px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 563: ข้าคือทหารอากาศ


Chapter 563: ข้าคือทหารอากาศ
หลังจากการต่อสู้ที่เมืองแฟตแล้ว ศูนย์ผลงานและอันดับผลงานของป้อมคริสตัลเต็มไปด้วยผู้คน คนส่วนมากคือคนที่มาดู คนที่เหลือมาที่นี่เพื่อลงคะแนนของตัวเอง

การมาถึงของ จางเทีย ทำให้ผู้คนมากมายสนใจขึ้นมาทันที

สองวันก่อนตอนที่ จางเทีย กลับมาโดยเครื่องร่อน พวกคนที่มุงอยู่นี้ต่างก็ช็อก พวกเขายากที่จะเชื่อว่าการต่อสู้แบบไหนที่ จางเทีย ได้เจอมา

หลังจากที่รู้ว่า จางเทีย อยู่ในอากาศกว่า 5 วัน ทุกคนก็อึ้ง พวกเขาไม่เชื่อว่าคนที่ทำลายสถิติขี่เครื่องร่อนนานที่สุดในทวีปไว่มาจากป้อมคริสตัล ในยุคนี้ในตอนที่สู้ แม้ว่าทักษะการขับขี่ก็ไม่ได้ดูน่าสนใจเท่าทักษะต่อสู้ มันก็เหมือนของที่คู่กันกับพวกทหารด้านนี้อยู่แล้ว
ตอนนั้น จางเทีย กลายเป็นที่สนใจอย่างมาก ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในอาการโคม่ามาหลายวัน เขาคงมีคนมากมายเข้ามาเยี่ยมแล้ว

ทุกคนน่ะสงสัยว่าเขาจะทำลายสถิติได้รึเปล่าและผลงานที่เขาทำได้คือเท่าไหร่

“ ศิษย์น้อง บังเอิญจริงๆ ยินดีที่ได้พบเจ้าอีก !”

ที่ศูนย์ผลงาน จางเทีย ได้ไปเจอกับคนที่เขาได้พนันเอาไว้ --- ดันไทยูยา

หลังจากที่ ดันไทยูยา พูดจบ ก็ได้มีเจ้าหน้าที่มากมายหันกลับมามองที่ จางเทีย  หลายคนตาเป็นประกาย ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่า จางเทีย เป็นใคร

“ อ่ะ ศิษย์พี่ดันไท เจ้าเองก็มาที่นี่เพื่อรายงานผลงานด้วยเหรอ ? “ - จางเทีย ทักทายด้วยสีหน้าปกติ

 “ใช่ ข้าได้ทำความสำเร็จที่เมืองแฟตมาบ้าง ข้าต้องการมายืนยันที่นี่  !” - ดันไทยูยา มองมาที่ จางเทีย และตอบกลับด้วยความสุภาพและจริงใจ – “ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้เอายานไปร่วมการต่อสู้ในฐานะอาสาหลังจากที่ออกจากวังมังกรลับแล้ว นี่แหละคือสิ่งที่วีรบุรุษควรทำ ! น่าชื่นชมจริงๆ “

ดันไทยูยา ถือว่าเป็นคนคุมอารมณ์ได้ดี ดังนั้นตั้งแต่ที่ จางเทีย ได้เจอเขาในครั้งที่แล้ว จางเทีย จึงชอบในตัวของชายคนนี้ หลังจากที่ได้ยินคำชมแล้ว จางเทีย ก็รู้สึกอายขึ้นมานิดๆ

“ ศิษย์พี่ดันไท เจ้าทำให้ข้าอายแล้ว ข้ารู้ว่ามีศิษย์พี่มากมายที่คอยสั่งการยานแต่ผลงานน่ะก็แค่เรื่องส่วนตัว มันไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับกองทัพ จริงๆแล้วมันไม่ยุติธรรมสำหรับศิษย์พี่ ผลงานของข้านั้นถือว่าเล็กน้อยกับความสามารถในการสั่งการของเจ้า ! “

