Chapter 430: สกิลซ่อนตัว
ปราสาทนั้นยังคงมีควันลอยออกมาอยู่ จางเทีย และ เคล ได้แบกศพของผู้ควบคุมกลับไปที่ลานที่ใจกลางของฐาน หลังจากนั้นเขาก็ได้มัดร่างกับกองไม้
“ นี่มันมีประโยชน์เหรอ ?” – เมื่อเห็น เคล เขียนตัวหนังสือเลือดที่อีกฝั่งของศพ จางเทีย ก็ถามออกามา
“ เพราะเมืองเอสไชน์อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นที่ฐานนี่ ทั้งกลุ่มการค้าและหน่วยดูแลของเมืองน่ะจะส่งคนมาที่นี่เพื่อทำการสืบสวน เราน่ะควรจะส่งคำเตือนเพราะเรื่องนี้ ! “- ในตอนอธิบายเรื่องนี้ เคล ได้ทิ้งสัญลักษณ์ของผู้ปกป้องของโรงเรียนเอาไว้ด้านล่างคำพูดนั้น สำหรับโรงเรียนผู้ปกป้องแล้ว พวกกฎที่ฝ่าฝืนธรรมชาติโดยฝูงสัตว์นี้เป็นเรื่องน่ารังเกียจอย่างมาก โรงเรียนสงสัยว่าฝูงสัตว์เกี่ยวข้องกับปิศาจ
ตั้งแต่การบินของทวีปไว่นั้นได้รับผลกระทบจากการโจมตีเมื่อปีที่แล้ว โรงเรียนก็ได้ส่งคนออกมาเพื่อสืบสวนเรื่องนี้ ผลก็คือเล็งเป้าไปยังผู้ควบคุมสัตว์ ในปีที่ผ่านมามีหลายกลุ่มที่ลงมาสืบสวนทำให้ผู้ควบคุมหลายคนโดนฆ่าตาย บางคนหนีได้และหายตัวไป บางคนยังคงติดปัญหากับที่อื่นแต่ไม่มีสักคนเลยที่โดนจับได้ ดังนั้นไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเหตุผล ดูจากพฤติกรรมที่พวกนี้ทำแล้ว ไม่ต้องคิดเลยว่าพวกนี้เป็นลูกน้องของปิศาจแน่นอน
ในตอนที่ จางเทีย ได้ยินเรื่องกลุ่มปิศาจสามตาจาก เคล จางเทีย ก็ถอนหายใจออกมา พวกลูกน้องพวกนี้น่ะฝังรากลึกในทวีป พวกมันมีเกือบทุกที่รวมถึงเขตไฮหยวน,เมืองสวรรค์และป่าน้ำแข็งหิมะ ในตอนที่สงครามครั้งที่สามปะทุขึ้นมา คนพวกนี้ก็จะเคลื่อนไหวกันบ่อยกว่าเดิม
จริงๆแล้ว จางเทีย ไม่ได้สนเรื่องภูมิหลังของพวกนี้ ถ้าพวกนี้เป็นลูกน้องของปิศาจ งั้นพวกมันก็สมควรตาย สิ่งที่ จางเทีย กังวลมากที่สุดคือความแข็งแกร่งของตัวเอง เพราะโลกเริ่มวุ่นวายขึ้นมา ความแข็งแกร่งคือสิ่งที่วัดว่าเขาจะรอดได้รึเปล่า
เอาการต่อสู้นี้เป็นตัวอย่าง ถ้าชายคนนี้ไม่ได้อยู่ระดับ 10 แต่เป็นระดับ 11 ที่ซึ่งใช้การโจมตีแบบเสียงมาได้ตลอด จางเทีย คงโดนฆ่าตั้งแต่แรก ก็คล้ายๆกันถ้า จางเทีย แข็งแกร่งกว่านี้นิดหน่อย เขาคงไม่ต้องสู้ด้วยระยะที่ใกล้แบบนี้ ตราบใดที่เขาโยนหอกของเขาออกมา เขาคงจบการต่อสู้นี้ไปแล้ว บางครั้งชีวิตกับความตายก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของคน
เมื่อคิดแบบนั้น จางเทีย ก็รู้สึกว่าวันนี้เขาค่อนข้างโชคดี
“ เจ้าจะไปไหนต่อ ? “ - จางเทีย ถาม เคล
“ มีฝูงหนูปิศาจที่เขตทางด้านเหนือของป่าน้ำแข็งหิมะ ข้าจะมุ่งหน้าไปทางเหนือ เจ้าล่ะ ?”
