Chapter 656: สายเลือดคัวฟู
บางครั้งคุณก็ต้องถอนหายใจออกมาหากเข้าไปที่คลังสมบัติไม่ได้แต่เมื่อเข้ามาได้คุณจะสับสนว่าจะเลือกอันไหนดี
มีสายเลือดนับพันให้เปิดทำงาน ถ้า Fruit of Brilliance ที่มีพลังนั้นไม่ถ้วน จางเทีย คงเปิดการทำงานของสายเลือดทั้งหมด ด้วยการทำแบนี้จะทำให้เขาไร้เทียมทานขึ้นมาทันทีและสามารถบดขยี้ปิศาจและกลุ่มสามตาได้แต่ Fruit of Brilliance นั้นมีคะแนนเพียง 361 คะแนน ดังนั้น จางเทีย จึงต้องเลือกว่าสายเลือดไหนที่เขาต้องปลุกขึ้นมา
สายเลือดที่แตกต่างก็ต้องใช้พลังที่ต่างกันซึ่งมีตั้งแต่หลายสิบคะแนนไปจึงหลักพัน ดังนั้นมันจึงยากที่จะเลือกมันได้ด้วยคะแนนเพียง 361 คะแนน
จางเทีย ไม่ได้ทำการตรวจสอบสายเลือดที่เหลือต่อ เขาแค่ยืนนิ่งและเริ่มคิด
‘ สายเลือดไหนที่เป็นประโยชน์กับข้าที่สุด ? ‘
‘ มันเป็นปัญหาที่ยากจริงๆ แต่ละสายเลือดก็มีการทำงานของตัวเอง ทุกอย่างสามารถพัฒนาความสามารถและนำพาความสามารถที่คิดไม่ถึงให้กับข้าได้แต่อันไหนที่สามารถใช้ออกมาได้สูงสุดกับการต่อสู้ของข้าได้ ? ‘
จางเทีย หาทางออกไปไม่ได้อยู่สักพัก เขารู้สึกว่าทุกสายเลือดต่างก็มีประโยชน์ ทันใดนั้นคำพูดเก่าๆก็โผล่ขึ้นมาในหัวของเขา --- ความจริงนั้นอยู่ในความแข็งแกร่งที่สุด !
ความจริงนั้นอยู่ในความแข็งแกร่งที่สุด !
จางเทีย ตัวสั่นไปทั่ว นี่เป็นคำพูดในความรู้ของหมัดเหล็กโลหิต ความแข็งแกร่งอันใดก็ตามที่สามารถใช้ออกมาได้สูงสุดนั้นจะสามารถพิชิตสิ่งอื่นๆได้
ในตอนที่ จางเทีย นึกถึงคำพูดนี้ ความคิดของเขาก็กระจ่างขึ้นมาและได้ข้อสรุป ---- สายเลือดที่สามารถรวมเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้ข้าได้อย่างสมบูรณ์และทำให้ข้าได้เปรียบและทรงพลังก่วาเดิมคือสิ่งที่ข้าต้องการ
‘ มันจะต้องใช้ความสามารถของข้าตอนนี้ออกมาได้ดีกว่าต้องมารอความสามารถใหม่ ‘
‘ อะไรคือความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของข้าตอนนี้ ? ‘
จางเทีย หลับตาลงและคิดไปสักพักก่อนจะได้ข้อสรุป ----- ความเร็ว !
‘ ด้วยการรวมกันของความแข็งแกร่งที่ผลไม้ที่ข้ากินไป ผลของสูตรราชาร็อกและสกิลความเร็ว ข้าสามารถไปถึงความเร็วที่น่ากลัวได้ แม้ว่าข้าจะแค่ระดับ 11 ด้วยผลของสกิลความเร็ว ข้าจะไม่ต้องกลัวแม้แต่ สกาล่า ตอนที่ข้าเจอเขา ‘
‘ นี่คือความแข็งแกร่งของข้า ข้าต้องทำให้มันเป็นไพ่ตายที่ไร้ที่เทียบ ‘
จางเทีย ลืมตาขึ้นมาและสายตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา...
