px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 436: เผ่าอินทรีย์เทา


Chapter 436: เผ่าอินทรีย์เทา
ในตอนที่ จางเทีย ได้สติ เขารู้สึกว่าหัวของเขาแตก ส่วนตัวนั้นอยู่ใต้หินที่หนักเกือบ 5000 กก.

เขาเองก็พอจำได้  จางเทีย รู้ว่าเขาอยู่ในเงื้อมมือคนอื่น สำหรับหมอกแปลกๆนั้น จางเทีย ยังคงสับสนกับมันอยู่

เขาฟื้นฟูพลังวิญญาณขึ้นมาได้ หลังจากที่สัมผัสพลังวิญญาณได้แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา ถ้าพลังวิญญาณเป็นปกติ เขาก็สามารถปกป้องตัวเองในตอนวิกฤตได้

ตอนนี้ จางเทีย ได้ยินเสียงแตก ร่างกายของเขาสั่นไปมา ดังนั้น จางเทีย จึงลืมตาขึ้น

จางเทีย เห็นหลังคาครถสีเทาดำซึ่งปกคลุมไปด้วยหนังสัตว์และผู้หญิงที่ใส่หน้ากาก  เธอนั่งอยู่บนเกวียนโดยเอาหลังเธอพิงเข้าเอาไว้ เธอนั่งไขว่ห้างกอดเข่าตัวเองและตัวสั่นไปตามจังหวะของเกวียน

ในตอนที่ จางเทีย เห็นเธอ   จางเทีย ก็รู้สึกได้ว่าเธอนั้นอ่อนแอ

ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกว่า จางเทีย มองอยู่ เธอหนักลับมาและมองที่ จางเทีย

ก่อนที่ จางเทีย จะได้พูดอะไร เธอก็เริ่มเปลี่ยนท่าขาไปอีกด้าน

“ เจ้าตื่นมาเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ตั้งหลายชั่วโมง ! “ – เสียงของเธอเย็นชาเหมือนเก่า

“ ดี จริงๆแล้วข้าคิดว่ามันจะสายเกินไป ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเริ่มแผนตอนไหน “ - จางเทีย ฝืนยิ้มออกมา ในตอนที่เขาต้องการจะลุกขึ้น เขาก็พบว่ามีบางอย่างที่คอและข้อมือของเขา --- แหวนจับกุม  อีกอย่างแล้วของที่เขามีก็โดนริบไปจนหมดรวมถึงถุงมือ,กระเป๋าเงิน,แหวนรูนและดาบปลาคู่ด้วย

“เอาคืนเร็วจริงๆ ! ข้าเพิ่งยึดของเจ้าไปไม่กี่วันก่อน ตอนนี้ถึงตาเจ้าบ้างแล้ว “

ในตอนที่ จางเทีย ลุกขึ้นนั่งเขาก็ได้สติมากกว่าเดิม แม้วาเขาจะรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นมาจากเมาค้างแต่เขาก็รู้ว่าการเคลื่อนที่ของเขานั้นไม่ได้อ่อนแอลง

จางเทีย เห็นเธอเล่นกับแหวนตาอินทรีย์ของเขา ส่วนแหวนเตือนนั้นถูกใส่ไว้ที่นิ้วกลางมือซ้ายของเธอ

เธอจ้องมาที่เขาด้วยตาที่เป็นประกาย

สายตาของเธอทำให้เขารู้สึกอึดอัด ดังนั้น จางเทีย จึงเตรียมที่จะให้เธออึดอัดบ้าง – “ ถ้าเจ้าใส่แหวนข้าที่นิ้วกลาง มันหมายความว่าเจ้าตกหลุมรักข้า ข้าจำไม่ได้ว่าข้าตกลงจะรับเจ้าเป็นภรรยา ภรรยาข้าต้องมีรูปร่างดีกว่านี้  !”

เขารู้ผลลัพธ์ที่เขาไปแหย่เธอ เธอเอื้อมมืออกมาต่อยเข้าที่ท้องน้อย จางเทีย ทันที   จางเทีย ถึงกับต้องงอตัวและไอออกมาดังๆ

เมื่อได้ยินเสียงนั้น เซตตอน ก็ดึงม่านขึ้น  เพราะรถสั่นไหวไปมา  เซตตอน คิดว่าเกิดอะไรขึ้นในเกวียน  ดังนั้นแล้วเขาจึงมาตรวจสอบ เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของ จางเทีย  เขาก็เข้าใจมันทันที

