Chapter 490 : เดินทางพันกิโล
ก่อนที่จะเช้า แสงสีแดงเลือดก็ได้ปรากฏที่เส้นขอบฟ้าซึ่งไม่ใช่แสงอาทิตย์แต่เป็นไฟในเอสไชน์
หลังจากที่เดินทางมาได้ 11 ชม. ในที่สุด จางเทีย ก็ได้มาถึงชานเมืองพร้อมกับทหารของเขา
หลังจากเดินทางมากว่า 1000 กม. แม้แต่ซิปโปดอนที่แข็งแรงที่สุดก็ยังรู้สึกเหนื่อยอย่างมาก
ในป่าอันหนาวเย็นหลังจากที่วิ่งมาทั้งคืน ซิปโปดอนกว่า 5000 ตัวเหมือนกับหม้อสีแดงที่พ่นไอน้ำออกมาเมื่อเจอกับอากาศหนาวเย็น
นี่เป็นเนินเขาเล็กที่ห่างจากด้านตะตัวตกเฉียงเหนือของเมืองมา 20 กม. มีสายน้ำไหลผ่านที่ตีนเนินเขา แม้ว่า จางเทีย จะรู้สึกกังวลอย่างมากในใจแต่เขาก็ต้องหยุดกลุ่มค้อนทอร์และพักก่อนเพื่อที่จะไปรับมือกับการต่อสู้ที่จะเข้ามา
ไม่ว่าลูกดอกนั้นจะทรงพลังแค่ไหนแต่เมื่อพลังมันหมดแล้ว มันก็ถูกทำลายได้ง่ายๆราวกับเศษผ้า แม้ว่ามันจะดูเจ๋งในการมุ่งหน้าไปที่เอสไชน์แต่มันก็ถือว่าเป็นเรื่องท้าทายอย่างมากสำหรับพวกทหารและซิปโปดอน ทหารยังคงพอรับมือมันได้แต่ซิปโปดอนนั้นเหนื่อยอย่างมาก ถ้าพวกเขาไม่พัก ความสามารถในการต่อสู้จะลดลง
“ พักครึ่งชั่วโมง จากนั้นเราจะเดินทางต่อ ! “
ไม่นานหลังจากที่ จางเทีย ได้สั่งออกไป ทหารทุกคนได้โดดลงจากหลังซิปโปดอนแต่ไม่มีสักคนที่ไปพัก พวกเขากลับไปดูแลซิปโปดอนเพื่อฟื้นฟูแรงให้พวกมันแทน นี่คือสิ่งที่พวกทหารม้าต้องชำนาญ ซึ่งรวมไปถึงทหารม้าของเผ่าหมีใหญ่หลังจากที่ฝึกกันมาเป็นร้อยๆปี มันคือการนวด หลังจากที่นวดเสร็จแล้วแรงกายของซิปโปดอนและความสามารถในการวิ่งจะฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่า จางเทีย ไม่รู้เกี่ยวกับทักษะนี้แต่เขามีอีกวิธี หลังจากที่โดดลงมาจากซิปโปดอนของตัวเอง จางเทีย ก็ได้เอามือไปวางที่ตัวซิปโปดอน หลังจากที่ล็อคเป้าไปที่ท้องของซิปโปดอนได้ด้วยพลังวิญญาณ จางเทีย ก็ได้ฉีดยารักษารอบด้าน 6 ขวดเข้าไปในท้องของมัน
นี่คือวิธีที่ เฮลเลอร์ สอนตอนทำตัวเป็นเทพตอนอยู่โลกใต้ดิน ในตอนที่พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งพอและคู่ต่อสู้นั้นผ่อนคลาย สารตั้งต้นด้านใน Castle of Black Iron สามารถเอาออกผ่านเซลล์ได้ ด้วยวิธีนี้ จางเทีย จึงสามารถฉีดยาเข้าท้องอีกฝ่ายได้
จางเทีย ได้ใช้มันออกมาในนามของปาฏิหาริย์โดยแตะไปที่ตัวคนเจ็บป่วยเพื่อรักษาพวกเขา
แน่นอนว่าบางคนเห็นการเคลื่อนที่ของ จางเทีย แต่พวกเขาไม่ได้สนใจอะไรมาก ในตอนที่ จางเทีย ได้ทิ้งซิปโปดอนเอาไว้และปีนกลับขึ้นที่เนินเขาเพื่อสังเกตสถานการณ์ของเมืองด้านล่างพร้อมกับคนจำนวนหนึ่ง หนึ่งในคนคุ้มกันของ จางเทีย ก็ได้เดินไปที่ซิปโปดอนของ จางเทีย เพื่อทำการนวดให้แต่เขาพบว่าซิปโปดอนของ จางเทีย นั้นฟื้นฟูแรงขึ้นมาได้แล้วซึ่งทำให้ทหารใกล้ๆนั้นสงสัยขึ้นมา....
