px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 496: เจตจำนงของหมัดเหล็กโลหิต


Chapter 496: เจตจำนงของหมัดเหล็กโลหิต
ยานไม่นานก็บินไปด้านบนปราสาทหมีเหล็กและเริ่มวนรอบโดยสูงขึ้นไป 100 ม. หลังจากนั้นยานก็ได้เปิดออกมาและมีลมหนาวพัดเข้าไปในตัวยานทันที

เมื่อเห็นจุดสีดำของซอมบี้ด้านล่า ทุกคนในยานก็ต้องกลั้นหายใจ มันไม่ต่างอะไรกับการเอาตัวเองลงไปในวงล้อมของซอมบี้นับแสน

“ นายท่าน....”  - โรสลาฟ ต้องการจะพูดบางอย่าง

“ ห้ามพูดอีก อะไรก็ช่าง ถ้าข้าต้านไม่ได้ อย่างน้อยข้าก็หนีได้ ! “ - จางเทีย หัวเราะออกมาแล้วโบกมือ หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังหน้าแดงๆของเหล่าคนคุ้มกันและ วาจิด  - “ ข้าจะลงไปคนเดียว นี่คือการต่อสู้ของข้า แต่ข้าหวงชีวิตข้ามาก ข้าไม่ได้เล่นตลกกับชีวิตตัวเอง มันไม่ดีที่พวกเจ้าจะลงไปด้วย ! “

ทุกคนเงียบ

เชือกที่ปล่อยลงไปนั้นทำให้ จางเทีย นึกถึงเครื่องร่อนในวังไฮหยวน น่าเสียดายที่ของนี้มันแพงเกินไป หลายด้านในป่าน้ำแข็งหิมะยังไม่พัฒนา ไม่มีใครที่อยากจะสร้างกองทัพทางอากาศที่มีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นของพวกนั้นจึงไม่มีให้เห็นที่นี่ – “ ถ้าข้ายังอยู่ที่เกาะมังกรลับ ข้าอาจจะเรียนรู้วิธีใช้เครื่องร่อน ยังไงก็ตามข้าก็ต้องยอมรับความจริง “

หลังจากที่ยิ้มให้คนอื่นๆ จางเทีย ก็ได้เอาถุงมือออกมาใส่ก่อนจะรูดตัวลงไปตามเชือก

กูลาส มองไปที่ ทูลิน  ที่ซึ่งเผยรอยยิ้มออกมา เมื่อเห็น จางเทีย ลงไปตามเชือก ตาของ ทูลิน ก็เป็นประกาย – “ เราดึงเขากลับมาได้ถ้าเขาทนไม่ไหว ชายคนนี้วิเศษอย่างมาก มีแค่พรสวรรค์แบบนี้ที่มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของเอสไชน์  ถ้าเจ้านายผู้นี้ไม่ได้มีประสบการณ์โชกเลือดแบบนี้คงไม่ต่างอะไรกับสิงโตในกรง “
...
ตอนที่ จางเทีย โดดลงไปจากยานเขาก็รู้สึกหนาวยิ่งกว่าเดิม ลมเหนือได้พัดเข้ามาตามช่องว่างตามเกราะ  จางเทีย เตรียมพร้อมกับการต่อสู้ทันที

ฉากนี้ทำให้ จางเทีย นึกถึงการต่อสู้ในเมืองสวรรค์บนยานของวังไฮหยวนเมื่อหลายเดือนก่อน เขาได้กระโดดลงจากยานเหมือนกับที่ทำในครั้งที่แล้ว ในตอนที่เขาร่อนลงมา จางเทีย ก็ตระหนักได้ว่าเขาควรที่จะลงไปสู้แทนที่จะมานั่งในห้องสั่งการดูคนของตัวเองสู้ เทียบกับบทบาทแม่ทัพที่ต้องรับผิดชอบชีวิตของทหารเป็นแสนๆ เขาเหมาะกับการรับผิดชอบตัวเองในการต่อสู้มากกว่า

“ นี่คือสิ่งที่ข้าเกิดมากับมันอย่างนั้นเหรอ ?”

บางคนชอบที่จะควบคุมทุกอย่างในฐานะที่สูงส่ง ส่วนบางคนชอบที่จะฝึกฝนตัวเองโดยเอาชีวิตและความทุ่มเทของตัวเองลงไปเสี่ยง

‘ ข้าคงเป็นคนแบบที่สอง ’
ในตอนที่ความคิดอื่นๆในหัวหายไป รอยยิ้มบนใบหน้า จางเทีย ก็เริ่มชัดเจนขึ้น....