“ โอลอร่า เราห่างจากเผ่าไป 10 กม. ! “ – หลังจากที่เตือนเธอแล้วเขาก็ลดม่านลง

เพราะความทนทานที่ได้จาก Iron-Body Fruit   จางเทีย จึงฟื้นตัวขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน  เขาเหยียดหลังตรงขึ้น – “ ผู้หญิงคนนี้ดุร้ายจริงๆเลย ข้าเกือบอ้วกลำไส้ออกมา  ! เหี้ย ! “

“ เราหายกันแล้ว  !” - เธอพูดออกมาอย่างเย็นชา

“ หายกัน ? “ – นี่ทำให้ จางเทีย นึกถึงตอนที่เขาต่อยเธอไปเมื่อหลายวันก่อน – “ เจ้ายังจำมันได้อีกเหรอ ? “

จางเทีย เห็นว่าเธอน่ะเป็นคนใจแคบ

“ ได้ เราหายกัน ! “ – หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาก็เหยียดหลังตรง – “ เจ้าบอกข้าได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น ? ข้าอยากรู้ว่าข้าหมดสติได้ยังไง ! “

“ เจ้าอยากรู้อะไร ? “

“ ทั้งหมดเลย ! “

“ เซตตอน ไม่ได้กลับไปที่เอสไชน์  เขากลับไปที่เผ่า  นั่นคือศิษย์พี่ เมอเคล ที่ช่วยเราไว้ เขาเป็นนักบวชของเผ่า ! “

“ เผ่า ? “ - จางเทีย เบิกตากว้าง

“ แน่นอน นักล่าส่วนมากที่ระดับมากกว่า 10 ในเอสไชน์น่ะมาจากเผ่ารอบๆ  หลังจากที่รับคำขอของตำรวจแล้ว เราก็จะช่วยเอสไชน์ในการตามล่าคนร้ายในป่าน้ำแข็งหิมะเพื่อรางวัล นี่คือผลประโยชน์ที่เราได้จากเอสไชน์ “

ในที่สุด จางเทีย ก็รู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง  เขามั่นใจเกินไปจนมองข้ามข้อความซึ่งดูเล็กน้อย  ภูมิหลังของนักล่าในเอสไชน์

ในสายตาของ จางเทีย  นักล่าถูกส่งมาโดยเอสไชน์ แน่นอนว่าพวกนั้นต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของเอสไชน์แต่จริงๆแล้วพวกนักล่ามีภูมิหลังมากว่านั้น แม้ว่าจะมีนักล่าที่อยู่ในเมืองเอสไชน์จริง แต่เผ่ารอบๆน่ะก็มีนักล่าอยู่ด้วย เอาให้แม่นๆก็พวกนักล่าที่มาจากเผ่ารอบๆไม่ได้ขึ้นตรงต่อเอสไชน์  ความสัมพันธ์เหมือนกับการว่าจ้างเท่านั้น
ถ้าเขารู้ภูมิหลังของเธอกับ เซตตอน   จางเทีย คงไม่มีทางทำเรื่องโง่ๆอย่างปล่อย เซตตอน กลับเมืองเพื่อยกเลิกคำสั่งจับกุม เหตุผลก็มีแค่ความจริง ในสายตาของคนพวกนี้มันคือเรื่องเกียรติของเผ่า

เผ่าน่ะได้รับการว่างจ้างจากเอสไชน์ให้ส่งนักล่ามาตามตัวคนร้ายแต่พวกเขากลับโดนคนร้ายควบคุมแทน แน่นอนว่านักล่าก็ต้องอายที่จะถามให้ยกเว้นคำสั่งจับในเมืองเอสไชน์ ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงเหมือนการตบหน้าเผ่าตัวเอง

“ งั้น เซตตอน ก็ไม่ได้ไปที่เอสไชน์  หลังจากที่รู้ว่าเขากับผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถจัดการข้าได้  เซตตอน ก็กลับไปที่เผ่าเพื่อหาคนช่วย แต่ข้าน่ะก็ยังรอข่าวเรื่องการจับกุมเหมือนกับคนโง่ “  - จางเทีย รู้สึกผิด
“ เผ่าเจ้าอยู่ไหน ? “

“ มันอยู่ในเป้าหมายของเจ้า เผ่าเทาทางใต้ของป่าน้ำแข็งหิมะ ! “ - จางเทีย รู้สึกได้ถึงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ด้านหลังหน้ากาก

“ กลับเป็นว่าข้าได้เข้ามาในรังของเธอ “

จางเทีย ตบหน้า หมดคำพูดและแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา – “ ถ้าดอนเดอร์ รู้ว่าข้าทำเรื่องโง่ๆแบบนี้ ข้ามั่นใจว่าเขาคงด่าข้า 3 ชม.โดยไม่พูดคำพูดซ้ำกันแน่ ! “
“ นี่บ่งบอกได้ถึงรายละเอียดที่สำคัญ เพราะข้อความที่ถูกส่งไป ข้าเลยกลายมาเป็นนักโทษของคนอื่น บทเรียนนี้ช่างหนักหนาและมีราคาที่สูงจริงๆ ! “

