px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 670: การปะทะ


Chapter 670: การปะทะ
‘ ข้าควรที่จะตามพวกซีเนลไปจนกว่าจะได้โอกาสรึกลับมาฆ่าตระกูลนี้ใหม่ตอนข้าแข็งแกร่งพอ ? ‘ จางเทีย คิด

‘ มันเป็นปัญหาที่ยุ่งยากจริงๆ แม้ว่าการเข้าสิงจะมีประโยชน์หลายอย่างแต่มันก็ยังเป็นข้อเสียด้วย  ระหว่างการเข้าสิง ร่างกายเดิมจะเข้าสู่สถานะหลับใหลเหมือนสัตว์ตอนจำศีล  ร่างกายของข้าไม่ต้องกินรึดื่มอะไรกว่า 1-2 เดือน ปัญหาเดียวคือข้าไม่อาจทำการบ่มเพาะได้ แม้ว่าความอดทนนั้นจะสร้างโอกาสมาให้แต่มันก็ใช้เวลาไปเยอะเหมือนกัน  ถ้าข้าใช้เวลาในการบ่มเพาะกว่า 10 วัน ข้าอาจจะพัฒนาขึ้นไปอีก ข้าสามารถท่องบทสวดสูตรป่าเถื่อนในชั้นที่สี่ได้มากกว่า 6 แสนรอบซึ่งบ่งบอกได้ว่าข้าจะเปิดการทำงานมันได้กว่าครึ่ง ถ้าข้าใช้เวลา 10 วันนี้ในการปลุกจุดชีพจร ข้าสามารถปลุกมันขึ้นมาได้อย่างน้อย 2 จุดด้วยผลจาก Leakless Fruit  นั่นหมายความว่าข้าจะเข้ากลับการเป็นนักสู้ระดับ 12 ขึ้นมาอีก  ข้ายังไม่ได้กิน Fruit of Source ของปิศาจปีก ข้ายังไม่ได้เริ่มทำการฝึกทักษะจับวิญญาณของวัดวิญญาณเลือดจากไทเซียที่ข้าได้มาจาก สกาล่า  ถ้าข้าโฟกัสไปยังพวกปิศาจเกราะเหล็ก  ข้าอาจจะได้โอกาสฆ่าปิศาจเกราะเหล็กมากพอและได้ Fruit of Source ของพวกนั้นมา ‘

จางเทีย เริ่มคิดในตอนที่ซ่อนตัวอยู่ในรู ถ้าเขายังทำแบบนี้ต่อไป เขาอาจะไม่มีโอกาสกำจัดตระกูลซีเนลได้แม้แต่ในตอนที่ปิศาจยึดสมาคมแบล็คซอนได้แล้ว ‘ มันจะใช้เวลานานแค่ไหน ปีรึสองปี ? ‘

ในตอนที่คิดคำถามนี้ เขาก็ได้ยินเสียงกระซิบของทหารตระกูลซีเนลจากทั้งสองฝั่งของรถที่ซึ่งรับผิดขอบดูแลรถนี้
“ ใช่ทีโพลิ เมืองหลวงของซิมเบียนรึเปล่าที่อยู่ต่อจากเมืองแสตนซี่ ? “

“ ใช่ หลังจากที่ผ่านแสตนซี่แล้วข้ามแม่น้ำนีคอน เราก็จะไปถึงเมืองหลวงของรัฐซิมเบียน ! “

“ น่าเสียดาย ดูจากข้อมูลจากกองทัพหน้าแล้ว ดูเหมือนว่าที่นั่นเองก็เหมือนกับเมืองแห่งนี้  กองกำลังของรัฐซิมเบียนถอยไปที่อาณาจักรนอแมน พวกมันเคลื่อนที่ไปทางใต้เรื่อยๆ  ไม่มีสักคนที่กล้ามาขวางทางกองทัพของเรา ! “

“ โฮ่โฮ่ ...นั่นก็ดีแล้ว เราแค่ต้องไล่ตามพวกนั้น ข้าอยากเห็นว่าพวกนั้นจะไปซ่อนที่ไหนได้ “

