px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 634: เรื่องน่าตกใจ


Chapter 634: เรื่องน่าตกใจ

ผู้อาวุโสในวังไฮหยวนยังไม่ได้รับการติดต่อฉุกเฉินจากตระกูลจางมานาน ดังนั้นในตอนที่ได้รับข้อความผ่านจานหยก ผู้อาวุโสก็ได้รีบพากันไปที่วังส่องแสงของวังไฮหยวนแม้ว่าจะเป็นตอนเที่ยงคืนก็ตาม แม้ว่าผู้อาวุโสบางคนจะอยู่ในยีแยงในตอนที่พวกเขาได้รับข้อความแต่พวกเขาบางคนก็ยังพุ่งกลับมาที่วังไฮหยวนราวกับดาวตกโดยไม่กลัวว่าจะสร้างเรื่องยุ่งเหยิงใดๆ

ในตอนเย็นดาวตกลูกหนึ่งได้มุ่งหน้ามายังวังไฮหยวนด้วยความเร็วสูง ในตอนที่มันเข้ามาใกล้ที่วังส่องแสงในวังไฮหยวน ดาวตกนั้นก็ได้หยุดและเปลี่ยนทิศทาง หลังจากนั้นมันก็ได้ลงไปที่พื้นจนทำให้แผ่นหินที่หนานั้นแตกกระจายออกในเสี้ยววินาที ชายแก่รูปร่างสูงคนหนึ่งเดินออกมาจากเปลวไฟจนทำให้ผู้คนรอบๆต่างก็พากันตกใจ

“ มู่หยวน ปิศาจได้มาถึงเมืองจินหยวนแล้วเหรอ ? “ – ชายแก่ถามออกมา

“ ไม่ ตอนที่ข้าอยู่ในวังส่องแสง ข้าได้รับข้อความจากเมืองไฮหยวนของไทเซีย เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่ ข้าได้เรียกเจ้ามาเจรจา ! “ - ชายที่ชื่อ มู่หยวน คือลุงหกของ จางเทีย ที่ดูแลศาลาตระกูลของวังไฮหยวน ตอนนั้นปู่หกยืนอยู่ที่บนเวทีของวังเพื่อต้อนรับผู้อาวุโสคนอื่นๆ

“ อ่ะ ! “ – หลังจากที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น ชายแก่ก็แปลกใจเล็กน้อย แสงรอบตัวเขาสั่นไหวไปชั่วครู่ – “ ข้าสงสัยว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร ! “

“ มูลี ใจเย็นๆ ในตอนที่ มูอึน และ มูยู มา เราค่อยคุยกันในวัง ! “ – ปู่หกตอบด้วยน้ำเสียงใจเย็นแต่สีหน้าแปลกไป

ไม่นานหลังจากที่พูดจบ ร่างหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวออกมาจากมิติโดยไม่ได้สร้างคลื่นพลังใดๆ ไม่นานหลังจากที่ชายคนนั้นปรากฏตัวไม่ถึง 2 วินาทีก็ได้มีกระแสลมพัดพาเข้ามาพร้อมกับที่ชายอีกคนได้มาถึง

“ ไม่ได้เจอกันหลายวัน การออกมาจากมิติของ มูอึน นี่ดีขึ้น ยินดีด้วย ! “ – ฝ่ายหลังยิ้ม

“ ทักษะเท้าอิสระของ มูยู เองก็น่าชื่นชม ! “

“ ฮาฮา ... “ – ฝ่ายหลังหัวเราะออกมาก่อนจะเดินเข้าไปในวังด้วยกัน

รูปปั้นผู้ก่อตั้งวังไฮหยวนนั้นอยู่ลึกสุดในวังแห่งนี้ มีเปลวไฟที่ร้อนระอุในถาดทองแดง ผู้อาวุโสที่มาถึงก่อนได้เข้าไปรออยู่ข้างในแล้ว หลังจากที่คนที่เหลือได้ปักธูปที่ตรงหน้ารูปปั้น พวกเขาก็ได้ไปนั่งอยู่ด้วยกัน

...

