Chapter 504: การพบเจอที่เหมือนกับละคร
แม้ว่า จางเทีย จะยังเป็นที่ต้องการตัวของตำรวจลับของอาณาจักรนอแมน แต่บัตรของเขาในฐานะเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้ถูกยกเลิก กองทัพของอาณาจักรไม่ได้ยอมรับว่า จางเทีย เป็นที่ต้องการตัว แม้ว่า จางเทีย จะได้ออกจากอาณาจักรนอแมนไปแล้วแต่เขาก็ยังเป็นเจ้าหน้าที่ของกองทัพกเขาเหล็กอยู่
การไล่ล่าของ แฟรนก้า ได้เปิดเผยเรื่องขัดแย้งเชิงลึกระหว่างเขตกองทัพทางด้านเหนือและเขตสั่งการทางเหนือ ตำรวจลับได้ไล่ล่า จางเทีย ส่วนกอทัพได้ไล่ล่า แฟรนก้า ในตอนที่เรื่องขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างสองกลุ่ม จางเทีย และ แฟรนก้า ก็กลายเป็นเหยื่อที่น่าสนใจ ผลก็คือน้อยคนนักที่จะมาสนใจความเบื้องหลังระหว่างเขากับ แฟรนก้า
‘ แต่แม้ว่าผลมันจะกลับกันในตอนสุดท้าย ตอนที่วังไฮหยวนได้ปรากฏตัวออกมา ตำรวจลับก็ได้หายไปทันที แม้ว่าตำรวจลับจะไม่ได้ยกเลิกคำสั่งจับข้าแต่ตราบใดที่ข้าไม่มอบตัวให้กับพวกตำรวจลับ ข้าก็ไม่สนใจพวกนั้นก็ได้ ‘
มันต้องปลอดภัยกว่าสำหรับ จางเทีย เมื่ออยู่ฝั่งเดียวกับกองทัพ ถ้ากองทัพเขาเหล็กยอมรับว่า จางเทีย ได้ก่ออาชญากรรมขึ้นมา มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับการตบหน้าตัวเอง มันหมายความว่าพวกเขาจะโดนหน่วยสั่งการอัดเอา เหตุการณ์นี้มันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของกองทัพด้วย
ดังนั้นจึงไม่มีใครมาสร้างปัญหาให้กับ จางเทีย ตราบใดที่เขาทำตัวไม่ให้สะดุดตา เขาไม่ต้องซ่อนตัวรึเปลี่ยนชื่อเลยด้วยซ้ำ
ในตอนที่ทหารเห็นบัตรของ จางเทีย เขาก็เปลี่ยนสีหน้าเคร่งขรึมและรับมันไปดูทันที เขาเปิดผ่านๆก่อนจะกลืนน้ำลาย ในบัตรนั้นมีเขียนตำแหน่งของ จางเทีย เอาไว้ด้วยและรวมถึงรางวัล
ร้อยโทขั้นสองของแคมป์เหล็กโลหิตทีม 39....
เหรียญเหล็กโลหิตของอาณาจักรนอแมน
เลื่อนขั้นมาเป็นร้อยโทขั้นหนึ่งเพราะผลงาน,ถูกส่งไปดูแลหน่วยอุปกรณ์หน่วย 9 เพราะได้รับบาดเจ็บหนัก
นี่คือเจ้าหน้าที่ที่เกษียรจากแนวหน้าเพราะได้รับบาดเจ็บหนักและเป็นคนที่มีผลงานที่ยิ่งใหญ่ในคารัวล์
บัตรของ จางเทีย ดูเหมือนหนักเกินไปสำหรับทหารคนนั้นแต่อายุของ จางเทีย ก็ยังน่าสงสัย ทหารธรรมดานี้ไม่เคยมีโอกาสได้จับบัตรแบบนี้มาก่อนและบอกไม่ได้ว่ามันเป็นของจริงรึเปล่า ดังนั้นเขาจึงได้มองไปยังที่นั่งของร้อยโทขั้นสองที่อยู่ใกล้ๆและกวักมือเรียก
ร้อยโทขั้นสองเห็นจึงได้เดินเข้ามาพร้อมกับทหารอีกสองคน ทหารคนนั้นได้ส่งบัตรของ จางเทีย ไปให้กับร้อยโทขั้นสองที่มาใหม่
หลังจากที่ตรวจสอบสักพัก ร้อยโทขั้นสองก็ยืนยันว่ามันเป็นของจริง หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำความเคารพให้กับ จางเทีย
“ ยินดีต้อนรับกลับมา เจ้าจะไปที่บาปีงั้นเหรอ ? เจ้าต้องการให้เราพาไปที่นั่นรึเปล่า ?” – ร้อยโทขั้นสองพูดขึ้นพร้อมกับคืนบัตรให้กับ จางเทีย ผ่านทางหน้าต่างด้วยท่าทีเคารพ ในอาณาจักรนอแมนแล้วใครก็ตามที่ได้รับเหรียญเหล็กโลหิตมาเพราะผลงานในสนามรบจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของประเทศก็ตาม ถ้ายศร้อยโทขั้นหนึ่งยังไม่เด่นพอ เหรียญเหล็กโลหิตนี่แหละที่โดดเด่น
“ ไม่จำเป็น ข้าจะไปโดยรถนี่ ! “
“ ได้ เดินทางปลอดภัย ! “
เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ได้ทำความเคารพให้กับผู้โดยสาร ทหารคนอื่นๆก็ได้รีบยกแผงกั้นขึ้นให้ จางเทีย ได้ผ่านไป
...
