px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 582: รังสีอาฆาตในตลาดนักล่า


Chapter 582: รังสีอาฆาตในตลาดนักล่า
ตลาดนักล่าในเมืองโวนั้นคือถนนที่อยู่ด้านหลังบาร์นักล่า เทียบกับตลาดในเมืองม็อกโกแล้วที่นี่เล็กกว่านิดหน่อยแต่ของในตลาดนี้ก็เทียบได้กับของในเมืองม็อกโก

เพราะฝนกำลังตก พื้นดินที่ขรุขระจึงเริ่มเป็นบ่อจากฝนที่ตก ภายใต้แสงสีเขียวของตะเกียง เงาของคนเดินอัดแน่นที่ถนนเส้นนั้น ถนนนี้เต็มไปด้วยคนที่ใส่เสื้อคลุม เสียงของพวกเขาเปลี่ยนไปมีทั้งแหบและเล็ก บางคนถึงกับพูดเหมือนยุงก็มี  เสียงพวกนี้สร้างขึ้นมาจากท้องซึ่งทำให้ยากที่จะทำการปลอมเสียงได้

ในคืนที่ฝนตก บางคนที่ใส่หน้ากากเดินไปทั่วถนนเส้นนั้นราวกับผี  เมื่อเห็นแบบนั้นบางคนก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ดังนั้นบรรยากาศจึงดูแปลกไปเล็กน้อย

จางเทีย เองก็เดินอยู่ที่ถนนเส้นนั้นโดยการสวมชุดคลุมสีดำและหน้ากาก เขาเดินดูของที่แสดงตามร้านต่างๆที่ตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งของถนน

หลังจากมาถึงระดับ 9 แล้ว จางเทีย ก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมมันถึงได้แค่เป็นจุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะตามที่ เซ่าหยวน ได้บอกไว้  นอกจากจุดชีพจรที่มองไม่เห็นมากมายที่ต้องจุดขึ้นมาแล้ว มันยังมีทักษะต่อสู้มากมายที่สามารถเรียนรู้ได้หลังจากระดับ 9

เอาทักษะการเคลื่อนที่เป็นตัวอย่าง ก่อนระดับ 9 จางเทีย น่ะมีสิทธิแค่เรียนทักษะการกระโดดซึ่งเพิ่มความสามารถขึ้นมาโดยการปลุกพลังที่ไขสันหลัง ก่อนจะเชี่ยวชาญมัน  จางเทีย สามารถกระโดดได้สูงถึง 4 ม.แต่หลังจากที่เชี่ยวชาญมันแล้วเขาสามารถกระโดดได้ถึง 6-7 ม.

ในตอนที่ จางเทีย มาที่ตลาดนักล่า เขาก็ได้เห็นการแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจที่สุด มันคือทักษะการเคลื่อนที่ที่ชื่อว่าการเคลื่อนไหวพายุ มันราคา 650,000 ทอง มันทำให้ จางเทีย ตะลึงอย่างมาก ในตอนที่เขาสนใจหนังสือนี่ เขาก็ได้ไปถามรายละเอียดมันและรู้ว่าผลของมันจะไม่แสดงออกมาจนกว่าจุดชีพจร 70 จุดที่เท้าจะถูกปลุกขึ้นมาได้ ดังนั้น จางเทีย จึงเลิกสนใจมัน

ทักษะต่อสู้ระดับสูงมากายต้องการจุดชีพจรในการฝึกมัน หลังจากที่ได้รับความรู้ลับในการปลุกจุดชีพจรแล้วสำหรับหลายคนไม่ว่าจะเป็นทักษะต่อสู้ที่ร่วมงานกับการบ่มเพาะที่เขามีหรือไม่นั้นมันจะเป็นตัวตัดสินความแข็งแกร่งของคนนั้นๆ
พูดโดยทั่วไปแล้วยิ่งปลุกจุดชีพจรได้มากเท่าไหร่ การพัฒนาของร่างกายก็จะถูกปล่อยออกมามากเท่านั้น ผลก็คือจะสามารถฝึกทักษะต่อสู้ได้มากกว่าเดิม  ดังนั้นเส้นทางการบ่มเพาะนั้นยิ่งทรงพลังเท่าไหร่ ยิ่งจะแข็งแกร่งมากกว่าเดิมได้เท่านั้น  แม้ว่าแต่ละก้าวในการพัฒนานั้นจะยากแต่หลังจากก้าวนั้นๆแล้วจะทำให้เห็นโลกที่แตกต่างจากเดิม

ในตอนที่ จางเทีย มองดูร้านค้าตามข้างทาง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่านิ้วของเขาชาเล็กน้อยด้วยแหวนแจ้งเตือน  จางเทีย ช็อกขึ้นมาทันที