หลังจากที่ปล่อยมือจากเชือก จางเทีย ก็ลงไปที่พื้นทันที หลังจากนั้นเขาก็พุ่งเข้าหาซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาหาเขา ในขณะเดียวกันเขาก็ได้สะบัดมือที่ใส่ถุงมือ มีเสี้ยวพระจันทร์เกิดขึ้นมาผ่านคอของซอมบี้ที่ใส่ชุดทหารจนทำให้คอของพวกมันขาดออกจากตัว

ตามมาติดๆ จางเทีย ได้ดีดตัวออกไปปล่อยพลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิตออกมา ทำให้ซอมบี้จำนวนมากรอบตัวได้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆ
ภายใต้เสียงกรีดร้องซอมบี้ได้พุ่งเข้าหา จางเทีย จากทุกทิศทางทันที

“ ฆ่า ! “ - จางเทีย คำรามออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่พวกมัน เขาโจมตีศัตรูด้วยมือ,เท้า,ไหล่,ศอกและเข่าของเขาในแต่ละท่วงท่า

มันไม่มีถนนรึที่ว่างตรงหน้าเขาอีกต่อไป รอบๆมีแต่ซอมบี้ที่ตาแดงกล่ำเข้าล้อมเขาอยู่

แต่ จางเทีย เลือกที่จะฆ่าพวกมันโดยใช้กำลังของตัวเอง...

ในตอนที่เขาโดนซอมบี้จำนวนมากล้อมเอาไว้  จางเทีย ก็เพิ่มความเร็วของเขาและใช้ท่วงท่าในการหลบและโจมตี  เขาได้ต่อยออกไป 12 ครั้งและเตะออกไป 6 ครั้ง ผลก็คือซอมบี้ 18 ตัวได้ระเบิดเป็นชิ้นๆทันที เลือดและเนื้อของพวกมันกระจายออกไปเต็มไปทั่วพื้น

ตอนนั้นทุกคนที่บนยานได้มองการต่อสู้ของ จางเทีย  พวกเขาเห็นได้แค่ดอกไม้สีแดงที่ระเบิดออกมาซึ่งดูไปแล้วทั้งโหดร้าย,น่ากลัวและสวยงาม  พวกเขาไม่อาจละสายตาออกจากเขาได้เลย
แต่มันมีซอมบี้มากเกินไปโดยเฉพาะด้านล่างนั่น การต่อสู้,กลิ่นเลือดและเสียงกรีดร้องยิ่งดึงความสนใจซอมบี้มามากกว่าเดิม
พวกคนบนยานได้แต่เห็นหัวของซอมบี้ที่เรียงรายตามพื้น ดอกไม้เลือดได้ระเบิดรอบตัว จางเทีย  แต่มีช่องว่างแคบๆพอให้ จางเทีย ได้เคลื่อนไหว การเจอกับซอมบี้ที่หนาแน่นกว่าร้อยเมตร แม้แต่รถเกราะเองก็ยังยากที่จะขยับได้นี่คงไม่ต้องพูดถึงคน

ในบรรดาซอมบี้ที่แห่กันเข้ามา จางเทีย เหมือนกับกะลาสีเรือที่รับมือกับคลื่น  คลื่นสีดำที่ได้พัดพาเข้ามาเหมือนกับเหลือแค่เพียงเสี้ยวกระแสน้ำที่โหมกระหน่ำ

เมื่อเห็นพื้นที่แคบๆของ จางเทีย  สาวสเปนเซอร์บางคนที่รู้อนาคตตัวเองต่างก็ตาเบิกกว้าง  ในตอนที่ จางเทีย เกือบจะโดนซอมบี้รุมล้อม สาวๆก็ต้องเอามือปิดปาก

ทันใดนั้น จางเทีย ก็ดีดตัวขึ้นมาจากพื้น

หัวของซอมบี้ได้ทำให้ จางเทีย นึกถึงฉากที่เขาฝึกท่าการเคลื่อนที่ในวังมังกรลับ  เสาหินที่คล้ายกับฉากในตอนนี้

จางเทีย ได้ก้าวขึ้นไปบนหัวของซอมบี้แล้วทำให้มันระเบิดเป็นชิ้นๆ ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้พุ่งตัวออกไป แต่ละก้าวที่พุ่งไปข้างหน้าเขาจะทำลายหัวของซอมบี้ได้หนึ่งตัว
จางเทีย หัวเราะออกมาพร้อมกับพุ่งไปข้างหน้า 100 ม.และกระทืบหัวเหล่าซอมบี้ เขายังคงกระทืบ,เตะ, ถีบซอมบี้กว่า 100 ตัว...
ซอมบี้เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา พวกมันได้แทงอาวุธเข้าใส่ จางเทีย   จางเทีย จับหอกสองอัน หลังจากที่ใส่พลังของตัวเองลงไปเล็กน้อย เขาก็ได้ดึงหอกออกมาจากซอมบี้สองตัวนั้น  หลังจากนั้นเขาก็ใช้หัวของพวกมันเป็นที่รองเท้า เขาได้ปัดหัวของมันออกไปทั้งสองฝั่งเหมือนกับเด็กที่ใช้ไม้กวาดปัดฝุ่นตามท้องถนน