ร้อยโทขั้นสองที่ประจำการที่จุดตรวจนั้นเพิ่งถูกส่งมาโดยกองทัพเขาเหล็กหลังจากที่เรียนจบจากโรงเรียนของทัพด้านเหนือ นี่คือปีแรกของเขา เรื่องระหว่างกองทัพเขาเหล็กกับกองทัพปีกแสงที่เพิ่งจบลง เขาจึงไม่รู้จัก จางเทีย เมื่อเห็นรถนั้นหายไป ร้อยโทขั้นสองก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาจำได้ว่ามีคนเคยพูดชื่อ จางเทีย กับเขามาก่อนแต่เขาปะติดปะต่อนี้กับภาพลักษณ์ที่เด็กของ จางเทีย ไม่ได้ ‘ ร้อยโทขั้นหนึ่งที่เด็กแบบนี้ที่ได้รับเหรียญเหล็กโลหิตต้องเด่นในกองทัพเขาเหล็กสิ ข้าจะจำเขาไม่ได้ได้ไง ? ‘
ร้อยโทขั้นสองรู้สึกไม่สบายใจ เกือบ 20 นาทีที่ จางเทีย จากไป ร้อยโทขั้นสองได้มองไปที่ประกาศจับ เขาได้ตัวสั่นและเขาได้ยินว่าเขาได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหน
‘ นี่คือเจ้าหน้าที่หนุ่มที่โด่งดังที่สุดที่ฆ่าตำรวจลับเป็นสิบคนและได้สร้างเรื่องสุดยอดอีกทั้งยังเป็นที่ต้องการของตำรวจลับด้วย ? เขากลับมาแล้วเหรอ ? ‘
ร้อยโทขั้นสองตบหน้าผากตัวเอง เขาได้บอกบางอย่างกับผู้ช่วยของเขาก่อจะโดดขึ้นรถและรีบขับไปที่บาปี
...
แม้ว่าในรถจะไม่ได้ร้อนแต่คนขับนั้นเหงื่อชุ่มไปทั่วตัว หลังจากที่รู้ฐานะของ จางเทีย คนขับก็จำที่เขาพูดกับ จางเทีย ได้ เมื่อคิดถึงตอนที่เขาด่ากองทัพอาณาจักรนอแมนว่าเป็นหมาแดงและปิศาจ หน้าของเขาก็ซีดด้วยความกลัวอย่างมาก
‘ ข้าจบสิ้นแล้ว ‘ คิดภาพอันโหดร้ายของกองทัพในตำนาน คนขับจึงเหงื่อตกอย่างกับตกลงไปในนรก
มันเริ่มอึดอัดมากกว่าเดิมในรถ เมื่อเห็นว่าคนขับนั้นกลัวและปิดปากสนิท จางเทีย ก็เงียบไปด้วย เขาพิงเบาะหลังและหลับตาไว้ทำท่าเป็นหลับ
เพราะข้างนอกหิมะตกหนัก รถจึงขับไปได้ไม่เร็วเท่าไหร่นัก แม้ว่าถนนจะถูกปัดกวาดแล้วแต่ก็ยังทำให้ความเร็วในการเดินทางลดลงอย่างมาก มันต้องใช้เวลา 2 ชม.กว่าจะถึงบาปีในระยะทาง 100 กม. พวกเขาได้มาถึงบาปีในตอน 6 โมงเย็น ในตอนที่ตกเย็นไปแล้ว
รถได้ไปจอดที่ถนนเส้นหนึ่ง ก่อนที่ จางเทีย จะได้เปิดประตู คนขับก็รีบลงมาจากรถและเปิดประตูให้กับ จางเทีย
“ ท่าน...ถือเป็นเกียรติที่ได้รับใช้ท่าน ท่านไม่ต้องจ่ายหรอก เอา....เงินของท่านกลับไปเถอะ ! “
เมื่อเห็นคนขับเอาเงินออกมาด้วยท่าทีเครียด จางเทีย ก็ยิ้ม – “ ข้าหูไม่ค่อยดี ข้าได้ยินที่เจ้าพูดในรถไม่ชัดเท่าไหร่ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก เก็บเงินไว้เถอะ มันดึกแล้ว ครอบครัวเจ้าคงรอเจ้าที่บ้าน เบียร์และไส้กรอกที่นี่ก็ดี เจ้าซื้อไปให้พวกเขาหน่อยก็ได้ ขับกลับช้าๆล่ะ แล้วเจอกัน...”
