px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 493 : เพื่อจิตใจตัวเอง


Chapter 493 : เพื่อจิตใจตัวเอง
ทีม จางเทีย ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็ได้มาถึงดูแฮอเวนิวจากประตูทางด้านเหนือและได้ฆ่าพวกซอมบี้ตามทางมา

ดูแฮอเวนิวเป็นที่ธรรมดาของเมืองด้านตะวันตก มีกลุ่มการค้าและตึก 4-5 ชั้นตามทั้งสองฝั่ง

ประตูของกลุ่มการค้าหลายที่อยู่ที่ชั้นแรกพังไปแล้ว ที่นี่เต็มไปด้วยศพเป็นร้อยศพ

ในตอนที่พวกเขามาถึง พวกเขาก็เห็นกลุ่มซอมบี้ที่นั่งยองๆตามพื้นคอยฉีกเศษเนื้อจากศพ

“ ฆ่าพวกมัน ! “ - จางเทีย พึมพำออกมาและพุ่งเข้าไปหาซอมบี้ทันที

ด้วยการที่รู้สึกถึงศัตรูที่พุ่งเข้ามา ซอมบี้ได้เงยหน้ามันขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่ทีมของ จางเทีย

โรสลาฟ และ วาจิด เป็นนักสู้ระดับ 10  คนอื่นๆยกเว้น จางเทีย อยู่เหนือกว่าระดับ 7 ดังนั้นก่อนที่ซอมบี้จะได้มาถึงตรงหน้า จางเทีย  พวกมันจำนวนมากก็ถูกจัดการโดย โรสลาฟ และ วาจิด

จางเทีย ถือดาบยาวธรรมดาแล้วสับหัวของซอมบี้สองตัวก่อนที่การต่อสู้จะจบลง

ก่อนที่กลุ่มซอมบี้ต่อไปจะมาถึงทั้งอเวนิวนี้ได้เงียบลงไปชั่วคราว เพราะจำนวนซอมบี้ในเอสไชน์นี้น้อยกว่าเมืองสวรรค์ เมืองสวรค์เป็นที่ที่คนส่วนมากได้กลายเป็นซอมบี้และนั่นแหละคือนรกของจริง ในเมืองนั้นแต่ละก้าวล้วนแน่อันตราย ถ้าสถานการรณ์ตอนนี้เหมือนกับที่เมืองสวรรค์ จางเทีย คงไม่ให้กลุ่มทอร์เข้ามาเกี่ยว ไม่ว่ากลุ่มทอร์จะเก่งแค่ไหนแต่การเจอกับซอมบี้เป็นล้านๆนั้น แต่ละก้าวล้วนแต่ต้องเจอกับกำแพงที่หนาเป็นสิบๆเมตร หากเป็นแบบนั้นไม่คงไม่ต่างอะไรกับการส่งกองทัพเข้าไปตาย

หิมะที่ตกลงมันตัดกันกับเลือดที่เปรอะเปื้อนไปทั่วซึ่งดูแล้วโหดร้ายอย่างมาก
หลังจากที่โดดขึ้นไปที่แนวกั้นข้างถนน  จางเทีย ก็ได้พุ่งไปข้างหน้าต่อพร้อมกับมองหาเลขประตูทั้งสองฝั่งของถนน

ในตอนที่เลข 176 โผล่มาตรงหน้า  จางเทีย ก็รู้สึกเย็นเฉียบขึ้นมาในใจ ประตูมันพังแล้วและมีคราบเลือดและเศษแก้กระจายไปทั่วแต่ละขั้นของบันไดหน้าประตู

มีกระดานสีฟ้าที่เขียนว่ากลุ่มการค้าไอเซิลและมือที่ขาดอยู่ด้านหน้าประตู
จางเทีย พุ่งเข้าไปพร้อมกับมีคนของเขาตามมา
ด้านหลังเคาเตอร์ในชั้นแรก มีชายหนุ่มที่คอโดนกัดและมีเลือดไหลออกมาเต็มพื้น  ไม่มีใครคนอื่นในชั้นหนึ่งแต่เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นมาที่ชั้นสอง จางเทีย ก็ได้รีบวิ่งขึ้นไปทันที

ที่ชั้นสองนั้นเป็นคลังมีสินค้ามากมายกองไว้ ไม่มีใครอยู่ข้างใน ดังนั้น จางเทีย จึงไปที่ชั้นสามต่อ