ความแข็งแกร่งของ จางเทีย นี้ยิ่งใหญ่มาก หอกสองอันนี้ไม่ต่างอะไรกับเศษฟางในมือ จางเทีย  ตามเสียงกรีดของลมที่ดังขึ้นมาก็จะมีเสียงหัวที่ระเบิดออก

ซอมบี้บางตัวได้กรีดร้องและกระโดดเข้าใส่ จางเทีย และเหยียบไปตามหัวซอมบี้ตัวอื่นๆ
ซอมบี้ตัวนี้สวมชุดทหารของเมือง ตัดสินจากตำแหน่งแล้วน่าจะเป็นผู้การ ในขณะเดียวกันก็ได้มีสัญลักษณ์พลังฉีได้โผ่ออกมา มันคงเป็นนักสู้ระดับ 10 ก่อนที่มันจะตาย

ในตอนที่ซอมบี้อยู่ห่างจาก จางเทีย ไป 40 ม.  จางเทีย ก็ได้โยนหอกของเขาออกไป...

หอกได้ระเบิดอากาศก่อนจะโจมตีเข้าที่หัวของมันพร้อมกับเกิดเสียงระเบิดขึ้น

จางเทีย จับหอกอีกอันและทำการวิ่งต่อ,กระทืบและถีบเหมือนกับที่เขาทำอยู่ที่พื้น  ที่ไหนก็ตามที่ จางเทีย ผ่านไปจะมีเลือดใต้เท้าของเขา  ตอนนั้นได้มีซอมบี้ระดับ 10 และ 9 โผล่ออกมาแต่สุดท้ายพวกมันก็โดน จางเทีย ฆ่าลงไปได้

จางเทีย ไม่รู้ว่ามีพวกระดับ 11 กี่ตัวในเมือง  พวกมันโดนซอมบี้ฆ่ารึโดนระเบิดฆ่าบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ หลังจากที่สู้มาได้สักพัก เขายังไม่เจอกับพวกระดับ 11 ขึ้นไปเลย นี่ทำให้เขาวางใจขึ้นมา แม้ว่าจะมีซอมบี้จำนวนมากรอบปราสาทแต่ไม่มีสักตัวที่เป็นภัยสำหรับเขา

จางเทีย ไม่รู้ว่าเขาสู้มานานแค่ไหน เขาจำได้แค่ว่าเขาได้ทำลายหอกมากว่า 10 อันและฆ่าซอมบี้ไปนับไม่ถ้วน  หลังจากนั้นเขาก็ได้โดดลงจากหัวของพวกซอมบี้และทิ้งหอกที่งอไปทิ้ง หลังจากที่คำรามออกมา เขาได้ใช้หมัดเหล็กโลหิตอีกครั้ง เสียงระเบิดที่เกิดขึ้นมาทำให้พวกซอมบี้ได้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆ
ถ้าเป็นคนอื่น คนนั้นคงรู้สึกหมดแรงไปแล้วแต่ จางเทีย ได้กิน Seven-Strength Fruit ไปมากมาย จางเทีย รู้สึกว่าพลังวิญญาณและความอึดของเขานั้นเกินกว่าที่คนธรรมดาจะคาดได้  เขาราวกับเครื่องจักรต่อสู้ ตราบใดที่เขาไม่หยุด เขาก็สามารถรักษาประสิทธิภาพการต่อสู้ระดับสูงเอาไว้ได้
จางเทีย ฝังตัวเองไปกับหมัดเหล็กโลหิต เขาเกือบลืมเวลารอบตัว เขาไม่ได้สนว่าเกราะของเขาจะพังหรือไม่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าม่านสีเลือดของเขาเริ่มที่จะระเบิดออกมา
ในตอนที่ จางเทีย พบว่าไม่เหลือซอมบี้ข้างตัว ในที่สุดเขาก็หยุดแต่ตอนนั้นมันก็ตกกลางคืนไปแล้ว...

