px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 429: กระดูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์


Chapter 429: กระดูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
สำหรับการต่อสู้ของผู้ที่แข็งแกร่งแล้วความผิดพลาดเล็กน้อยมักจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงได้...

ตั้งแต่ที่ จางเทีย พุ่งออกมาจากปราสาท เขาได้ทำให้ชายคนนั้นทำพลาดไปถึง 4 ครั้งในเวลาสั้นๆ

อย่างแรก จางเทีย ได้ใช้โล่ในการดึงความสนใจ มันเกินกว่าที่ชายคนนั้นคาดไว้ที่ จางเทีย จะซ่อนตัวหลังโล่และทำให้การโจมตีของเขาไร้ผล  เขาไม่คิดว่าหอกของ จางเทีย จะสามารถเป็นภัยต่อชีวิตเขาได้

อย่างที่สองมันเกินกว่าที่ชายคนนั้นคาดว่า จางเทีย จะกล้ารับการโจมตีของเขาด้วยมือและทำลายมันได้...

อย่างที่สามเขาช็อกกับการที่ จางเทีย ได้ใช้สกิลความเร็วในตอนที่พุ่งเข้ามาหาเขา  แม้ว่า จางเทีย จะดูหมดแรงแต่ด้วยผลของสกิล จางเทีย ก็สามารถเพิ่มความเร็วขึ้นมาสองเท่าได้

อย่างที่สี่แม้ว่า จางเทีย จะไม่มีอาวุธอื่นนอกจากถุงมือนั้นแต่เขา  จางเทีย ก็มีดาบที่แหลมคมเพิ่มขึ้นมาอีกอัน รัศมีของอาวุธนั้นเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้  ในตอนที่ดาบได้ยืดออกมากว่า 5 ม. พวกมันมาถึงตัวเขาแล้วไม่เปิดโอกาสให้เขาหนีได้

ดังนั้นเขาเลยต้องตาย !

ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้หันกลับมามองที่ จางเทีย ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

จางเทีย เองก็กระอักเลือดออกมาแต่ชายคนนั้นมีเลือดไหลที่คอโดยอยู่ห่างจาก จางเทีย  2 ม.  จากนั้นชายคนนั้นก็ล้มลงไปกองที่พื้น

จนกระทั่งกองทัพไฮยีน่าได้พุ่งเข้ามาในระยะ 100 ม.  ตอนนั้นชายคนนั้นก็ได้ล้มลง  ฝูงไฮยีน่าต่างก็หยุดการโจมตี

ความบ้าคลั่งในตาของพวกมันหายไป หลังจากนั้นไฮยีน่าก็ได้มองหน้ากัน จากนั้นพวกมันก็ได้ร้องออกมาซึ่งเมื่อได้ยินแบบนั้นพวกมันทุกตัวต่างก็หันหลังกลับแล้วหนีไป

ไม่นานเนินเขาก็กลับสู่ความสงบ ถ้าไม่ใช่เพราะควันดำและฉากนองเลือดที่นี่ ผู้คนคงไม่เชื่อว่ามีการต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้นที่นี่

ตอนแรกไฮยีน่าได้เข้าโจมตีคน จากนั้นคนก็ได้ตอบโต้กลับ นอกจากเลือดและศพแล้วไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่อีก

หลังจากกระอักเลือดมา 3 ครั้ง  จางเทีย ก็รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย  ในที่สุดเขาก็เชื่อว่าแม้ว่าจะใส่ถุงมือนี้ไปแล้วแต่เขาก็แทบจะทนพลังฉีของคนระดับ 10 ไว้ไม่ได้  ถ้าชายคนนั้นไม่ได้ตัดสินใจพลาดในเวลาสั้นๆ  จางเทีย คงฆ่าชายคนนั้นไม่ได้ง่ายแบบนี้
อย่างน้อย จางเทีย ก็ไม่มั่นใจว่าจะฆ่าอีกฝ่ายได้ถ้าสู้คนเดียว  ถ้าเขาต้องเจอกับชายคนนี้ด้วยตัวคนเดียว  จางเทีย เดาว่าเขาต้องใช้สกิลความเร็วในการหนีแทนที่จะมาจัดการชายคนนี้

หลังจากที่เช็ดคราบเลือดที่มุมปากตอนที่คุกเข่าลงที่พื้น  จางเทีย ก็ค่อยลุกขึ้นยืนช้าๆ  ในตอนที่เขายืนขึ้น เขาก็เห็นสีหน้าทึ่งของ เคล