จางเทีย ถอนหายใจออกมา เขารู้ว่ามันเป็นความผิดของตัวเขาเอง  - “ ข้านี่มันโง่จริงๆ ! “

“ เจ้าต้องการทำอะไรกับข้า ?  ถ้าต้องการเงิน ก็ปล่อยข้าไป ข้าจะเอาให้เจ้า 5000 ทอง  “ - จางเทีย รู้ว่าความโลภของคนน่ะไม่สิ้นสุด  แม้ว่าจะให้เงินพวกนี้ 50,000 ทองแต่ก็ต้องโดนขอเพิ่ม

“ ข้ารู้ว่าเจ้ารวย  เจ้ามีอุปกรณ์รูน 3 อันและไม่ใช่รูอีกอัน แม้ว่าข้าจะเป็นนักล่ามานานหลายปีแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเจอคนรวยแบบนี้ ! “ -เธอฮึดฮัดออกมา – “ เจ้าคิดว่าเจ้าซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินเหรอ? รึเจ้าคิดว่าข้าโง่ ? แม้ว่าเผ่าของเราจะจนแต่ข้าเคยเห็นเงิน 5000 ทองมาแล้ว แต่เจ้าน่ะมีค่ามากกว่า 5000 ทองอีก ! “

“ พูดถึงของของข้าที่เจ้าเก็บไป... “

“ ของข้า ! “ - โอลอร่า โดดขึ้นมาก่อนที่เขาจะได้พูดจบ  หลังจากนั้นเธอก็ใส่แหวนเข้าไปในอีกมือและประกาศออกมา – “ จากนี้ของของเจ้ารวมถึงเจ้าด้วยคือสมบัติของข้า เจ้ารู้มั้ยว่าอะไรคือสมบัติส่วนตัว ? มันหมายถึงนับจากนี้เจ้าเป็นทาสของข้าตามกฎของป่าน้ำแข็งหิมะ ! “

“ ทาส ? เหี้ย ! “

 จางเทีย หงุดหงิดมากจนเกือบคลั่ง – “ ข้าเอาของที่เป็นของข้าให้ได้แต่เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าน่ะไม่ผิด ข้าไม่ได้ฆ่านักล่าสองคนนั้น ! “

“ ข้ารู้ว่าเจ้าน่ะโดนใส่ร้ายแต่แล้วไง ? ข้าน่ะต้องแบกรับแทนเจ้ารึไง ? เจ้าเป็นใคร ?” – โอลอร่า เงยหน้าขึ้นแล้วมองมาที่ จางเทีย – “ อย่าลืม เจ้าน่ะยังเป็นที่ต้องการตัวอยู่  เจ้าน่าจะขอบคุณข้าที่ข้าไม่ตัดหัวเจ้าเอาไปแลกเงินที่เอสไชน์  ถ้าเจ้าเจอนักล่าคนอื่น เจ้าคงกลายเป็นศพไปแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าจะยังพูดแบบนี้ได้อีกเหรอ ? “

“ เจ้าต้องการอะไร ?” - จางเทีย ถามออกมาเบาๆ

“ มันก็ง่ายๆ นับจากนี้ เจ้าควรที่จะฟังคำสั่งของข้าและรับใช้ข้า ถ้าเจ้าทำให้ข้าพอใจได้ เจ้าอาจจะได้รับอิสระก็ได้ ! “

จางเทีย หรี่ตาลง...

“ อย่าคิดหนี เพราะ เมอคล ได้ใส่เข็มระเบิดไว้ในตัวเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าหนี เจ้าก็จะระเบิด  อย่าโทษว่าข้าไม่เตือนแล้วกัน ! “ -เหมือนว่าเธอรู้ว่า จางเทีย คิดอะไรอยู่

“ เข็มระเบิด ?  “- จางเทีย อึ้ง เขาเช็คตามตัวไม่พบสิ่งใดผิดปกติ

“ เจ้าลองโคจรพลังฉีต่อสู้ดูสิ “
จางเทีย ลองทำตาม ในเสี้ยววินาทีเขาก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาที่ข้อต่อกับกระดูกและเหงื่อท่วมไปทั่วทั้งตัว

ตอนนั้น จางเทีย พบว่ามีสิ่งผิดปกติกับร่างกาย พวกมันเหมือนกับเข็มที่อยู่ใกล้ข้อต่อกับกระดูกของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะโคจรพลังฉี เขาคงหาพวกมันไม่เจอแต่ตอนที่เขาโคจรพลังฉีแล้ว เขากลับทำให้มันไหลวนไปทั่วทั้งตัวแล้วทำให้รู้สึกเจ็บขึ้นมา..