จางเทีย ยืนอยู่บนซากปราสาทและมองไปรอบๆ เขาพบศพของซอมบี้ในรัศมีกว่า 300 ม.ที่กองกันหนากว่า 1 ม. ยิ่งเขาเข้าไปใกล้มาเท่าไหร่กองศพก็ยิ่งหนามากเท่านั้น  เขาได้เดินไปตามกองศพรอบๆแล้วระเบิดพวกมันเป็นชิ้นๆกันทีละกองๆ
ในเวลาเดียวกันม่านสีเลือดก็เริ่มเปล่งแสงขึ้นมาทั่วทั้งท้องฟ้า ทีมทั้งหกของเผ่าหมีใหญ่และทหารม้ากลุ่มทอร์ได้ยืนอยู่นอกวงแหวน  เจ้าหน้าที่กว่าแสนคนและทหารกับเหล่าคนหนุ่มที่เป็นพลเมืองกว่าแสนคนด้านหลังต่างก็มองมาที่ จางเทีย ที่ยืนอยู่ด้านบนกองศพเหล่าซอมบี้
ในการต่อสู้ตอนที่ม่านสีเลือดได้โผล่มาเหนือปราสาท ทหารทุกคนในเผ่าหมีใหญ่ต่างก็คลั่ง พวกเขารู้ว่าผู้นำของตนได้สู้ร่วมกันที่แก่นของปราสาท ที่ที่อันตรายที่สุดในสนามรบ

“ เรากำจัดพวก..ซอมบี้หมดแล้วเหรอ ? “ - ในตอนที่ จางเทีย อ้าปากถาม เขาพบว่าเสียงของเขาแหบไป ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเจ็บไปทั่วตัวและต้องคิ้วขมวดเล็กน้อย
นี่เป็นการต่อสู้ที่คุ้มค่า เมื่อเห็นศพซอมบี้มากมาย จางเทีย ก็เข้าใจว่าอะไรคือหมัดเหล็กโลหิตจริงๆ

ช่วงจบการต่อสู้หมัดเหล็กโลหิตของเขาเคลื่อนไหวเป็นภาพเบลอ เขาสามารถโจมตีและรับมือกับศัตรูได้ในจังหวะที่ถูกต้อง

แม้ว่าสิ่งที่เห็นได้รอบตัวนั้นจะพังทลายลงไปแต่สิ่งที่มองไม่เห็นนี้ก็ทำให้เลือดของ จางเทีย ร้อนระอุขึ้นมา มันคือเจตจำนงค์ของหมัดเหล็กโลหิตซึ่งได้ปรากฏออกมาและกระตุ้นเซลล์และความแข็งแกร่งของเขา มันได้สั่นพ้องไปกับเรี่ยวแรงและความต้องการในจักรวาล

ความแข็งแกร่งและความต้องการที่ซ่อนตัวอยู่ในหิมะ,ในหญ้า,ในอิฐแต่ละก้อนในซากแห่งนี้,ในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่,ด้านล่างเท้าและเลือดของทุกคน

สิ่งมีชีวิตทุกอย่างอาจจะตายรึถูกทำลายแต่พวกมันไม่ล้มเหลวรึถอย ตราบใดที่พวกมันมีตัวตน พวกมันก็จะอยู่ตลอดกาล !
หิมะที่ตกลงมานี้เกิดจากความแข็งแกร่งและความต้องการนี้ ...
หญ้าที่โผ่ลมาในซากมาพร้อมกับความแข็งแกร่งและความต้องการนี้...

ดินแดนที่เงียบงันและมั่นคงเกิดมาจากความแข็งแกร่งและความต้องการนี้

ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ด้านบนก็เกิดมาจากความแข็งแกร่งและความต้องการนี้

เจตจำนงค์ของหมัดเหล็กโลหิตเองก็เกิดมาจากความแข็งแกร่งและความต้องการนี้
...
ในวันที่ 12  พฤศจิกายน หลังจากการต่อสู้อันดุเดือนหนึ่งวัน ปิศาจนับแสนตัวในเอสไชน์โดนกำจัด ดังนั้นทั้งเมืองจึงกลับมาเป็นดินแดนของมนุษย์อีกครั้ง

หลังจากการต่อสู้นี้แต่ละคนในเอสไชน์จะจำชื่ออันยิ่งใหญ่นี้ได้ ปีเตอร์แฮมเพสเตอร์ !

---- เจ้าของคนใหม่ของเอสไชน์และผู้นำของเผ่าหมีใหญ่ !

ในตอนที่เผ่าหมีที่แข็งแกร่งทั้งสองในป่าน้ำแข็งหิมะได้ผนึกรวมกันโดยคนๆเดียวในเวลาแค่ไม่กี่วันก็ทำให้ทั้งป่าน้ำแข็งหิมะช็อก

เผ่าหมีไฟ,เผ่าหมี,เผ่าหมีภูเขา,เผ่าหมีทะเล,เผ่าหมีดำและเผ่าหมีปิศาจได้ส่งคนรึผู้อาวุโสของเผ่าตัวเองมาที่เอสไชน์เกือบจะพร้อมกัน...

รีวิวผู้อ่าน