px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 531: เหตุการณ์อันน่าสลด


Chapter 531: เหตุการณ์อันน่าสลด
หลังจากที่ได้ปะติดปะต่อข้อมูลที่เขาได้มาจากแบล็คฮ็อต เขาก็ฟังข้อมูลจาก ฮิลแมน ต่อ   จางเทีย เข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ที่ตระกูลแบล็คซอนต้องเผชิญ

สถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดยิ่งกว่าปีก่อน กองทัพปิศาจได้เริ่มเคลื่อนที่ไปทางใต้ กว่า 10 เดือนที่ผ่านมา 3 ประเทศต้องย่อยยับเพราะกองทัพปิศาจ เพราะแบบนั้นประเทศในตระกูลแบล็คซอนจึงได้ร่วมมือกันในการจัดการกับกองทัพปิศาจ ในขณะที่แต่ละประเทศในตระกูลแบล็คซอนได้ส่งกองทัพระดับสูงมา และร่วมมมือกันเพื่อบดขยี้กองทัพปิศาจทีละส่วนๆ

ตอนนั้นมีแค่การบุกรุกของสงครามในประเทศทางใต้เท่านั้นที่หยุด ประเทศที่เหลือยังคงเต็มไปด้วยสงคราม ผู้อพยพจำนวนมากเริ่มหนีไปทางใต้หลังจากที่วนรอบพื้นที่ที่มีปิศาจหนาแน่น ตั้งแต่สองปีก่อน ประเทศทางใต้โดยเฉพาะจีนได้เริ่มที่จะส่งคนไปยังทวีปอื่นๆออกเป็นจำนวนมาก

ด้วยสงครามขนาดใหญ่ประชากรมนุษย์จะเป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้มนุษย์รอดไปได้

ตอนนั้นที่ราบเซลเนสระหว่างทางเหนือของรัฐซิมเบียนและอาณาเขตไททานิคคือแนวหน้าสำหรับประเทศทั้งหมดในตระกูลแบล็คซอนในการป้องกันพวกปิศาจ กองทัพปิศาจอันน่ากลัวได้เข้าสู้กับกองทัพมนุษย์ซึ่งประกอบด้วยคนกว่า 5 ล้านคนจากหลากหลายประเทศ

ถ้ากองทัพปิศาจฝ่าแนวป้องกันที่ที่ราบเซลเนสมาได้ ก็ไม่มีกำลังไหนจากที่ราบเซลเนสไปจนถึงสันเขาคาเรที่จะสามารถเอาชนะปิศาจได้ ครึ่งหนึ่งของอาณาเขตตระกูลแบล็คซอนต้องย่อยยับ
หลังจากผ่านมาแค่สามปี ผู้เสียชีวิตทั่วตระกูลแบล็คซอนมากกว่า 100 ล้านคน
หลังจากได้ยินข่าวนี้ จางเทีย ก็รู้สึกสิ้นหวัง ตามสัญชาตญาณแล้วที่ราบเซลเนสคงทนได้ไม่นาน ในฐานะนักสู้ระดับ 9 แล้ว  จางเทีย รู้ถึงความน่ากลัวของกองทัพปิศาจที่แต่ละตัวมีความแข็งแกร่งที่ระดับ 9

ถ้ามันไม่มีภัยพิบัติอีก ด้วยจำนวนคน 1 พันล้านคนทั่วตระกูลแบล็คซอน กองทัพของบางกองทัพที่ประกอบไปด้วยนักสู้ระดับ 6 ขึ้นไปอาจจะสร้างขึ้นมาได้ ในตอนที่สู้ในภูมิประเทศที่ได้เปรียบและได้รับการช่วยเหลือจากเครื่องมือแล้ว กองทัพทองเหล่านี้อาจจะเอาชนะกองทัพปิศาจได้แต่หลายประเทศนั้นต่างก็โยนทรัพยากรของตัวเองไปกับการบุกรุกของปิศาจในอาณาเขตของตน  ดังนั้นมันจึงยากที่จะบอกว่ามนุษย์จะทนได้นานแค่ไหนในที่ราบเซลเนส
...
หลังจากที่ฆ่าชายที่ชื่อว่า โบ แล้ว  จางเทีย ก็ได้กลายเป็นหัวหน้าคนใหม่ของหมู่นักโทษ คนฉลาดบางคนมายืนข้างๆ จางเทีย  ตอนนั้นพวกเขารู้ดีว่าพวกเขาจะรอดได้นานกว่าเดิมหากมี จางเทีย อยู่ข้างๆ นี่คือกฎของการเอาตัวรอดที่พวกเขาได้เรียนรู้ในคุก

