Chapter 585: ป่าหมอกพระจันทร์
เพราะฝนยังตกอยู่ เครื่องร่อนจึงได้รับแรงต้านอย่างหนักบนฟ้า จางเทีย รู้สึกอย่างชัดเจนว่าเครื่องร่อนนั้นช้าลง อีกอย่างแล้วมันยากที่เขาจะหากระแสลมพัดขึ้น จางเทีย ได้แต่ใช้แรงกดอากาศที่ต่างกันของฝนที่ตกกับอากาศเย็นด้านล่างซึ่งผลักดันปีกหลัก
นอกซะจากว่า จางเทีย จะขับเครื่องร่อนออกจากเขตนี้ เขาไม่สามารถที่จะฝืนกฎธรรมชาติให้เครื่องร่อนบินในเขตนี้ได้โดยไม่ต้องใช้พลังขับเคลื่อน
จริงๆแล้วมันก็ถือว่าวิเศษสำหรับ จางเทีย แล้วที่อยู่บนป่าหมอกพระจันทร์ได้ 7 ชม.ในสภาพอากาศแบบนี้ คนขับเครื่องร่อนคนอื่นอาจจะไม่สามารถบินเครื่องร่อนได้เลยในสภาพอากาศแบบนี้ แม้ว่าจะสามารถนำเครื่องขึ้นได้แต่พวกเขาก็จะอยู่ได้แค่เวลาสั้นๆแต่ จางเทีย น่ะอยู่บนฟ้าเกือบตลอดทั้งวัน
ใน 7 ชม.ที่ผ่านมา จางเทีย ต้องลดความสูงลงมาจาก 15,000 ม.มาเหลือ 1,000 ม. อีกอย่างแล้วมันอยากที่เขาจะยกตัวเองให้สูงขึ้นไปอีกได้
ฝนมันไม่ได้ตกหนักแต่หมอกด้านบนป่านั้นเริ่มหนาขึ้น จางเทีย ที่นั่งอยู่บนเครื่องร่อนหันไปมามองหมอกด้านล่าง เขารู้สึกเหมือนอยู่บนทะเลเมฆไม่สามารถองเห็นอะไรได้เลย
เพื่อที่จะกันฝนที่จะเข้ามา ประตูตรงห้องโดยสารจึงถูกปิดเอาไว้ ฝนที่ตกไม่นานก็ไหลไปตามประตูแต่เพราะความต่างเรื่องอุณหภูมิ ประตูจึงเกิดหมอกขึ้นมา ผลก็คือการมองเห็นจึงแย่ขึ้นกว่าเดิม
ในเวลาไม่กี่นาทีเครื่องร่อนก็ได้ลดละดับลงอีก 100 ม. จางเทีย ใช้สัญชาตญาณของตัวเองเพื่อจับกระแสลมอีกสองอันเพื่อยกเครื่องร่อนขึ้นอีกครั้งแต่ด้วยสภาพอากาศแบบนั้นมันเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นที่กดเครื่องร่อนให้ลดลงมา
“ เหี้ย ! “ - จางเทีย บ่นในใจ
นี่มันวันที่ 5 แล้วตั้งแต่ที่ จางเทีย ได้มาถึงป่าหมอกพระจันทร์ ในช่วงนี้แม้ว่า จางเทีย จะทำการตรวจสอบรอบๆป่าแต่เขาก็หาที่ซ่อนของพวกซอมบี้ไม่ได้
ชื่อของป่านี้เกิดจากสองเหตุผล ที่นี่ปกคลุมไปด้วยหมอกตลอดปี มีป่าอยู่ด้านล่างด้วย ดังนั้น จางเทีย จึงไม่อาจจะทำการสำรวจได้
ตราบใดที่หน่วยสอดแนมถูกส่งมาที่นี่ พวกเขาจะหายตัวไป ผลก็คือพวกเขาได้แต่ฝากความหวังไว้กับหน่วยทางอากาศ
ในสภาพอากาศดีๆวิธีแบบนี้อาจจะได้ผลแต่ในวันที่ฝนตก วิธีนี้ประสิทธิภาพลดลงอย่างเห็นได้ชัด
มันถือเป็นการทดสอบครั้งใหญ่ของเครื่องร่อนในสภาพอากาศแบบนี้ นี่ไม่ต้องพูดถึงวันที่ฝนตกหนักแล้วทำใหเกิดหมอกหนาขึ้นมาซึ่งทำให้มองเห็นได้แย่ขึ้นไปอีก
นอกจาก จางเทีย แล้ว หลานหยุนซี ก็ได้ส่งยานเข้ามาร่วมมือกับเขาด้วยแต่พวกนั้นก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน
ยิ่งยานของจินหยวนอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสเป็นไปได้ที่พวกปิศาจปีกจะรู้ตัว ทุกคนรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจน
ด้านล่างนั้นคือทะเลหมอก เมื่อเห็นเนินเขาตรงหน้า จางเทีย ก็คิดอยูสองวินาทีก่อนจะกัดฟันแน่นและดำดิ่งไปที่เนินเขาด้วยความกดอากาศ