“ ข้าต้องการสายเลือดที่สามารถเปิดการทำงานตอนนี้ได้ มันควรที่จะทำให้ข้าเร็วกว่าเดิม ว่องไวและโดดได้สูงกว่าเดิม พูดคำเดียวคือมันจะทำให้ข้าเร็วขึ้น “
จางเทีย พูดอกมา
ไม่นานหลังจากนั้นเมฆต่างๆก็เริ่มไหลวน เกือบจะพร้อมกันก็ได้มีเมฆสีเทาบินเข้ามาหาเขาและในที่สุดก็ได้มาหยุดตรงหน้า
----- สายเลือดคัวฟู ยังไม่ได้ทำงาน ท่านจะมีความแข็งแกร่งของคัวฟูหลังจากที่เปิดการทำงานสายเลือดนี้ ท่านจะเคลื่อนที่ได้เร็วราวสายฟ้าและสามารถที่จะไล่ตามแต่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ มันต้องใช้ 129 คะแนน
‘ สายเลือดคัวฟู ? คัวฟูที่ไล่ตามดวงอาทิตย์ ? ‘ ตำนานจีนแว๊บขึ้นมาในหัวของ จางเทีย ทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมทันที
“ยืนยัน เปิดการทำงานสายเลือดคัวฟู .. “
หลังจากที่ จางเทีย ยืนยันคำร้อง Fruit of Bloodline อันใหญ่ด้านข้างเขาก็เปล่งแสงออกมาพร้อมกับที่พลังงานสีดำแดงนั้นได้ฉีดเข้าไปในเมฆสีเทา ใช้เวลากว่า 1 นาทีก่อนที่ลำแสงนั้นจะหายไป เมฆนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีฟ้าและเปล่งแสงอันนุ่มนวลออกมา ในวเลาเดียวกันก็ได้มีเงาที่วิ่งและโดดไปมารวดเร็วราวกับสายฟ้าด้านใน
---- สายเลือดคัวฟูได้เปิดการทำงานแล้ว
เพราะตัวที่ยืนอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ร่างเดิมของ จางเทีย แต่เป็นภาพฉายของวิญญาณและความคิด จางเทีย ไม่รู้ว่าร่างกายจริงเขารู้สึกยังไงตอนนี้ ถ้าเขาต้องการที่จะรู้ผลของสายเลือดนี้ เขาต้องดึงสติและวิญญาณกลับไปที่ร่างจริง
จากนั้น จางเทีย ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในตอนที่เขาคิดถึงการรวมกับของผลสกิล ความเร็วกับสายเลือดคัวฟู เขาก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
หลังจากที่เปิดการทำงานสายเลือดคัวฟูแล้ว จางเทีย มีคะแนนเหลือ 232 คะแนน
‘ อะไรต่อดี ? ‘
หลังจากที่หลับตาคิดสักพัก จางเทีย ก็ได้ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมีรอยยิ้มที่มุมปาก จากนั้นเขาก็ได้เปิดการทำงานของสายเลือดเปลี่ยนสีอีกสองระดับซึ่งคือการเปลี่ยนกระดูกและการเปลี่ยนหน้า
‘ ความสามารถในการเปลี่ยนร่างกายของข้านั้นเหนือชั้นแล้ว เมื่อข้าเชี่ยวชาญมัน ข้าสามารถปกปิดร่องรอยได้ด้วยความช่วยเหลือจาก Castle of Black Iron และการเข้าสิงของสูตรป่าเถื่อน ‘
‘ หากข้าใช้การเปลี่ยนสี พวกคนที่คุ้นเคยกับข้าอาจจะยังจำข้าได้แต่หากเชี่ยวชาญการเปลี่ยนร่างทั้งสามระดับแล้ว ข้าจะไม่มีทางที่จะโดนคนอื่นจำได้แม้ว่าจะไปยืนต่อหน้าพวกนั้น ความสามารถนี้คือตัวปกป้องที่ดีที่สุดของข้า ในกรณีพิเศษ ข้าอาจจะทำสิ่งที่แม้แต่อัศวินทำไม่ได้ ‘
‘ แม้ว่าการเปลี่ยนร่างกายนี้จะไม่ได้เอาความสามารถในการสู้มาแต่มันก็นำความเป็นไปได้มาให้ข้ามากที่สุดซึ่งข้าจะมีอนาคตที่สดใส ‘
หลังจากที่เปิดการทำงานอีกสองระดับของสายเลือดการเปลี่ยนร่างแล้ว มันก็มีคะแนนเหลือเพียง 19 คะแนน
‘ ข้าทำอะไรได้บ้างกับคะแนนที่เหลือน้อยนิดแบบนี้ ? มันเปิดการทำงานความสอดคล้องของอาวุธที่ธรรมดาที่สุดไม่ได้ด้วยซ้ำ ‘
ด้วยการคิดผ่านๆ จางเทีย ได้สั่งการออกมา – “ อืม แสดงสายเลือดทั้งหมดที่ข้าสามารถเปิดการทำงานได้ด้วย 19 คะแนน ! “