ชั้นสามนั้นดูวุ่นวาย ในตอนที่เขาไปที่ทางเข้า  จางเทีย ก็ได้เห็นซอมบี้ได้เอื้อมมือของพวกมันเข้าใส่ขวานที่อยู่ตรงไหล่แต่ขวานนั้นฝังลึกเข้าไป เหลือด้ามจับอยู่ที่หลัง ซอมบี้จึงไม่อาจเอามันออกได้

เมื่อเห็น จางเทีย พุ่งขั้นมา ซอมบี้ก็ช็อกไปสักพัก ตามมาติดๆด้วยการที่ จางเทีย ได้สะบัดดาบตัดหัวของมันออก

หลังจากที่ผ่านสองห้องในชั้นสามมา จางเทีย ก็พบที่ที่ส่งเสียง  ซอมบี้ห้าตัวกำลังทำลายประตูอย่างบ้าคลั่งโดยใช้ขวานและอาวุธต่างๆ  ในตอนที่พวกมันกำลังทำลายประตูนั้นจึงทำให้เกิดเสียงน่าขนลุกดังขึ้นมา
แต่การฟันแต่ละครั้งเด็กด้านในก็ต้องกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว

วาจิด ได้พุ่งเข้าไปและตัดหัวซอมบี้ทั้งห้า หลังจากที่เซไปมาพักศพนั้นก็ล้มลงไปและทำให้เกิดกลิ่นเลือดคลุ้งไปทั่วทางเดิน

จางเทีย เดินเข้าไปและพบว่าประตูเปลี่ยนรูปร่างไปแล้ว แท่งเหล็กที่ชื่อมต่อกับกำแพงก็เปิดออก  จางเทีย ส่ายหน้าเล็กน้อย – “ ถ้าข้าไม่มาทีนี่ ข้าสงสัยว่ามันจะทนได้นานแค่ไหน “

จางเทีย จับกรอบประตูเหล็กแล้วใช้แรงอันบ้าคลั่งดึงประตูเหล็กออก

ในตอนที่ประตูหล่นลงไปที่พื้นก็ได้มีขวานถูกโยนออกมา

“ หยุด ไอเซิล ข้าเอง ! “ - จางเทีย จับด้ามขานแล้วดึงชายด้านในออกมา

ชายคนนี้เป็นเพื่อนของ จางเทีย ที่เจอบนเรือ  นักธุรกิจตัวเล็กในเอสไชน์ที่ซึ่งแลกเปลี่ยนอาหารและขนสัตว์ที่นี่

ตอนนั้นหน้าของ ไอเซิล ซีดสนิท, ตาแดงกล่ำ เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด ถ้าทหารม้าคนอื่นมาเห็นเขาเข้าคงฆ่าเขาไปแล้ว

“ ปีเตอร์....”

จางเทีย มองเข้าไปในห้องเล็กๆและพบผู้หญิงอายุกว่า 20 ปีกอดลูกสองคนแน่นและไปแอบอยู่ที่มุมด้วยความกลัว
เด็กชายอายุ 5-6 ปี เขาดูคล้ายกับ ไอเซิล ส่วนคนที่เด็กหญิงกว่าอายุ 2-3 ปี  ผู้หญิงคนนั้นเอามือเธอปิดตาทั้งคู่ไม่อยากให้ทั้งคู่เห็นฉากตอนที่ประตูถูกพังออก

เมื่อเห็นว่าปลอดภัย จางเทีย ก็เดาว่าห้องนี้อาจจะเป็นห้องบัญชีของร้านนี้ เพราะมีบางอย่างเก็บไว้ด้านในประตูเลยทำขึ้นมาจากเหล็ก เมื่อตกอยู่ในอันตราย ครอบครัวของ ไอเซิล เลยมาแอบอยู่ที่นี่ ไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะถูกช่วยชีวิตไว้

“ เร็วเข้า เรียกคนของเจ้าออกมา เราต้องออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ! “