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ จางเทีย  ดันไท ก็ได้ยิ้มออกมา – “ ฮาฮา อย่าพูดแบบนั้นเลย ในยุคนี้ข้อมูลทุกอย่างล้วนแต่ดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความแข็งแกร่ง ในการต่อสู้ของมนุษย์และปิศาจ ความแข็งแกร่งน่ะคือที่สุด ถ้าคนเราขาดความแข็งแกร่ง เขาอาจเป็นได้แค่ผู้ช่วยไม่ว่าจะฉลาดเพียงใด ความสำเร็จของคนแบบนั้นน่ะมีจำกัด “

จางเทีย ตอบกลับด้วยรอยยยิ้ม เขารู้ว่าคนจากตระกูลใหญ่นั้นคิดยังไง สำหรับพวกคนจากตระกูลใหญ่แล้ว กลยุทธก็แค่เครื่องมือ ส่วนความแข็งแกร่งนั้นคือทุกอย่าง แม้ว่าจะสนใจกลยุทธและการสั่งการแต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือพลังที่แท้จริงของตัวเอง  กลยุทธและการสั่งการนี้ดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความแข็งแกร่ง
จุดนี้เห็นได้ชัดเจนจากผู้อาวุโส ผู้อาวุโสแต่ละคนถือว่าเป็นอัศวิน ตราบใดที่เลื่อนขึ้นไปอยู่ระดับอัศวินได้ คนนั้นก็จะมีอำนาจอย่างมากไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม  อัศวินนั้นจะสามารถกำหนดโชคชะตาของตระกูลได้แต่ จางเทีย ไม่เคยได้ยินว่าใครโดดเด่นออกมาเพราะกลยุทธและความสามารถในการสั่งการแล้วกลายมาเป็นผู้อาวุโส
นี่น่ะคือผลของอัศวินรึความแข็งแกร่งในยุคนี้ เพราะความต่างของระดับการบ่มเพาะ ความต่างเรื่องความสามารถและความแข็งแกร่งระหว่างอัศวินและคนธรรมดาจึงมีอย่างมาก ในตอนที่ทหารนับหมื่นจะไม่อาจรู้ว่าอัศวินจะทำอะไร มันเหมือนมีกำแพงกั้นตรงหน้าพวกเขาไม่ให้พวกเขาคิดเอง

ก่อนภัยพิบัติข้อมูลและกลยุทธถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด พวกคนใช้สมอง ทำไมพวกคนที่ทำงานหนักถึงต้องกลายมาเป็นคนสำคัญได้  พวกคนที่เก่งเรื่องกลยุทธและการคิดน่ะมักจะได้รับความชื่นชอบจากผู้คนและสามารถได้ฐานะทางสังคมได้ง่ายดายแต่ในยุคนี้ทุกกฎขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง
ในตอนที่พูดกันนั้น ดูไทยูยา ได้ไปลงทะเบียนผลงานของตัวเอง ไม่นานก็มาถึงตา จางเทีย

เมื่อเห็น จางเทีย กำลังจะมารายงาน พวกคนที่ดูอยู่ต่างก็ตั้งใจฟัง หลายคนเข้าไปใกล้เพราะความสงสัย  ดันไทยูยา เองก็เตรียมที่จะดูผลงานของ จางเทีย ในฐานะศิษย์น้องของ หลานหยุนซี ที่ซึ่งกล้าพนันกับคนอื่น  ดันไทยูยา คิดว่าความสามารถของ จางเทีย น่ะคงไม่ได้แย่เท่าไหร่

หลังจากที่มองมาที่ จางเทีย  ร้อยโทก็ได้พยักหน้าให้ – “ เจ้าเองก็มาที่นี่เพื่อรายงานด้วยเหรอ ?”

“ ใช่ ! “

“ เจ้าเคยรายงานมาก่อนรึยัง ?”