จางเทีย โบกมือให้ก่อนจะออกไปพร้อมกับกระเป๋าผ้าใบของเขา
เขามองไปที่เงาของ จางเทีย ที่เดินจากไป คนขับยืนนิ่งอยู่สักพักด้วยความรู้สึกมากมาย สุดท้ายเขาก็ตัดสินว่าเขามั่นใจว่าเขาเจอคนที่ดีและไม่เจอปัญหา เขาได้เข้าไปในรถ หลังจากนั้นก็ไปซื้อเบียร์และไส้กรอกก่อนจะกลับไปที่คารัวล์
...
มีหิมะกองกันตามข้างถนนในบาปี มันดูลื่นเล็กน้อย เพราะอากาศที่หนาว ร้านตามถนนหลายที่จึงปิด มีแค่ไม่กี่คนที่เดินตามท้องถนนโดยใส่เสื้อผ้าหนาๆ จางเทีย จึงตัดสินใจที่จะหาที่พัก
จากนั้นเขาก็ได้เลี้ยวไปที่เขตชุมชน เมื่อเห็นร้านชุดผู้หญิง จางเทีย ก็อึ้งทันที่ เขาจำได้ว่าเขาเคยมาที่นี่มาก่อน
เทียบกับที่เขาเห็นในครั้งที่แล้ว ร้านนี้มีเสื้อผ้ามากกว่าเดิม คอของหุ่นที่นี่มีสร้อยประดับ อีกอย่างแล้วยังมีรองเท้าส้นสูงในร้านอีกต่างหาก
ภายใต้แสงจากโคมไฟ ชั้นวางที่นี่ดูมีแต่ของที่มีคุณภาพดี ข้างๆประตูคือกองหิมะที่ถูกปัดออกไป ในทางกลับกันแสงไฟจากร้านดูอบอุ่นอย่างมาก
หลังจากที่เอามือถูหน้าและยิ้มออกมา จางเทีย ก็ได้เปิดประตูเข้าไปในร้าน
ติ๊ง
หลังจากที่ได้ยินเสียงกระดิ่ง ชายคนหนึ่งที่กำลังพูดอะไรอยู่บนเคาเตอร์ก็ได้หันกลับมาเห็น จางเทีย คนสามคนช็อกทันที จางเทีย ไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาเจอกับคนๆเดิมในที่เดิมๆในเวลาเดิมๆมาก่อน ทุกอย่างเหมือนกับละคร
“ บังเอิญจริงๆ คุณเพิช ! “ - จางเทีย ยิ้มออกมาให้เห็นฟัน
เมื่อเห็น จางเทีย หน้าของ เพิช ซีดและตัวสั่น ในสายตาของ เพิช แล้วฟันขาวๆของ จางเทีย น่ะเหมือนกับฟันของมังกรที่มากินผู้คน - “ เอิ่ม..เอิ่ม..ข้าแค่ผ่านมาที่นี่...และมาซื้อของให้ภรรยาข้า...นี่เป็นครั้งแรก...จริงๆ...ข้าสาบาน...”
“ เจ้าซื้อของรึยัง ? “
“ ใช่ ข้า...ข้าซื้อ..ท่านต่อได้เลย..ต่อเลย.. “ - หลังจากที่พูดจบ เพิช ได้รีบออกจากร้านไปพร้อมกับถุงกระดาษโดยที่ไม่กล้ามองมาที่ จางเทีย อีก ในตอนที่เขาเดินผ่าน จางเทีย เขาถึงกับถอยไปติดกำแพงและกลั้นหายใจด้วย ในตอนที่ เพิช วิ่งออกไปจากร้าน เขาถึงกับล้มไปด้วย หลังจากที่ลุกขึ้นยืนได้เขาก็รีบหนีไปโดยไม่กล้าหันกลับมาดู
จากนั้นก็เหลือเพียงแค่สองคนในร้าน
จางเทีย มองไปที่เจ้าของร้านสาวด้านหลังเคาเตอร์ที่ซึ่งทั้งสวยและมีผมที่เงางาม พวกเขายิ้มออกมาให้กันพร้อมกัน...