หลังจากที่ผู้อาวุโสอีกสี่คนมาถึงและนั่งใต้รูปปั้นของ ลอร์ดไฮหยวน  พวกเขาทุกคนก็ได้หันไปมองปู่หกของ จางเทีย แต่ปู่หกนั้นไม่ได้พูดอะไร เขากลับเอากระดาษออกมาส่งให้กับ มูอึน แล้วบอกอีกฝ่ายให้แบ่งให้คนที่เหลือดู

หลังจากที่รับไปแล้ว มูอึน ได้มองดูผ่านๆก่อนจะสีหน้าเปลี่ยนไป – “ เจ้าแน่ใจรึ ? “

“ หมอและพยาบาล 18 คน แม้แต่เจ้าหน้าที่สองคนก็เห็นมัน หลังจากที่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ลงทะเบียนคนหนึ่ง หัวหน้าของฝ่ายก็ไปที่นั่นด้วยตัวเอง หลายชั่วโมงก่อนเจ้าหน้าที่รัฐถึงกับไปเยี่ยมครอบครัวจางและมอบรูนล็อคทอง 3 อันให้กับพวกนั้น เรายืนยันข้อความพวกนี้แล้ว ! “

“ เกิดอะไรขึ้นในไทเซีย ?” - มูลี ที่ซึ่งอารมณ์ร้อนเล็กน้อยอดไม่ได้ที่จะเขยิบเข้าไปใกล้  มูอึน จึงได้ส่งกระดาษนั้นให้กับอีกฝ่าย

หลังจากที่รับมันมาแล้ มูลี อ้าปากกว้างทันที – “ อ่ะ ? นี่มันจริงรึ ?” .

เมื่อได้ยินแบบนั้นผู้อาวุโสสองคนก็สงสัยขึ้นมา ไม่นานพวกเขาก็รับกระดาษนั้นไปอ่าน

“ พระเจ้าอวยพรวังไฮหยวนของเราแล้ว ! “- คิ้วของ มูยู สั่นแล้วพูดต่อ – “ ข้าเสนอว่าควรส่งคนไปยังเมืองไฮหยวนเพื่อพาคนของ จางปิง มายังเองไฮหยวนทันที ! “

“ หลังจากที่ได้รับข้อความนี้ ตัวแทนในเมืองไฮหยวนได้ส่งยานไปยังเมืองฟู่ไห่เพื่อรับพวกนั้นแต่เพราะเมืองฟูไห่นั้นห่างจากเมืองไฮหยวนกว่า 3,000 ไมล์ มันต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วันกว่าจะไปถึงที่นั่น  ครอบครัวของ จางปิง อาจจะจัดเตรียมเรื่องต่างๆได้ไม่ทัน มันก็แค่วิธีแก้ปัญหาชั่วคราว ! “ - มูหยวน พูดขึ้น

“ หัวหน้าของเราที่อยู่ในไทเซีย เขารู้เรื่องนี้รึเปล่า ? “

“ เราได้ส่งข้อความหาเขาแล้วแต่ตั้งแต่เริ่มสงครามมา หัวหน้าตระกูลจางทำการสู้กับปิศาจในโลกใต้ดิน เขาไม่ได้มีเวลาที่จะมาห่วงเรื่องด้านบน หัวหน้าของตระกูลจางได้ส่งข้อความให้ผู้อาวุโสคนอื่นๆจัดการกับเรื่องนี้ ! “

คำตอบของ มูหยวน นั้นมีหลากหลายข้อความ ถ้า จางเทีย อยู่ที่นี่ด้วย เขาต้องแปลกใจและหงุดหงิด – “ เกิดอะไรขึ้นในโลกใต้ดิน ? ทำไม เคาท์ลองวิน ถึงไม่มีเวลามาห่วงเรื่องด้านบนกัน ?”

