px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 473: การมาถึงของเทพ (III)


Chapter 473: การมาถึงของเทพ (III)
จางเทีย ถือกาน้ำธรรมดเดินเข้าไปในสนามรบภายใต้แสงสะท้อนจากม่านสีเลือด
คนนับพันต่างก็คุกเข่ารวมไปถึง โอลอร่า  ทกุคนอึ้งกับการมาถึงของเทพ  ตอนนั้น จางเทีย ทั้งดูคุ้นเคยกับแปลกสำหรับ โอลอร่า  เธอแสดงท่าทีนับถือต่อ จางเทีย  จนกระทั่งตอนนี้ โอลอร่า ก็เพิ่งรู้ตัวว่าเธอไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้ที่ซึ่งเธอคิดว่าเธอเข้าใจเขาดี

ตอนนั้น จางเทีย เริ่มดูศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครกล้าที่จะมองเขาไปตรงๆ  โอลอร่า เองก็รู้สึกว่าตัวเองเล็กจ้อยไป เธอรู้ว่าคนตรงหน้าเธอไม่ใช่ ปีเตอร์ ที่เธอกอดและสัมผัสได้แบบเดิมอีกต่อไป

กาน้ำในมือ จางเทีย ได้เปลี่ยนเป็นน้ำพุที่มีน้ำไหลออกมาไม่รู้จับ  เขาเดินไปหาทหารที่คุกเข่าตรงหน้าแล้วราดน้ำในกาใส่พวกนั้น  ผุ้คนเริ่มเอะอะ ทกุคนได้ผลักกันเพื่อเข้ามาหา จางเทีย  พวกเขาได้มาคุกเข่าตรงหน้าแล้วเงยหน้ามอง จางเทีย ด้วยความเลื่อมใสและสิ้นหวัง  ในขณะเดียวกันก็เอื้อมมือสั่นๆออกมาต้องการอยากจะสัมผัสปาฏิหาริย์ของเทพ

ทุกคนลองจับดูและตระหนักได้ว่ามันคือน้ำจริงๆ น้ำที่ไหลออกมาจากกาน้ำอย่างต่อเนื่อง

ในตอนที่น้ำเย็นๆไหลผ่านมือ บางคนอดไม่ไหวที่จะดื่มมัน คนอื่นๆต่างก็เริ่มเอาน้ำลูบไปทั่วใบหน้าและร่างกายของตน

ตอนนั้นคนนับพันเริ่มร่ำไห้ออกมาไปพร้อมกับสายน้ำที่ไหลหลั่ง

ความสิ้นหวังได้หายไป พวกเขาเริ่มเห็นความหวัง..
ความเศร้าได้หายไป พวกเขาเริ่มโล่งใจกันขึ้นมา

น้ำตาที่ไหลหลั่งได้หายไปด้วยการมาของ ปีเตอร์...

พวกคนที่ไม่เชื่อเองก็สะอื้นออกมาเพราะความไร้ยางอายของตน...

มือนับไม่ถ้วนได้ยื่นมาจับตามเสื้อของ จางเทีย  แต่ไม่มีมือไหนที่กล้าแตะที่ตัว จางเทีย เลยเพราะกลัวว่าจะทำให้เขาต้องแปดเปื้อน  บางคนถึงกับจูบรอยเท้าของ จางเทีย ด้วย

จางเทีย คือตัวตนอันศักดิ์สิทธิ์

จางเทีย ได้เดินมาอยู่ตรงหน้า โอลอร่า   เธอเอื้อมมือออกมา ในตอนที่น้ำนั้นไหลมาที่ฝ่ามือของเธอ ความสงสัยที่เธอมีนั้นก็ได้หายไป – “ นี่คือปาฏิหาริย์ของเทพ เทพที่แท้จริง “ - - คนที่แสดงปาฏิหาริย์นั้นคือผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ

“ เจ้าคือคนของข้า เจ้าไม่ต้องคุกเข่าต่อหน้าข้า  !” - เสียงของ จางเทีย นั้นชัดเจน เขาจับมือของเธอให้ลุกขึ้นมา

เพราะบางอย่างแม้ว่าจะสนิทกับ จางเทีย แต่ โอลอร่า ก็ยังรู้สึกกลัวเหมือนกับจะได้รับบาดเจ็บจากพลังอันยิ่งใหญ่ในตอนที่ จางเทีย ได้ดึงมือของเธอขึ้นมา
จางเทีย ยังคงเดินต่อไปพร้อมมี โอลอร่า เดินอยู่ข้างๆ

