px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 639: เข็มในมหาสมุทร


Chapter 639: เข็มในมหาสมุทร
การต่อสู้ด้านนอกเมืองเริ่มดุดเดือดขึ้นในตอนเย็นโดยเฉพาะส่วนกำแพงตรงกลางยาวกว่า 100 ม.ทางด้านเหนือที่เริ่มกลายเป็นจุดสนใจของทั้งการต่อสู้ มันเป็นที่ที่ศพจำนวนมากของซอมบี้กองกันสูงขึ้นรวดเร็วที่สุด

ในตอนที่บินอยู่บนฟ้าเพียงมองแค่ไม่นาน จางเทีย ก็พบว่าศพของพวกซอมบี้กองกันสูงขึ้นมาอีก 2 ม. ทางชันสูงเกือบ 20 ม.ถูกสร้างขึ้นมา

ในตอนโจมตีเมืองม็อกโก ปิศาจรู้ว่าจะฝ่าเข้าไปในเมืองได้ยังไงโดยเสียจำนวนซอมบี้น้อยที่สุด ในตอนที่กองทัพซอมบี้ส่วนมากถูกใช้ในการโจมตีกำแพงเมืองทิศเหนือ อุปกรณ์ป้องกันบนกำแพงเริ่มไร้ประโยชน์ มีแค่อุปกรณ์ไม่กี่อันที่กำแพงด้านทิศตะวันออกของกำแพงทิศเหนือและกำแพงทิศตะวันตกที่ให้การสนับสนุนที่จำกัดกับการโจมตี

ในตอนที่เริ่มมืด ซอมบี้เริ่มคลั่งมากกว่าเดิม  พวกมันแห่กันเข้ามาที่เมืองทีละชุดๆ นักสู้ตั้งแถวหน้ากระดาน 8 แถวยืนเรียงกันยาวกว่าพันเมตรโดยถือหน้าไม้ไว้ในมือยืนประจำการที่กำแพงทิศเหนือ  พวกเขาทำการป้องกันโดยการยิงกันเป็นกลุ่ม ในตอนที่แถวหนึ่งยิงเสร็จ อีกแถวก็จะมาแทนที่

ที่ตีนกำแพง นักสู้เริ่มไปรวมตัวกันเพื่อสนับสนุนพวกที่อยู่บนกำแพง ดูจากความแข็งแกร่งและการยิงที่ต้องใช้ในหน้าไม้แล้ว นักสู้ส่วนมากนั้นจะทนได้แค่ 2 ชม. ไม่งั้นแล้วพวกเขาจะหมดแรงและไม่อาจที่จะยิงหน้าไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในตอนที่มืดนั้นลูกดอกถูกยิงออกมาจากเมืองราวกับห่าฝน

นอกซะจากว่าจะโดนยิงที่หัว ซอมบี้จะไม่มีทางหยุด  พวกมันจะช้าแค่ไม่กี่วินาที  ซอมบี้หลายตัวยังคงวิ่งเข้าหากำแพงเหมือนกับหมาบ้าแม้ว่าตัวจะเต็มไปด้วยลูกดอก
เทียบกับความร้ายแรงของหน้าไม้บนกำแพงแล้ว หน้าไม้มือนี้อ่อนแอเกินไป ห่างออกไป 100 ม.ลูกดอกจากหน้าไม้นี้จะไม่ได้ส่งผลและไม่สามารถแทงทะลุโล่ที่พวกมันเอามาได้

ตอนนั้นป้อมโจมตีที่กำแพงได้พังทลายไปหมด ไม่มีสักอันที่ทำการได้อีกแต่นักสู้ก็ยังคงพยายามซ่อมแซมมันแม้ว่าจะรู้ว่าไม่มีทางทำได้ในเวลาอันสั้นก็ตาม
เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย ก็ถอนหายใจออกมา การเจอกับสถานการณ์แบบนั้น เขารู้ว่าเขาไม่อาจที่จะเปลี่ยนอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงทำการบินออกนอกเมืองต่อไป

ฝูงอีแร้งจำวนมากโผล่มาจากป่าด้านนอกเมืองเพราะกลิ่นศพ พวกมันรอคอยโอกาสที่จะได้กินศพด้านล่าง อีแร้งพวกนี้เป็นตัวปกปิดชั้นดีให้ จางเทีย  ไม่มีใครเห็นเหยี่ยวสายฟ้าในหมู่อีแร้งพวกนี้

ในตอนที่ จางเทีย บินอยู่เหนือกองทัพซอมบี้  บางทีเพราะมุมมองพิเศษ เขาช็อกกับความหนาแน่นของซอมบี้นับล้านๆซึ่งกินพื้นที่หลายสิบตารางกิโลเมตรทางด้านเหนือของเมือง เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย รู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว

ซอมบี้ยังคงวิ่งอย่างไม่ลดละรอคอยโอกาสที่จะฝ่าเข้าไปในเมืองให้ได้
ท่ามกลางกองทัพของวอมบี้ จางเทีย เห็นปิศาจปีกจำนวนมากและมีเต็นท์ขนาดใหญ่ด้านหลังของกองทัพซอมบี้ เต็นท์นั้นดูเด่นอย่างมาก มีคบไฟจำนวนมากถูกจุดรอบเต็นท์  จางเทีย พบว่ามีมนุษย์จำนวนมากอยู่ที่นั่นนอกจากพวกซอมบี้ด้วย
ในตอนที่ จางเทีย บินอยู่ เขาพบกลุ่มคนเดินออกมาจากเต็นท์และชี้ไปยังเมืองม็อกโก  ด้วยแสงจากคบไฟรอบเต็นท์และสายตาของเหยี่ยว  จางเทีย เห็น คอส,สกาล่า และคนแปลกหน้าบางคน  พวกคนแปลกหน้าที่ยืนข้างๆ คอส นั้นแข็งแกร่งพอๆกับ คอส และไม่ได้ดูเหมือนจะเป็นลูกน้องของ คอส เลย   สกาล่า เองก็ยืนอยู่ข้างๆพวกนั้นด้วย

ในตอนที่ จางเทีย ทำการมองลงไป มีสองคนที่รู้สึกได้ถึงสายตาเขา พวกนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเหยี่ยวสายฟ้าที่สูงขึ้นไปกว่าพันเมตร หนึ่งในนั้นได้มองมาที่ จางเทีย ด้วยสายตาจริงจังสักพักก่อนจะหันไปมองเมืองม็อกโกต่อ

ในตอนที่พวกนั้นมองขึ้นมา ใจของ จางเทีย เกือบที่จะหยุดเต้น  แม้ว่าจะเป็นเหยี่ยวสายฟ้าแต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวและความแข็งแกร่งจากพื้นดินได้

หนึ่งในสองคนนั้นดูคุ้นตา ในตอนที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามอง จางเทีย นึกถึงผู้อาวุโสที่ตระกูลซีเนลจ้างมาในเมืองโทคิที่ซึ่งดูเหมือนว่าตัวนั้นลุกไหม้ไปทั่วตัว ดังนั้นใจเขาจึงเต้นรัวขึ้น

ถ้าเหยี่ยวรู้สึกได้ถึงอันตรายจากพื้นดิน แล้วเขาจะเป็นยังไง ? เขาจึงทำการบินหนีทันที

ด้วยการสิงเหยี่ยวสายฟ้า  จางเทีย รู้ดีว่าเหยี่ยวสายฟ้าจะตอบโต้ยังไงหากเป็นแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงบินไปทางทิศเหนือต่อแทนที่จะทำการสังเกตุต่อ

จางเทีย ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสที่ตระกูลซีเนลจ้างมานั้นไม่ได้ละสายตาหนีจนกระทั่งเขาบนหนีไป
“ ผู้อาวุโสเควียนติน มีอะไร ? “ - คอส หันไปหาและถามออกมาอย่างสุภาพหลังจากรู้ว่าอีกฝ่ายดูเหม่อไป
“ ไม่มีอะไร ข้าแค่รู้สึกว่าตะกี้เหยี่ยวสายฟ้ามองมาที่เรา ดังนั้นข้าจึงทำการตรวจสอบว่ามีปัญหาอะไรกับนกนั่นรึเปล่า ... “ – เควียนติน อธิบาย

จางเทีย บอกอายุจริงๆของ เควียนติน ไม่ได้ ดูจากหน้าตาแล้วเขาไม่ได้มีรอยย่นบนหน้าเลย เขาดูเป็นชายวัยกลางคนที่ดูแลตัวเองอย่างดี ผมของเขานั้นเป็นสีขาวแบบผิดปกติ นัยน์ตาลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟ หาก จางเทีย มองไปที่ตาอีกฝ่าย เขาจะรู้สึกได้ถึงความกดดันอันหนักหน่วง

“ ผู้อาวุโสเควียนติน ท่านไม่จำเป็นต้องเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโทคิหรอก ตระกูลของเราสามารถชดเชยสิ่งที่เสียไปได้ สมาคมแบล็คซอนนั้นจะเป็นของเราในไม่ช้า ! “ - คอส ปลอบใจอีกฝ่ายอย่าง ‘ ใจกว้าง ‘  เขาคิดว่า เควียนติน นั้นรู้สึกอ่อนไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่เมืองโทคิ

ยังไงก็ตามแม้ว่า คอส จะพูดถึงการสูญเสียแต่เขาไม่ได้พูดถึงการเสียลูกชายของเขา รูเบน เลย  ตระกูลซีเนลจะไม่ทนเรื่อนี้ เขาจะแก้แค้นให้ลูกชายให้ได้