“ ข้าเสนอว่าให้ มูหยวน ไปที่ไทเซีย ! “ - มูหยวน ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นหลังจากที่คิดสักพัก – “ สำหรับเรื่องใหญ่ของวังไฮหยวนซึ่งเกี่ยวข้องกับสายเลือดกว่าพันปี ข้ากลัวว่าคนของวังไฮหยวนในเขตยิงซูคงรับมือกับเรื่องนี้ไม่ได้หากไม่มีผู้อาวุโสอยู่ด้วย ! สำหรับครอบครัวของ จางปิง ที่มาจากเมืองทะเลทอง ถ้า มูหยวน ไปที่นั่น หลายอย่างจะจัดการได้ง่ายขึ้น  อีกอย่างแล้วดูจากสงครามในทวีปไว่ตอนนี้  วังไฮหยวนคงต้องกลับไปในไทเซียในไม่ช้า ตอนนี้หน้าที่ใหญ่ของเราคือต้องไปที่ไทเซียเพื่อรับมือกับสถานการณ์ “

“ ข้าเห็นด้วย ! “

“ ดี ! “

ผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างก็พยักหน้าพร้อมกัน

ในบรรดาผู้อาสวุโส มีเพียงคนเดียวที่คิ้วขมวดตั้งแต่ที่อ่านข้อความนี้ ตอนนั้นเขาก็ได้อ้าปากพูดขึ้นช้าๆ – “ สายเลือดอมตะ สายเลือดระดับป่าและร่างกายที่ไม่รั่วไหล เด็กทั้งสามนี้สำคัญอย่างมากแต่เราลืมคนที่สำคัญกว่า --- พ่อของพวกเขา  ข้อความนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพ่อของเด็กทั้งสามเลย “

หลังจากที่ผู้อาวุโสนี้พูดขึ้น คนอื่นๆต่างก็ช็อก – “ ใช่ เราลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดไปได้ยังไง ? “

“ มูหยวน จางหยาง ไม่ใช่พ่อของเด็กสามคนนี่หรอกรึ ? “- มูลี ถามออกมาทันที

หลังจากที่เงียบได้สักพัก มูหยวน ก็ได้ตอบกลับ – “ พ่อของเด็กพวกนี้คือ จางเทีย ! “

“ อะไรกัน ? “- มูลี แทบจะดีดตัวจากเก้าอี้ – “ เจ้าเด็กนั่นออกจากเขตไฮหยวนไปเซลเนสตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคม นี่มันก็ 12 เดือนแล้วสิตั้งแต่ที่ภรรยาของ จางเทีย ตั้งท้อง เขาจะเป็นพ่อของเด็กทั้งสามนั้นได้ยังไง ? ”

ผู้อาวุโสต่างก็ไม่คิดว่า จางเทีย จะเป็นพ่อของเด็กทั้งสามในตอนที่อ่านข้อความ เพราะข้อความนี้ที่ได้มาจากเมืองไฮหยวนซึ่งห่างไกลจากที่นี่นั้นมีข้อความเพียงบางส่วนจึงไม่มีใครรู้ว่าใครคือพ่อของเด็กทั้งสามคนนี้หากไม่ได้รับการยืนยัน

“ ข้ากลัวว่า จางเทีย จะเป็นพ่อของเด็กทั้งสามคนนั้น ! “ - มูหยวน ตอบกลับ – “ ผู้หญิงสามคนนี้ต่างก็เป็นคนนอกที่ จางเทีย พบในเมืองแบล็คฮ็อตและอาณาจักรนอแมน หลังจากที่ยืนยันสายเลือดของ จางเทีย เมื่อปีที่แล้วตามความรับผิดชอบของเรา ข้าก็ได้ส่งคนไปจับตาดู จางเทีย  ระหว่างนั้นในตอนที่ จางเทีย อยู่ในเขตไฮหยวน  เขามักจะอยู่กับพวกเธอสามคน หลังจากที่ จางเทีย จากเขตไฮหยวนไป ผู้หญิงทั้งสามก็ตั้งท้องและถูกพาตัวไปที่อื่น  ทั้งสามตั้งท้องได้ 12 เดือน แทนที่จะเป็น 10 เดือน  ครอบครัวจางนั้นห้ามเปิดเผยเรื่องนี้ในตอนที่ทั้งสามยังไม่ได้คลอด  หลังจากที่ตั้งท้องได้ 10 เดือน แม้ว่าข้อความจากไทเซียนั้นจะไม่ได้ชัดเจน แต่ข้าเดาว่าสายเลือดอมตะนั้นน่าจะเป็นความสามารถในการเปลี่ยนสีที่ จางเทีย ได้ปลุกขึ้นมาและสายเลือดระดับป่านั้นน่าจะเป็นการขว้างที่แม่นยำที่ จางเทีย ได้ปลุกและยกระดับขึ้นมา สำหรับร่างกายที่ไม่รั่วไหลแล้ว มันอาจจะส่งต่อมาโดย จางเทีย ด้วย ! “

ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็ช็อก พวกเขารู้ดีว่านี่มันหมายถึงอะไร ---- จางเทีย เด็กน้อยที่สามารถส่งต่อสายเลือดที่ทรงพลังที่เขาได้ปลุกมาให้ลูกตัวเองได้ นี่มันไร้ที่เปรียบจริงๆ !