“ มันน่าเบื่อ เราน่ะไม่รู้สึกถึงการได้พิชิตเลย ข้าไม่ได้ของมาตั้งนานแล้ว เราไม่ได้เห็นพวกผู้หญิงด้วย ... “ – คนพูดกลืนน้ำลายก่อนจะพูดต่อ – “ข้าล่ะคิดถึงวันที่อยู่ในแคว้นไททานิค ! “

“ หากเราเร็วพอ ข้าไม่เชื่อว่าทุกคนจะอพยพไปจากทวีปนี้ได้ เพราะการบุกรุกของปิศาจ แม้แต่พลเมืองในอาณาจักรนอแมนก็ยังไม่อาจอพยพไปได้หมด ! “

“ ดังนั้นเราต้องยึดอาณาจักรนอแมนไว้ให้ได้ จากนั้นเราก็จะมีคน,อาหาร,สาวสวยและเงินมากกว่าเดิม ! “

“ ฮี่ฮี่... “

หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น  จางเทีย ก็ตัดสินใจ ‘ ก่อนที่กองทัพปิศาจจะไปถึงอาณาจักรนอแมน ถ้าข้าหาโอกาสฆ่าพวกตระกูลซีเนลไม่ได้ ข้าจะออกไปพัฒนาตัวเองโดยการกินผลไม้ก่อน ข้าจะไม่รอไปแบบนี้จนตาย หลังจากที่แข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว ข้าก็ยังมีโอกาสมากมายในการจัดการพวกตระกูลซีเนลในอนาคต ‘

‘ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหากข้าล้มเหลวในครั้งนี้ แม้แต่พระเจ้าก็คงไม่ให้ข้าทำอะไรได้ราบลื่นตลอด ‘
ในตอนที่ จางเทีย ตัดสินใจ เขาก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นมา  จากนั้นเขาก็นอนอยู่ในรูเล็กๆและมองฝนที่ตกหนักด้านนอก

ในสายตาของแมลงแล้ว ฉากนี้นั้นต่างจากสายตาของคนอย่างสิ้นเชิง พวกมันไม่ใช่หยดฝนแต่เป็นกระสุนน้ำ ฝนแต่ละเม็ดนั้นมีขนาดใหญ่เท่าๆกับหัวของแมลง  แต่ละอันนั้นทำให้เกิดหลุมที่พื้น ฝุ่นเริ่มคลุ้งขึ้นมาและตกลงไป หลังจากนั้นสักพักพื้นดินก็กลายเป็นมหาสมุทรขนาดใหญ่ที่มีแม่น้ำหลายสายไหลมารวมกัน  ด้วยการตกของฝนพวกนี้ ต้นไม้และต้นหญ้าสั่นไหวเป็นจังหวะ เหมือนว่ามันกำลังพูดคุยกับโลก.. พวกมันอยู่ในสายตาของ จางเทีย กลายเป็นฉากที่วิเศษขึ้นมาทำให้เขาเพลิดเพลินไปกับดินแดนแห่งนี้

คนจะไปเห็นฉากที่วิเศษแบบนี้ได้ยังไง !

แม้แต่บ้านใหม่ของ จางเทีย เองก็ยังถือว่ามีการตกแต่งอย่างดี เขาเลือกข้อต่อของด้านบนรถซึ่งถูกซ่อนไว้,ปลอดภัยและยังกันน้ำ ถ้าไม่มีคนปีนขึ้นไปด้านบนและแงะมันขึ้นมาดูก็ไม่มีใครเห็นรูเล็กๆเลย ในตอนที่เขายังอยู่ในรูเล็กๆ เขาก็นึกถึงโพรงต้นไม้ที่เขาเคยอยู่สมัยฝึกเอาตัวรอด

ถ้าไม่มีซอมบี้รึสงคราม การเดินทางหลายวันมานี้คือสิ่งที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้สำหรับ จางเทีย อย่างแน่นอน  แม้ว่าจะใช้เส้นทางเดิมแต่โลกในสายตาของแมลงนั้นต่างจากโลกในสายตาของคน  แมลงนั้นทำให้ จางเทีย เหมือนกับอยู่ในโลกใหม่
นี่คือความมหัศจรรย์ของชีวิต

