px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 497: เสียสละ


Chapter 497: เสียสละ
ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่เมืองเอสไชน์นั้นปกคลุมไปด้วยหิมะ นี่วันที่สามตั้งแต่ที่เอสไชน์ได้ถูกกู้กลับมา ไม่มีเลือดและเศษเนื้อให้เห็นตั้งแต่สองวันก่อน  ทั้งเมืองดูหนาวเย็นและอ้างว้างโดยเฉพาะในถนนเส้นหลักทั้งหก  ไม่ค่อยมีคนออกมาเดินมากมายนัก

หิมะที่ตกลงมาโดนปัดกวาดไปโดยเหล่าคนงานแต่ก้อนหินสีฟ้าตามท้องถนนได้ถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลหม่นเหมือนกับคนไปเปลี่ยนมัน เมื่อมองลงไปที่ก้อนอิฐที่เปลี่ยนสี  คนงานและคนที่ผ่านไปก็ขนลุกและแสดงความทึ่งให้กับ ปีเตอร์ เจ้าของเมืองคนใหม่

สีของอิฐบนเส้นทางทั้งหกถูกย้อมด้วยเลือดของซอมบี้ พวกคนหนุ่มที่เข้าทำความสะอาดเมื่อหลายวันก่อนได้อธิบายเรื่องพวกนี้ให้กับคนอื่นๆ

“เส้นทางทั้งหกในเมืองน่ะเหมือกนับไส้กรอกที่เต็มไปด้วยเศษเนื้อของซอมบี้ ศพและหัวพวกนี้กองกันอย่างกับภูเขาอยู่ทั่วทุกที่  เส้นทางทั้งหกเต็มไปด้วยกองกระดูกและเศษเนื้อซึ่งโดนพวกซิปโปดอนเหยีบเอาซ้ำๆน่ารังเกียจเอามากๆ.... “

“ คนที่รับผิดชอบในการทำความสะอาดต้องขุดเนื้อออกมาจากพื้นราวกับขุดดิน แม้แต่คนที่จิตใจเข้มแข็งก็ยังต้องอ้วกทั้งๆที่อยู่ไม่ถึง 10 นาทีแต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำมัน...”
ในบรรดาคนที่รอด บางคนที่เป็นนักข่าวได้เขียนสิ่งที่พวกเขาเห็นลงไปเผื่อว่าเหตุการณ์นี้จะถูกผู้คนลืมเลือน

ผู้คนในอนาคตอาจจะลืมเรื่องรายละเอียดแต่พลเมืองในเอสไชน์คงไม่มีทางลืมรายละเอียดได้เพราะเส้นทางหลักในเมืองนี้ได้เปลี่ยนสีไปเพราะผู้ปกครองเมืองในตอนนี้
ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ในตอนที่เอสไชน์ได้ฟื้นฟูกลับมาใหม่ มันมีคนบอกว่าชายที่ชื่อ ปีเตอร์ ได้ฆ่าซอมบี้ไปกว่า 10,000 รึ 20,000 ตัว อีกอย่างแล้วซอมบี้พวกนั้นต่างก็เคยเป็นทหารของเมืองที่ซึ่งรับมือยากที่สุดด้วย

นอกจากทำให้ผู้คนกลัว ข่าวลือนี้ก็ทำให้ผู้คนทึ่งไปด้วย สำหรับพลเมืองที่ดูเหมือนกับนกที่ลนลาน ผู้ปกครองแบบนี้ได้ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยในตอนวิกฤต

แม้ว่าผู้คนจะฟื้นขึ้นมาจากความกลัวและกังวลได้แต่ความจริงที่พวกเขาต้องเจอนั้นผลักดันให้ผู้คนต้องเศร้าสร้อย

วิกฤตนี้กินเวลาไปกว่า 4 วัน ในช่วงนี้ความตายและคนที่หายไปในเมืองสูงถึง 1.37 ล้านคน คร่าวๆคือ ¼ ของคนในเมืองทั้งหมดได้หายไปจากโลกใบนี้ แต่ละคนในเมืองต่างก็เสียญาติ,เพื่อนรึครอบครัวไปในภัยพิบัติครั้งนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับทุกคนเลย

ตอน 9 โมงเช้าทั้งเมืองก็ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้นมา

หลังจากที่ได้ยินเสียงระฆังพลเมืองทั้งในและนอกเมืองก็ได้หยุดสิ่งที่ตัวเองทำอยู่และยืนอยู่เงียบๆเพื่อเคารพคนที่ตายไป ผลก็คือบรรยากาศอันซึมเศร้าได้ครอบคลุมไปทั่วทั้งเมือง
ในเวลาเดียวกันที่ตีนเขาห่างออกไปประมาณหนึ่งไมล์ พลเมืองนับแสนของเมืองได้ยืนเป็นเส้นตรงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมมองไปยังภูเขาสูงกว่าเมตรที่ทำการฝังศพของผู้คนกว่าล้านเอาไว้

พวกคนมีอำนาจและผู้อาวุโสของเผ่าหมีใหญ่ได้เข้าร่วมพิธีนี้ด้วย

โรโดโฟ ของตระกูลสเปนเซอร์ได้ยืนอยู่บนลานสูงตรงหน้าของผู้คนด้วยน้ำตาและด่าพวกปิศาจเป็นตัวแทนของผู้คนในป่าน้ำแข็งหิมะ