เพราะความเจ็บนี้ จางเทีย จึงหอบหายใจแล้วอ้าปากค้าง แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่ จางเทีย ก็รู้สึกได้ถึงของที่แหลมคมแทงเข้ามา

“ นี่คือทักษะของนักบวชในป่าน้ำแข็งหิมะ มีแค่พวกนี้ที่สามารถรักษามันได้ ถ้าเจ้าไม่โคจรพลังฉีรึหนี มันก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าเจ้าหนี เข็มระเบิดพวกนี้ก็จะเสียการควบคุมและระเบิด เจ้าตายทันที ! “ – โอลอร่า พูดอย่างใจเย็น

เมื่อได้ยินแบบนั้น จางเทีย ก็เริ่มคิดยอมแพ้ – “ แหวนจับกุมบวกกับเข็มระเบิด บ้าเอ้ย ! ไม่ใช่ว่าข้าตกอยู่ในอันตรายรึไง ?”

จางเทีย ไม่รู้ว่าในสายตาของ โอลอร่า เขาน่ะคือคนอันตรายที่สุดที่เธอเคยเจอมา  แม้ว่าจะเจอกับนักสู้ระดับ 10 แต่เธอก็ไม่เคยต้องระวังแบบนี้ แม้แต่ศิษย์พี่ของเธอก็ยังติดตั้งเข็มระเบิดไม่ได้ง่ายๆแต่เธอคิดว่ามันจำเป็นที่จะต้องใส่มันไว้กับ จางเทีย
...
ไม่ถึงชั่วโมงพวกเขาก็ได้มาถึงเผ่าหลังจากที่เดินทางมาประมาณ 10 กม.

ในตอนที่เกวียนจอด โอลอร่า ได้ดึงม่านขึ้นแล้วโดดออกไป ตามไปด้วย จางเทีย

ในตอนที่ จางเทีย ลงมา เขาก็โดน เซตตอน กดมาที่ไหล่ของเขา

“ ไอ้หนู ถ้าเจ้าอยากรอด เจ้าควรลืมสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนั้น ไม่ว่าใครจะถามเจ้า เจ้าแค่บอกว่าเจ้าโดน โอลอร่า จับ  นอกจากข้าแล้วเจ้าไม่เห็นใครทั้งนั้น เข้าใจมั้ย ? ถ้าข้าได้ยินข่าวลือในเผ่า ข้าจะตัดหัวเจ้าทิ้งซะ ,..”  - เซตตอน กระซิบกับ จางเทีย   หลังจากที่เตือนแล้วเขาก็ได้บีบไหล่ จางเทีย อย่างแรง

“ ดูเหมือนว่า เซตตอน และ โอลอร่า ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าข้าโดนพวกผู้ใหญ่ในเผ่าจับ “  - จางเทีย เข้าใจได้ทันทีแต่เขาก็ยังคงสงสัยและสับสนกับเหตุผลเรื่องนี้

แม้ว่าจะโดนคุมตัวแต่ จางเทีย ก็รู้ดีกว่าเขาไม่จำเป็นต้องหาเรื่องเจ็บตัวเพราะเรื่องแบบนี้

“ ข้าเข้าใจแล้ว ! “

“ โอลอร่า ไม่ได้เลวแบบนี้เจ้าคิด  เพราะเจ้าฉลาด ถ้าเจ้าไม่ขัดขืน เจ้าอาจได้อิสระเข้าสักวัน ! “ - เซตตอน ให้ความหวังกับ จางเทีย

“ ข้าขอรู้ฐานะของข้าได้มั้ย.. “

“ โอลอร่า ยังไม่ได้บอกเจ้าเหรอ ?  เจ้าน่ะเป็นสมบัติของเธอ เอาจริงๆเจ้าเป็นทาสของเธอ  นี่คือฐานะเดียวของพวกคนร้ายที่โดนจับได้และยังมีชีวิตอยู่ ! “

