Chapter 484 : ตระกูลสเปนเซอร์ (I)
หลังจากประกาศภาวะฉุกเฉินในเอสไชน์ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ทั้งเมืองก็ต้องช็อกกับข่าวที่ว่ากองทัพของเผ่าหมีใหญ่ได้แห่กันมาที่นี่
ในวันที่สองแม้ว่าข่าวนี้จะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายในเมืองแต่สิ่งที่ทำให้คนในเมืองเอสไชน์อึ้งกว่าเดิมคือเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในวันก่อน
นักสำรวจที่ชื่อ ปีเตอร์ ได้กลายเป็นผู้นำของเผ่าหมีใหญ่
บุคคลในคำทำนายนั้นมีอยู่จริง
ก่อนที่จะได้เป็นผู้นำเผ่า นักสำรวจที่ชื่อ ปีเตอร์ ได้ช่วยคนนับหมื่นคนและได้แสดงปาฏิหาริย์ออกมาหลายครั้ง
ปีเตอร์ ได้เปลี่ยนกาน้ำธรรมาดมาเป็นน้ำพุซึ่งได้ช่วยชีวิตคนนับหมื่นๆไว้ได้ ...
คนที่ได้รับบาดเจ็บหลังจากที่โดนมือของ ปีเตอร์ แล้วก็หาย...
หลังจากโดนมือของ ปีเตอร์ นักสู้สองคนได้ขึ้นไปอยู่การระเหิดระดับ 2 ได้ทันที...
ปีเตอร์ ได้เทศน์ความจริงให้คนนับหมื่นได้ฟัง
ด้วยแรงบันดาลใจจากเรื่องที่เกิดขึ้น คนนับหมื่นได้กลายมาเป็นผู้ติดตามของ ปีเตอร์
ในตอนที่ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปในเอสไชน์ ทั้งเมืองก็เริ่มวุ่นวายราวกับน้ำเดือด แม้ว่าข่าวจะพูดกันปากต่อปากแต่มันก็มีสิ่งยืนยัน ซึ่งทำให้พวกเขากลัว ปีเตอร์ กันมากกว่าเดิม
ตอนนั้นไม่มีใครจำได้ว่า ปีเตอร์ คือคนเดียวกับที่โดนประกาศจับตัวเมื่อหนึ่งเดือนก่อนเลย
เพราะกองทัพของเผ่าหมีใหญ่ได้เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเมืองจึงเริ่มตึงเครียดกันมากกว่าเดิมและมีกองกำลังที่ซ่อนตัวเริ่มปรากฏตัวกันออกมา
พวกนี้ไม่ใช่กองทัพแสนคนทั่วไป พวกนี้เป็นคนระดับสูงของเผ่าหมีใหญ่ ในบรรดาพวกนี้ไม่ใช่แค่มีแคมป์ฆ่าหมีแต่ยังมีกองทหารซิปโปดอนซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็นค้อนทอร์โดย ปีเตอร์ ที่สำคัญกว่านั้นผู้อาวุโสสองคนและ ซาลิน ก็มาด้วย แม้ว่าผู้อาวุโสสองคนนี้จะเป็นอัศวินแต่ ซลิน นั้นคาดเดาไม่ได้ พวกนี้ได้เดินทางมาโดยติดตามคนในคำทำนายของสลาฟ
หลังจากที่รู้ข้อความเหล่านี้ คนธรรมดาก็เริ่มพูดถึงมันแต่สมาชิกของตระกูลสเปนเซอร์โดยเฉพาะพวกมีสิทธิตัดสินใจต่างก็เริ่มตึงเครียด
ในตอนที่กองทัพแสนคนได้ออกมาจากที่ราบคอสตาริ ผู้นำของเผ่าหมีทั่วป่าน้ำแข็งหิมะก็เริ่มตึงเครียดขึ้นไปด้วย
