน จางเทีย น่ะไม่ได้คุกเข่าให้  ยังไงซะมันก็มีพูดถึงแค่ในนิยาย  เมื่อไม่ได้อะไรกลับมา จางเทีย ก็หนักลับและออกมา

หลังจากที่ออกมาจากห้อง จางเทีย ก็ไม่พบอะไรพิเศษเช่นกัน  ในตอนที่เขาจะเดินลงไปชั้นล่าง อยู่ๆเขาก็รู้สึกเหมือนทำบางอย่างหาย

ยิ่งเขาเดินลงไปเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกมากเท่านั้น  ในตอนที่เขามาถึงตรงกลางของบันได  จางเทีย ก็หยุดและได้มีความคิดหนึ่งโผล่มาในหัว

จางเทีย หันกลับแล้วรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน ในตอนที่เขาไปถึงตรงหน้ากระดูก จางเทีย ก็สังเกตที่มือของโครงกระดูกอย่างจริงจัง

ก่อนที่จะตาย ชายคนนี้ได้เอามือวางไว้ที่ล่างท้องน้อย มันดูใจเย็นและไม่ได้มีอะไรพิเศษแต่ จางเทีย มองไปยังมือซ้าย  มือซายนั้นพยุงมือขวา มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับการบ่มเพาะแต่นอกจากนิ้วที่สามบนมือซ้ายซึ่งตั้งตรง นิ้วอื่นๆต่างก็หดลงหมด

จางเทีย กลัวว่าไม่มีใครเห็นรายละเอียดนี้นอกจากเขา

ในแบล็คฮ็อตตอนคนชูนิ้วกลางแบบนี้มันหมายถึงด่าใครอยู่  เมื่อเห็นแบบนั้นแน่นอนว่า จางเทีย ที่มักจะใช้นิ้วกลางด่าเพื่อเข้าใจว่าเขาไม่ได้โดนด่าแต่เป็นการชี้ไปที่ไหนสักที่ด้วยท่าทีลึกลับ
ตามทางของนิ้วแล้ว จางเทีย เห็นกำแพงหินที่ด้านขวาของเตียง

เขาไปที่หน้ากำแพง จางเทีย เป่าฝุ่นออก จากนั้นเขาก็เริ่มเคาะมันด้วยนิ้ว

หลังจากลองทำอยู่กว่า 2 นาที หน้าของ จางเทีย ก็ได้เปลี่ยนไป เขาเอาดาบถูกำแพงอย่างแรง หลังจากนั้นสักพักเขาก็ขูดกำแพดงออกเผยให้เห็นรอยแตกตรงหน้า  จางเทีย ตื่นเต้นอย่างมากและเริ่มลงมืออีกรอบ หลังจากนั้นไม่กี่นาที เขาก็สอดดาบเข้าไปในรอยแตก หลังจากที่กระแทกอยู่หลายครั้ง จางเทีย ก็ได้ดึงก้อนหินพื้นที่กว่า 20 ตร.ซม. ออกมา
หลังจากที่วางมันลงดีๆ จางเทีย ก็เห็นรูบนกำแพง มีบางอย่างอยู่ข้างใน ! เขายื่นมือไปแล้วจับมันออกมา

มันเป็นกล่องไม้หนักๆซึ่งไม่ได้ล็อค

หลังจากที่เปิดมันแล้ว จางเทีย เห็นหนังสือปกสีดำเล่มหนึ่ง ปกนั้นดูเก่าและลึกลับ มีลายสีทองอย่างปลา,แมลง,นกและสัตว์อสูรตัวอื่นๆและตัวหนังสือจีน ‘ สูตรป่าเถื่อนอันยิ่งใหญ่ ‘

“ ความรู้ลับของจีน ? เขาเป็นคนจีน ? “ - จางเทีย มองไปที่โครงกระดูก

ถ้าเขาไปแตะต้องตัวโครงกระดูกตอนเดินเข้ามา เขาคงทำลายทิศทางที่นิ้วนั้นชี้ไป ผลก็คือเขาคงไม่ได้หนังสือนี่มา

ก็คล้ายกับตอนที่เขาหาอะไรไม่เจอในห้อง ถ้าเขาหมดความอดทนและผิดหวัง เขาก็จะไม่ได้อะไรกลับมา

การชูนิ้วกลางนี้เตือนให้คนที่มานั้นระวังและเคารพโครงกระดูกและเยาะเย้นคนที่อาจจะทำลายโครงกระดูก

“ มันกลับเป็นว่าเรื่องในนิยายนะมีจริง “ -  ความคิดอันสุดยอดโผล่มาในหัว จางเทีย
มันยากที่จะเดาเนื้อหาในหนังสือแต่มันคงไม่เหมาะที่เขาจะศึกษามันในที่แบบนี้ ดังนั้น จางเทีย จึงเก็บมันเข้าไปใน Castle of Black Iron หลังจากนั้นเขาก็ได้หันกลับแล้วออกมาอย่างรวดเร็ว

รีวิวผู้อ่าน