“ ไม่ นี่เป็นครั้งแรกของข้า ! “

“ ได้ เมื่อเจ้าทำสัญญาแล้ว การโกหกจะทำให้เจ้าเจอผลข้างเคียงของการผิดสัญญา ดังนั้นอย่าอวดโม้เรื่องผลงาน เจ้าไม่ควรนับสิ่งที่เจ้าไม่มั่นใจ อีกอย่างแล้วผลงานที่มารายงานไม่ควรที่จะถูกนับซ้ำ ผลงานแต่ละครั้งควรเป็นผลอันล่าสุด ความสำเร็จของกลุ่มนั้นไม่นับรวม “ - ร้อยโทอธิบายให้ จางเทีย ฟังอย่างสุภาพ

“ ข้ารู้ ! “ - จางเทีย พยักหน้า

“ ดี งั้นบอกชื่อกับผลงานของเจ้ามา !” - ร้อยโทเตรียมที่จะบันทึก

จางเทีย สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพูดขึ้นมา – “ จางเทีย   ปิศาจปีกระดับ 9 จำนวน 157 ตัว, ปิศาจปีกระดับ 10 จำนวน 4 ตัว ถ้าไม่นับพวกที่ได้รับบาดเจ็บ ! “

“ อะไรนะ ?” – ร้อยโทคิดว่าเขาได้ยินผิดไปและบอกให้ จางเทีย พูดซ้ำ
“ ข้าได้ฆ่าปิศาจปีกระดับ 9 จำนวน 157 ตัว, ปิศาจปีกระดับ 10 จำนวน 4 ตัว ! “ - จางเทีย พูดซ้ำอย่างมั่นใจ
ศูนย์รายงานเงียบลงไปทันที แม้แต่เข็มตกก็คงได้ยิน ทุกคนมองไปที่หน้า จางเทีย เหมือนรอให้บางอย่างพิเศษเกิดขึ้นแต่ จางเทีย ก็ยังคงใจเย็นเช่นเดิม หน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีดำรึกลิ่นตัวเขาไม่ได้แย่ขึ้นมา
----- เขาไม่ได้รับผลจากสัญญารึไง ? ทุกคนก็ตระหนักได้ว่า จางเทีย พูดความจริง

ร้อยโทจดผลงานของ จางเทีย ลงไปด้วยมือที่สั่น เขากลืนน้ำลายและมอง จางเทีย เหมือนกับเห็นผี – “ จะ..เจ้าช่วยพูดซ้ำอีกรอบได้มั้ย ?” – ร้อยโทเปลี่ยนน้ำเสียงทันที

“ ปิศาจปีกระดับ 9 จำนวน 157 ตัว, ปิศาจปีกระดับ 10 จำนวน 4 ตัว ...” - จางเทีย พูดซ้ำออกมาอีกรอบ

“ อ่ะ ได้แล้ว..ได้แล้ว...” -ร้อยโทรีบตอบด้วยท่าทีสุภาพมากกว่าเดิมอย่างมาก

“ ศิษย์พี่ดันไทยูยา ยานของข้ายังคงจอดอยู่ด้านนอก มันชื่อว่าไอ้โง่ ข้าขอเชิญท่านไปดื่มในตอนที่ท่านว่าง ขอบคุณสำหรับการดูแลที่ผู้อาวุโสหลานให้มา ข้าได้ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ข้าจะไปขอบคุณเขา แล้วเจอกัน ...” - จางเทีย ยังคงทักทาย ยูยา ด้วยน้ำเสียงเหมือนเดิม หลังจากนั้นเขาก็ได้เข้าไปในป้อมของผู้อาวุโสและให้คนไปรายงานกับผู้อาวุโส

ไม่ถึง 1 นาที ผู้อาวุโสก็ได้ส่งคนมาพาเขาเข้าไป

จางเทีย โบกมือให้กับ ยูยา ก่อนจะเข้าไปในป้อมของผู้อาวุโส

จนกระทั่ง จางเทีย หายไปจากตรงหน้า พวกคนที่ศูนย์ผลงานจึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ที่นั่นวุ่นวายขึ้นมาทันที

“ ข้าจะลองนับดูนะ ปิศาจปีกระดับ 9 จำนวน 157 ตัว 942 คะแนน, ปิศาจปีกระดับ 10 จำนวน 4 ตัว  120 คะแนน จางเทีย ได้คะแนนไป 1,062 คะแนน... “

“ อ่ะ ข้ารู้แล้ว  จางเทีย น่ะคืออินทรีย์เซลเนสในตำนาน... “- คนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น

ทุกคนถึงกับต้องกลั้นหายใสจ..