“ บัดซบ ข้าเป็นทาสจริงๆด้วย  !” - จางเทีย ด่าในใจและแสดงสีหน้าหม่นๆออกมา

“ ไม่ต้องกังวล นอกจาก โอลอร่า แล้ว เจ้าไม่ต้องทำตามคำสั่งใคร ! “ - เซตตอน ตบไหล่ จางเทีย และปลอบเขา – “ ตามข้ามา เราจะเข้าไปในเผ่าอินทรีย์เทา เราต้องเดินเท้าเอา ! “
...
ตั้งแต่ที่เดินออกมาจากเกวียน  จางเทีย ก็เห็นว่าเขาขี่พาหนะแบบใดมา มันเป็นเกวียนธรรมดา สัตว์ก็เหมือนกับลาแต่ใหญ่กว่านอกจากเขาของมันที่เหมืนกับกวางแล้ว มันก็ยังมีรูปร่างเหมือนซ้อมด้วย

“ นี่คือกวางมูสซึ่งอยู่แค่ในป่าน้ำแข็งหิมะ มันเชื่อฟังและมีความต้านทานที่สูงแต่มันเคลื่อนที่เร็วไม่ได้ หลังจากที่กินไปหนึ่งมื้อมันสามารถเดินได้ 2 วันโดยไม่ต้องพัก มันคือสัตว์ลากเกวียนที่ดีทีสุดในป่าน้ำแข็งหิมะ ! “ – เมื่อเห็นว่า จางเทีย มองไปยังมูสหลายรอบ  เซตตอน ก็ได้อธิบาย

รถของ จางเทีย มีรถมากมายกว่า 30 คันตามมาซึ่งมีของต่างๆ หลังจากที่มองไปแล้ว จางเทีย พบว่าของส่วนมาคือของใช้ในชีวิตประจำวัน  บนลังตรงหน้า จางเทีย เห็นเครื่องหมายของเกลือ  นอกจากนี้ จางเทีย ยังเห็นเสื้อผ้าในพานหะอื่นๆ แม้แต่ของที่ถูกกองไว้ในรถของ จางเทีย เองก็ด้วย

รอบๆนั้นเหมือนกับทุ่งหญ้า  เนินทางตรงหน้านั้นทั้งชันและแคบซึ่งปกคลุมไปด้วยต้นไม้ต่างๆ  มีร่อยรอยของพาหนะที่ใจกลางเส้นทาง ทุกคนต่างก็ลงมาจากรถแล้วเดินเท้าเอา พวกเขาได้เริ่มผลักรถของตัวเองจากที่ดูแล้วพวกเขาทั้งพอใจและคึกคักกันมาก
ตอนนั้น โอลอร่า ได้ไปอยู่ข้างหน้าและคุยกับผู้ใหญ่คนนั้น

เมื่อเห็นว่าพวกนี้ทำงานกันอย่างหนัก  จางเทีย ก็รู้สึกอายที่จะเดินกอดอกไปเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจึงไปผลักรถช่วย

สำหรับเกวียนที่ว่างเปล่านั้น มูสได้ดึงมันขึ้นไปได้ง่ายๆ  ดังนั้นแล้ว จางเทีย จึงไม่ได้ใช้แรงอะไรมากมายนัก

ในตอนที่เขาอยู่ด้านบนเนินเขา เขาก็ได้เห็นเผ่าในป่าน้ำแข็งหิมะซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 1 ตร.กม.แต่ละที่นั้นล้วนแต่มีควันลอยออกมา
เมื่อเห็นพวกที่เดินเข้ามาก็ได้มีแตรดังขึ้น ในขณะเดียวกันพวกทหารม้าก็ได้พุ่งมาหาพวกเขาพร้อมกับตะโกน

จางเทีย มองไปที่เผ่าและทหารม้าพวกนั้นสักพักก่อนจะมองไปยังหน้าผาใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล  รอยแตกแต่ละรอยนั้นกว้างกว่าไมล์ พวกมันเหมือนกับรอยย่นบนหน้าที่ขยายไปเรื่อยๆ

“ รอยแตกไฮเดลาเหรอ ?” - จางเทีย เพิ่งรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน  เขาเริ่มคึกขึ้นมาทันที

พวกทหารม้ามาถึงตรงหน้าในเสี้ยวพริบตา ในตอนที่อยู่ห่างจากพวกเดินเท้าได้ 50 ม. หนึ่งในนั้นก็ได้ตะโกนออกมา  - “ โอลอร่า ญาติที่รักของข้า  ข้าได้ยินว่าเจ้าไปทำธุระด้านนอก ข้าสงสัยว่าเจ้าช่วยเผ่าอินทรีย์เทากับการได้รางวัลสำหรับฤดูหนาวมารึเปล่า  ทำไมเจ้าต้องทำงานหนักแบบนี้ ? ถ้าเจ้าเอ่ยปาก เจ้าส่งคนไปเอาของในคลังของเผ่าข้ามาก็ได้ .. “

รีวิวผู้อ่าน