ในตอนที่ผลของแหวนแจ้งเตือนทำงาน มันบ่งบอกว่ามีคนจับตามองดูเขากว่า 20 วินาทีแล้ว
จางเทีย ไม่รู้ว่าใครกันที่ตามเขาแต่คำเตือนจากแหวนนี้ทำให้เขาระวัง แม้ว่าเขาจะทำท่าไม่รู้ตัวแต่เมื่อเขาเห็นอาวุธตามร้านที่อยู่ข้างทาง เขาก็รีบมองไปยังคนด้านหลังผ่านทางหางตาทันที
เขาเห็นคนกว่า 30 คนด้านหลังโดยใช้สายตาความมืดของเขา แต่ละคนใส่ชุดสีดำและหน้ากาก พวกเขาต่างก็ทำธุระของตัวเอง บางคนอยู่กัน 2-3 คน บางคนอยู่คนเดียว ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจเขา  จางเทีย บอกไม่ได้ว่าใครกันที่จับตามองดูเขาอยู่

‘ มันบังเอิญรึมีคนรู้ตัวตนของข้า ? ‘

จางเทีย รีบคิด ในเซลเนส พวกนักล่าปิศาจนั้นมาจากต่างประเทศและเขต  ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกนักล่าปิศาจจึงซับซ้อนอย่างมาก  จางเทีย เคยได้ยินมาเกี่ยวกับนักล่าปิศาจที่ฆ่ากันในป่า  แม้แต่ในเมืองก็ยังมีนักล่าที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งแล้วทำอะไรก็ได้  ดังนั้น จางเทีย จึงไม่แน่ใจว่าคนที่จับตาดูเขานี้คิดอะไรอยู่

เมื่อเห็น จางเทีย หยุดและมองไปยังอาวุธที่ร้านตรงหน้า  นักล่าปิศาจที่ขายอาวุธก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที – “ อาวุธของเราเป็นของคุณภาพสูงในเซลเนส พวกมันมีผลของรูน แม้ว่าจะเป็นรูนที่เรียบง่ายแต่มันก็ทรงพลังยิ่งกว่าอาวุธธรรมดา เอาดาบนี่เป็นตัวอย่าง รูนของมันคือความคม อีกอย่างแล้วมันทำจากอัลลอยคุณภาพสูง มันคือสมบัติหายากที่เราได้รับมา ! “
เจ้าของร้านถือดาบยาว 1 ม.มาแสดงต่อหน้า จางเทีย มันถือว่าเป็นสินค้าที่ดีจริงๆ มันทั้งดูสวยและสง่า เมื่อมาพร้อมกับฝักแล้วมันดูไม่ได้มีการตกแต่งมากมายแต่มันให้ความรู้สึกมั่นคงและคมอย่างมาก

ด้วยความสนใจในดาบ จางเทีย จึงมองไปที่มัน  มันหนักอย่างมาก แม้ว่าจะดูเหมือนหนักแค่ 20 กก.แต่มันหนักอย่างน้อย 70 กก.ซึ่งเหมาะกับ จางเทีย  มันจริงที่ว่าทำมาจากวัสดุพิเศษ
“ เท่าไหร่ ? “ - จางเทีย ถามเจ้าของร้าน

“ 1,200 ทอง ห้ามต่อ ! “

ถ้าเป็นดาบธรรมดาที่ไม่มีรูน มันจะราคาแค่ 200 ทองแต่มันมีผลของรูนด้วย อีกอย่างแล้วยังมีคุณภาพสูงกว่าดาบชั้นสูงอื่นๆทุกด้าน ดังนั้นราคาจึงเพิ่มขึ้นจากสามหลักมาเป็นสี่หลัก

“ พันทอง ข้าจะเอาเลย ! “ - จางเทีย ต่อ

หลังจากที่มองมาที่ จางเทีย สักพัก คนขายก็ตอบกลับ – “ ได้ ข้าจะลดให้เพื่อสงครามละกัน ตกลง พันทอง ! “

จางเทีย เอาเช็กพันทองออกมาและเอาให้กับเจ้าของร้าน เจ้าของร้านรับมันไว้แล้วตรวจสอบก่อนจะพยักหน้าให้กับ จางเทีย

แม้ว่าราคานี้จะไม่ได้มีความหมายสำหรับ จางเทีย แต่เขารู้ว่ามันไม่ได้ถูกเพราะเขาสามารถซื้อรถสปอร์ตสองคนได้ด้วยเงินจำนวนนี้ ‘ พ่อข้าคงซื้ออาวุธรูนไม่ได้หากไม่มีเงินเดือนสัก 80-90 ปี ‘
เมื่อรับดาบมา จางเทีย ได้ห้อยมันไว้ที่ด้านนอกเสื้อตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปต่อ  แหวนแจ้งเตือนไม่ได้บอกอะไรอีกแต่ จางเทีย ยังไม่ไว้วางใจ