จางเทีย เห็น โรสลาฟ และ วาจิด อีกทั้งคนของเขา  ถ้าเขาโดนคนเหล่านี้ที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นและเอาดาบปักไว้ที่พื้นด้วยมองด้วยสายตาที่เร่าร้อนแบบนี้ จางเทีย อาจจะหนีไปแต่ตอนนี้เขาต้องทนมัน

จางเทีย รู้ว่าตั้งแต่ที่เขาเริ่มทำมัน เขาไม่มีทางเลือกที่จะถอยได้อีก เขาต้องทำตัวเป็นเทพจนจบเรื่องนี้

จางเทีย ได้พ่นน้ำเข้าใส่ทหารของเผ่าหมีใหญ่ ทหารทุกคนดูเคลิบเคลิ้มไปกับมันราวกับเล่นกับสายฝน

โรสลาฟ และ วาจิด ยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น ด้วยความตื่นเต้นที่มีทำให้สายตานั้นแสดงความต้องการออกมามากกว่าเดิมอีก พวกเขารอบางอย่างอยู่...

จางเทีย กัดฟันแน่น...

ในตอนที่คนรอบๆเห็น จางเทีย หยดน้ำจากกาไปที่หน้าผากของ โรสลาฟ  พวกเขาก็ต้องกันหายใจและเบิกตากว้างในพิธีศักดิ์สิทธิ์แบบนี้
ทั้งสองคึกกว่าเดิม พวกเขาหลับตาแล้วเงยหน้าตัวเองขึ้น

จางเทีย หยดน้ำจากนิ้วตัวเองแล้ววาดเส้นแนวนอน 3 เส้นและเส้นแนวตั้งอีกเส้นบนหน้าผากทั้งคู่ มันคือตัวหนังสือจีน "" ขั้นตอนนี้มันเหมือนกับพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์

“ การอวยพรที่ข้าให้เจ้ามาจากนักรบที่กล้าหาญในป่าน้ำแข็งหิมะ จากวันนี้แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในความมืดและสิ้นหวังแต่ถ้าเจ้าตามแสงสว่าง,ความกล้าและความภักดีในใจ เจ้าจะอยู่บนเส้นทางแห่งเกียรติยศและไม่มีทางหลง ! “

หลังจากที่พูดจบก็ได้มีแสงสว่างครอบคลุมตัวทั้งคู่และได้มีประกายไฟสีม่วงได้รวมตัวกันเป็นหมีใหญ่ หลังจากคำรามออกมามันก็ค่อยๆหายไป

จางเทีย ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่เขายังคงใจเย็น พวกคนที่รู้ความหมายของมันนั้นต่างก็ช็อกขึ้นมาอีกครั้ง...

“ การระเหิดระดับ 2 การระเหิดระดับ 2 ... “- บางคนร้องออกมา

ไม่คาดคิดว่าไม่นานหลังจากเรื่องลึกลับตะกี้  โรสลาฟ และ วาจิต ได้ทะลวงผ่านการระเหิดระดับ 2 ได้
ทุกคนต่างก็คิดว่านี่เป็นเพราะ ปีเตอร์ และคำอวยพรที่เขียนไว้บนหน้าผากทั้งคู่ ตอนนั้นเองทุกคนต่างก็มอง โรสลาฟ และ วาจิด อย่างชื่นชม ตอนนั้นทั้งคู่ตื่นเต้นกันอย่างมาก
มีแค่ จางเทีย ที่รู้ว่าการระเหิดนี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา เขาไม่ได้มีความสามารถในการให้พวกนี้ยกระดับ เขาไม่รู้ว่าการระเหิดระดับ 2 นี่คืออะไรด้วย  การยกระดับนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและจิตวิญญาณ  พลังของจิตวิญญาณและความเชื่อของคนเรานั้นวิเศษ ในสถานการณ์วิเศษถ้าใครถูกกระตุ้น การพัฒนาก็จะระเบิดออกมา มันไม่แปลกที่คนธรรมดาจะสามารถยกของหนักได้ในตอนวิกฤต

ที่ซึ่งตอนนี้สองคนได้ยกระดับขึ้นมาในตอนวิกฤต บังเอิญจริงๆ ! หลังจากที่มองไปยังคนที่มองเขาอยู่ จางเทีย ก็รู้ว่าจากวันนี้จะไม่มีใครสงสัยในคำพูดเขาอีกต่อไป

นี่คือพลังของความเชื่อและจิตวิญญาณ !