“ ปีเตอร์ เจ้าช่างสุดยอดจริงๆ ! สิ่งที่เจ้าทำนั้นน่าแปลกใจอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เจอนักสู้ที่ต่ำกว่าระดับ 9 รับมือกับพลังฉีของนักสู้ระดับ 10ได้ ! “

“ ชายคนนั้นอยู่ขั้น 4 ดาวระดับ 10 เหรอ ? “ - จางเทีย พยักหน้าในเหมือนเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว

“ ถุงมือนี้คืออุปกรณ์รูน มันสามารถปกป้องข้าได้จากการบาดเจ็บจากพลังฉีของคนที่แข็งแกร่งน้อยกว่าระดับ 11 ! “ - เมื่อพูดจบ จางเทีย ก็ได้ตบมือแล้วยิ้มออกมา  เขาพยายามที่จะแนะนำมันสั้นๆ – “ ข้าต้องขอบคุณเกาะงูเวทย์ที่ได้ให้ของขวัญนี้มา ! “

“ แม้ว่าถุงมือนี้จะเป็นอุปกรณ์รูนแต่เจ้าเคลื่อนที่เร็วแบบนั้นได้ยังไง ? ถ้าเป็นข้า ข้าคงตอบโต้ได้ไม่ทันในระยะทางที่สั้นแบบนี้ ! “ - เคล พูดต่อด้วยท่าทีสงสัย  เมื่อตระหนักได้แบบนั้น จางเทีย ก็กำลังจะอธิบายแต่ เคล ก็โบกมือ – “ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอก แต่ละคนก็มีความลับของตัวเอง จริงๆแล้วข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ใช่นักสำรวจ เขามาจากตระกูลใหญ่  เจ้าน่ะมาที่นี่เพื่อฝึกฝนตัวเอง  “

จางเทีย อึ้งเล็กน้อย – “ ท่านรู้ได้ยังไง ? “

“ นอกจากตระกูลชั้นสูงแล้ว ข้าไม่เคยเห็นใครในตระกูลแบล็คซอนที่มีหมัดเหล็กโลหิตที่ระดับสูงแบบนี้ได้ในอายุเท่านรี้  อย่างบอกข้าว่าเจ้าไม่ได้ใช้หมัดเหล็กโลหิตในตอนที่เจ้าฆ่าไฮยีน่าด้วยหอกของเจ้า  อีกอย่างแล้วข้ารู้ว่าเจ้าใช้ท่าหมัดช็อกสวรรค์ทำลายพลังฉีของชายคนนี้  ไม่ใช่ว่านั่นคือดาบที่ใช้ท่าหมัดออกมารึ ? “ - เมื่อพูดจบ เคล ก็ทำท่าเลียนแบบการโจมตีของ จางเทีย ซึ่งทำให้เกิดเสียงตัดของลม  มันเหมือนหมัดเหล็กโลหิตจริงๆ  - “ แม้ว่าความรู้ลับของหมัดเหล็กโลหิตจะเป็นความลับชั้นสูงที่ซึ่งได้รับมาง่ายๆแต่มันก็ยากมากที่จะฝึกมัน ตอนที่ข้ายังเด็กข้าเองก็ฝึกหมัดเหล็กโลหิตแต่ข้าไม่สามารถสร้างพลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิตขึ้นมาได้  สุดท้ายแล้วข้าก็ยอมแพ้ ! “

เมื่อได้ยินคำอธิบายของ เคล   จางเทีย ก็กรอกตาแล้วหัวเราะออกมา – “ ประเทศนั้นต้องเป็นอาณาจักรนอแมน  ฮาฮา เคล คิดว่าข้ามาจากตระกูลชั้นสูงในอาณาจักรนอแมนที่ซึ่งมาฝึกฝนในป่านี้ ! “

“ มันมีเหตุผลที่เขาจะคิดแบบนี้  เมืองแบล็คฮ็อตน่ะเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรนอแมน  ข้ารู้จัก ย่าเทเรซ่า และมีพรสวรรค์ในหมัดเหล็กโลหิตที่คนธรรมดาเทียบไม่ได้  หลังจากที่สรุปจากเงื่อนไขเหล่านี้แล้วเขาก็พอคาดการณ์ภูมิหลังของข้าได้  แน่นอนว่ามีแต่ตระกูลชั้นสูงของอาณาจักรนอนแมนที่ตรงตามเงื่อนไขพวกนี้ได้ ไม่งั้นแล้วจากระดับหมัดเหล็กโลหิตของข้า ข้าคงได้รับทุกอย่างที่ต้องการในอาณาจักรนอแมน แทนที่จะมาเป็นนักสำรวจที่ต้องมาใช้ชีวิตในป่า ข้าบ้ารึเปล่าเนี้ย ? “

