Chapter 491 : การปราบปราม
แผนของ จางเทีย เรียบง่ายมาก กำจัดซอมบี้ทุกตัวในเขตชุมชนโดยใช้ความแข็งแกร่งและความเร็วของกลุ่มค้อนทอร์ไปรอบๆเมืองตามวงกลมสีแดง อีกอย่างการจะฝ่าเข้าไปในกำแพงเมืองที่เชื่อมต่อเขตชุมชุนทั้ง 6 เพื่อที่จะสร้างเส้นทางให้คนที่รอดชีวิตอยู่หนีออกมาได้
ด้วยความต่างจากแผนที่ทั่วไป ความกว้างและลึกของเขตชุมชุนทั้งหกของเมืองเอสไชน์จึงถูกทำเครื่องหมายไว้เพื่อให้สะดวกสำหรับพวกซิปโปดอนรึแรดม้าทั่วไป
จางเทีย ต้องการแค่อย่างเดียวเกี่ยวกับแผนนี้คือกองทัพต้องคล่องแคล่วและรวดเร็ว เดินหน้าไปเรื่อยๆไม่งั้นแล้วเมื่อโดนซอมบี้ล้อม พวกกลุ่มทอร์คงเหมือนกับเสือที่โดนขังไว้ในกับดัก
ถ้ากลุ่มทอร์มีทหาร 50,000 คน บางที จางเทีย อาจคิดที่จะไปดูในเขตข้างเคียงของปราสาทหมีเหล็กแต่ในสถานการณ์ตอนนี้มันยากอย่างมากสำหรับกลุ่มทอร์
“ ในฐานะเจ้าหน้าที่และหัวหน้าหน่วย เจ้าต้องจำไว้หนึ่งอย่างหลังจากที่พาคนเข้าไปในเอสไชน์ได้ ถ้าเจ้าเสียความเร็วไป เจ้าจะตาย การต่อสู้ครั้งแรกของกลุ่มทอร์จะอยู่จนกว่าจะถึงเที่ยงวัน จากนั้นพวกเจ้าต้องถอยจากประตูทิศเหนือ หลังจากนั้นก็ไปรวมตัวกันด้านนอกประตูและพัก ข้าไม่คาดหวังว่าจะเห็นทหารคนไหนติดอยู่ในเมือง แม้ว่าการตายจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ข้าไม่อนุญาติให้กลุ่มทอร์ตายนอกซะจากว่าอยู่บนหลังของซิปโปดอนพร้อมกับเคลื่อนที่ไปด้วย ข้าพูดชัดเจนมั้ย?”
เพราะ จางเทีย เคร่งขรึม เจ้าหน้าที่ทุกคนในกลุ่มจึงพยักหน้ากันด้วยท่าทีจริงจัง
“ ดี สั่งคำสั่งข้าต่อไปให้คนของเจ้า เราจะออกไปทันที ! “
หัวหน้าทุกคนได้ทุบอกซ้ายของตัวเองอย่างแรง
...