ในยุคนั้น มันเป็นเรื่องของโอกาสสำหรับรุ่นต่อไปที่ปลุกสายเลือดที่พ่อแม่ตัวเองได้ปลุกขึ้นมา มันมักจะหายากที่เด็ก 1 รึ 2 จาก 10 คนจะปลุกสายเลือดที่พ่อแม่ตัวเองมีได้  วังไฮหยวนและตระกูลใหญ่อื่นๆของจินหยวนแม้แต่ตระกูลชั้นสูงในไทเซียนั้นคิดแทบตายกับวิธีที่จะเพิ่มโอกาสการปลุกสายเลือดขึ้นมาแม้แต่นิดเดียวก็ตาม

เมื่อเป็นแบบนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าจะมีบางคนที่ส่งต่อพลังสายเลือดที่เขาปลุกขึ้นมาไปยังรุ่นต่อไปได้ง่ายแบบนี้

ถ้าสายเลือดนั้นสามารถส่งต่อได้ไปยังรุ่นต่อไป มันก็จะไม่ล้ำค่าอีกต่อไป

แต่ถ้าคนเดียวสามารถส่งต่อสายเลือดที่เขาปลุกขึ้นมาไปยังรุ่นต่อไปได้ คนๆนั้นจะล้ำค่าอย่างมาก

เด็กทุกคนต่างก็คลอดโดยผู้หญิงที่เป็นคนนอกซึ่งได้ปลุกความสามารถสามอย่างขึ้นมา แล้วถ้าเป็นผู้หญิงจีนที่คลอดออกมาบ้างล่ะ ? อย่างน้อย 3 อย่าง....

สายเลือดอมตะ, การขว้างที่แม่นยำและร่างกายที่ไม่รั่วไหล ในตอนที่ผู้อาวุโสคิดแบบนั้น ใจของพวกเขาก็เต้นรัว

ตอนนั้นผู้อาวุโสสามคนที่เคยเจอ จางเทีย ต่างก็รู้สึกผิดในใจ ถ้ามันเป็นจริง พวกเขาไม่ควรที่จะปล่อย จางเทีย ไป  วังไฮหยวนทิ้งของมีค่าไว้ในเซลเนสแบบนี้ได้ยังไง ? ถ้าตระกูลอื่นรู้เข้า พวกเขาคงกลายเป็นตัวตลก

“ ตอนนี้ จางเทีย อยู่ที่ไหน ? “ – มูลี ถาม

“ เขาหายไปในเซลเนส ! “ - มูหยวน อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าน่ากลัว – “ เพื่อที่จะช่วย จางเทีย  หลานหยุนซี และ ผู้อาวุโสหลาน ได้ฝ่าเข้าไปในเมืองโทคิ พวกนั้นเกือบที่จะตกลงในกับดักของกลุ่มสามตาแต่พวกเขาก็ยังหาตัว จางเทีย ไม่เจอ  หลานหยุนซี ถึงกับได้รับการลงโทษกับสิ่งที่เธอทำ  หลังจากที่ถูกส่งกลับจากเซลเนส เธอได้ถูกส่งไปยังไทเซีย หลังจากนั้นเราก็ได้ใช้ทรัพยากรมากมายในการสำรวจ สุดท้ายเราก็พบว่า จางเทีย ถูกช่วยไปจากห้องขังของตระกูลซีเนลโดยผู้แข็งแกร่งในเย็นวันเดียวกันที่ หลานหยุนซี และ ผู้อาวุโสหลาน ได้เข้าไปในเมืองโทคิ  หลังจากนั้น จางเทีย ก็ไม่ได้ปรากฏตัวอีก แม้ว่าเราจะทำการค้นหาเขามาหลายเดือนแล้วก็ตาม....”