เพราะเขาหาเบาะแสอะไรไม่ได้บวกกับสภาพอากาศที่เลวร้าย มันจึงยากที่เขาจะกลับไปที่ฐาน ดังนั้น จางเทีย จึงได้ตัดสินใจและเตรียมที่จะลงจอดที่เนินเขา เขาวางแผนที่จะทำการสำรวจที่นั่น ถ้าสภาพอากาศนั้นดีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เขาก็จะบินออกจากเนินเขาแห่งนี้ไป
เครื่องร่อนลดระดับลงมาอย่างรวดเร็ว ภายใต้การควบคุมของ จางเทีย เครื่องร่อนดูควบคุมได้ง่ายกว่าเดิม อีกอย่าแล้วแม้ว่าจะบินวนอยู่ที่นี่แต่หัวของมันก็พุ่งลงมาอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเป็นพวกที่เก่งในการขับเครื่องร่อนแต่น้อยคนนักที่กล้าทำแบบนี้ ในครึ่งนาทีต่อมาเครื่องร่อนก็แทบจะไปอยู่ติดพื้นแล้ว
ในตอนที่หัวเครื่องร่อนเกือบจะติดพื้น ด้วยกระแสลมพัดขึ้นเบาๆที่เนินเขา จางเทีย ได้ยกหัวเครื่องร่อนขึ้นอย่างรวดเร็ว มันสั่นเล็กน้อยแล้วตัวของเครื่องร่อนก็เงยขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่พุ่งไปข้างหน้าต่อสักสิบเมตร จางเทีย ก็ได้เหยียดเท้าออกไปจากตัวเครื่อง หลังจากที่วิ่งได้ไม่กี่เมตรที่ทุ่งหญ้า เขาก็ได้หยุดเครื่องร่อนได้อย่างมั่นคง
หลังจากที่จอดเครื่องร่อนแล้ว จางเทีย ก็ได้เปิดประตูห้องโดยสารออกแล้วโดดออกมา เพราะฝนที่ตกเขาจึงต้องปิดประตูห้องโดยสารอีกครั้ง หลังจากนั้นเขาก็แบกเครื่องร่อนวิ่งเข้าไปที่ป่าบนเนินเขา
เครื่องร่อนซึ่งหนักไม่ถึงตันเกือบจะเป็นอาวุธในมือ จางเทีย จางเทีย สามารถแบกมันวิ่งไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ที่พื้นเลย
หลังจากที่เข้ามาในป่าแล้ว จางเทีย ก็พบพุ่มไม้ หลังจากที่ทำความสะอาดมันแล้ว จางเทีย ก็ได้ซ่อนเครื่องร่อนที่พุ่มไม้นั้น หลังจากนั้นเขาก็ได้เอามีดของตัวเองออกมาสับกิ่งไม้มาปิดเครื่องร่อนเอาไว้
หลังจากที่ซ่อนเครื่องร่อนแล้ว หากคนยืนห่างออกไปสักสิบเมตรคงหาเครื่องร่อนนี้ไม่เจอนอกซะจากว่าจะเดินมาถึงที่แล้วเอากิ่งไม้ออก
อีกอย่างแล้วไม่มีใครคิดว่าจะมีเครื่องร่อนในป่าแน่
หลังจากที่ทำแบบนี้แล้วเสื้อผ้าของ จางเทีย ก็เปียกไปทั่วทั้งตัว เขาได้เอาหอก 6 อันจากเครื่องร่อนมาแล้วแบกมันไว้ที่หลัง หลังจากนั้นเขาก็ทิ้งกับดักเอาไว้รอบเครื่องร่อนก่อนจะออกมาจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว
20 นาทีต่อมาฝนก็เริ่มที่จะตกหนักขึ้นและอากาศก็เริ่มที่จะหนาวขึ้นด้วย
จางเทีย พบถ้ำในหุบเขาที่ห่างจากเครื่องร่อนไป 10 กม. หลังจากที่ทำการสำรวจสักหน่อยแล้วเขาก็พบว่าไม่มีใครในถ้ำ จากนั้นเขาก็ได้เข้าไปอยู่ในถ้ำนั้นแทน
ปากถ้ำไม่ได้ใหญ่มาก ต้องขอบคุณที่ถ้ำนี้มันลึกและบิดเบี้ยวไปนิดๆ มีต้นไม้ด้านล่างปากถ้ำและต้นไม้อีกทั้งกิ่งไม้ที่อยู่ด้านล่าง บางอันไม่ได้เปียก จางเทีย เก็บกิ่งไม้และใบไม้แห้งมาก่อนจะก่อไฟในถ้ำแห่งนั้น