ครึ่งชั่วโมงนี่มันจริงๆแล้วไม่นาน หลังจากที่ทหารม้าทำการนวดซิปโปดอนเสร็จและให้พวกมันพักดื่มน้ำ พวกเขาก็พักกันไม่ถึง 5 นาที ในตอนที่มีแสงขึ้นที่ปลายขอบฟ้าพวกเขาก็ออกเดินทางกันอีกครั้ง
เร็ว,เร็ว,เร็ว --- นี่คือสิ่งที่หัวหน้าของพวกเขาต้องการ ทหารแต่ละคนจดจำมันไว้ในใจ
ในตอนที่ห่างจากเมืองไป 10 กม. พวกเขาก็เห็นพลเมืองมากมายหนีออกมาจากเมืองด้วยท่าทีลนลาน
ผู้คนพวกนี้ได้ตื่นขึ้นเพราะความกลัวและเสียงเท้าของซิปโปดอน พวกเขารีบหลีกทางให้ พวกเขาไปซ่อนตัวข้างๆแล้วเบิกตากว้างมองไปยังกองทัพทหารม้าที่ผ่านตรงหน้าไป
“ พ่อ ...พวกเขา...เป็นใครกัน ?” – เด็กอายุ 11-12 ปีถามพ่อตัวเองด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความกลัวและจ้องไปยังซิปโปดอนตัวหนึ่งซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
เมื่อมองไปยังซิปโปดอนเหล่านั้น พ่อของเด็กก็เงียบไปสักพักและได้แสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด มีแค่เผ่าเดียวที่มีทหารซิปโปดอนมากแบบนี้ได้ในป่าน้ำแข็งหิมะ นี่ต้องเป็นกองทัพแสนคนของเผ่านี้ซึ่งทำให้เอสไชน์ต้องตกอยู่ในความกลัวมาหลายวัน
“ พวกเขาคือ....พวกเขาคือหน่วยอัศวินราชา ! “
ตอนนั้นชายคนนั้นไม่รู้ว่าพวกนี้ได้เปลี่ยนชื่อแล้ว
“ หน่วยอัศวินราชา... “ – เด็กน้อยมองไปยังหลังของเหล่าทหารที่พุ่งเข้าไปในเมือง จากนั้นภาพแผ่นหลังและสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งได้ฝังลึกในใจของเขาซึ่งจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต
ในตอนที่หนีออกมาจากนรกได้กลับมีพวกอื่นพุ่งเข้าหานรกแทน !
เด็กน้อยนั้นไร้เดียงสาอย่างมาก
...
ในเสี้ยวพริบตาประตูทางด้านเหนือของเมืองก็ปรากฏมาตรงหน้า จางเทีย
ในตอนที่จางเทีย ไปถึง เขาได้เห็นทหารแนวหน้ากว่า 3000 คนของเผ่าหมีใหญ่สู้กับซอมบี้ 6000-9000 ตัว พวกเขาได้สู้กันจากนอกประตูเมืองจนมาถึงประตู
ในตอนที่ทหารแนวหน้าได้ยินเสียงเท้าของซิปโปดอน พวกเขาก็รีบหลีกทางให้ปล่อยให้ซอมบี้พุ่งออกมาจากเมืองผ่านทางประตู
เมื่อเห็นหน้าตาน่าเกลียดของเหล่าซอมบี้ ความต้องการฆ่าก็ปะทุขึ้นมาในหัว จางเทีย เขารู้ว่าคนพวกนี้ได้ตายไปแล้ว พวกนี้คือศพที่โดนแมลงควบคุมเอาไว้อยู่....
ในตอนที่ซอมบี้ได้พุ่งออกมาจากเมือง พวกมันก็เห็นซิปโปดอนพุ่งเข้าหามัน
ตามมาติดด้วยเสียงกระดูกที่หัก,และแจกันที่ตกลงมาที่พื้นจากชั้นสามและสี่ดังขึ้นมาจากประตูด้านเหนือของเมือง
ซอมบี้จำนวนมากถูกชนและกระเด็นกลับไปหลายสิบเมตร แต่ละตัวที่ชนกับซิปโปดอนกลิ้งไปราวกับลูกบอลเนื้อ สำหรับพวกที่ชนเข้ากับพื้น ก่อนที่จะได้ลุกขึ้นมาได้ พวกมันก็ถูกกีบเท้าของพวกซิปโปดอนเตะซ้ำ