ดันไทยูยา ยังคงยืนนิ่ง เขารู้สึกราวกับคนตาย – “ ข้าจะก้าวข้ามความสำเร็จแบบนี้ได้ยังไง ? ข้าเทียบกับชายที่โดนไล่ออกมาจากวังมังกรลับไม่ได้แล้วข้าจะไปไล่ตาม หลานหยุนซี ได้ยังไง ?”

ภาพของ จางเทีย น่ะคือกำแพงที่สูงส่งและมั่นคงในสายตาของ ยูยา ซึ่งทำลายความหวังในการไล่ติดตาม หลานหยุนซี
ไม่ต้องรอถึง 2 เดือน ยูยา ก็มั่นใจว่าใครก็ตามที่พนันกับ จางเทีย คงยากที่จะก้าวข้ามผลงานของ จางเทีย ตอนนี้ได้แม้ว่าจะผ่านไป 2 เดือนก็ตาม
...
ในห้องที่เขาถูกแบกเข้ามาเมื่ออาทิตย์ก่อน  จางเทีย ได้เห็น ผู้อาวุโสหลาน อีกครั้ง  หลังจากที่รู้ว่า จางเทีย จะมาขอบคุณ  ผู้อาวุโสก็ได้มองมาที่ จางเทีย สักพักก่อนที่จะพยักหน้า – “ เจ้า ไม่เลวเลย ไม่เลว..”

จางเทีย ไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ ผู้อาวุโสหลาน ได้ชมคนในป้อมคริสตัล

หลังจากที่ได้ยินคำชมแบบนั้น จางเทีย ก็รีบตอบกลับอย่างสุภาพ – “ เป็นเกียรติของข้า..”

“ อืม เจ้ารู้มั้ยว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าตอนนี้ ? “ – ผู้อาวุโสหลาน มองมาที่ จางเทีย ด้วยสีหน้าหวังดีและเอ็นดู

“ เพื่อช่วยตัวข้าเอง..” - จางเทีย พูดออกมาตรงๆ

หลังจากได้ยินคำตอบ ผู้อาวุโสหลาน ก็แสดงสายตาชื่นชมออกมา –“  เจ้าได้คิดรึยังเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้าต้องเผชิญหลังจากได้แสดงผลงานแบบนั้นออกมา ? “
จางเทีย เงียบไปสักพัก เขาไม่ได้คิดคำถามนี้มาก่อนเลยจนมาที่นี่ เขาพบว่ามันซับซ้อนเล็กน้อย ถ้าอาสานั้นสามารถจัดการปิศาจปีกได้อย่างดุดัน แล้วทหารธรรมดากว่า 5 ล้านคนทำในแนวหน้านั้นจะเป็นยังไง ?

คนที่ได้ชื่อเล่นว่าอินทรีย์เซลเนสน่ะเป็นแค่อาสาสมัคร นี่จะทำให้คนมากมายต้องอาย แม้แต่ในป้อมคริสตัล จางเทีย ก็เดาว่าไม่ใช่ทุกคนที่อยากเห็นคนในชุดเครื่องแบบทหารธรรมดาของจินหยวนอยู่บนอันดับผลงาน แม้แต่ในวังไฮหยวน ผลงานของเขาก็อาจจะถูกใครบางคนใช้เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับวังไฮหยวนห่างไกลกันมากกว่าเดิม

หลังจากที่คิดมาถึงจุดนี้แล้ว จางเทีย  ก็ช็อกเล็กน้อย – “ วัวแก่มักไถได้แค่ทางตรง ! ผู้อาวุโสหลาน ได้ชี้ปัญหาใหญ่ที่ข้าได้เผชิญให้ข้ารู้ “

“ ข้าจะทำตามคำสั่งของท่าน ผู้อาวุโส ! “ - จางเทีย เชื่อฟังขึ้นมาทันที – “ ยังไงซะท่านก็คือหัวหน้าของป้อมคริสตัล ตอนนี้ท่านได้ชี้ปัญหาจุดนี้มาแล้ว ท่านสามารถหาทางแก้ให้ข้าได้อย่างแน่นอน “