ประวัติศาสตร์ได้บอกไว้ว่าเผ่าหมีที่กระจายอยู่ทั่วป่าน้ำแข็งหิมะได้แยกตัวออกมาจากเผ่าหมีใหญ่ ดังนั้นมันจึงถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าหมีใหญ่ โดยเฉพาะในบรรดาผู้นำของเผ่าหมีใหญ่ มักจะเป็นที่พูดถึงกันว่าเผ่าหมีน่าจะกลับไปรวมเป็นเผ่าหมีใหญ่และเริ่มรับรู้ถึงความรุ่งเรืองของสลาฟอีกครั้ง
สำหรับผู้ปกครองเผ่า แน่นอนว่านี่ยากที่จะรับได้ หลังจากที่ได้เป็นหัวหน้าอยู่นาน พวกเขาไม่พอใจที่จะเป็นลูกน้องใคร ดังนั้นในตอนที่กองทัพของเผ่าหมีใหญ่ได้ออกจากที่ราบคอสตาริ พวกเขาก็เริ่มตึงเครียดและเริ่มเตรียมการป้องกัน
ในตอนที่กองทัพนับแสนของเผ่าหมีใหญ่ได้มุ่งหน้าไปยังรอยแตกไฮเดลา ผู้ปกครองของเอสไชน์ได้ถอนหายใจออกมาและเริ่มกังวลเกี่ยวกับเผ่าหมี บางคนถึงกับคาดว่าต้องมีผลลัพธ์ที่น่าสงสารเกิดขึ้นกับคนที่รอยแตกไฮเดลา ไม่คาดคิดว่าหลังจากผ่อนคลายได้ไม่กี่วัน พวกเขาก็ต้องเห็นทุกอย่างกลับตาลปัตร
ปีเตอร์ ได้กลายมาเป็นผู้นำเผ่าหมีใหญ่ หลังจากนั้นก็ได้ส่งกองทัพมาที่เอสไชน์
สองเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งไม่ได้มีเวลาให้ตระกูลสเปนเซอร์ได้เตรียมตัว เมื่อยินเสียงเดินทัพใกล้เข้ามา เผ่าหมีเหล็กก็เริ่มลนลาน...
ไม่มีใครคิดว่า ปีเตอร์ จะมาที่นี่เพื่อมาเดินเล่น
การเจอกับสถานการณ์แบบนี้ภายใต้ความตึงเคียดมหาศาล การตัดสินใจทุกอย่างที่ตระกูลสเปนเซอร์ทำต้องผ่านการเจรจาและการประชุม
...
ในเย็นวันที่ 8 พฤศจิกายน พวกคนมีอำนาจในเอสไชน์ได้มารวมตัวกันที่ปราสาทของเผ่าหมีเหล็กในเมือง
ภายใต้โคมไฟที่หรูหรา พื้นที่ตกแต่งอย่างดี แม้ว่าที่นี่จะเป็นที่ที่สวยงามและสง่าแต่เพราะภาวะฉุกเฉิน แม้แต่ยุงก็ไม่อาจบินเข้าในระยะ 50 ตร.ม.ได้
คนหลักๆในเผ่าได้มาปรึกษากันและตัดสินโชคชะตาของตระกูลสเปนเซอร์และเรื่องที่จะเกิดขึ้นในเอสไชน์ในอนาคต การปกปิดความลับที่นี่แน่หนาอย่างมาก ห้องนี้เป็นห้องปิดไม่มีหน้าต่าง ไม่มีใครนอกจากสมาชิกของตระกูลสเปนเซอร์ที่เข้ามาได้
ถ้า จางเทีย มาที่นี่ เขาคงพบเจอกับความต่างอย่างมากระหว่างตระกูลสเปนเซอร์กับผู้นำของเผ่าอื่นๆในป่าน้ำแข็งหิมะ ไม่มีสมาชิกคนในของสเปนเซอร์ที่อยู่ในห้องโถงที่เป็นคนเถื่อน พวกเขาล้วนแต่สวมชุดแบบตะวันตกและแต่งผมอย่างดี ถ้าไม่ใช่เพราะป้ายหมีเหล็กที่แสดงถึงเผ่าบนกำแพง ห้องนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากห้องสำนักงานของกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆเลย
ตอนนั้นในห้องปิดแห่งนี้กดดันอย่างมาก ในตอนที่ประชุมกันบรรยากาศก็เริ่มแผ่นออกมามากขึ้นเรื่อยๆ...