ไม่นานหลังจากที่เขาพูดจบ เมฆสีเทาก้อนหนึ่งก็ได้ลอยมาตรงหน้าเขาแล้วมาหยุดตรงหน้า เทียบกับเมฆอื่นๆแล้ว เมฆนี้ดูเล็กและมันเล็กยิ่งกว่ามาชแมลโลของจริงด้วยซ้ำ
‘ มหัศจรรย์ ! ‘ จางเทีย อึ้งไปทันทีในตอนที่เขาเอื้อมมือเข้าไปหา
------ สายเลือดเลียนแบบ ยังไม่ทำงาน หลังจากที่ทำงานแล้วท่านจะมีความสามารถในการเลียนแบบผู้อื่น มันสามารถเปิดทำงานด้วย 18 คะแนน
จางเทีย อ้าปากค้าง ‘ นี่คือการทำงานของสายเลือดเลียนแบบที่พวกนักแสดงมีอย่างนั้นเหรอ ? จริงๆแล้วหลายคนมีความสามารถแบบนี้แต่พวกเขายังใช้มันได้ไม่ดี พวกนักแสดงบนเวทีนั้นเก่งเรื่องการแสดงที่สุด ข้าไม่คิดว่าข้าจะมีสายเลือดแบบนี้ด้วย ‘
‘ มันหมายความว่ามีคนในหมู่บรรพบุรุษที่เคยแสดงมาหลายรุ่นต่อหลายรุ่น พวกเขามักจะโดนคนอื่นๆดูหมิ่น ‘ แต่ จางเทีย ไม่ได้รังเกียจมันเพราเขาเองก็รู้สึกว่าเขาก็เป็นคนธรรมดา
เมื่อมันเป็นสายเลือดบรรพบุรุษที่คนจีนเหลือทิ้งไว้ มันคงไม่ใช่เรื่องแย่ที่พวกนั้นทิ้งสายเลือดนี้ไว้ให้กับลูกหลาน
ต้องบอกว่ามันคงเป็นช่วงรุ่งเรืองของนักแสดงก่อนภัยพิบัติ ในยุคนั้นนักแสดงถือว่าเป็นชนชั้นสูงในสังคม พวกเขาได้รับรางวัลราวกับเป็นราชารึราชินี พวกเขามีอนาคตที่สดใส ! แต่วิธีนี้ไม่ได้เป็นที่ยอมรับในยุคนี้ พวกเขาถึงกับโดนขับไล่ออกไปจากสังคม ผลทำให้หลายคนนั้นจจนอย่างมาก พวกเขาถูกปฏิบัติราวกับเป็นคนบ้า ค่าของคนที่มีความสามารถนี้พลิกกลับตาลปัตร
ตามทฤษฎีในยจุคนี้แล้ว เรื่องเกินจริงก่อนภัยพิบัตินั้นเกิดขึ้นเพราะกลุ่มสามตาและปิศาจ ผลก็คือหนุ่มสาวหลายคนที่เลือกไล่ตามอาชีพนักแสดง ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็เริ่มด่าพวกที่ศึกษาความสามารถทางอื่นเกี่ยวข้องกับมนุษย์และจักรวาล
‘ หลังจากที่สายเลือดร่างกายถูกปลุกขึ้นมา พลังที่เหลือนั้นมีเหลือแค่ปลุกสายเลือดธรรมดาแบบนี้ขึ้นมา การเปลี่ยนร่างกายบวกกับการเลียนแบบ วิเศษ ! พระเจ้าจัดสรรมาให้ดีจริงๆ ! ‘
ในตอนที่ จางเทีย หัวเราะ เขาก็ได้เปิดทำงานสายเลือดเลียนแบบ เพราะมีคะแนนเหลืออยู่คะแนนเดียว เขาจงโยนมันลงไปในความสอดคล้องกับดาบ แน่นอนว่าเมฆนั้นก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแต่มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไร
จากนั้น Fruit of Bloodline ก็ได้หายไป โลกที่เต็มไปด้วยเมฆก็เริ่มจางหายไปด้วย..
มันเหมือนกับเขาตื่นจากความฝัน ความคิดและการรับรู้ของ จางเทีย ได้กลับสู่ร่างเดิมของตน
จางเทีย ลุกขึ้นยืนจากต้นไม้และร่างกายก็เริ่มส่งเสียงออกมา มันดังมาจากกระดูกส่วนต่างๆ,เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ สุดท้ายทุกเซลล์ในร่างกายก็เริ่มส่งเสียงออกมา ทั้งกระบวนการนี้คงอยู่กว่า 5 นาที ระหว่างนั้น จางเทีย ลองบิดแขนขาและทำท่าต่างๆพร้อมให้สัญชาตญาณขับเคลื่อน เขารู้สึกสบายอย่างมากในตอนนี้
จางเทีย แค่ทำตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเขาแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันใช่ผลของสายเลือดที่เขาปลุกขึ้นมารึเปล่า
หลังจากนั้นห้านาทีเสียงต่างๆก็ได้หยุดลง ร่างกาย จางเทีย เองก็ด้วย เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรอีกต่อไป
จางเทีย ยกเท้าตัวเองขึ้นเตรียมที่จะออกจากต้นไม้เล็กไปแต่หลังจากเดินมาได้แค่ก้าวเดียว เขาก็รู้สึกมึนขึ้นมาและไปปรากฏตัวที่ทุ่งหญ้าที่ห่างไป 5 ม.