เคล ได้ตัดสินได้อย่างแม่นยำ  น่าเสียดายที่ไม่ได้ผิดทั้งหมด เขาแค่เปลี่ยนเป็นวังไฮหยวนแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะคิดออก

เมื่อ เคล คิดแบบนั้น  จางเทีย เลยไม่ได้อธิบายอะไรต่อ

พวกเขาได้เดินไปที่ศพของชายคนนั้นและเริ่มเก็บของ

ชายคนนั้นนอนหน้าคว่ำไปกับพื้น เลือดไหลออกมานองไปทั่ว ในตอนที่ จางเทีย จะพลิกตัวกลับ  เขาก็โดน เคล ห้ามเอาไว้ – “ เดี๋ยวก่อน ผู้ควบคุมที่แข็งแกร่งแต่ละคนน่ะมีเล่ห์เหลี่ยม โดยเฉพาะพวกคนที่สูงกว่าระดับ 9  แม้ว่าจะตายแล้วแต่ศพของพวกเขาไม่ใช่ว่าจะแตะต้องได้ง่ายๆ ! “
เมื่อได้ยืนคำพูดนั้น จางเทีย ก็ไม่ได้ขยับ  เขากลับมองสิ่งที่ เคล ทำแทน

จางเทีย และ เคล ยืนห่างออกไป 10 ก้าว ตอนนั้น เคล ได้โบกมือและปล่อยพลังฉีใส่ชายคนนั้น

เพราะมันไม่ได้ต่อสู้ จางเทีย จึงรู้สึกว่า เคล ไม่ได้ใช้แรงออกไปมากเกินไป

ในตอนที่พลังฉีโดนตัวชายคนนั้น  มันก็ได้พลิกขึ้นมาจากพื้น

ไม่นานร่างนั้นก็พลิกกลับมา ของสีดำได้เด้งออกมาจากอกและพุ่งเข้าใส่ จางเทีย

แม้ว่าจะเตรียมรับมือไว้นานแล้วแต่ จางเทีย ก็ยังต้องอึ้งกับความเร็วของมัน  ในเวลาเดียวกัน  จางเทีย ก็ดึงดาบเงินออกมาแล้วตัดมันออกเป็นสามส่วนโดยอยู่ห่างจากตัวไป 2 ม.

จนกระทั่งมันตกลงไปที่พื้น จางเทีย จึงตระหนักได้ว่าของสีดำแปลกๆนั้นคืองูสีดำ  มันมีตาสีฟ้า ทั้งสองฝั่งของมันเหมือนเป็นปีกซึ่งทำให้มันบินได้ แม้ว่าจะโดนตัดเป็นสามส่วนแล้วแต่มันยังไม่ตาย  มันดิ้นไปมาแล้วแลบลิ้นก่อนจะบิดหัวมองมายัง จางเทีย


“ เหี้ย นี่มันอะไร ? “ – เมื่อเห็นเลือดที่คายมาที่พื้นและหญ้าที่ตายไป   จางเทีย ก็ตระหนักได้ว่ามันเป็นพิษ   สิ่งนี้ดูน่ากลัวและน่ารังเกียจ  ถ้า  จางเทีย ไปพลิกศพเอง เขาคงโดนมันกัดเข้า

“ มันคืองูปีกดำ ! “ - เคล ตอบแล้วต่อยลงไปที่พื้นอัดงู – “ มันคือสิ่งมีชีวิตที่มีพิษร้ายแรงที่สุด มันไม่มียาแก้พิษ เมื่อโดนกัด เจ้าจะตายใน 5 วินาที ! “

เมื่อได้ยินแบบนั้น จางเทีย ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

เมื่อรู้แบบนั้น จางเทีย ก็เริ่มเดินเข้าไปใกล้ศพอย่างระมัดระวัง

“ มีอะไรในศพของเขาอีกมั้ย ? “ - จางเทีย ถาม เคล

“ ไม่ ไม่งั้นแล้วมันคงโดดออกมาแล้ว ! “
...
จางเทีย เดินเข้าไปใกล้แล้วมองชายที่พื้นดีๆ  เพราะศพนี้ได้เสียเลือดไปมาก ผิวจึงเปลี่ยนเป็นสีขาว บวกกับใบหน้าที่ดูน่ากลัว,จมูกที่เหมือนตะขอและชุดสีดำ  จางเทีย เกือบเข้าใจผิดว่านี่คือนักเวทย์ดำในนิทาน  แม้ว่านักเวทย์จะไม่ได้มีอยู่ในยุคนี้แล้วแต่ศพนี้ก็ทำให้เห็นภาพแบบนั้นได้