ร่างผอมๆของ โรโดโฟ สั่นเครือไปกับลมหนาว หลายครั้งที่เขาเกือบจะหมดสติกับความคับแค้นใจซึ่งทำให้ดูน่าสงสารอย่างมาก
‘ ตระกูลสเปนเซอร์เสียหายไปอย่างมาก เราเกือบจะเสียตระกูลของเราไป ‘ โรโดโฟ แสดงความเสียใจออกมาตามแบบของตัวเองซึ่งทำให้ความเศร้าของคนตรงหน้าพรั่งพรูออกมา
จางเทีย ในชุดหมีหนาๆเองก็อยู่ในนั้นด้วย เขาดูหน้าซีดเล็กน้อย

ในวันที่ 12 พฤศจิกายน หลังจากที่รู้สึกได้ถึงเจตจำนงของหมัดเหล็กโลหิตและการฆ่าซอมบี้มานับไม่ถ้วน  จางเทีย เองก็ได้รับบาดเจ็บมากมาย ในตอนเย็นหลังจากที่ถอดเกราะจากตัวออกซึ่งเกราะนั้นชุ่มไปด้วยเลือด ทุกคนต่างก็เงียบเมื่อเห็นแผลของ จางเทีย ผู้หญิงบางคนที่ไปทำความสะอาดให้กับ จางเทีย ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วย

ตัวของ จางเทีย มีแผลกว่า 137 ที่ ถ้า จางเทีย เป็นคนธรรมดา เขาอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้แต่  จางเทีย รอดมาได้ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่ง เขาลืมเรื่องบาดแผลพวกนี้ในตอนที่เขาสู้

“ นี่ท่านคิดอะไรของท่านอยู่กันแน่ ?” - ทูลิน ถาม จางเทีย

“ ข้าแค่รู้สึกว่าข้าไม่ต่างอะไรกับทหารพวกนั้น ข้าไม่สามารถมองดูการต่อสู้เฉยๆได้ ถ้าข้าฆ่าศัตรูได้หนึ่งคน ข้าอาจจะช่วยชีวิตทหารคนหนึ่งได้ ! “ - จางเทีย ตอบ

หลังจากที่ได้ยินคำตอบ ทูลิน ได้เงียบไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา

การพูดคุยของ จางเทีย และ ทูลิน ไม่นานก็เป็นที่พูดไปทั่วกลุ่มทหารของเผ่าหมีใหญ่และทหารคนที่เหลือของเมือง
แม้ว่า จางเทีย จะฟังคำพูดของ โรโดโฟ อยู่แต่เขาก็กำลังคิดภาพสิ่งที่เขาเห็นในฐานของ เพีย  วัยรุ่นที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งและมีคำพูดที่เขียนด้วยเลือดบนกำแพง

เพีย รู้ว่าต้องมีคนมาที่ฐานของเขาหลังจากนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงเขียนเหตุผลไว้ที่กำแพง

นี่คือการแก้แค้นของคนไร้ความหวังต่อตระกูลสเปนเซอร์ ผลก็คือองค์กรสามตาถึงกับเป็นเครื่องมือของชายคนนี้
เพีย รู้ว่าเขาต้องตาย ดังนั้นเขาจึงแก้แค้นโดยไม่สนผลลัพธ์

เหตุการณ์แบบนี้ยากที่จะได้เห็นในตระกูลใหญ่ๆ

นี่คือเรื่องอื้อฉาวที่สุดของสเปนเซอร์ เมื่อมันถูกเปิดเผยออกมา ชื่อเสียงของสเปนเซอร์คงต้องถูกทำลาย อีกอย่างแล้วพวกเขาต้องทนกับความหงุดหงิดของผู้คนในเอสไชน์ มีแค่ห้าคนที่มีสิทธิที่จะเข้าไปในนั้นและเห็นคำพูดบนกำแพง --- มีแค่ผู้อาวุโสสองคนที่รอดของสเปนเซอร์, จางเทีย , โทเลส และ กูลาส
หลังจากที่อ่านเนื้อหาแล้วพวกเขาก็ทำลายมันทิ้ง จากนี้ภัยพิบัติในเมืองจะถูกโยนความผิดไปให้มนุษย์ที่โดนปิศาจและกลุ่มสามตาหลอกใช้  คนที่ชื่อ เพีย โดนกลุ่มสามตาควบคุมและกลายเป็นเหยื่อ  มันมีเหตุผลที่จะอธิบายเหตุการณ์ด้วยวิธีแบบนี้ได้ว่าเป็นเป้าหมายของกลุ่มสามตาอยู่แล้ว

ทุกอย่างถูกฝังไว้รวมทั้งเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งที่ชื่อ เฮลฟราย

เมื่อเห็นบทพูดของ โรโดโฟ และผู้คนในเมืองที่หน้าเต็มไปด้วยน้ำตา สีหน้าของ จางเทีย ก็ค่อยๆเปลี่ยนไป

โรโดโฟ ชัดแล้วว่ากำลังโกหกอยู่แต่ จางเทีย ก็แค่ฟังอยู่เงียบๆ เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเป็นผู้ใหญ่รึสิ่งที่เขาเคยผ่านมา ผลของสถานการณ์ทั้งหมดรึความเห็นแก่ตัว,การรักษาผลประโยชน์ของสเปนเซอร์รึเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ในตอนที่เขาคิดว่าเขาอาจจะเป็นแค่ผู้ชม เขาก็รู้สึกเกลียดชังคำโกหกของคนบนลานสูง จริงๆแล้ว จางเทีย น่ะดูแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก
“ มีอะไร ? เจ้าป่วยรึ ?” - โอลอร่า ที่อยู่ข้างๆ จางเทีย หยิกแขน จางเทีย และถามออกมาเบาๆด้วยความเป็นห่วง

รีวิวผู้อ่าน