px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 682: เหตุการณ์ในโลกอันวุ่นวาย


Chapter 682: เหตุการณ์ในโลกอันวุ่นวาย

เทือกเขาคาเรเป็นป่าต้นน้ำของสมาคมแบล็คซอนและที่ที่ร่มเย็นที่สุด เทือกเขาที่แผ่ไปหลายหมื่นไมล์ตั้งแต่ตะวันออกไปจนถึงตะวันตก  มันกลายเป็นเขตสีเทาไม่รู้จบบนแผนที่ในทิศตะวันตกและไปถึงด้านทะเลในทิศตะวันออก

หลังจากที่ฝนตกหนักหลายวัน พื้นที่มากกว่า 1,000 ตร.ไมล์ของเทือกเขาปกคลุมไปด้วยหมอก คนนับไม่ถ้วนที่ได้อพยพจากทางเหนือนั้นได้ไปรวมกันที่ป่าต้นน้ำทางเหนือ ตอนนั้นด้านเหนือของเทือกเขาเต็มไปด้วยเต็นท์ผู้อพยพ  ในที่ที่มีคนมากที่สุด เต็นท์นั้นยาวกว่า 100 ไมล์ ก่อนที่พวกอยู่เก่าจะเดินทางต่อ พวกมาใหม่ก็ได้มาถึง..

การตายเกิดขึ้นทุกวัน บางคนเพราะภัยธรรมชาติ, บางคนตายเพราะเหตุผลทางความเป็นคน  อด,โรค,ความหนาวเย็น,การปล้นและข่มขืนต่างก็เกิดไปทั่วแคมป์อพยพ

สองวันก่อน ทหารของรัฐอันกาว่าได้ไปที่ท่าเรือคารัวล์เพิ่งจะจัดการเรื่องทะเลาะเบาะแว้งของคนในส่วนทางทิศตะวันตกของเทือกเขาคาเรได้ซึ่งทำให้เกิดผู้เสียชีวิตกว่า 50,000 คน

เพราะพวกเขาประจำอยู่ที่ท่าเรือมานาน ด้วยความหิวและความกลัว ผู้อพยพจำนวนมาจึงหลั่งไหลมายังท่าเรือคารัวล์เพื่อที่จะหาตั๋วเรือในสองวันก่อน  บอกคร่าวๆคือวันที่ 27 สิงหาคม ไม่มีใครรู้ว่าเกิดการทะเลาะกันขึ้นตอนไหน ในตอนที่กฎพื้นฐานพังทลายลงไป ผู้อพยพก็เริ่มแห่กันแย่งขึ้นเรือซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างมาก

ตำรวจที่รับหน้าที่ในการดูแลนั้นไม่อาจเทียบกับพวกผู้อพยพจำนวนมากนี้ได้ซึ่งทำให้โดนเหยียบจนบาดเจ็บ ผู้อพยพบางคนที่โดดขึ้นเรือนั้นโดนผลักตกลงไปในน้ำเย็น ลูกเรือบางคนโดนฆ่าด้วยมีด ความวุ่นวายในที่สุดก็ส่งผลครอบคลุมทั้งเมือง  ในตอนที่เรือล่มหลังจากที่ไปชนกับเรืออีกลำที่มาจอดที่ท่าภายใต้การบังคับของคนจำนวนมาก ฉากนองเลือดก็ได้เริ่มต้นขึ้น
มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของคนที่รักษาอำนาจที่ต้องใช้ความเด็ดขาดแต่เมื่อมันเกิดขึ้นในตอนนี้ มันจึงดูน่าสงสารอย่างมาก เมื่ออยู่ต่อหน้าของภัยจากปิศาจ กองทัพมนุษย์นั้นพ่ายแพ้ให้กับกองทัพผู้อพยพ  หลักฐานได้บอกความหมายของมันแล้ว --- นี่คือโลกที่วุ่นวาย โลกที่วุ่นวายที่แท้จริง ในตอนที่มนุษย์ต่างก็หนีเอาตัวรอดโดยทิ้งจิตสำนึกไว้ด้านหลังหมัดและใบมีด

ฝนที่ตกมารุนแรงนี้ไม่ได้ล้างคราบเลือดที่ท่าเรือไป ศพของผู้อพยพที่โดนฆ่าโดนโยนทิ้งลงไปในทะเล ไม่มีใครสนชีวิตพวกนั้น มันยังคงมีผู้อพยพใหม่ที่หลังไหลมายังเมืองคารัวล์เพิ่มไปอีก....