จางเทีย ได้กลับขึ้นไปที่บนยอดเขาและมองดูไฟที่ลุกไหม้ในเอสไชน์ เขากำหมัดแน่นและได้มีความเจ็บปวดแสดงออกมาผ่านสายตาของเขา จางเทีย รู้ว่าต้องมีคนตายในทุกวินาทีที่เอสไชน์
ถ้าเขาอยู่คนเดียว จางเทีย คงมุ่งหน้าไปที่เอสไชน์ทันทีแต่ในฐานะหัวหน้ากลุ่มค้อนทอร์ เขาต้องรับผิดชอบคนพวกนี้ เขาไม่อาจส่งพวกนี้ไปตายได้เพราะความหุนหันของเขา
ดังนั้นแม้ว่าเอสไชน์ที่ปกคลุมไปด้วยเลือดในตอนนี้แต่ถึงยังไงกลุ่มค้อนทอร์ก็ยังต้องพักครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
ตอนนั้นในที่สุด จางเทีย ก็ได้เข้าใจสำนวนที่ว่าคนใจดีไม่เหมาะที่จะควบคุมกองทัพเพราะไม่ว่าเขาจะตัดสินใจยังไง เขาก็ต้องเสียสละหลายชีวิต
จางเทีย กำหมัดแน่และหลับตาลงหลายวินาที หลังจากที่ลืมตาขึ้นมาเขาดูเด็ดขาดขึ้นมากกว่าเดิม
โรสลาฟ, วาจิด และหัวหน้าทหารบางคนได้ตาม จางเทีย มา เมื่อเห็นว่าเมืองนั้นเต็มไปด้วยเสียงโหยหวน พวกเขาก็ได้แสดงสีหน้านิ่งขรึมออกมา
หลังจากเกิดระเบิด ปราสาทหมีเหล็กได้โดนทำลายโดยระเบิดของนักเล่นแร่แปรธาตุ ตระกูลสเปนเซอร์ได้รับความเสียหายอย่างมาก ศูนย์สั่งการของตระกูลใช้งานไม่ได้ขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่ามีคนตายไปเท่าไหร่เพราะระเบิดนี้ พวกเขารู้แค่ว่าพวกชั้นสูงของตระกูลได้ทำการประชุมอยู่ข้างในปราสาทตอนที่เกิดระเบิดขึ้นมา ตามมาติดๆด้วยหุ่นเชิดปิศาจมากมายได้ปรากฏตัวขึ้นมาในเอสไชน์เปลี่ยนให้เมืองนี้กลายเป็นนรก
พวกซอมบี้ตอนแรกนั้นมาจากทหารอย่างน้อย 80,000 คน ไม่มีใครรู้ว่าคนธรรมดาในเมืองจะเปลี่ยนเป็นซอมบี้กันได้มากแค่ไหน
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม จางเทีย ถึงได้รีบมาที่นี่ การปรากฏตัวของพวกซอมบี้บ่งบอกถึงปิศาจรึไม่ก็กลุ่มสามตาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดตรงหน้าคือจำนวนซอมบี้รึพวกที่โดนหนอนควบคุม หลังจากเรื่องในเมืองสวรรค์แล้ว จางเทีย รู้ถึงความน่ากลัวของพวกซอมบี้ ถ้าซอมบี้โดนหนอนควบคุม มันก็จะยิ่งน่ากลัวไปอีก
ตอนนั้นภายใต้สายตาของทุกคนบนยอดเขา ทหารม้าประมาณ 50 คนไม่นานก็มาถึงตีนเขาพร้อมกับชูธงของเผ่าหมีใหญ่
หลังจากที่ได้รับข่าวจากเอสไชน์เมื่อคืนนี้ จางเทีย ได้สั่งให้ทหารแนวหน้าของเผ่าไปช่วยคนให้ได้มากที่สุด ดังนั้นทหารแนวหน้ากว่า 3000 คนจึงมาถึงที่นี่ไม่กี่ชั่วโมงก่อน
หัวหน้าของทหารได้นำทาง จางเทีย และคนอื่นๆในกลุ่มมค้อนทอร์ไป
“ ผู้นำ ! “ – เสียงหัวหน้าดังขึ้นมา ได้ยกมือขวาขึ้นแล้วทุบลงไปที่อกซ้าย
“ สถานการณ์ในเมืองเป็นยังไงบ้าง ?” - จางเทีย ถามออกมาตรงๆ
“ มันวุ่นวายมาก ทั้งเมืองสับสน ผู้คนถูกฆ่าทั่วทุกที่ ทีมของเราเพิ่งไปถึงที่นั่นไม่ถึง 2 ชม. ดูจากสถานการณ์ที่วุ่นวายนี้ เราคงเข้าไปลึกไม่ได้ ภายใต้คำสั่งของหัวหน้า เราได้เปิดประตูฝั่งเหนือออกและให้คนที่รอดหนีออกมาจากที่นั่นได้ ! “