จางเทีย ถูกเชิญไปนั่งที่นั่งที่สบายที่สุดที่ซึ่งใกล้กับที่ระบายอากาศ นอกจากอากาศบริสุทธิ์แล้ว ที่นี่ยังสะอาดด้วย

ในขบวนรถนักโทษที่ต้องออกไปสู้ที่แนวหน้า การจะได้น้ำและอาหารแห้งอาจจะมีบ้าง อาวุธถูกวางไว้ในกล่องซึ่งไม่สามารถเอามาแจกจ่ายได้จนกว่าจะลงจากรถไป ตอนนี้กล่องพวกนี้ถูกผนึกด้วยเครื่องหมายของหน่วยสงครามศักดิ์สิทธิ์ของพันธมิตรส่วนกลาง ถ้าผนึกเหล่านี้ฉีกขาดรึโดนเปิดอกโดยใครก็ตามก่อนที่พวกเขาจะลงจากรถ ทุกคนในรถต้องโดนประหาร

สิ่งแรกที่ได้เอาออกมาใช้ในเขตสงครามคือกฎกองทัพ คนนับพันได้ตายทุกวันและทั่วทุกที่ ดังนั้นมันจึงง่ายที่ทีมกฎหมายจะตัดหัวนักโทษประหาร ดังนั้นแม้แต่พวกนักโทษก็ยังต้องกลัว พวกเขาไม่กล้าเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับการเปิดกล่องพวกนี้ก่อน

แต่ผนึกนั้นถูกเปิดออกแล้วในตอนที่ จางเทีย ต้องการจะดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ชายที่ชื่อว่า มิเชล อาสาที่จะเปิดกล่อง  มิเชิล เป็นโจรและนักแกะรอยมืออาชีพแต่เขาเป็นแค่นักรบระดับ 5 ดังนั้นเขาจึงพยายามแสดงพรสวรรค์ให้ จางเทีย ได้เห็น

กล่องนี้มีหอกมากมายซึ่งแบ่งออกเป็นส่วนๆ มีเกราะอกและหมวก  แผ่นเหล็กนี้หนาแค่ 2 ซม.และไม่ได้ให้การป้องกันมากเท่าไหร่  เกราะสามารถป้องกันได้แค่ส่วนอกและท้องน้อย หมวกก็ยังถูกใช้เป็นจานข้าวมาแล้วด้วย

พวกนี้คืออาวุธและอุปกรณ์ที่ธรรมดาที่สุด บริการพิเศษแบบนี้สามารถให้กับแนวหน้าในสงครามเท่านั้น
หลังจากที่ จางเทีย เห็นของพวกนั้น  มิเชล ก็ได้ทำการทำผนึกของมันกลับคืน  ตาของ จางเทีย เป็นประกายขึ้นมากับพรสวรรค์ของชายคนนี้

ตอนเที่ยงคืนรถไฟยังคงวิ่งไปตามราง  ฮิลแมน ได้มาบอกกับ จางเทีย ว่าพวกเขาได้เข้ามาในเขตสงครามแล้ว  จางเทีย ไม่ได้หลับเลยสักนิด เขาแค่หลับตาและฝึกคิดเลข

เมื่อเห็น จางเทีย เงียบ คนอื่นๆในรถต่างก็เงียบไปด้วย ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไรออกมาเลย

ในตอนเช้าวันต่อมา หลังจากที่ฟังเสียงรถไฟที่แล่นมาทั้งคืน  อยู่ๆใจของ จางเทีย ก็เต้นรัวและเขาได้ลืมตาขึ้นมาทันที

“ ระวัง....” – จางเทีย อยู่ๆก็ตะโกนออกมปลุกทุกคนในขบวนทันที หลายคนมองมาที่ จางเทีย ด้วยท่าทีสับสนสงสัยว่าทำไม จางเทีย ถึงได้ปลุกพวกเขา

แต่ก่อนที่ จางเทีย จะได้อธิบาย เขาก็ได้ยินเสียงระเบิดที่ด้านหน้ารถไฟ ตามมาติดด้วยรถไฟเริ่มไถล จางเทีย ได้แค่จับที่จับข้างๆตัวเพื่อคงตัว...