“ ผู้แข็งแกร่ง ? “ – หลังจากที่ได้ยินทุกคนต่างก็พากันคิ้วขมวด ถ้าคนนั้นมีสิทธิเป็นผู้แข็งแก่รงโดย มูหยวน พูดออกมา มันหมายความว่าอย่างน้อยต้องอยู่ระดับอัศวิน นี่ทำให้ปัญหานั้นซับซ้อนขึ้นไปอีก

“ ข้าจะไปที่เซลเนสตอนนี้ ข้าจะไปค้นหาตัว จางเทีย  ไม่ว่าจะตายรึไม่ก็ตาม !  “- มูลี พูดขึ้น

“ มันคือสิ่งจำเป็น เรารู้จุดนั้นแล้ว คนอื่นๆอาจจะรู้ด้วย จากความสามารถของวังไฮหยวน เมื่อ จางเทีย อยู่ในทวีปไว่ น้อยคนมากที่กล้าจะต่อต้านเราแต่เราอาจจะมีปัญหาในไทเซีย มันมีคนจำนวนมากที่เข้าใจค่าของเด็กทั้งสาม อีกอย่างแล้วพวกเขาก็เชื่อมต่อเด็กทั้งสามกับ จางเทีย ได้ง่ายๆ  ข้ามั่นใจว่ามีคนจำนวนมากสนใจพวกเขาในไทเซีย ดูแลตัวเองด้วย มู่หยวน ! “

มู่หยวน พยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็ฝืนยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและส่ายหน้า – “ ข้าไม่คิดว่าวังไฮหยวนของเราจะโง่แบบนี้ ! “

“จางเทีย อายุเพียง 20 ปี ในตอนที่เขาเติบโต เขาอาจจะปลุกสายเลือดมากกว่านี้อีกก็ได้ แม้แต่สายเลือดสวรรค์....”

มูอึน พูดไม่ทันจบ ผู้อาวุโสทั้งห้าก็กลั้นหายใจแทบจะพร้อมกัน

“ ข้าจะไปยังเซลเนสคืนนนี้ สำหรับเรื่องในวังไฮหยวน ต้องให้พวกเจ้าดูแล !  “- มูลี ดีดตัวขึ้นแล้วพุ่งออกไปจากวังเร็วราวกับสายฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยไฟ

ผู้อาวุโสคนอื่นมองหน้ากัน  มูยู ลังเลไปเล็กน้อยก่อนจะถามออกมา – “ เอิ่ม...เราควรบอกเรื่อง จางเทีย กับ หลานหยุนซี รึเปล่า ?”

ในตอนที่ หลานหยุนซี ฝ่าเข้าไปในเมืองโทคิเพื่อช่วย จางเทีย เมื่อหลายเดือนก่อน  ผู้อาวุโสเข้าใจความคิดของเธอ ไม่มีผู้อาวุโสคนไหนคิดว่า หลานหยุนซี ที่หยิ่งทะนงจะตกหลุมรัก จางเทีย  นอกจากนี้ไอ้เด็กนั่นยังทำให้หญิงสาวสามคนตั้งท้องก่อนจะแต่งงาน  ไม่มีชนชั้นสูงในวังมังกรรึตระกูลอื่นๆที่ทำแบบนั้นแต่ไอ้เด็กนั่นเองก็เก่งในเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

“ ในตอนที่ หลานหยุนซี ไปถึงทวีปตะวันออก เธอก็ถูกส่งไปยังนิกายไทยิ หนึ่งในเจ็ดนิกายใหญ่ของไทเซีย ไม่มีศิษย์ของไทยิได้รับอนุญาติให้ออกมาก่อนจะเป็นนักสู้วิญญาณได้ มันอาจจะทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะของเธอช้าลง เราต้องคุยเรื่องนี้กันทีหลัง !  “- ผู้อาวุโสคนหนึ่งเสนอขึ้นมา คนอื่นต่างก็พยักหน้า