“ ปีเตอร์ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ได้ ? “

“ เรื่องมันยาว ข้าจะเล่าระหว่างทาง ! “

“ เม ออกมา เขาเป็นเพื่อนของเรา ! “- หลังจากที่พูดจบ ไอเซิล ได้หันกลับไปและวิ่งไปที่ห้องเล็กๆ เขากอดเด็กชายเอาไว้ที่อกเพื่อไม่ให้เห็นฉากนองเลือดด้านนอก หลังจากนั้นเขาก็เดินออกมาพร้อมกับผู้หญิงที่ชื่อว่า เม

“ ไอเซิล นี่ลูกกับเมียเจ้าเหรอ ? “

“ ใช่ ! “
“ หลังจากนี้สักพักเราต้องออกจากที่นี่ ผู้หญิงและเด็กอาจตามไม่ทัน เพื่อให้ปลอดภัยให้คนอุ้มพวกเขาไปก็พอ ! “
“ ถ้าเจ้าช่วย เควิน และ เทส ออกจากที่นี่ได้  ไอเซิล กับข้าจะอยู่ที่นี่ เราไม่คิดจะสร้างปัญหาให้เจ้า .. “ - เมียของ ไอเซิล มองมาที่ จางเทีย และคนของเขา  เธอรู้สึกว่าพวกนี้แข็งแกร่ง เธอจึงพูดออกมาอย่างเด็ดขาด
จางเทีย ซึ้งไปกับความกล้าและความเป็นแม่ของเธอ  หลังจากได้ยินคำพูดของ เม  ไอเซิล ก็ได้พยักหน้าให้กับ จางเทีย

ตอนวิกฤตพ่อแม่นี้หวังที่จะช่วยลูกของตัวเอง

“ แม่ อย่าทิ้งข้า ฮือ... “

“ แม่ ... “

แม้ว่าเด็กสองคนนี้จะกอด ไอเซิล และ เม อยู่และไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกแต่พวกเขาได้ยินเรื่องที่พ่อแม่ตัวเองพูด  หลังจากที่ได้ยินคำพูดของแม่แล้ว เด็กสองคนนั่นก็ร้องไห้และเริ่มกอดแน่นกว่าเดิม

เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและเอามือไปวางไว้ที่ไหล่ของ ไอเซิล – “ ไอเซิล เจ้าเชื่อในตัวข้ารึเปล่า ?”
ไอเซิล พยักหน้า
“ ข้าจะพาครอบครัวของเจ้าทั้งหมดออกจากที่นี่รวมถึงเจ้ากับเมียและลูกสองคนได้อย่างแน่นอน ! “
...
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีคนคุ้มกันของ จางเทีย ก็ได้อุ้มลูกของไอเซิลและเมียของเขาพร้อมกับพุ่งอออกมาจากร้านไปยังประตูทางด้านเหนือตามเส้นทางที่พวกเขามา

เพราะด้านนอกมันน่ากลัวเกินไป เมียของจึงเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดตาลูกตัวเองไว้ อีกอย่างแล้วเธอห้ามไม่ให้ลูกของเธอลืมตาขึ้นมาด้วย

แม้ว่าจะอุ้มคนอยู่แต่นักสู้ก็ยังคงวิ่งได้อย่างรวดเร็ว 100 ม./วินาที  แม้ว่า ไอเซิล จะสุขภาพดีและยังหนุ่ม เขาเองก็ปลุกจุดชีพจรขึ้นมาได้แต่หลังจากที่วิ่งตามมาได้ 500 ม.เขาก็ต้องหอบอย่างหนัก

“ ปีเตอร์ ทิ้งข้าไว้... “

ก่อนที่ ไอเซิล จะพูดจบ จางเทีย ที่ซึ่งสนใจเพื่อนอยู่ตลอดได้ดึงเพื่อนขึ้นมาที่หลังของเขา

เมื่อเห็นการเคลื่อนที่ของ จางเทีย  คนคุ้มกันต่างก็ช็อก พวกเขารู้สึกราวกับโดนน้ำร้อนสาดเข้าไปข้างในตัว..

โรสลาฟ และ วาจิด ได้พุ่งไปข้างๆ จางเทีย  พวกเขาต้องการจะพูดบางอย่างแต่เมื่อเห็นสายตาของ จางเทีย  พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร

ไอเซิล ร้องไห้ออกมาทันที...