แน่นอนว่า เควียนติน เข้าใจสิ่งที่ คอส จะสื่อ  ตระกูลซีเนลเสียหายจากเรื่องในโลกใต้ดินที่ป่าหมอกพระจันทร์ คอส ทำราวกับเรื่องนั้นเป็นเรื่องน่าละอาย  หลังจากที่ คอส พูดจบ เควียนติน ก็แผ่พลังฉีการฆ่าออกมาพร้อมกับหรี่ตาลง – “ ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร ตราบใดที่ข้าหาเขาเจอ ข้าจะไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ “
“ เมื่อคนนั้นกล้าที่จะปล้นกลุ่มสามตา เขาก็ถือเป็นศัตรูของเรา ตอนนี้เขาได้ปล้นของเราในเมืองโทคิ เขาต้องมีจุดประสงค์อย่างอื่นอีก ถ้าหาคนนั้นเจอ  ผู้อาวุโสเซล จะชื่นชมท่านอย่างมาก ! “ – ชายที่อยู่ข้างๆ คอส พูดออกมา

ผู้อาวุโสที่มาด้วยกันกับ เควียนติน ได้หันกลับมาแล้วยิ้มให้กับ เควียนติน   เควียนติน นั้นตอบกลับเพียงรอยยิ้ม  ในเวลาเดียวกันก็ได้มีแสงอันแปลกประหลาดเกิดขึ้นในตาของพวกนั้น....

แม้ว่าตระกูลซีเนลจะสูญเสียไปอย่างมากแต่สำหรับพวกที่เป็นอัศวินแล้ว สิ่งของพวกนี้นั้นไม่ได้ล้ำค่า สิ่งที่ล้ำค่าจิรงๆนั้นจะไม่สามารถซื้อรึผลิตขึ้นมาได้ในยุคนี้ ของพวกนั้นฝังอยู่ในพื้นดินรึขุมนรก  พวกนั้นคือสมบัติที่แท้จริง มีคำพูดบอกว่าพวกนั้นมีตัวตนอยู่ในยุคพระเจ้าเมื่อร้อยล้านปีก่อน   เควียนติน และ เซล เคยได้ยินถึงของพวกนั้น  เทียบกับของหายากพวกนั้นกับของที่ตระกูลซีเนลเสียไปแล้ว มันเทียบกันไม่ได้เลย
ของหายากแบบนั้นปกติแล้วจะอยู่ในมือของผู้แข็งแกร่ง  แม้แต่ เควียนติน เองก็ถือว่าเป็นคนเล็กจ้อยต่อหน้าพวกคนที่มีของพวกนั้น มันเกินกว่าที่คาดว่าคนที่อ่อนแอกว่าเขาจะมีของหายากแบบนั้นในการปล้นสมบัติทั้งหมดไปโดยใช้กลยุทธล่อเสือออกจากถ้ำ  ของหายากที่แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งกว่า เควียนติน ยังเพียงแค่เคยได้ยินที่สามารถจุดของทั้งหมดได้  มันเป็นธรรมดาที่ เควียนติน จะต้องตื่นเต้น
แน่นอนว่าคนนั้นอาจจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่เข้ายุแหย่ เควียนติน ในตอนที่ผ่านเมืองโทคิไป บางทีอัศวินหลายคนที่มีความแข็งแกร่งเท่าๆกับเขาอาจจะร่วมมือกันปั่นหัวเขาแต่มันเกือบที่จะเป็นไปไม่ได้ ยกตัวอย่างโดยทางทฤษฎี ราชามีสิทธิที่จะเล่นโคลนกับเด็กแต่ไม่มีราชาคนไหนที่จะไปเล่นแบบนั้น

‘ นี่คือโอกาสดีที่ไม่เคยพบกว่าพันปี ‘ ใจของ เควียนติน เต้นรัวแต่สิ่งที่ทำให้เขากังวลคือสิ่งที่เขายังไม่รู้ว่าหน้าตาของอีกฝ่ายนั้นเป็นยังไง ถ้ามีโอกาสเล็กน้อยที่เขาจะรู้ว่าโจรคนนั้นเป็นใคร เขาจะไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายไป
นี่มันเหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร แม้ว่ามันจะเป็นงานที่ยากที่มีโอกาสน้อยนิดแต่ถ้าเขาหาเจอะล่ะ ?
เควียนติน ไม่ใช่เพียงคนเดียวที่คิดแบบนั้น

เควียนติน ไม่รู้เลยว่า ‘ เข็ม ‘ ที่เขาคิดเพิ่งบินผ่านหัวเขาไป

รีวิวผู้อ่าน