“ ข้าไม่คิดว่าอำนาจของกลุ่มสามตาจะหยั่งรากลึกในมนุษย์แบบนี้ ทวีปไว่แต่เดิมนั้นอ่อนแอ บวกกับบางคนที่คิดจะหาผลประโยชน์ ปิศาจนั้นมีอำนาจมากกว่ามนุษย์แล้ว ดังนั้นแนวป้องกันในเซลเนสคงทนได้ไม่นาน ด้านเหนือของทวีปไว่คงจะถล่มในไม่ช้า  เขตไฮหยวนน่าจะอพยพคนให้เร็วที่สุด ! “ – ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้น

“ น่าเสียดายจริงๆ ! “

“ มันก็แค่เมือง วิเคราะห์ดูแล้ว พวกมันก็แค่ก้อนอิฐ,ทอง,เงินและเหล็ก ไม่ได้มีค่าให้เสียดาย  สงครามมันเพิ่งเริ่มต้น ถ้าเราดูแลคนของเราได้ เราอาจจะทวงคืนดินแดนกลับมาได้ในอนาคต ถ้าเราตั้งใจจะรักษาแผ่นดินเอาไว้ เราจะเสียทั้งดินแดนและผู้คน ตราบใดที่คนของเรามีคนระดับสูงในอนาคต วังไฮหยวนของเราก็สามารถขยับขยายได้มากกว่าเดิม 10 เท่าหลังจากสงคราม ! “

“ ใช่ !”

ผู้อาวุโสนึกถึง จางเทีย อีกครั้ง – “ แต่ทำไมเขาถึงได้มีความสามารถที่วิเศษแบบนี้ได้ ? “

“ บางทีมันเพราะการที่ถูกฟ้าผ่าตั้งแต่เด็กรึบางทีเขาอาจจะได้รับโชคพิเศษ แต่ละคนต่างก็มีความลับของตัวเอง “

“ การที่ท้องกว่า 12 เดือนนั้นทำให้ข้านึกถึงตำนานของจีน มันบอกว่าจักรพรรดิแพนกูไม่ได้คลอดออกมาจนกระทั่งเกิดความวุ่นวายหมื่นปีขึ้น คนพิเศษหลายคนอยู่ในท้องนานกว่าปกติ พวกคนที่อยู่ในท้องแม่หลายสิบปีนั้นล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ พวกคนที่อยู่ในท้องแค่หลายปีนั้นมีพรสวรรค์ที่สามารถสร้างความวุ่นวายได้อย่างมาก มันก็คล้ายกัน ไม่ใช่ว่าลูกของ จางเทีย เองก็เป็นแบบนั้นรึ ? “

หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น ผู้อาวุโสที่แสดงสีหน้าประหลาดใจในตอนแรกก็แสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา พวกเขาตระหนักได้ถึงความจริงของการบ่มเพาะนั้นคือหาความลับที่ไม่สิ้นสุดในร่างกายมนุษย์และจักรวาล

แต่ในเสี้ยววินาทีผู้อาวุโสก็ได้สติ ถ้าเป็นตอนที่สงบสุข พวกเขาอาจจะมีเวลาพูดคุยเรื่องนี้แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ทรงพลังไปมากกว่าหมัด ไม่มีภาพลวงตาไหนที่เป็นประโยชน์มากกว่าการหาตัว จางเทีย

หลังจากที่พูดคุยกันแล้ว ผู้อาวุโสของวังไฮหยวนก็ได้แยกย้ายกันแต่ทั้งกองกำลังของวังไฮหยวนนั้นเคลื่อนไหวเพื่อเรื่องของ จางเทีย ตั้งแต่ทวีปไว่ไปจนถึงเขตจิงซู

แม้ว่า จางเทีย จะไม่ได้อยู่ในไทเซียแต่ชื่อและพรสวรรค์ของเขาก็เป็นที่พูดถึงกันไปทั่ว...

ถ้าหัวหน้าของฝ่ายลงทะเบียนที่เมืองฟูไห่และผู้อาวุโสของวังไฮหยวนตระหนักได้ถึงความสำคัญของ จางเทีย และเด็กอีก 3 คน  คนอื่นจะไม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง...

พวกกองกำลังที่ไม่ทราบฝ่ายต่างก็พากันเคลื่อนไหว !

รีวิวผู้อ่าน