‘ นี่มันบ้าอะไรกัน ? ‘ จางเทีย อึ้ง จากนั้นเขาก็รู้สึกพลังงานที่ปะทุในตัวโดยเฉพาะส่วนขาที่บอกให้เขาวิ่งและกระโดด --- แรงของคัวฟู สายเลือดคัวฟู
จางเทีย เริ่มวิ่งโดยใช้สัญชาตญาณตัวเอง แค่เคลื่อนที่ได้ไม่นานก่อนที่จะถึงความเร็วเต็มที่ จางเทีย ก็ได้ยินเสียงลมที่กรีดร้อง ของข้างตัวผ่านไปราวกับสายฟ้า….
‘ เร็ว เร็วเกินไปแล้ว ‘ ไม่นาน จางเทีย ก็รู้ถึงผลของมันหลังจากใช้สกิลความเร็ว เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันยากที่จะขยับเท้าอีก เขารู้สึกราวกับเหยียบไปบนสปริง ในตอนที่เขาแตะลงที่พื้น เขาก็จะเคลื่อนที่ได้มากกว่า 10 ม.
ในเสี้ยววินาที จางเทีย ก็ได้มาถึงริมผา จางเทีย กระโดดลงไปจากความสูง 50-60 ม. หลังจากที่มาที่พื้นด้านล่างแล้วเขาก็รู้สึกราวกับเหยียบอยู่บนเยลลี่ หลังจากนั้นเขาก็ดีดตัวขึ้นสูงกว่า 50 ม. จากนั้นเขาก็ลงไปที่พื้นแล้วดีดตัวขึ้นมาอีกครั้ง...
‘ อ๊ากก... ‘ จางเทีย อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นราวกับเล่นแทมโพลีน แต่ละครั้งที่เขาดีดตัวขึ้นมา เขาจะม้วนตัวด้วยท่าทางต่างๆ หลังจากนั้นหลายครั้ง เขาก็ไม่ได้ดีดตัวขึ้นอีกต่อไป เขาแค่ทำการวิ่งบนพื้นต่อ....
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง จางเทีย ก็ได้กัดฟันแน่นและใช้สกิลความเร็วออกมา ...
“ หลบ... “ - จางเทีย คำรามออกมาใส่ต้นไม้ใหญ่ที่ผ่านสายตาของเขามา
แน่นอนว่าต้นไม้นั้นมันไม่ได้หลบ...
ดังนั้น...
เสียงดังราวกับสายฟ้าดังก้องไปทั่วจนทำให้พวกชาวบ้านด้านในที่หลับอยู่นั้นตื่นขึ้นมา
เฮลเลอร์ เผยรอยยิ้มออกมาที่ยอดเขาที่ไกลอกไป ‘ เจ้าของปราสาทนี่ตัดสินใจได้ฉลาดในครั้งนี้ สกิลความเร็วบวกกับสายเลือดคัวฟูจะแสดงพลังของมันออกมาได้มากที่สุดหลังจากที่ใช้ออกมาแต่ข้ากลัวว่าเจ้าของปราสาทคงต้องปรับตัวให้เข้ากับมันให้ได้ก่อน ต้องขอบคุณการรับรู้ของอัศวิน เขาจะไม่มีปัญหากับมัน ‘
ไม่มีเสียงดังขึ้นอีกหลังจากนั้น
...
จน 2 ชม.ต่อมา....
ก็ได้มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นอีกครั้ง จางเทีย ปรากฏตัวที่ทุ่งหญ้าด้านบนภูเขาด้วยท่าทีสง่าสุดๆ หลุมลึกกว่า 16 ซม.ปรากฏขึ้นใต้เท้าของเขา...
ตอนนั้น จางเทีย ดูเหมือนขอทานในชุดที่กลายเป็นเศษผ้า เขายกรองเท้าขึ้นมาจากหลุมและพบว่าข้างหนึ่งหายไปแล้ว
จางเทีย ถอดรองเท้าออกแล้วโยนมันทิ้งพร้อมกับยิ้มออกมา
“ ข้าจะไปนอนแล้ว 24 ชม.ค่อยปลุกข้า ข้าจะไปจัดการพวกเหี้ยในเมืองม็อกโก ! “
หลังจากที่พูดจบ จางเทีย ก็ได้กลับไปที่ห้องตัวเองแล้วหลับลงไปทันที...