px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 559: ผู้พิฆาตปิศาจปีก


Chapter 559: ผู้พิฆาตปิศาจปีก
เมื่อเห็นจุดสีดำเข้ามาใกล้ในท่าทีที่แตกต่างจากเครื่องร่อน  จางเทีย ก็รู้ว่าพวกมันต้องเป็นปิศาจปีก

ถ้าเป็นคนขับเครื่องร่อนคนอื่น เมื่อเห็นปิศาจปีกพกวนี้เขาจะหันกลับแล้วหนีทันทีแต่ จางเทีย น่ะต่างกัน เขาไม่หนี เขากลับเร่งความเร็วเข้าหาจุดสีดำนั้นแทน

ไม่กี่นาที จางเทีย ก็เห็นปิศาจปีกได้อย่างชัดเจน

พวกมันเป็นค้างคาวรูปร่างมนุษย์สามตัวที่ซึ่งคล้ายกับแวมไพร์ในตำนานแต่ต่างจากแวมไพร์ที่หน้าตาดูสวย นอกจากปีกแล้วพวกนี้ดูผอมซูบ  พวกมันมีแขนขาที่ยาวและหัวเป็นค้างคาว หน้าสีเขียวและกงเล็บที่แหลมคม พวกมันดูน่ากลัวอย่างมาก

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ จางเทีย ได้เจอกับสิ่งมีชีวิตแบบนี้ เขาจึงไม่มั่นใจว่าเขาจะฆ่าพวกมันได้รึเปล่า เพื่อที่จะมั่นใจว่าเขาจะรับการโจมตีของพวกมันได้  จางเทีย ได้เล่นลูกเล่นออกมา หลังจากที่บินไปได้สักพัก  จางเทีย ก็รู้สึกถึงกระแสลมที่พัดขึ้น ดังนั้นเขาจึงตัดเส้นทางเข้าไปในกระแสลมนั้นแล้วพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ปิศาจปีกทั้งสามคิดว่า จางเทีย จะหนี ดังนั้นพวกมันจึงไล่ตามทันที

ปิศาจปีกนั้นสามารถบินได้อย่างรวดเร็ว ปิศาจปีกระดับ 9 สามารถบินได้ 7,000-8,000 ม.ด้วยความเร็วที่มากกว่า 200 กม./ชม. ยานและเครื่องร่อนทั่วไปนั้นยากที่จะหนีมันได้

หลังจากที่พุ่งขึ้นมากว่า 1,000 ม. ปิศาจปีกก็ได้แยกตัวกัน ดูเหมือนว่ามันต้องการจะล้อม จางเทีย เอาไว้ ระยะห่างของพวกมันกับ จางเทีย ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ

จางเทีย ฮึดฮัดอกมา มือข้างหนึ่งอยู่ที่คันโยก เขาได้ใช้มืออีกข้างดึงเอาลูกดอกออกมา

ก่อนภัยพิบัติหลังจากที่มนุษย์ได้สร้างเครื่องบินขึ้นมา การต่อสู้ทางอากาศครั้งแรกระหว่างมนุษย์นั้นเป็นการดวลกันระหว่างปืนกับปืน ครั้งนี้ จางเทีย รู้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่ในตอนนั้นแต่เขาไม่ได้ใช้ปืนแต่เป็นลูกดอกแทน คู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นปิศาจปีก

“ กี๊.... “ – ปิศาจปีกสองตัวพุ่งเข้ามาจากสองฝั่งของเขาจากด้านหน้า ในเสี้ยววินาทีระยะทางก็แคบลงจากพันเมตรเหลือแค่ร้อยเมตร

ใน 0.1 วินาที จางเทีย ก็ได้โยนลูกดอกอกไปสองอันทำให้หัวของพวกมันสองตัวแตกชิ้นๆทันที ในตอนที่เลือดสาดออกมาเสียงระเบิดก็ดังขึ้น

ตามมาติดๆด้วยปิศาจปีกสองตัวตกลงจากฟ้าสูงกว่า 4,000 ม.

จางเทีย พุ่งผ่าหมอกเลือดอย่างรวดเร็ว ในตอนที่เอียงเครื่องร่อนไปที่ข้างหนึ่ง จางเทีย ก็เห็นปิศาจปีกตัวสุดท้ายที่ตามเขาทันจากด้านหลัง  ด้วยลูกดอกอีกอัน จางเทีย ได้ระเบิดหัวของปิศาจปีกตัวสุดท้ายที่ห่างไป 200 ม.ลงได้ หลังจากที่กระพือปีกอย่างอ่อนแรงสองครั้ง มันก็ได้ตกลงจากท้องฟ้า