ศพนี้ไม่นานก็โดนรูดทรัพย์โดย จางเทีย และ เคล

หลังจากที่ค้นเอาของตามตัวแล้ว จางเทีย และ เคล ก็ได้เอามารวมกันที่พื้น  หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มแบ่งของกัน  ก่อนหน้านี้ จางเทีย คิดว่า เคล จะรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ทำแบบนี้แต่ เคล ก็ทำอย่างชำนาญเหมือนกับมืออาชีพ

“ นี่คืออาวุธโยน มันทำมาจากรากของพืชพิเศษ  รากของมันน่ะคล้ายกับไม้ธรรมดาแต่หลังจากที่ฉีดพลังฉีต่อสู้เข้าไป รากนี้จะแข็งอย่างกับเหล็กและมีความสามารถในการแทงทะลุที่สูง  อีกอย่างแล้วมันมีการทำงานบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับพลังฉีต่อสู้ มันเป็นอาวุธโยนที่หายาก ทักษะการโยนของเจ้านั้นดูดี  ดูเหมือนว่าของชิ้นนี้จะเหมาะกับเจ้า ! “ – เคล อธิบายและโยนของที่เหมือนงูจากเอวศพนั้นให้กับ จางเทีย

หลังจากที่ดูแล้ว จางเทีย ก็ได้เก็บมันทันที ตะกี้ จางเทีย เกือบได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีสองครั้งของอีกฝ่าย  พลังฉีของชายคนนั้นระเบิดออกมาได้ง่ายๆ  แม้ว่าจะไม่ได้รุนแรงเท่ากับระเบิดแต่มันก็ร้ายแรงจนมองข้ามไม่ได้ในระยะสั้นๆ  ในตอนที่ระเบิดอกมา มันก็คล้ายกับการระเบิดของหม้อต้มขนาดเล็ก

หลังจากที่เอามันให้กับ จางเทีย แล้ว   เคล ได้เอายาสองขวดกลิ่นแปลกๆไป  เขาบอกว่ายานี่จะทำให้เขาควบคุมสัตว์ได้   จางเทีย เองก็เห็นด้วยกับการทำแบบนั้น

นอกจากนี้แล้วยังมีกระเป๋าตัง,กล่อง,และแหวน

“ ผู้ปกป้องต้องใช้เงินรึเปล่า ?” - จางเทีย ถามออกมาด้วยความสงสัยและมองเงิน 200 ทองใส่กระเป๋า  แม้ว่ามันจะไม่ใช่เงินที่มากมายแต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้จากศัตรู ดังนั้นแล้ว เคล ก็ต้องมีสิทธิที่จะได้มัน
เคล สั่นคิ้วและตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง – “ เจ้าคิดว่าข้าเสกเสื้อผ้าได้รึไง ?  แม้จะอยู่ในป่าแต่เราก็ต้องแลกเปลี่ยนสิ่งของด้วยเงิน  มีคำพูดไว้ว่าด้วยเงิน แม้แต่ปิศาจก็ยังต้องยอมแพ้ มันคือความจริง ! “

จางเทีย ยิ้มออกมาเพราะเขารู้สำนวนนี้

สิ่งที่เหลืออยู่คือแหวนและกล่องเล็กๆ หลังจากที่มองไปที่แหวนสักพักแล้ว เคล ก็ได้โยนมันให้กับ จางเทีย – “ ลองดูสิ ! “

 จางเทีย  รู้ว่าคนที่แข็งแกร่งก็ต้องมีอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งด้วย   จางเทีย รับมันมาแล้วฉีพลังวิญญาณเข้าไป

“ แหวนตาอินทรีย์ --- ของชิ้นนี้มีผลรูนของตาอินทรีย์  หลังจากที่ใช้พลังวิญญาณเข้ามาแล้ว มันสามารถให้รูนทำงานได้หนึ่งครั้งต่อวัน แต่ละครั้งจะใช้ได้ 2 ชม. “