ด้วยการที่กิน Seven-Strength Fruit ของหนูมา 9 ผล เขาคงจะไม่ได้อะไรอีกเมื่อฆ่าหนูพวกนั้น เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น จางเทีย ก็คิดสักพักและตอบกลับ – “ ข้าจะไปทางใต้ของป่าน้ำแข็งหิมะ ข้าต้องการเสี่ยงโชคดู ! “
“ ไปหาคัมภีร์และเศษเทพแห่งดวงดาวงั้นเหรอ ? “ - เคล ยิ้ม
จางเทีย เองก็ตอบกลับแค่รอยยิ้ม เขาไม่ได้อธิบายอะไร – “ ตอนนี้ เคล คิดว่าข้ามาจากตระกูลชั้นสูงของอาณาจักรนอแมน ข้าไม่ต้องอธิบายอะไร รอยแตกไฮเดลาอันที่จริงก็อยู่ทางใต้ของป่าน้ำแข็งหิมะ มันต้องคึกคักมากแน่ที่นั่นแต่ตามที่ข้ารู้แล้ว นอกจากคัมภีร์และเศษชิ้นส่วนแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่อยู่ที่นั่น --- หมาป่าตัวใหญ่ “
“ ข้าได้ยินมาว่ามีฝูงหมาป่าตัวใหญ่โผล่ที่ทางใต้ของป่าน้ำแข็งหิมะ ทำไมไม่ไปดูที่นั่นล่ะ ? “
“ ข้าเคยไปที่นั่นแล้ว ฝูงหมาป่านั้นไม่ได้ขับเคลื่อนโดยมนุษย์ เพราะฝูงสัตว์ธรรมดา เราผู้ปกป้องจึงไม่ได้เข้าไปยุ่งเพราะแผ่นดินมีวิธีจัดการของมันอยู่แล้ว ! “
จางเทีย ยักไหล่ ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องแยกกันตรงนี้ - “ ดูแลตัวเองด้วย เมื่ออยู่ต่อหน้าคนแข็งแกร่ง อย่าอายที่จะหนี !”
“ ฮาฮา มันไม่ได้อันตรายขนาดนั้น ไม่ว่ายังไงป่าน้ำแข็งหิมะก็เป็นอาณาเขตของเผ่าหมีซึ่งหวงแหนเขตแดนมากที่สุด พวกคนที่แข็งแกร่งและนักบวชในเผ่าน่ะคงไม่ทนให้คนนอกมาสร้างปัญหาในเขตได้ ถ้ามีคนอยู่เบื้องหลังฝูงหนูปิศาจ ชายคนนั้นอาจโดนผู้แข็งแกร่งฆ่าระหว่างทางไปทางเหนือก็ได้ ! “ – เคล ตอบ
“ แต่ทำไมถึงไม่มีใครสนฝูงสัตว์ที่เนินเขาเทาเลย ? “ - จางเทีย เริ่มสงสัย เอาจริงๆแล้วเขาไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับป่าน้ำแข็งหิมะ ก่อนหน้านี้พอรู้มาบ้างจากหนังสือ ตอนที่เขามาถึงที่นี่ เขาได้พยายามสร้าง Seven-Strength Fruit ไม่เหลือเวลาและพลังงานให้ไปศึกษาเรื่องอื่นเลย
เคล ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม – “ ที่นี่น่ะใกล้กับเอสไชน์ อาณาเขตของเผ่าหมีเหล็ก ข้าได้ยินมาว่ามีคนแข็งแกร่งและนักบวชในเผ่าที่เดินทางไปยังภูเขาเออคีด้าเมื่อหลายวันก่อน พวกเขายังไม่กลับมา อีกอย่างแล้วในสายตาของผู้ดูแลเผ่า ไฮยีน่าพวกนี้น่ะทำความเสียหายแก่หมู่บ้านและการค้าเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่พอที่พวกเขาจะสนใจ ตอนนี้พวกเขาสนใจเรื่องคัมภีร์และเศษชิ้นส่วนในรอยแตก แม้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่แต่ในสายตาของคนพวกนั้นแล้วมันไม่มีค่าอะไรแต่เป็นแค่ผู้ควบคุมสัตว์ของเผ่าเล็กๆในป่าน้ำแข็งหิมะที่มาก่อเรื่อง ! แม้แต่กลุ่มการค้าเองก็แก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ ! “
จางเทีย รู้ว่า เคล บอกความจริง นี่คือความต่างระหว่างคนมีอำนาจและคนที่ไม่มีมัน แม้ว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ในสายตาคนอื่นแต่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยของคนมีอำนาจ ก็คล้ายๆกับเงินในสายตาของคนแต่ละแบบที่มีค่าไม่เท่ากัน
จางเทีย และ เคล ได้พูดออกมาตรงๆ หลังจากนั้นเมื่อตัดสินใจแล้ว พวกเขาก็ได้แยกจากกัน