จางเทีย ถอนหายใจออกมา ปิศาจปีกน่ะจัดการไม่ยากเท่าไหร่ ตอนแรกเขายังคงกังวลว่าปิศาจปีกจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังป้องกันที่สูงเหมือนกับปิศาจเกราะเหล็ก บวกกับความเร็วในการเคลื่อนที่ของมัน เขาอาจจะจัดการมันได้ยากด้วยลูกดอกในสภาพแวดล้อมที่มีกระแสลมแรงๆ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะพุ่งขึ้นไป ด้วยความสูงแบบนี้แม้ว่าปิศาจปีกจะได้รับแผลและเมื่อตกไปมันก็จะตายอยู่ดี

หลังจากรู้ความแข็งแกร่งของพวกมันแล้ว จางเทีย ก็วางใจขึ้นมา  ปิศาจปีกระดับ 9 ไม่เก่งเรื่องการป้องกัน ในระยะ 200 ม. ปิศาจปีกจะไม่อาจหนีลูกดอกเขาได้
ดังนั้น จางเทีย จึงเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา

ตอนนั้นเครื่องร่อนยังคงร่อนขึ้นไป  จางเทีย ยังคงรักษาระดับการร่อนขึ้นไปของตัวเองตามกระแสลม

จางเทีย พบว่ามันง่ายอย่างมากในการขับเครื่องร่อน จริงๆแล้วมันก็เป็นเหมือนเกมในการเข้าออกตามกระแสลม กระแสที่พัดขึ้นก็เหมือนลิฟต์ เมื่อนั่งในลิฟต์ เครื่องร่อนก็จะไปที่ความสูงระดับใหม่ อีกอย่างแล้วยิ่งสูงเท่าไหร่ยิ่งเย็น,ยิ่งเร็วเท่านั้น ดังนั้นยิ่งเร่งเครื่องร่อนไปสูงได้มากเท่านั้น  มันก็จะยิ่งทะยานขึ้นไปเร็วกว่าเดิม

หลังจากมาถึงความสูงระดับหนึ่ง เครื่องร่อนก็ได้ออกมาจากลิฟต์นั่น ในตอนที่พุ่งลง เขาจะสามารถรักษาสมดุลได้  จางเทีย รู้สึกว่าการลงแต่ละ 1 กม. เครื่องร่อนจะบินไปข้างหน้าได้ 50-100 ม.

ในตอนที่เขาลงมาถึงความสูงระดับหนึ่งและเจอกับกระแสลมอีกอัน เขาก็ขึ้นลิฟต์อีกครั้ง หลังจากที่ได้แรงเหวี่ยงมากเขาก็จะสามารถบินอย่างอิสระบนฟ้าได้อีกสักพัก แน่นอนว่าการบินแบบนี้ต้องว่องไวเรื่องการควบคุมกระแสลมที่พัดขึ้นมา ในตอนที่ร่อนลงคุณต้องหากระแสลมที่พัดขึ้นแล้วออกมาจากกระแสลมนั้นหลังจากไปถึงความสูงได้ระดับหนึ่งแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการบินและทักษะของตัวเอง

ทางทฤษฎีแล้วเครื่องร่อนสามารถบินได้ 100 ปีด้วยวิธีนี้ แน่นอนแม้ว่าเครื่องร่อนนั้นจะบินได้นานแต่ไม่มีใครทนได้

เอาจริงๆแล้วมันเป็นแค่เกมความสูงและความเร็วของการเข้าออกกระแสลมที่พัดขึ้น

จางเทีย ชอบความรู้สึกอิสระที่ได้มาโดยความเร็วและความสูงนี้ ในตอนที่บินอยู่ในฟ้า เขารู้สึกเย็นยิ่งกว่าการวิ่งรึการว่ายน้ำ

ในตอนที่ขับเครื่องร่อน จางเทีย รู้สึกเหมือนเป็นอินทรีย์ที่อิสระ บางครั้งเขาก็จะขี่ทะลุเมฆไปแล้วลอยเข้าไปในลมแบบไม่มีน้ำหนักราวกับขนนก  เขาใช้เส้นขอบฟ้าเป็นตัวบอกทิศทาง พื้นดินเป็นเหมือนแป้น   จางเทีย รู้สึกวิเศษจริงๆกับความรู้สึกนี้

ข้อมูลบนตัวเครื่องปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มาถึงความสูง 6,000 ม.ซึ่งอยู่ด้านบนกระแสลมตอนนี้ จางเทีย ก็ได้บินออกมา

ตอนนั้นลมเหนือเริ่มพัดขึ้นมาบนฟ้า  จางเทีย ได้หันเครื่องร่อนตัวเองอย่างว่องไวและทำให้มันเป็นแนวตั้งกับลมเหนือ เขาไม่ได้บินต่อไปยังพื้นที่ของพวกปิศาจที่อยู่ด้านเหนือ เขากลับบินไปทางทิศตะวันออกแทน