ผู้อาวุโสหลานตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เขาพบว่า จางเทีย ฉลาดกว่าผู้อาวุโสในตระกูลจางอีก – “ ข้าจะบอกวังไฮ่หยวน จากนี้เจ้าจะเป็นทหารอากาศคนแรกของป้อมคริสตัล ! “

“ ทหารอากาศ ทหารม้าในอากาศ ?” – คิ้วของ จางเทีย ยกขึ้น

“ ใช่ ตอนนี้เจ้าคือทหารอากาศ นี่คือหน่วยตั้งใหม่ที่ไม่ขึ้นกับใคร เจ้าเป็นแค่คนเดียวในเซลเนส ยศของเจ้าคือพันตรี เจ้าเป็นคนของป้อมคริสตัล พูดคร่าวๆคือเจ้าขึ้นตรงกับข้า เจ้ามีสิทธิที่จะสู้คนเดียว เจ้าคิดยังไงกับเรื่องนี้ ? “

“ ฮาฮา มันเกินกว่าที่ข้าคาดที่ผู้อาวุโสหวังดีกับข้า “ - จางเทีย ซึ้งในใจ เขาโค้งให้กับ ผู้อาวุโสหลาน ทันที – “ ขอบคุณ ผู้อาวุโส ! “

“ ไม่เป็นไร สำหรับทหารอากาศแล้ว เจ้าควรที่จะเปลี่ยนชุด ไม่งั้นแล้วมันคงดูน่ากระอักกระอ่วน..” – ผู้อาวุโสหลาน ปรบมือพร้อมกับมีคนหนึ่งเข้ามาในห้องทันที เขาได้ชี้ไปที่คนนั้นแล้วบอกกับ จางเทีย – “ เจ้าไปคุยกับเขาเรื่องชุด,อุปกรณ์และเครื่องหมาย ข้าไม่สนเรื่องนั้น ข้าเอาว่าเจ้าจะได้ใช้มันในไม่ช้า “
...
จางเทีย ได้ไปคุยกับหัวหน้าหน่วยอุปกรณ์ของป้อมกว่าหนึ่งชั่วโมง หลังจากที่ยืนยันเรื่องอุปกรณ์ต่างๆแล้วเขาก็ได้ออกมาจากป้อมผู้อาวุโส

เพราะมีพวกมีพรสวรรค์และช่างมากมายในหน่วยอุปกรณ์ของป้อมคริสตัล มันจึงใช้เวลาอย่างมากแค่หนึ่งวันในการทำชุดให้กับ จางเทีย

ในตอนที่ จางเทีย เดินออกมา อันดับผลงานนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว  จางเทีย ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนน 1062 ตามมาด้วย หลานหยุนซี  ในการต่อสู้ที่เมืองแฟต หลานหยุนซี ได้ฆ่าปิศาจปีกระดับ 9 ไป 8 ตัว,ปิศาจปีกระดับ 10 ไป 2 ตัวและปิศาจปีกระดับ 11 ตัวหนึ่งซึ่งทำให้คะแนนของเธอเพิ่มขึ้นมาเป็น 444 จาก 186

แต่คะแนนของเธอก็ยังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของ จางเทีย อยู่ดี

แม้ว่าจะเป็นแค่อันดับแต่ จางเทีย รู้สึกพิเศษที่เขาเอาชนะ หลานหยุนซี ได้

นักสู้ทุกคนในป้อมคริสตัลเมื่อเห็น จางเทีย พวกเขาจะแสดงความเคารพโดยเฉพาะพวกนักสู้จากวังไฮหยวน ตอนนั้น จางเทีย คือสมาชิกที่เด่นที่สุดของวังไฮหยวน
ในตอนที่ จางเทีย กลับไปที่ยาน ลูกเรือทุกคนต่างก็ออกมาจากยานเพื่อฉลองกับการกลับมาของ จางเทีย  มีแค่การทำแบบนี้เท่านั้นที่พวกเขาจะรู้สึกว่าพวกเขาได้แสดงความเคารพให้กัปตันตัวเอง