พลังนี้ถ้าอยู่ในมือของคนจิตใจดีมันจะให้พลังกับทุกสิ่งแต่เมื่ออยู่ในมือบางคนพลังนี้จะดูน่ากลัวซึ่งสามารถทำลายทุกอย่างได้ราวกับพายุ

ตอนนั้น จางเทีย ต้องการพลังนี้ มีแค่พลังนี้ที่สามารถช่วยทุกคนออกไปจากที่นี่ได้

จางเทีย เดินไปยังสนามรบด้วยท่าทีเคร่งขรึม เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทุกคนก็ติดตามเขา  โรสลาฟ, วาจิด,และเผ่าหมีใหญ่ต่างก็เดินอยู่ด้านขวาของ จางเทีย   โรสลาฟ และ วาจิด ดูมีท่าทีเคร่งขรึมกับภารกิจครั้งนี้ พวกเขาเหมือนกับผู้พิทักษ์ของ จางเทีย     โอลอร่า นั้นเดินอยู่ด้านขวาของ จางเทีย ด้วย
...
ในตอนที่ม่านสีเลือดของ จางเทีย ได้เข้าไปใกล้สนามรบ ทั้งสองฝั่งทั้งนักสำรวจและพันธมิตรต่างก็เริ่มสงสัยและกังวลขึ้นมา เพื่อความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย พวกเขาได้กระจุกตัวรวมกันด้านหน้า เหลือทิ้งไว้แค่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บในสนามรบ พวกเขาต่างก็มองออกไปรอบๆ

ในตอนที่ม่านสีเลือดเข้ามาใกล้กว่าเดิน แสงสว่างนั้นก็แทบจะครอบคลุมทั่วทั้งสนามรบ สุดท้ายแล้วทหารก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าประกายไปสีเลือดนี้มันตกลงมาจากท้องฟ้า

พวกนี้ก็เหมือนกับพวกที่อยู่ด้านหลัง พวกเขาต่างก็เงียบเมื่อเห็นแบบนี้

จางเทีย ไม่ได้พูดอะไรแต่พวกคนที่อยู่ด้านหลังเขาเหมือนกับมีข้อตกลงกัน  คน 5000-6000 คนคำรามสิ่งที่ จางเทีย พูดตะกี้  เสียงนั้นดังซะจนทำให้พื้นที่ใต้ดินนี้สั่น ทุกคนรู้สึกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์

“ พวกคนที่เชื่อในข้าจะถูกช่วย ! “

….

“ พวกคนที่ติดตามข้า แม้จะเดินในทะเลทรายแต่ก็จะได้บ่อน้ำจากหิน... “

…..

“ ความมืดเกิดเพราะขาดแสงสว่าง ความผิดที่ทำก็เพราะความไร้เมตตา  เจ้าต้องทนทุกจากบาดแผลและความกลัวเพราะเจ้าแยกออกจากข้า ถ้าเจ้าต้องการได้รับการรักษา เจ้าต้องเปิดวิญญาณของเจ้าให้กับข้า.. “

เสียงนั้นเริ่มใกล้และดังขึ้นเรื่อยๆ เอาจริงๆแล้วมันดังก้องไปทั่วทั้งซาก ผลก็คือทหารและนักสำรวจทุกคนในสนามรบต่างก็เปลี่ยนสีหน้า
จางเทีย  โผล่มาในสนามรบด้วยท่าทีเคร่งขรึมพร้อมกับกาน้ำในมือ

น้ำได้ไหลออกมาตลอดตั้งแต่เดินมาถึงที่นี่...

ในตอนที่เห็นทหารที่ได้รับบาดเจ็บไม่ว่าจากพันธมิตรรึนักสำรวจ จางเทีย ก็จะหยุดก่อนจะกดลงไปที่หน้าอกพวกนั้น

ตามมาติดๆคือคนที่หิวกระกายได้มีแรงกลับมา...

พวกคนที่อาหารแย่ได้ตื่นขึ้นมา

แผลเล็กน้อยของคนเริมฟื้นฟู..

แผลที่ร้ายแรงเริ่มหยุดลุกลาม พวกเขามีโอกาสรอดกันมากกว่าเดิม
...
“ พวกคนที่เชื่อในข้าจะถูกช่วย ! “

….

“ พวกคนที่ติดตามข้า แม้จะเดินในทะเลทรายแต่ก็จะได้บ่อน้ำจากหิน... “

…..