สถานที่ที่เขาเจอปิศาจปีกนั้นห่างจากป้อมคริสตัลกว่า 200 กม. มันอยู่ใจกลางเซลเนส  เมื่อเขาเจอปิศาจปีกที่นี่ เขาคงจะเจอพวกมันมากว่าเดิมที่ทางตะวันออกและตกของเส้นทางนี้ ดังนั้น จางเทีย จึงไม่ได้บินไปทางเหนือ เขากลับเตรียมที่จะตามเส้นทางนี้ไปต่อและฆ่าปิศาจปีกให้มากกว่านี้
คนระดับ 9 ที่กล้าเข้ามาในพื้นที่นี้ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของปิศาจในวันแรกนั้นถือว่าประมาทเกินไป สำหรับชีวิตเขาแล้ว จางเทีย พบว่ามันจำเป็นที่จะลองสู้กับศัตรู

แค่ 10นาที จางเทีย ก็เห็นปิศาจปีกอีกสองตัว มันบินอยู่ล่างเขากว่า 200 ม. พวกมันกำลังสังเกตการณ์ตามป่าด้านล่างและไม่คิดว่า จางเทีย จะอยู่ด้านบนหัวมัน
เมื่อเห็นปิศาจปีกสองตัว จางเทีย ก็ผลักคันโยกไปข้างหน้าทำให้เครื่องร่อนลดหัวลงแล้วพุ่งเข้าใส่ปิศาจปีกเหมือนกับอินทรีย์พุ่งหาเหยื่อ  มาได้ครึ่งทาง จางเทีย ก็รู้สึกถึงกระแสลมที่พุ่งลงไปซึ่งคนขับคนอื่นๆมักจะหลีกเลี่ยงแต่ จางเทีย ไม่สนเรื่องนี้เลยสักนิด เขาตัดเข้ากระแสลมนั้นแล้วเพิ่มความเร็วเข้าหาปิศาจปีกทั้งสอง

มันราวกับว่ามีลิฟต์ให้สำหรับ จางเทีย

จน จางเทีย ผ่านเมฆก้อนบางๆมาและย่นระยะห่างระหว่างเขากับปิศาจปีกได้เหลือ 500 ม. เขาก็โดนปิศาจพบตัว  ปิศาจปีกได้หันกลับมาและพุ่งกลับเข้าใส่ จางเทีย ทันที...

เพราะ จางเทีย พุ่งเข้าหาพวกนั้น ด้วยข้อได้เปรียบเรื่องความสูง จางเทีย จึงมีมุมที่ดีกว่า   จางเทีย ได้ปล่อยลูกดอกสองอันจากมือไปตั้งแต่ที่ปิศาจสองตัวนั้นหันกลับมา

ประมาณ 500 ม.ห่างออกไปในตอนที่เกิดเสียงระเบิดขึ้น หัวของปิศาจปีกทั้งสองก็แตกออกพร้อมกันและตกลงไปที่พื้น

เครื่องร่อนของ จางเทีย ได้พุ่งออกจากกระแสลมที่พัดลง หลังจากบินผ่านป่ามา เขาก็ร่อนอยู่ที่นั่นสักพักก่อนจะขึ้นไปยังกระแสลมที่พัดขึ้น....
...
ทีมล่าทีมหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในยอดต้นไม้ ในตอนที่เห็นปิศาจปีกถูกยิงตกลงมาโดยเครื่องร่อน พวกเขาก็ไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง

หลังจากนั้นสักพักศพของปิศาจปีกก็ตกลงมาในป่า ทีมล่าไม่นานก็พากันแห่ไปดู เมื่อเห็นหัวโชกเลือดของพวกมัน ชายกำยำคนหนึ่งก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“ พวกมันถูกยิงมาโดยเครื่องร่อนนั่นจริงๆด้วย มหัศจรรย์มาก ! เขาทำแบบนั้นได้ยังไง ? “

“ ใช่ เราไม่เคยได้ยินเรื่องคนแบบนั้นในศูนย์เราเลย “ – ชายอีกคนตอบด้วยสีหน้าแปลกใจ – “ สมาชิกของยานจะฆ่าปิศาจปีกได้ง่ายแบบล่าเหยื่อแบบนี้ได้ไง ? “

“ ออกจากที่นี่ก่อน เอาศพสองตัวนี้ไปด้วย “ – รินฮาท โผล่ออกมาจากพุ่มไม้แล้วยกหัวของปิศาจปีกขึ้นมา- “ บางทีบางประเทศรึตระกูลอาจจะพบวิธีจัดการกับพวกปิศาจปีก มันเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก เราต้องรายงานเรื่องนี้ให้สำนักงาน...”

รีวิวผู้อ่าน