จางเทีย ไปส่ง เคล ในตอนที่ เคล เดินห่างออกไปได้ 10 ก้าว เขาก็หันกลับมา – “ ข้าลืมบอกเจ้า ถ้าเจ้าต้องการหาหมาที่จะมาแย่งกระดูกของข้าไปสักวันและต้องการเอากระดูกคืน เจ้ามาหาข้าได้เลย เจ้าไปโบสถ์ของโรงเรียนที่ไหนก็ได้ซึ่งมีนักบวชและบอกเขาว่าเจ้าอยากพบข้า นักบวชนั่นจะถามเจ้าเกี่ยวกับสัญลักษณ์ของโรงเรียน เจ้าบอกเขาได้ว่าสัญลักษณ์ของข้าคือดอกบัว “
จางเทีย พยักหน้าและนึกบางอย่างออก – “ โอ้ แล้วกระดูกนั่นมันคืออะไร ? เจ้าไม่เคยพูดถึงมันมาก่อน ! “
“ ฮาฮา...เจ้าจะรู้ตอนที่เจ้าเป็นผู้ควบคุมสัตว์ได้ !” – เคล พูดตลกออกมา
“บางทีตอนข้าเจอเจ้าครั้งหน้า ทักษะของข้าอาจจะสูงกว่าเจ้า ข้ารู้สึกว่าข้ามีพรสวรรค์ในการเรียนรู้เรื่องนี้ แค่ฝึกคืนเดียว ข้าก็รู้สึกว่าข้าสามารถเลี้ยงสัตว์ระดับต่ำได้หลายตัวแล้ว ! “- จางเทีย พูดความจริงออกไป
“ มันเป็นไปไม่ได้ ตอนข้าเจอเจ้าครั้งแรก ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ใช้ทักษะรึมีสัตว์เลี้ยงมาก่อน มันสายเกินไปที่จะเรียนรู้ทักษะควบคุมสัตว์ได้ในอายุเท่านี้ ดังนั้นเจ้าคงยากที่จะควบคุมสัตว์ได้ ! “
“ บางทีข้าอาจะเป็นข้องยกเว้น ! “
“ นอกซะเจ้าคือหลานของไกอาที่กลับชาติมาเกิด ! “- เคล หัวเราะออกมา เขาได้โบกมือให้กับ จางเทีย แล้วจากไป
จางเทีย มอง เคล และอินทรีย์ที่อยู่บนฟ้าซึ่งค่อยๆหายไป จากนั้นเขาก็ได้ยิ้มออกมาแล้วส่ายหน้าก่อนจะพึมพำออกมา – “ เจ้าพลาดความเป็นไปได้นั้น ! “
จางเทีย หันกลับ หลังจากที่รู้ทางแล้วเขาก็ได้วิ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
...
จางเทีย รู้ว่าหลังจากที่เขากับ เคล แยกกันแล้ว มีบางคนที่เอสไชน์ต้องมาที่นี่เพื่อสืบสวนแต่ จางเทีย ไม่คิดว่าพวกนั้นจะมากันเร็วแบบนี้ แค่ 2 ชม.หลังจากที่เขาออกไป พวกจากเอสไชน์ก็ได้มาที่นี่
พวกนั้นไม่ใช่นักสู้ฆ่าหมีรึผู้ที่แข็งแกร่งแต่อย่างใด พวกนั้นแค่นักล่าค่าหัวสองคนเท่านั้น
หลังจากที่วนรอบปราสาทครั้งหนึ่ง พวกนั้นก็ได้กลับไปยังลานที่ จางเทีย และ เคล ได้มัดศพของผู้ควบคุมสัตว์เอาไว้ เมื่ออ่านคำพูดที่ เคล เขียนเอาไว้ ทั้งสองคนก็ได้ขมวดคิ้ว
“ โรงเรียนผู้พิทักษ์เกี่ยวข้องกับชายคนนี้เหรอ ? “ - ชายคนหนึ่งพูดขึ้น - “ ข้าไม่คิดว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องฝูงสัตว์นี่ เราต้องรายงานเรื่องนี้กับเมืองเอสไชน์ ! “
“ ไม่ต้องกังวล ยานของกลุ่มการค้าเอสไชน์จะมาที่นี่ในไม่ช้า พวกเขาจะเอาข้อความนี้กลับไป เราก็แค่ตัวประกอบ ฮึ่ม... “ – อีกคนได้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาด้านหลังหน้ากาก ดูจากเสียงแล้วนี่เป็นผู้หญิง เธอเงยหน้าขึ้นแล้วยืนนิ่งเหมือนกับรู้ถึงบางอย่าง
“ ข้ารู้สึกว่ามีสองคนแยกจากกันที่นี่ ชายจากโรงเรียนผู้ปกป้องไปทางเหนือ ไอ้บัดซบที่ชื่อ ปีเตอร์ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ หน้าที่ของเราคือเอาหัว ปีเตอร์ กลับมาและเอาเงิน 5000 ทอง ด้วยเงินนี้เผ่าของเราจะซื้อหลายอย่างได้มากมาย เราจะไม่ต้องทนทรมานกับฤดูหนาวอีกต่อไป เราจะได้เจอกับการแลกเปลี่ยนที่ดีไปอีกนาน !”