“ ความมืดเกิดเพราะขาดแสงสว่าง ความผิดที่ทำก็เพราะความไร้เมตตา  เจ้าต้องทนทุกจากบาดแผลและความกลัวเพราะเจ้าแยกออกจากข้า ถ้าเจ้าต้องการได้รับการรักษา เจ้าต้องเปิดวิญญาณของเจ้าให้กับข้า.. “

เมื่อเห็นฉากที่น่าเหลือเชื่อและกาน้ำที่มีน้ำไหลออกมาตลอด  มิลาน ก็ได้ทิ้งอาวุธ เขาได้พึมพำออกมา – “ ปาฏิหาริย์ของเทพ..เราถูกช่วยแล้ว...เทพมาช่วยเราแล้ว.. “ – หลังจากนั้นเขาก็คุกเข่าลงที่พื้นแล้วเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างกับเด็ก
ในสนามรบทหารและนักสำรวจต่างก็ทิ้งอาวุธและคุกเข่าลงที่พื้น แม้ว่าทหารและนักสำรวจที่จิตใจแข็งแกร่งที่ไม่เคยร้องไห้กับการต่อสู้ ตอนนี้กลับร้องไห้ออกมาอย่างกับเด็กน้อย

แค่เพราะ...

ในความสิ้นหวังและมืดมิด....

ปาฏิหาริย์ของเทพ...มาช่วยมนุษย์ต่ำต้อยแบบพวกเขา !
...
ในเต็นท์ของพันธมิตร เมื่อเห็นคนมากมายได้เริ่มปรองดองและร่ำร้องเพลงด้วยกัน  หน้าของ แกนกูลา ก็ซีดลง เขาเริ่มตัวสั่นเมื่อเห็นทหารพันธมิตรแม้แต่ทหารของเผ่าหมีใหญ่เข้าร่วมทีมกับคนนั้น พวกนั้นไม่ได้สนใจมองมาที่เขาเลยด้วยซ้ำ...

...

“ พวกคนที่เชื่อในข้าจะถูกช่วย ! “

….

“ พวกคนที่ติดตามข้า แม้จะเดินในทะเลทรายแต่ก็จะได้บ่อน้ำจากหิน... “

…..

“ ความมืดเกิดเพราะขาดแสงสว่าง ความผิดที่ทำก็เพราะความไร้เมตตา  เจ้าต้องทนทุกจากบาดแผลและความกลัวเพราะเจ้าแยกออกจากข้า ถ้าเจ้าต้องการได้รับการรักษา เจ้าต้องเปิดวิญญาณของเจ้าให้กับข้า.. “

เสียงนี้เกือบทำให้แผ่นดินต้องสะเทือน

ตอนนั้นพวกคนที่คิดว่าตัวเองสูงส่งได้ต่ำต้อยลงมา

เมื่อเห็น จางเทีย เดินมาหาพวกเขาพร้อมกับกาน้ำ พวกเจ้าหน้าที่และทหารด้านนอกเต็นท์หลักต่างก็คุกเข่า แม้แต่หัวหน้าเผ่าก็รีบคุกเข่าต่อเทพที่ไม่คาดคิดด้วย แม้ว่า แกนกูลา ต้องการจะยืนยันความคิดของตนแต่เขาก็เริ่มรู้สึกว่าเท้าของเขาเริ่มอ่อนแอลง....
ซาบีน่า เองก็คุกเข่า ในตอนที่คนอื่นๆคุกเข่าข้างๆเธอ  ซาบีน่า เองก็ทำแบบนั้น  ด้านข้าง แกนกูลา เธอได้เผยรอยยิ้มออกมาและมองไปยังเทพด้วยท่าทีช็อกและพูดขึ้น – “ พี่ชายข้า เจ้าจะยังยึดเกียรติเมื่ออยู่ต่อหน้าเทพอีกรึไง ?”

แม้ว่า แกนกูลา จะเป็นหมาบ้าแต่เขาไม่ได้โง่  เขารู้ผลลัพธ์ของการต่อต้านในตอนนี้ ถ้าเขาทำตัวต่อต้าน เขานี่แหละที่จะตาย !

แกนกูลา เป็นคนสุดท้ายที่ยืนอยู่ในเต็นท์หลัก เขาต้องการรักษาเกียรติตัวเองให้นานกว่าเดิมแต่สุดท้ายเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับ ปีเตอร์  หน้าผากเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเมื่อเห็นสายตาของคนนับพันด้านหลัง จางเทีย  แม้แต่ โรสลาฟ และ วาจิด ที่อยู่ห่างเขาไป 50 ม.ก็เริ่มหรี่ตามองมาที่เขาด้วย

เมื่อเห็น แกนกูลา คุกเข่าลงไปต่อหน้า ในที่สุด จางเทีย ก็ถอนหายใจออกมา เขารู้ว่าเขาทำมันได้แล้ว

“ พวกคนที่ติดตามข้า ตราบใดที่มีจิตใตมั่นคง เจ้าจะสามารถเคลื่อนภูเขาและเปลี่ยนขุมนรกให้เป็นเส้นทางได้ นั่นคือคำสัญญาที่ข้ามีต่อพวกเจ้า... “

 

รีวิวผู้อ่าน