จางเทีย ทักทายพวกนั้นด้วยรอยยิ้ม เขาตบไหล่ของพวกนั้น  หลังจากที่กินอาหารเย็นกับพวกนี้แล้ว จางเทีย ก็บอกไปว่าเขาต้องพักผ่อนและไม่ต้องการให้ใครมารบกวน หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่ห้องตัวเอง

ที่นั่นเขาเข้าไปใน Castle of Black Iron เพื่อตรวจสอบว่าเขาจะพบความแปลกใจอะไรข้างใน...
...
หลังจากผ่านมาไม่กี่วันข้างใน Castle of Black Iron ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมา นอกจากออร่าที่ลอยไปมาในอากาศ จางเทีย รู้สึกว่าที่นี่เหมือนโลกข้างนอกมากกว่าเดิม

เฮลเลอร์ มารอเขาที่ต้นไม้เล็กแล้ว เขารู้ว่า จางเทีย จะเข้ามา  เมื่อเห็น จางเทีย  เฮลเลอร์ ได้พูดขึ้นด้วยท่าทีเคร่งขรึม – “ เจ้าของปราสาท ท่านเสี่ยงอย่างมากในครั้งนี้ ถ้าท่านไม่หวงชีวิตตัวเองไว้ เราจะหงุดหงิดอย่างมาก เราจะรู้สึกว่าทุกอย่างนั้นไร้ความหมาย ! “

จางเทีย เกาหัวด้วยท่าทีอายๆ เขารู้ว่า เฮลเลอร์ หมายถึงอะไร  โหมดต่อสู้ที่เขาใช้เมื่อ 5 วันก่อนนั้นทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก ในวันที่ห้า เขาแทบจะยืนไม่ไหว ด้วยการที่โดนโจมตีจากปีกของปิศาจปีกระดับ 10 สองตัว  จางเทีย เกือบที่จะตาย

“ ได้ ข้ารู้แล้วแต่ถ้าข้าอยู่ได้นานกว่าเดิม ข้าก็จะช่วยชีวิตคนได้มากกว่าเดิม ดังนั้นข้าจะไม่หยุด... “

เฮลเลอร์ ถอนหายใจ – “ ถ้าท่านไม่อาจควบคุมมันได้ ท่านอาจจะต้องเจอมันอีก  ถ้าเป็นแบบนั้นท่านควรที่จะกิน Iron-Body Fruit ให้มากกว่าเดิม อย่างน้อยท่านก็จะทนการโจมตีได้และหนีอันตรายได้ง่ายๆ ตาบใดที่ท่านใช้เวลาสักพัก ท่านก็จะได้ Iron-Body Fruit มาอย่างง่ายดาย ผลไม้นี้มีผลที่โดดเด่นในตอนที่ท่านกินมันเข้าไปเพียงพอ พวกมันจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายท่าน  ร่างกายคือพื้นฐานของทุกอย่าง ท่านไม่ควรมองข้ามัน บางอย่างแบบแสงแดดและอากาศ  แม้ว่าจะได้มาฟรีๆแต่มันคือพื้นฐานที่ทุกอย่างต้องพึ่งพามัน ดูครั้งนี้เป็นตัวอย่าง หากท่านกิน Iron-Body Fruit เข้าไปอีก 2 รึ 3 ผล ท่านก็จะมีจิตใจที่ปลอดโปร่งในตอนที่ท่านลงจอดและไม่ได้รับบาดเจ็บหนักแบบนี้ ! “

คำพูดของ เฮลเลอร์ ทำให้ จางเทีย สนใจขึ้นมา  จางเทีย ตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้กิน Iron-Body Fruit จริงๆด้วย – “ เฮลเลอร์ ไม่ค่อยพูดเรื่องข้อดีของผลไม้ใดๆ บางทีข้าอาจจะใช้ผลของ Iron-Body Fruit ได้ไม่เต็มที่ก็ได้.. “
“ ดี ข้าจะใช้เวลามากกว่าเดิมเพื่อสร้าง Iron-Body Fruit ให้ได้ ! “ - จางเทีย พยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็ถาม เฮลเลอร์ – “ มีผลไม้ของปิศาจงอกออกมารึยัง ?”

“ ใช่ มีแล้ว...”
 

รีวิวผู้อ่าน