ในสายตาของทุกชีวิตแม้แต่แมลง มันคือโลกที่วิเศษซึ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันเต็มไปด้วยความเป็นไปได้และชีวิตชีวา

‘ ใครบ้างที่มีสิทธิที่จะรู้สึกถึงความรู้สึกแบบนี้ได้ ? ‘
...
ทันใดนั้นรถก็ได้จอดลง หลังจากนั้นรถก็ได้สั่นไหวสักพัก ตอนนั้นมีคนโดดลงจากรถแล้วแก้ผ้ากันน้ำของรถออก เขาเริ่มที่จะขนของลงจากรถในตอนที่ฝนตกหนัก ในเวลาเดียวกันด้านนอกก็เริ่มเสียงดังขึ้นมา

กองทัพกำลังจะตั้งแคมป์ที่นี่

พวกซอมบี้อยู่ได้ทั้งคืนหากอยู่รวมกลุ่มกัน พวกมันจะกินทุกอย่างที่พวกมันเห็นระหว่างทางมาที่นี่แต่สำหรับพวกกลุ่มสามตาและกองทัพปิศาจ พวกมันต้องตั้งเต็นท์  แน่นอนว่าสมาชิกธรรมดาต้องกินอาหารแห้งแต่คนอย่าง แบตตี้, ฮุค และเควียนติน ต้องกินอาหารที่มีระดับมากกว่านั้น

จางเทีย คิดถึงการวางยาพิษพวกบัดซบนี่  มันเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดที่เขาจะฆ่าพวกนี้ได้แต่เขาพบว่าคนอย่าง คอส, เควียนติน นั้นระวังเรื่องอาหารอย่างมาก  ก่อนที่จะกิน พวกนั้นจะให้คนมาชิมอาหารก่อน นอกจากนี้พวกพาชนะเองก็โดนตรวจสอบก่อนด้วย  ดังนั้นการวางยาพิษนั้นจึงไม่ได้ผลอีกต่อไป

ในตอนที่เสียงด้านนอกเริ่มลดลง ฝนก็เกือบที่จะหยุด  ตกกลางคืน จางเทีย ได้มุดออกมาจาก ‘ โรงแรมชั่วคราว ‘  หลังจากนั้นเขาก็กลางปีกออกและเริ่มตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ
ปกติแล้วรถจะจอดที่ด้านหลังของแคมป์  แคมป์แห่งนี้แยกมาจากแนวกั้นของซอมบี้  เต็นท์ที่ แบตตี้ และ ฮุค อยู่นั้นขนาบข้างของ เควียนติน  เต็นท์ของ คอส เองก็อยู่ใกล้พวกนี้ด้วย  ในตอนที่ จางเทีย บินออกจากรูมา เขาเห็นชายสองคนเดินเข้าไปในเต็นท์กับ เควียน ติน และ เจ้าหน้าที่ของตระกูลอาเทอร์  
ตระกูลอาเทอร์ มาจากสหพันธ์เวดรอฟที่อยู่ทางเหนือซึ่งล่มสลายไปก่อน  ใน 100 ปีที่ผ่านมานายกของที่นั่นก็มาจากตระกูลนี้ นอกจากนี้ยังทำการควบคุมกองทัพทหารในสหพันธ์ไว้ด้วย  ใครจะไปคิดว่าสหพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดจะเป็นสมาชิกของกลุ่มสามตาไปได้ ?  เหตุผลที่กองทัพปิศาจสามารถยึดสหพันธ์เวดรอฟได้อย่างรวดเร็วนั้นเกี่ยวข้องกับตระกูลอาเทอร์  ตระกูลอาเทอร์ มีเบื้อหลังที่ลึกยิ่งกว่าตระกูลซีเนล  อัศวินที่ จางเทีย ฆ่าไปนั้นจ้างมาโดยตระกูลอาเทอร์  หลังจากที่อัศวินนั้นหายตัวไป  ตระกูลอาเทอร์ ได้ส่งอัศวินอีกคนออกมาซึ่ง จางเทีย เห็นหลังจากที่เขาฆ่า สกาล่า ที่เมืองม็อกโก