ตอนนี้สมาชิกทุกคนของตระกูลสเปนเซอร์ได้ยินสิ่งที่ทำให้การออกใบประกาศจับ ปีเตอร์แฮมเพสเตอร์ มาจากหัวหน้าตำรวจ เฮลโน
หลังจากที่ได้ยินรายงาน ห้องโถงก็กลับมาเงียบอีกครั้ง
เฮลโน คือลูกชายคนที่สามของ ทีลินสเปนเซอร์ และเป็นหมาป่าที่แข็งแกร่งที่สุดที่ดูแลเอสไชน์
หลังจากที่ได้ยินรายงาน ทีลิน ก็ได้มองไปที่ลูกคนที่สามของตัวเองและคนอื่นๆต่างก็เงียบ ก่อนที่จะอ้าปากพึมพำอกมา – “ เรื่องนั้นแก้ไปแล้ว ทำไม ปีเตอร์ ถึงยังมาโจมตีเอสไชน์อยู่อีก ! “
แม้ว่า ทีลิน ตั้งใจที่จะปกป้องลูกของตัวเองแต่สมาชิกคนอื่นๆไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจเกี่ยวกับมันเลย เพราะ ทีลิน พูดถูก นอกซะจากว่า ปีเตอร์ จะบ้ารึโง่ เขาคงไม่มีทางเปิดสงครามแน่
ชัดแล้วว่าคนบ้าและโง่ไม่อาจจะแสดงปาฏิหาริย์ของเทพออกมาได้ แม้ว่าเทพจะเป็นเรื่องแต่งขึ้นแต่เขาคงไม่มีทางหลอกคนนับแสนได้โดยไม่มีความฉลาดรึวิธีดีๆเลย คนบ้าและคนโง่ไม่มีทางที่จะเป็นผู้นำของเผ่าหมีใหญ่และรอดมาได้โดยที่โดนคนจากเกาะงูเวทย์ไล่ล่า ตราบใดที่ผู้อาวุโสทั้งสามของเผ่าหมีใหญ่ไม่ได้ตาบอด พวกเขาคงไม่ยอมให้คนบ้าพาทหารนับแสนมาที่นี่หรอก
“ แล้วถ้าเผ่าหมีใหญ่วางแผนว่าจะโจมตีเอสไชน์ล่ะ ? ถ้า ปีเตอร์ เป็นแค่หุ่นเชิดล่ะ ? นี่อาจจะเป็นเพราะเผ่าหมีใหญ่ พวกเขาได้ผลักดันเด็กให้ขึ้นบัลลังก์และใช้เขาในการรวมป่าน้ำแข็งหิมะ ! “ – สมาชิกคนหนึ่งได้พูดขึ้นมาด้วยท่าทีจริงจังหลังจากที่คิดมาสักพัก
หลังจากที่ได้ยินทุกคนต่างก็ช็อก มันเป็นไปได้จริงๆแต่สมาชิกคนอื่นต่างก็มีความเห็นต่างกัน
“ คำทำนายของ เอลซีด้า น่ะศักดิ์สิทธิ์อย่างมากในเผ่าหมีใหญ่ พวกเขาเชื่อคำทำนายนี้มากว่าร้อยปี นี่คือความเชื่อของพวกเขา ถ้าใครต้องการจะทำอะไรในเผ่าหมีใหญ่ เขาต้องได้รับการอนุญาตจาก ซาลิน อีกอย่างแล้วถ้าเผ่าหมีใหญ่ตั้งใจที่จะยึดเอสไชน์ พวกเขาคงไม่ต้องส่งคนมาแค่แสนคน อย่างน้อยมันน่าจะมีทหารราบมาด้วย อีกอย่างพวกเขาต้องมีอาวุธกันเพียงพอแต่ตามข้อมูลที่เราได้มา ไม่มีอาวุธรึอุปกรณ์ที่พวกกองทัพนี้ขนกันมาเลยสักนิด “
“ บางทีมันอาจจะเป็นกลลวงเล็กน้อย กูลาส และ โทเลส น่ะทำมันขึ้นมาได้ง่ายๆ ถ้าพวกเขาเตรียมการกันได้ดีพอในตอนที่ออกจากที่ราบคอสตาริ เราคงรู้ว่าพวกเขาต้องการทำอะไร ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะได้เตรียมการตอบโต้ได้ ! อีกอย่างถ้าพวกเขาต้องการที่จะยึดเอสไชน์ พวกเขาก็ไม่ต้องโจมตี พวกเขาแค่ล้อมเมืองไว้ให้เราไปสู้ด้านนอก ! “
เมื่อได้ยินความเห็นที่ต่างไป พวกเขาก็เริ่มเถียงกันจน ทิลิน ต้องไอออกมาสองครั้ง
“ วูลี ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงหากเราสู้กับกองทัพแสนคนของเผ่าหมีใหญ่ ? “ – ผู้นำของตระกูลสเปนเซอร์ได้ถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งออกมา