จางเทีย ไม่เคยเห็นอุปกรณ์รูนที่ระบุผลแบบเจาะจงแบบนี้มาก่อน เพราะอุปกรณ์รูนนี้ไม่ได้มีชื่อคนทำบอก  ภูมิหลังของมันจึงบอกไม่ได้แต่หลังจากที่อยู่ในวังไฮหยวนมาสักพัก   จางเทีย รู้จักโลกของผู้ผลิตรูนมานิดหน่อย เขารู้ว่าอุปกรณ์รูนที่มีความสามารถกำหนดไว้แบบนี้คือของระดับสูง อุปกรณ์แบบนี้น่ะหายากแม้แต่ในการประมูล พวกมันถือว่าเป็นของที่ทำขึ้นมาใช้เอง

จางเทีย มองไปที่ เคล

“ เจ้าอาจจะรู้ค่าของมัน เรามีของสองอย่างเหลืออยู่ แหวนกับกล่อง  เมื่อเขาเอากล่องมากับตัว มันบ่งบอกว่าของในกล่องนี้ล้ำค่า มันอาจจะมีค่ามากรึน้อยกว่าแหวนของเจ้า เพราะเจ้าฆ่าเขา เพื่อให้ยุติธรรมา เจ้าเลือกก่อนและอันที่เหลือเป็นของข้า  !”

ด้วยการที่ไม่คิดว่า เคล จะจริงจัง   จางเทีย ก็ได้หัวเราะออกมาในตอนที่เขาเปิดกล่อง

มันคือกระดูกสัตว์ ใช่  กระดูก แต่มันโปร่งใสราวกับคริสตัล  ไม่ว่าจากมุมไหนมันก็เหมือนกับตาของแมว

เมื่อเห็นกระดูกนั้นตาของ เคล ได้เป็นประกายขึ้นมา  จางเทีย เห็นว่ามือของ เคล สั่นไหวเล็กน้อย  ก่อนหน้านี้ที่เห็นแหวน  เคล ดูใจเย็นอย่างมากแต่เมื่อเห็นกระดูกนี้  เคล เริ่มสั่นเครือ  เขาเข้าใจคุณค่าของกระดูกนี้ทันที

เคล หายใจเข้าลึกๆและมองไปที่กระดูกอีกครั้ง  เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย ได้ยื่นมืออกมาแล้วเอากล่องนั้นใส่ไว้ในมือของ เคล  หลังจากนั้นเขาก็ใส่แหวน

เคล ตัวสั่นและมองไปที่ จางเทีย – “ เจ้า .. “

“ ข้าให้ท่านเลือกก่อน เมื่อท่านชอบมัน ข้าจะเอาแหวนไปเอง ! “ - จางเทีย พูดขึ้นมา

“ เจ้ารู้จักมันมั้ย ?  เจ้าจะต้องเสียดาย ! “ - เคล จ้องไปที่ จางเทีย ด้วยมือที่สั่นด้วยความตื่นเต้น

“ ข้าไม่สน ข้ารู้แค่ของนี้มีประโยชน์กับข้ามากกว่า  ดังนั้นไม่ว่าจะมีค่าเป็นล้านทองแล้วไง ?  ไม่ใช่ว่าเราร่วมมือกันเหรอ ? “ - จางเทีย ยักไหล่  เขารู้ว่าของในกล่องอาจจะแพงอย่างมากแต่ตราบใดที่เขาได้เพื่อนแท้ เขาก็คงไม่อยากเสียเพื่อนเพราะเรื่องนี้

“ นี่คือกระดูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ สมบัติชั้นสูงของผู้ควบคุมสัตว์  ตอนที่เจ้ามีมัน เจ้าจะไม่เจออุปสรรคในการฝึกทักษะการควบคุมสัตว์   อีกอย่างแล้วมันยังมีผลวิเศษอื่นๆอีก  มันอาจจะมีค่ามากกว่าล้านทอง จริงแล้วไม่มีใครขายมันในการประมูล เจ้าตัดสินใจดีแล้วเหรอ ? “

“ ข้าคงไม่ประมูลมันฝรั่งย่าง นอกจากว่าข้าจะบ้า แต่ข้าให้มันฝรั่งนั่นกับท่าน ! “

หลังจากที่มอง จางเทีย สักพัก  เคล ก็ได้หัวเราะออกมา – “ เจ้ารู้มั้ยว่าวันนี้เจ้าได้ทำผิดพลาดไป ? “