เมื่อเจ้าหน้าที่ของตระกูลอาเทอร์ มาอยู่ที่นี่ มันบ่งบอกว่าพวกเขากำลังจะเจรจากันในเรื่องเส้นทางในวันพรุ่งนี้  จางเทีย เคยแอบฟังการพูดคุยแบบี้บ้างแต่เขาไม่ได้ข้อมูลที่มีค่าอะไรมากมายจากการคุยกัน อีกอย่างแล้วเขากลัวว่าจะเปิดเผยตัวเองออกไป ดังนั้น จางเทีย จึงไม่ต้องการที่จะทำมันอีก
พวกมันได้ทำการตั้งแคมป์ที่ทางใต้ของเมืองแสตนซี่  ดูเหมือนว่าแม่น้ำที่อยู่ใกล้  จางเทีย ได้ยินเสียงน้ำที่ไหลผ่าน   ดังนั้น จางเทีย จึงได้ทำการบินไปที่แม่น้ำ

มันเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ซึ่งกว้างกว่า 200 ม. เพราะฝนที่ตกหนัก น้ำใกล้ๆริมฝั่งจึงดูสกปรกไป ดูเหมือนจะมีสะพานเหล็กอยู่ก่อนหน้านี้แต่ตอนนี้มันพังไปแล้ว  มีแค่เสาสองต้นในแต่ละด้านเท่านั้น
สะพานเหล็กนั้นถูกแทนที่ด้วยสะพานโซ่มากกว่า 10 อันซึ่งปูด้วยแผ่นไม้ที่เชื่อมต่อกันด้วยเส้นเหล็ก บางทีมันยากที่คนธรรมดาจะสามารถสร้างสะพานโซ่ขึ้นมาเหนือแม่น้ำที่กว้างแบบนี้ได้แต่มันเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับพวกกองทัพที่มีอัศวิน  อุปกรณ์หนักอย่างรถเกราะอาจจะไม่สามารถผ่านสะพานโซ่ได้แต่รถธรรมดาและม้านั้นสามารถผ่านมันไปได้อย่างง่ายดาย

เมื่อเห็นสะพานโซ่ที่มั่นคง  จางเทีย  ก็ยกเลิกความคิดที่ว่าจะฆ่าพวกนั้นตอนที่พวกนั้นผ่านสะพานไป

‘ ข้าจะหาโอกาสกำจัดพวกตระกูลซีเนลไมได้เลยรึไง ? ข้าต้องรอไปอีกเหรอ ? ‘

ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคือง  จางเทีย ได้บินไปตามชายฝั่งสักพักก่อนจะกลับไปที่แคมป์

ก่อนที่เขาจะไปถึงแคมป์  จางเทีย ก็ได้ยินเสียงราวกับสายฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยพลังฉีที่ดุดัน – “ ใครคือ คอส  ผู้นำของตระกูลซีเนล ? “

ในตอนที่ จางเทีย ได้ยินเสียงนั้นเขาก็ต้องอึ้งเพราะเขาคุ้นเคยกับเสียงนี้  จางเทีย จำได้ว่าเขาอาจจะได้ยินเสียงนี้มาจากที่ไหนสักที่ ในเวลาเดียวกันใบหน้าที่ดูสง่าและเคร่งขรึมก็โผล่ขึ้นมาในใจของ จางเทีย

ผู้อาวุโส มูเร วังไฮหยวน

จางเทีย ตัวสั่นจนเกือบจะตกลงมาจากอากาศ  ‘ นั่นเขาเหรอ ? ‘

หลังจากที่ได้สติมาเล็กน้อย  จางเทีย ก็รีบพุ่งไปยังที่ที่เขาเพิ่งจากมาทันที....

รีวิวผู้อ่าน