“ มีซอมบี้กี่ตัวในเมือง ? “
“ อย่างน้อย 600,000 ในบรรดาพวกนั้นมีทหารทั่วไป 150,000 คน เพราะซอบบี้ได้ฆ่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่มันเห็น ทหารน้อยคนนักที่ไม่ได้เป็นซอมบี้แล้วสู้กับพวกมัน สเปนเซอร์ควบคุมมันไม่ได้แล้ว ทุกคนสู้เพื่อตัวของตัวเอง ! “
“ พวกซอมบี้ลงมือเหมือนเป็นกลุ่มรึเปล่า ?พวกมันเหมือนมีคนคอยสั่งการอยู่รึเปล่า ? “
“ แนวหน้าได้สู้กับซอมบี้พวกนั้นแล้ว พวกมันบ้าคลั่งเกินไปที่จะฆ่ามันได้แต่พวกมันไม่ได้ลงมือกันเป็นกลุ่ม พวกมันแค่ฆ่าทุกอย่างที่พวกมันเห็น ! “
จางเทีย คิดสักพัก – “เจ้ารู้มั้ยว่าที่ไหนมีซอมบี้ชุกชุมที่สุด ? “
“ ข้าได้ยินมาจากคนที่หนีมาได้ ที่ที่ซอมบี้ชุกชุมที่สุดคือที่ที่ใกล้กับปราสาทหมีเหล็ก ! “
“ ใกล้กับปราสาทหมีเหล็ก ? “ - จางเทีย คิดสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา – “ ตระกูลสเปนเซอร์จบสิ้นแล้ว ปราสาทหมีเหล็กและที่ข้างเคียงเองก็ด้วย แต่ตอนนี้ปราสาทหมีเหล็กได้ระเบิดเป็นชิ้นๆ หลังจากที่ซอมบี้กระจายตัวออกมา จะมีสเปนเซอร์สักกี่คนที่ยังรอดมาได้อีก นั่นแหละคือคำถาม “
แม้ว่าไม่ได้เห็นมันด้วยตัวเองแต่ จางเทีย ก็ยืนยันได้ว่าหนอนปิศาจนั้นอยู่ในปราสาทหมีเหล็ก บางทีการระเบิดนี้ได้ฆ่าหนอนปิศาจไปพร้อมกับปราสาทหมีเหล็ก ดังนั้นถึงได้มีซอมบี้จำนวนมากไปรวมตัวกันรอบๆปราสาทหมีเหล็ก
“ ดี ข้ารู้ กลับไปบอกทหารแนวหน้า คุ้มกันประตูด้านเหนือ กลุ่มทอร์จะไปถึงในไม่ช้า ! “
“ ได้ครับ ! “ - หัวหน้าได้ทุบอกอีกครั้งก่อนจะออกไปอย่างรวดเร็ว
จางเทีย ได้ไปยังพวกหัวหน้าของกลุ่มทอร์ หลังจากที่ได้ยินรายงาน หัวหน้าของกลุ่มทอร์นั้นไม่ได้ดูกังวล พวกเขากลับตาเป็นประกายขึ้นมาแทน
ภัยพิบัติสำหรับตระกูลสเปนเซอร์นี้ถือว่าเป็นโอกาสสำหรับเผ่าหมีใหญ่
“ เอาแผนที่เมืองเอสไชน์มาให้ข้า ! “
หลังจากที่ จางเทีย พูดจบ ที่ปรึกษาของทีมก็ได้เอาแผนที่มากางไว้ตรงหน้าเขา
สำหรับเผ่าในป่าน้ำแข็งหิมะ ถ้าส่งกองทัพออกมาแล้ว แต่ละกองทัพก็ต้องเอาแผนที่ของที่ของเผ่าอื่นๆมาด้วย โดยเฉพาะเอสไชน์ พวกเขาสามารถซื้อมันได้ที่เอสไชน์ในราคาไม่กี่เงิน พวกเขาสามาถส่งคนมาที่นี่เพื่อดูรอบๆเอสไชน์ก่อนจะวาดแผนที่กองทัพตามแผนที่เดิมได้อีก
หลังจากที่กางแผนที่และกดทั้งสี่มุมของแผนที่ด้วยตะเกียงแล้ว หัวหน้าของทีมทอร์ทั้งหลายก็ไปยืนรอบๆแล้วมองแผนที่พร้อมกับกลั้นหายใจ จางเทีย มองไปสักพักก่อนจะวาดวงกลมลงไปประมาณ 5-6 ตร.กม.ด้วยปากากสีแดงที่ตรงหน้าซึ่งเป็นปราสาทหมีเหล็กของเมืองเอสไชน์ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มบอกแผนต่อสู้ออกมา....