ทหารม้าได้เอาหอกออกมาและแทงไปที่หัวของซอมบี้ได้อย่างแม่นยำและเฉียบคม หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้สะบัดหอกและฉีดพลังฉีของตัวเองเข้าไประเบิดหัวของซอมบี้เหล่านั้นซะ
จางเทีย พุ่งไปข้างหน้าทีม แต่ละครั้งที่เขาสะบัดค้อนของตัวเอง เขาจะผ่าตัวของซอมบี้เป็นชิ้นๆราวกับแตงโมและทำให้พวกมันกระเด็นกลับไปหลายสิบเมตรเข้าใส่ซอมบี้ด้านหลัง
หัวหน้าหน่วยด้านหลัง จางเทีย ได้กวาดหอกตัวเองเป็นแนวนอนใส่ซอมบี้ราวกับใช้กระบองไม้ซึ่งทำให้ซอมบี้แถวนั้นต้องกระเด็นกลับไปด้วยท่าทีแปลกๆ
หอกพลังฉีได้สร้างการเชื่อมต่อกับซอมบี้ 5-6 ตัวราวกับเชือกและเมื่อมีพลังฉีผ่านมามันก็ได้ระเบิดซอมบี้เหล่านั้น
ภายใต้การจับตามองของทหารแนวหน้า 3000 คน ทหารม้า 5000 คนได้สร้างรูปแบบสามเหลี่ยมขึ้นมา หลังจากนั้นหัวธนูก็ได้พุ่งเข้าใส่ซอมบี้ 7000-8000 ตัวโดยไม่ลดความเร็วลงเลย
หลังจากนั้นหัวธนูก็ได้พุ่งผ่านประตูทางด้านเหนือของเมืองแล้วหายไปตรงหน้าพวกเขาเหลือทิ้งไว้แค่บ่อเลือดยาวกว่าร้อยเมตร มีซอมบี้เหลือแค่ 7000-8000 ตัวตรงนั้น พวกเขายืนอยู่ข้างๆทั้งสองฝั่งของบ่อเลือดด้วยท่าทีสับสนและมองไปรอบๆราวกับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นี่คือกลุ่มทอร์ นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในเฮลเลอร์ที่มีผู้นำ นำทัพมา
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีทหารแนวหน้ากว่า 3000 คนก็ได้ตะโกนออกมา หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็พากันพุ่งเข้าไปฆ่าซอมบี้ที่เหลือ จกานั้นก็ได้ทำการควบคุมประตูทางด้านเหนือเอาไว้ได้อีกครั้ง
จางเทีย เองก็ช็อกกับการต่อสู้ครั้งแรก ทหารม้าที่แข็งแกร่งแบบนี้นั้นคือความฝันของคนสั่งการ จางเทีย มั่นใจในความแข็งแกร่งของทีมตัวเองว่าต้องอยู่ในหนึ่งในห้าของทีมในตระกูลแบล็คซอนหากมีจำนวนคนเท่ากัน นี่ไม่ต้องพูดถึงป่าน้ำแข็งหิมะเลย
แต่มีทหารแค่พันทีมทั่วตระกูลแบล็คซอน
หลังจากที่เข้าไปทางประตูทางทิศเหนือได้ กลุ่มทอร์ก็ไม่ได้หยุด พวกเขาได้แยกกันเป็นสามส่วน จางเทีย ได้พา 2000 คนเดินหน้าต่อ ส่วนอีกสองทีมได้แบ่งกันเป็นทีมละ 1500 คนออกไปทั้งสองฝั่ง
ทั้งสามทีมได้เดินหน้าไปทางทิศใต้ของเมืองต่อ ....
...
ถนนหลักทั้งหกเส้นในเมืองกว้างอย่างมาก ประโยชน์จากการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม,การค้าในเมือง ความกว้างของถนนแต่ละเส้นนั้นกว้างกว่า 40 ม.