“ ผิดพลาดอะไร ? “ - จางเทีย อึ้ง

“ เจ้าไม่ควรเรียกข้าว่าลุง  ข้ายังไม่ได้แก่  จริงแล้วข้าเพิ่งจะ 27 เอง ! “

เมื่อมองไปยังรอยย่นของ เคล  จางเทีย ก็ถามออกมาด้วยความสงสัย – “ 27 ?  ล้อเล่นกันป่ะเนี้ย ? แน่ใจนะว่าไม่ใช่ 47 .. ? ท่าน..เจ้าดูแก่มาก  “

“ ถ้าเจ้าอยู่ป่าสัก 10 ปีโดยไม่ได้โกนหนวดก่อนจะเลื่อนขั้นเป็นนักสู้ระดับ 10  ข้ามั่นใจว่าเจ้าเองก็ต้องเป็นเหมือนกับข้าในอีกสิบปี !  “ - เคล พูดด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า

“ เหี้ย  ไม่ให้โกนหนวด กฎบ้าอะไรวะ  ! “

“ นี่น่ะคือกฎของโรงเรียน ในฐานะผู้ปกป้องป่าแล้ว ถ้าเจ้าไม่เคยเห็นสิงโตโกนขนของมัน เจ้าเองก็ห้ามโกนเช่นกัน ! “

เมื่อได้ยินแบบนั้น  จางเทีย ก็เกือบจะกรอกตาใส่แต่ เคล ก็พูดต่อ

“ อีกอย่างแล้วข้าอยากขอโทษเจ้า เพราะข้าเพิ่งโกหกเจ้าไป ! “

“ เจ้าโกหกข้าตอนไหน ? “ - จางเทีย อึ้งอีกครั้ง

“ ตอนที่ ไฮยีน่า พุ่งเข้ามา จริงๆแล้วข้าใช้การปกป้องนั้นกับเจ้าได้ ถ้าข้าทำให้เจ้า เจ้าจะไม่โดนพวกไฮยีน่านั้นโจมตี ! แต่เพราะเจ้าทำให้ข้าไม่พอใจ ข้าเลยอยากลงโทษเจ้ากับสิ่งที่เจ้าได้ทำกับข้า “  - เมื่อพูดจบ เคล ได้หน้าแดงเล็กน้อย

“ ข้าทำให้เจ้าไม่พอใจเหรอ ? แต่ทำไม ? “

“ เพราะเจ้าเรียกข้าว่าลุง ข้าไม่ได้แก่  ! “ – เคล ทำสีหน้าจริงจังอีกครั้ง  เขาชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วและพูดขึ้นด้วยท่าทีเคร่งขรึม – “ เจ้าเรียกข้าว่าลุงตั้งสามครั้ง !  “

เมื่อนึกถึงฝูงไฮยีน่าที่วิ่งเข้าหาเขา  จางเทีย ก็ทำปากเบี้ยว  หลังจากนั้นเขาก็ดีดตัวขึ้นจากพื้นและด่า เคล ออกมาดังๆ

“ เหี้ย !  เจ้ารู้มั้ยว่าถ้าข้าไม่ได้แข็งแกร่งเพียงพอ ข้าอาจจะโดนฉีกเป็นชิ้นๆ  เจ้ารู้มันว่ามันรู้สึกยังไงกับการเจอกับเรื่องเป็นตายแบบนั้น ?  ไอ้บัดซบนี่ ! เจ้ากล้ามาหาเรื่องข้าด้วยเหตุผลแค่นี้ได้ยังไง ?  “

“ จริงๆแล้วเจ้าก็ยังอยู่ดี  พวกไฮยีน่าน่ะทำร้ายเจ้าไม่ได้สักนิด  !”

“ บัดซบ เอากระดูกนั่นมาให้ข้า พ่อคนนี้อยากเอามันไปเลี้ยงหมาแทนที่จะเอาให้เจ้า !  “

ตอนนั้น เคล ดูสีหน้าหม่นลงอย่างมาก  เขารับมือกับความโกรธของ จางเทีย แล้วรีบใส่กระดูกไว้ในเสื้อ – “ ข้าขอโทษ กระดูกนี่เป็นของข้าแล้ว ถ้าเจ้าต้องการมันคืน เจ้าต้องหาหมาที่สามารถแย่งมันไปได้  !”

หลังจากที่มองหน้ากันสักพัก ทั้งคู่ก็ได้หัวเราะกันออกมา....
 

รีวิวผู้อ่าน