รถไฟเข้าไปชนในอีก 20 วินาที

รถไฟได้ตกจากรางและขบวนแต่ละขบวนเองก็ด้วย กล่องไม้ในรถได้ชนเข้ากับบางคนในตอนที่ขบวนรถไถล เสียงกระดูกหักอันน่ากลัวของบางคนดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงกรีดร้อง  หัวของชายคนหนึ่งระเบิดสมองกระจายไปทั่วทุกที่
ขบวนนี้พลิกคว่ำ หลังคากับพื้นสลับด้านกัน กล่องหมวกได้เปิดออกและหมวกก็ได้ไหลออกมา  ห้องน้ำของตัวรถเองก็มีของเสียไหลออกมากระจายไปทั่วทุกที่ทำให้บนรถทั้งมีเลือดและกลิ่นของเสียคลุ้งไปหมด
คนเดียวที่ปลอดภัยอยู่คือ จางเทีย แต่แม้แต่ จางเทีย ก็ไม่อาจทนกลิ่นและบรรยากาศแบบนี้ได้

ประตูของขบวนนี้แตกต่างจากขบวนอื่นๆ  เพื่อที่จะกันไม่ให้นักโทษเหล่านี้หนีไประหว่างทาง ประตูจึงถูกล็อคที่ด้านนอก มันเปิดจากข้างในไม่ได้ ดังนั้นในตอนที่ขบวนนี้พลิกคว่ำ พวกเขาก็ได้ไปรวมตัวกันที่ประตูแล้วเริ่มทุบ

“ ปล่อยเราออกไป ปล่อยเรา .. “ – หลายคนเริ่มตะโกนออกมา

ไม่มีใครด้านนอกตอบกลับแต่ จางเทีย ได้ยินเสียงเบาร้องโอดโอยมาจากข้างนอก

“ อ่ะ ...มันคือปิศาจ มันคือปิศาจ ! “ - บางคนที่อยู่ไกลๆตะโกนออกมา

จางเทีย เปลี่ยนสีหน้าทันที เขายกกล่องที่ทับขาชายคนหนึ่งออก

“ อ่ะ ขอบคุณ ขอบคุณ ! “ – หน้าของชายคนนั้นบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด เมื่อเห็น จางเทีย มายกกล่องออกจากขาให้ เขาก็ได้ร้องไห้ออกมาทันที
จางเทีย เปิดกล่องออกมาแล้วจับเอาหอกในกล่องออก หลังจากนั้นเขาก็ได้วิ่งไปที่ประตูด้านข้างแล้วตะโกนออกมา – “ ถอย... “

พวกคนที่อยู่ใกล้กับประตูรีบหลีกทางให้กับ จางเทีย  ตอนนั้น จางเทีย ได้เตะประตูอย่างแรงและได้ทำให้แผ่นเหล็กประตูนั่นยุบลงไป ด้วยการเตะอีกครั้งประตูนั่นก็ได้กระเด็นออกไปพร้อมกันตัวล็อค

ในตอนที่ จางเทีย กระโดดลงไปจากขบวนรถ เขาก็เห็นฉากนองเลือด
...
นี่มันเช้าแล้ว รถไฟมาตกรางที่ข้างแม่น้ำราวกับงูที่ตาย  หัวและท้ายตกลงไปที่แม่น้ำ  บางขบวนยังคงเชื่อมต่อกัน ส่วนบางอันก็ขาดออกจากกันแล้ว  ขบวนส่วนมากมักจะพลิกคว่ำ รถเกราะบางอันไหลลงมาและกองกันอยู่ข้างๆกับรางรถไฟ

นักสู้หลายคนที่ซึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยได้ปีนออกมาจากขบวนรถไฟด้วยท่าทีสับสันและตอนนั้นหัวและตัวของพวกเขาก็ถูกผ่าออกเป็นชิ้นๆโดยใบมีดโค้งสีดำ...

รีวิวผู้อ่าน