ฝนที่ตกลงมาทำให้เกิดเสียงที่กระทบพื้น ลมพัดผ่านเข้ามาทำให้ จางเทีย รู้สึกหนาวขึ้นมานิดหน่อย

ความเย็นนี้ไม่ได้มาจากลมรึฝนแต่เป็นรังสีอาฆาตในลมและฝน ถ้าไม่ใช่แหวนแจ้งเตือน จางเทีย อาจจะบอกไม่ได้ว่ามีรังสีนี้ในความเย็นนี้ด้วย

จางเทีย ใจเย็นลง

มีคนกว่าร้อยคนในตลาด ก่อนที่จะสู้ จางเทีย ไม่รู้ว่าใครกันที่เล็งมาที่เขา แม้ว่าเขาจะใส่หน้ากากและเสื้อคุมแต่ชื่อเสียงของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง พวกนั้นอาจจะจำเขาได้แม้ว่าเขาจะใส่เสื้อคลุมและหน้ากากอยู่ก็ตาม

จางเทีย คิดว่ามีบางคนรู้เบาะแสของเขาตั้งแต่ที่เขาเข้ามาที่ตลาดนี้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ดังนั้นคู่ต่อสู้จึงมารอเขาที่นี่

พวกคนที่เดินอยู่ในตลาดแห่งนี้ล้วนแต่เป็นพวกแข็งแกร่ง พวกเขาจะซ่อนตัวในฝูงจน อีกอย่างแล้วมันจะทำให้หนีง่ายกว่าเดิมเมื่อทำการลอบฆ่าแล้ว

ทันใดนั้น จางเทีย ก็รู้สึกว่าตลาดแห่งนี้เต็มไปด้วยรังสีอาฆาตซึ่งทำให้เขาเครียดขึ้นมา

หลังจากที่ฆ่าเขาด้วยระเบิดไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเขาสามารถฆ่าปิศาจปีกระดับ 10 ได้ คู่ต่อสู้ก็จะส่งพวกที่แข็งแกร่งกว่าระดับ 11 มาแน่นอนในครั้งนี้  จางเทีย ไม่ได้เห็นว่ามันแปลกหากพวกนั้นเป็นนักสู้ระดับ 11
แม้ว่า จางเทีย จะดูผ่อนคลายแต่เขาน่ะกำลังคิดหาวิธีรับมืออย่างกังวลอยู่แต่ตอนนั้นก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหูของเขาจากร้านที่อยู่ตรงหน้า

“ ล้อเล่นรึเปล่าเนี้ย ? มันก็แค่เทคนิคกระทิงคลั่ง อย่ามาทำให้ข้าเสียเวลา เจ้าน่ะหลอกคนระดับต่ำกว่า 6 ได้แต่ใครกันจะอยากได้ของที่มาจำกัดความแข็งแกร่งของตัวเองโดยที่มันช่วยเพิ่มระดับมาแค่ระดับเดียว เพื่อน ของนี่น่ะมีค่ากว่านี้เล็กน้อยก่อนสงครามแต่ตอนนี้แม้แต่พวกปิศาจก็ยังไม่คิดจะซื้อมันเลย “

“ เอิ่ม ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะลดให้ สักหมื่นทองเป็นไง ? “

“ ลืมไปได้เลย นี่คือกับดักของคนต่ำกว่าระดับ 10 ใครก็ตามที่บ่มเพาะมันถือว่าซวย “

“ ถ้ามันสมบูรณ์ มันจะเป็นความรู้ชั้นจักรพรรดิ แม้ว่าจะไม่ได้บ่มเพาะมันแต่เจ้าก็เก็บมันสะสมได้ !” - เจ้าของร้านพูดต่อ
“ ของตกแต่งมีค่าในยุครุ่งเรือง ส่วนเงินน่ะมีค่าในตอนที่วุ่นวาย ใครกันที่อยากจะมาสะสมของแบบนี้ ? ในโลกที่วุ่นวายตอนนี้เงินน่ะดีที่สุด ! “

เมื่อพูดจบชายคนนั้นก็ส่ายหน้าก่อนจะเดินออกจากร้านไป

เพราะไม่มีใครต้องการเทคนิคนี่ จางเทีย จึงยืนยันได้ว่าสิ่งที่เกิดตรงหน้าเขาน่ะไม่ใช่การหลอกรึกับดัก

มันคือโอกาสแปลกๆ  จางเทีย ไม่คิดว่าเขาจะได้เทคนิคนี้มาแบบนี้ในตอนที่เขาอยากได้มันพอดีพร้อมกับรังสีอาฆาตที่แผ่ออกมาใส่เขา

รีวิวผู้อ่าน