“ โอลอร่า เจ้าไม่รู้สึกว่ามันแปลกรึไง ? ดูจากข้อความที่ได้จากเคอแกนรึคำอธิบายของคนที่หนีไปจากปราสาทเมเปิล ปีเตอร์ น่ะดูไม่ใช่คนชั่วเลย บางทีคงมีเรื่องผิดปกติกับคำสั่งการจับกุมรึเปล่า ? “
“ มีคนสองแบบ คนที่สมควรตายและคนที่กำลังจะตาย เจ้ารู้ได้ยังไงว่า ปีเตอร์ น่ะไม่ได้แกล้งทำต่อหน้าพวกนั้น ไม่ใช่ว่าเจ้าเคยเจอคนแบบนั้นมาก่อนเหรอ... “ – เสียงฮึดฮัดดังขึ้นมาจากด้านหลังหน้ากากเหล็ก - “ บางทีคงมีปัญหาในคำสั่งการจับกุมแต่มันก็ไม่มีปัญหากับร่างของนักล่าสองคนที่โดนฆ่าตาย พวกเขามาที่นี่เพื่อ ปีเตอร์ หลังจากที่ได้ยินคำสั่งการจับกุม ไม่ใช่ว่าพวกนั้นตายเพราะไอ้บัดซบนั่นรึไง ? ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ทำไมตำรวจถึงต้องส่งเรามาที่นี่ ? เอสไชน์และเผ่าหมีน่ะอ่อนแอลงเพราะเขาไม่ได้ แม้ว่า ปีเตอร์ จะไม่ใช่ฆาตกรแต่นักล่าสองคนก็โดนฆ่าเพราะเขา จากจุดนี้แล้วเขาสมควรตาย !”
“ แต่เราคงรักษาความยิ่งใหญ่ของเผ่าหมีไม่ได้ด้วยการฆ่าคนบริสุทธิ์ !” – ชายคนแรกเตือนขึ้นมา
“ เซตตอน ถ้าเจ้าอยากจะฝ่าฝืนคำสั่งจับกุมและสอบสวนการตายของนักล่าสองคน กลับไปได้ตามสบาย ข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง ! นอกซะจากว่าเจ้าเอาคำสั่งใหม่มาให้ข้าเห็น ข้าสาบานว่าจะเอาหัวของชายคนนี้กลับไป !” - หลังจากที่พูดจบ ผู้หญิงคนนนั้นก็มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้โดยไม่หันกลับมามอง เซตตอน ความเร็วของเธอนั้นเกือบจะเท่ากับ จางเทีย
หลังจากที่มองเธอหายไปด้วยท่าทีกังวล เซตตอน ก็ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะตามเธอไป
...
จางเทีย วิ่งได้อย่างรวดเร็ว ตอนตกเย็น จางเทีย ก็ห่างจากเดิมมากว่า 400 กม.และพบกับถ้ำในป่า แม้ว่าเส้นทางจะทุลักทุเลก็ตาม หลังจากนั้นเขาก็ได้เข้าไปยัง Castle of Black Iron หลังจากที่ไม่ได้เข้ามาหลายวัน
...
เมื่อเห็น Seven-Strength Fruit ของไฮยีน่า 7 ผลห้อยไว้อยู่ จางเทีย ก็ตระหนักได้ว่านี่อาจเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดที่เขาออกจากวังไฮหยวนมา
นอกจาก Seven-Strength Fruit แล้วยังมีผลไม้อีกสองผลที่ทำให้ จางเทีย ยิ้มออกมา หนึ่งคือ Fruit of Brilliance อีกอันคือ Fruit of Judgment ที่เขารอมาแสนนาน
--- Fruit of Judgment สุกแล้ว มันมีรูน ‘ ซ่อนตัว ‘ การใช้ : หลังจากที่เด็ดแล้วแปะไปทีหน้าผากให้ใช้พลังวิญญาณของเจ้า เตือน: ผลไม้นี้เอาออกจาก Castle of Black Iron ไม่ได้ หลังจากเด็ดแล้ว 12 ชม. พลังงานและความคงทนของมันจะลดลง
----นักรบผู้ที่เหวี่ยงดาบเข้าใส่ความมืด พระอาทิตย์ไม่ได้อยู่บนท้องฟ้าเสมอ เพราะมันรู้ว่าจำเป็นต้องให้ที่กับดวงดาวเพื่อซ่อนตัวในอีกฝั่งของโลก หลังจากนั้นมันก็จะสามารถกลับมาได้อีกรอบในตอนเช้าหลังจากความมืดมิดได้หายไป