จางเทีย รู้สึกว่ามันเป็นความรับผิดชอบของเขาที่จะพาคนออกจากเมืองตามเส้นทางที่ปลอดภัยซึ่งกลุ่มทอร์ได้จัดการไว้ก่อนหน้านี้
ตอนนั้นเขาคิดว่าเขาควรที่จะแบกเพื่อนตัวเองออกจากที่นี่
ในตอนที่เขาไปถึงประตูทิศเหนือกับทีมทอร์ เขาคิดเกี่ยวกับการเอา ไอเซิล ออกมา แต่มันก็แค่ความคิดที่แว๊บขึ้นมา  เขาปฏิเสธความคิดนั้นไปเพราะสถานการณ์ ตอนนี้เขาเห็นครอบครัวของ ไอเซิล ปลอดภัยแล้ว  จางเทีย จึงพอใจอย่างมาก  ต้องขอบคุณที่เขาไม่ต้องมารู้สึกผิดกับเรื่องนี้

จางเทีย รู้ว่าเขาอาจจะช่วยทุกคนไม่ได้ เขาทำให้ทุกคนพอใจไม่ได้ด้วย สิ่งที่เขาทำก็เพื่อไม่ให้รู้สึกผิดในใจ  สำหรับคนมีอำนาจคนอื่นจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา ...
...
ตอนนั้นเองก็มีคนอันตรายคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังคาตึกสูงกว่า 10 ชั้นข้างๆแม่น้ำห่างออกไป 100 ม. เขาได้หยุดและมองเห็น จางเทีย แบก ไอเซิล ไว้บนหลัง  เขาได้ตาม จางเทีย มาตั้งแต่ที่ จางเทีย เข้ามาในเอสไชน์เป็นครั้งที่สอง

ชายแก่คนนั้นมีผมสีเงิน  เขายืนอยู่บนหลังคาตึกและดูนิ่งราวกับภูเขา

เมื่อเห็น จางเทีย วิ่งได้เร็วแม้ว่าจะมี ไอเซิล อยู่บนหลัง ชายแก่ก็แสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา ความต้อการฆ่าในตาของเขาได้หายไป หลังจากนั้นสักพักชายแก่ก็ได้ถอนหายใจออกมาและมองไปยังทางเข้าของปราสาทหมีเหล็ก เมื่อเขาขยับเท้า เขาก็ได้หายไปจากหลังคาตึก ในตอนที่เขาปรากฏตัวออกมาใหม่ เขาก็ได้อยู่ที่หลังคาของอีกตึกที่ห่างออกไป 300 ม....
หลังจากที่ชายคนนั้นออกจากตึกไปไม่ถึง 10 วินาที หิมะก็เริ่มแปลกไป หลังจากนั้นก็มีตาคู่หนึ่งเบลอๆโผล่ออกมา หลังจากที่มองไปที่ชายแก่ มันก็ได้หายไปทันที
ในตอนที่ภาพเบลอๆนี้โผล่มาอีกครั้ง แม้ว่าชายแก่จะไปถึงปราสาทหมีเหล็กที่ห่างออกไปจากที่นี่เกือบ 10 กม.แต่ร่างกายของเขาก็นิ่งไปกว่าวินาที เขาได้หันกลับมาและมองไปยังทิศทางที่ที่เขายืนอยู่ตะกี้
...
กว่า 200 ม.ห่างออกไปด้านทิศตะวันตกของเมืองสเคียตต้า  ซาลิน ได้ลืมตาขึ้นมา...
...
บ่ายวันต่อมาในตอนที่กองทัพกว่าแสนคนของเผ่าหมีใหญ่ได้มาถึงเอสไชน์  ชานเมืองได้กลายเป็นแคมป์อพยพ ในไม่กี่วันก่อนคนกว่าล้านคนได้หนีออกมาจากเอสไชน์และได้มาจับจองพื้นที่ว่างรอบๆเมือง

พวกอพยพนี้ได้แห่กันไปอยู่ตามเมืองเล็กๆรอบๆเอสไชน์ พวกคนที่กล้าบางคนถึงกับไปอยู่ตรงเขตการค้าใกล้กับประตูทางทิศใต้ของเอสไชน์จนไปถึงเขตท่าเรือเพื่อรอวันกลับเข้าไปในเอสไชน์

รอบๆเอสไชน์เต็มไปด้วยผู้คน ต้องขอบคุณคำสั่งที่ถูกใช้ออกมา....

รีวิวผู้อ่าน