เพราะได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองจึงไม่มีพาหนะให้เห็นตามท้องถนนเลย
จากประสบการณ์ของ จางเทีย แล้ว คนธรรมดาในเมืองคงจะซ่อนตัวอยู่ในบ้านรึไม่ก็เลือกเส้นทางลับรึที่ปลอดภัยเพื่อหนีออกมาจากเมืองพร้อมกับครอบครัวรึเพื่อนบ้าน พวกคนที่สู้กับซอมบี้ได้คงแค่อาศัยภูมิประเทศ ไม่มีใครกล้าที่จะใช้ถนนเส้นหลักเพื่อดึงความสนใจจากซอมบี้นอกซะจากว่าอยากตาย แต่พวกคนที่อยากจะหาเรื่องตายจริงๆคงตายมากกว่านี้ไม่ได้แน่
ดังนั้นพวกที่เดินอยู่บนเส้นทางหลักในเมืองจึงเป็นซอมบี้ทั้งหมด สิ่งที่อยู่ตรงหน้า จางเทีย คือสิ่งยืนยัน
เมื่อเห็นซอมบี้พุ่งเข้าหาซิปโปดอนของเขาด้วยตาที่แดงกล่ำ จางเทีย ก็ได้คำรามแล้วได้เหวี่ยงค้อนของเขาเข้าใส่พวกนั้นพร้อมกับความช่วยเหลือจากทหารทั้งสองพันคนที่มาด้วย
เมื่อพวกเขาเดินหน้ากันต่อไป ด้านหลังพวกเขาจะมีแค่กองเลือดหลงเหลืออยู่เท่านั้น
การเจอกับพวกสมองช้าอย่างซอมบี้ที่รู้แค่การฆ่าโดยใช้สัญชาตญาณ กลุ่มทอร์ได้เปรียบอย่างมาก ในเส้นทางหลักพวกทหารม้าต้องทำแค่ต้องจัดขบวนไว้, ตามทีมไป, ยกหอกขึ้น,พุ่ง,พุ่ง,พุ่งไปข้างหน้าต่อ
ไม่มีซอมบี้ตัวไหนที่ขวางทางพวกเขาได้
ถ้าซอมบี้มีความฉลาดบ้าง พวกมันคงตั้งที่ขวางเส้นทางเพื่อให้พวกเขาเปลี่ยนกลยุทธรึไม่ก็วิธีสู้ ด้วยวิธนี้นั้นพวกมันจะได้สร้างปัญหาให้กับกลุ่มทอร์ได้
แต่พวกซอมบี้ก็แค่หนอนที่ฝังอยู่ในหัว พวกมันรู้จักแค่การฆ่าและการทำลาย พวกมันไม่มีความฉลาดเลยสักนิด ดังนั้นพวกมันจึงทำแค่สองอย่างกับกลุ่มทอร์ พุ่งเข้าหาทหารม้าและสะบัดแขนขาของมันไปมาพร้อมกับกรีดร้องเข้าใส่รึไม่ก็ไล่ตามพวกเขา
แต่กลุ่มทอร์ทำแค่อย่างเดียว แต่ละทีมจะเลือกถนนมาหนึ่งเส้นและวิ่งไปข้างหน้าเป็นทีมต่อไป
ตอนแรกหัวหน้าหน่วยสองคนไม่เข้าใจคำสั่งของ จางเทีย ที่ว่าให้วิ่งไปตามเส้นทางหลัก ในใจพวกเขาคิดว่าหากพวกเขาฆ่าซอมบี้ได้ในเส้นทางหลักสักสองรอบ พวกเขาคงไม่ต้องฆ่าซอมบี้อีกแต่ในตอนที่พวกเขาวนไปทั่วเส้นทางหลักของตน พวกเขาก็พบว่าพวกเขาไม่สามารถกำจัดพวกมันทั้งหมดได้เพราะซอมบี้จากที่ไกลๆนั้นไม่นานก็จะมาถึงหลังจากที่ได้ยินเสียงร้องของพวกตัวเอง
สิ่งที่หัวหน้าหน่วยสองคนนั้นต้องทำคือต้องเคลียร์เส้นทางของต้นทั้งหน้าและหลังซึ่งจะได้เป็นประโยชน์กับพวกซิปโปดอน
ก่อนที่จะมาถึงไม่มีหัวหน้าหน่วยคนไหนในกลุ่มทอร์ที่คิดว่าพวกเขาจะใช้วิธีนี้ในการสู้...