หลังจากที่ไปเยี่ยวที่ด้านหลังต้นไม้ตรงหน้าปากถ้ำแล้ว จางเทีย ก็ได้กลับมาที่ถ้ำ เขากินยารักษารอบด้านไปสองอึกเพื่อฟื้นฟูพลังงานตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ได้เอาเนื้อแห้งออกมาจาก Castle of Black Iron ก่อนจะปิ้งมันที่กองไฟ เมื่อเขาอุ่นขึ้นมา เขาก็ถอนหายใจออกมา
ในตอนที่กลิ่นหอมลอยออกมาจากเนื้อ น้ำที่เสื้อผ้าของเขาก็เริ่มมีไอน้ำออกมา หลังจากที่กินอาหารแล้วเขาก็ได้เอาน้ำออกมาจาก Castle of Black Iron เพื่อดื่มมัน สุดท้ายเสื้อผ้าของเขาก็แห้งลง จากนั้น จางเทีย ได้ไปนั่งด้านหลังหินก้อนใหญ่ที่ปากถ้ำและเริ่มมองฉากฝนตกในหุบเขา
ใบหน้ามากมายโผล่มาในหัวของเขา หลังจากผ่านมาหลายเดือน จางเทีย เริ่มคิดถึงพวกนั้นโดยเฉพาะ ลินดา, ฟิโอน่า และ เบเวอร์รี่ ในตอนที่เขาคิดถึงลูกของเขาที่สามคนนี้มีให้ เขาก็รู้สึกซับซ้อนขึ้นมา
เอาจริงๆแล้ว จางเทีย ไม่ได้พร้อมเป็นพ่อคนเลยจนถึงตอนนี้แต่เขารู้ว่าเมื่อเขาพร้อม ความสัมพันธ์ของเขากับสามสาวอาจจะไม่เหมือนเดิมเหมือนตอนนี้
ผลของการมีลูกนั้นคือการเปลี่ยนฐานะของสาวๆทั้งสามที่เป็นผู้หญิงและคนรักของเขามาเป็นภรรยาของเขา หลังจากเกิดความสัมพันธ์แบบนี้แล้วมันจะคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะห่างไกลกันแค่ไหนรึนานแค่ไหนก็ตาม
บางครั้งคนเราก็อยู่เพื่อตัวเองไม่ได้ พวกเขาควรที่จะห่วงคนอื่นในตอนที่จำเป็น อย่าปล่อยคนที่ควรรักษาไว้ให้เดินจากไป คนพวกนั้นควรเป็นฉากหนึ่งในชีวิตและส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ในตอนที่เห็นพวกนั้นอยู่ทุกที่ในชีวิต ชีวิตของเราก็จะถือว่าถูกเติมเต็ม
นี่เป็นสิ่งที่แม่บอกเขาตอนที่เขาเข้าโรงเรียนแห่งที่ 7 จางเทีย จำมันขึ้นใจมาเสมอ
“ ข้าสงสัยว่าตอนที่ข้าไปยังทวีปตะวันออก เด็กสามคนนั้นจะอายุเท่าไหร่แล้ว ตอนข้าไปเจอพวกนั้น พวกนั้นจะเรียกข้าว่าพ่อรึเปล่า แล้วมีลูกข้าอีกสามคนนี้ แม่ข้าคงต้องเปิดสถานเลี้ยงเด็กเล็กแล้วแหละ.. “
ในตอนที่เขาคิดถึงฉากที่แม่มีเด็กมากมายวิ่งรายล้อม จางเทีย ก็เผยรอยยิ้มออกมา
หลังจากที่อยู่ที่นั่นสักพัก จางเทีย ก็ส่ายหน้าเพื่อสลัดฉากพวกนั้นออกไปจากหัว หลังจากนั้นเขาก็ได้เอาแผนที่ออกมาและหาตำแหน่งตอนนี้ของตัวเอง ตอนนั้นเองเขาก็ต้องคิ้วขมวด
เขตนี้ไม่ได้ถูกเลือกแบบผ่านๆ จางเทีย เลือกมันหลังจากที่ทำการสำรวจอยู่หลายวัน เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นที่ซ่อนของพวกซอมบี้ สภาพอากาศที่เลวร้ายและหมอกที่หนานั้นทำให้การสำรวจด้อยประสิทธิภาพลงไป เมื่อมองไปที่แผนที่ จางเทีย ได้ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่นั้น เตรียมตัวที่จะไปดูในสถานที่ตามแผนที่ที่เขาทำเครื่องหมายไว้ตอนที่ฝนตกเบาลงไป
เป้าหมายนั้นที่มองเห็นจากฟ้าไม่ได้จะชัดเจนอย่างมากที่พื้นดิน แม้ว่าจะมีกองทัพซอมบี้อยู่ในที่พวกนี้จริงๆแต่ จางเทีย ไม่เชื่อว่าเขาจะเจอซอมบี้เป็นแสนๆตัว
จางเทีย เริ่มทำการบ่มเพาะในถ้ำในตอนที่รอให้ฝนเบาลง
ฝนยังคงตกตลอดคืน...