ที่อ่าวกูสรัฐเวดิรัคซึ่งห่างจากคารัวล์ไป 1,200 ไมล์  ที่นั่นก็มีผู้อพยพจำนวนมาก  มีรถรางในที่นั่นสามารถให้ผู้คนปีนขึ้นมาได้ รถนั้นวิ่งผ่านเทือกเขาคาเรไป

“ เพราะนี่เป็นฤดูฝน รถรางนั่นคงใช้ไม่ได้ผลเพราะน้ำที่ท่วม หลายส่วนของรางพังลงซึ่งทำให้เกิดผู้เสียชีวิตจำนวนมาก  อย่าเดินหน้าต่อ พวกเจ้ากำลังหาที่ตาย เจ้าไม่อาจผ่านเทือกเขาคาเรด้วยวิธีนี้ได้... “ – เจ้าหน้าที่ของรัฐเวดิรัคยืนอยู่บนเวที ตัวเขาเปียกเพราะฝนที่ตกลงมา เขากำลังถือแผ่นเอกสารและตะโกนออกมาเพื่อกันไม่ให้ผู้คนเข้าไปยังรถรางนั่น
ผู้อพยพบางคนนั้นหยุด แต่บางคนก็แค่เดินเข้าไปต่อโดยไม่สนใจ  ในตอนที่พวกเขาเดินผ่านเจ้าหน้าที่หนุ่มคนนี้ พวกเขาไม่ได้มองไปที่อีกเขาด้วยซ้ำ

เจ้าหน้าที่หนุ่มมองคนจำนวนมากที่เข้าไปที่รางและมองแผนที่ในมือด้วยสีหน้าเศร้า  ในฤดูกาลแบบนี้มีไม่ถึง 1/10 ที่สามารถผ่านเทือกเขาคาเรไปยังผ่านเส้นทางนี้ไปได้
ผู้อพยพได้ไปรวมกันที่อัพตัน เมืองหลวงของสหพันธ์การค้าอิสระห่างจากอ่าวกูสไป 3,000 ไมล์
อัพตันนั้นเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดด้านการค้าในเขตทางเหนือของสมาคมแบล็คซอน เมืองนี้และเมืองมิลเบทางใต้ของเทือกเขาคาเรนั้นต่างก็เป็นสมาชิกของสหพันธ์การค้าอิสระ  ด้วยการที่มีเทือกเขาคั่นกลาง ทั้งสองเมืองเชื่อมต่อกันทางการอากาศซึ่งสนับสนุนความรุ่งเรืองของทั้งสหพันธ์ขึ้น

อัพตันเคยเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเจริญเรื่องการบินมากที่สุดในเทือกเขาคาเรในเขตด้านเหนือของแบล็คซอน  ตอนนั้นการเดินทางทางอากาศของอัพตันนั้นวุ่นวายกว่าเดิม 10 เท่า  ยานจำนวนมากได้แห่กันมาจากทางใต้ได้มาจอดที่เมืองเพื่อรับผู้อพยพ...
หลังจากที่เกิดเรื่องที่ท่าเรือคารัวล์ ทหารจำนวนมาจึงถูกส่งมาที่นี่ก็ถูกเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนคน  ยานทุกลำในเมืองนั้นจะมีลวดหนามกว่าสามชั้นกั้นเอาไว้  ในตอนที่ฝนตกหนักผู้อพยพจำนวนมากจะไปมุงกันด้านนอกฐานยานและมองดูยานบนท้องฟ้า ยานลำไหนที่ลงจอดจะทำให้ผู้คนมากมายหันไปสนใจและแห่กันไปที่ฐานยานนั้น

“ พวกคนที่มีบัตรทรงเกียรติจะได้ออกไปก่อน...พวกคนที่มีบัตรทรงเกียรติจะได้ออกไปก่อน ... “- ทหารโบกแท่งไม้อัดเข้าใส่พวกผู้อพยพที่พยายามแห่กันเข้ามาที่ฐานยานจนทำให้พวกนั้นบาดเจ็บ  พวกผู้อพยพที่ชูบัตรสีแดงถูกเลือกจากฝูงชนและได้เข้าไปในฐานยานก่อน พวกเขาได้รับอนุญาติให้ออกจากที่นี่ก่อนที่ยานลำอื่นจะมาถึง

“ อ่ะ บัตรข้า, บัตรข้า มีคนเอาบัตรที่สามีข้าทิ้งไว้ให้ไป....” - ผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็ก 5-6 ขวบในชุดกันฝนนั้นร้องออกมาที่ทางเข้าฐานยานด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว ในตอนวิกฤตตอนที่เธอชูบัตรตะกี้ มีอีกมือยื่นมาด้านข้างเธอ ก่อนที่เธอจะตอบโต้ได้ บัตรของเธอก็ถูกแย่งไปแล้ว

ตอนนั้นลูกดอกหนึ่งถูกยิงออกมาจากป้อมด้านบนทางเข้าและฆ่าชายที่ต้องการแอบเข้ามาในฐานด้วยบัตรนั้น นี่ทำให้ทุกคนช็อกและถอยกลับไปทันที
ร้อยโทขั้นหนึ่งรีบเดินออกมาและเดินมายังชายทีตายไปจากลูกดอกที่ปักเข้าที่หัวใจ  เจ้าหน้าที่คนนั้นหยิบบัตรสีแดงขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็ได้ดึงผู้หญิงคนตะกี้ออกจากฝูงคนและเอาบัตรใส่ในมือของเธอ อีกอย่างแล้วเขากระซิบบางอย่างกับทหารข้างๆให้พาเธอและลูกสาวเข้าไปในฐาน

“ ใครที่กล้าแย่งบัตรคนอื่นต้องตาย.. “ – ร้อยโทขั้นหนึ่งมองดูผู้อพยพด้วยการแผ่พลังฉีฆ่าออกมา

ก่อนหน้านี้ในสหพันธ์การค้าอิสระ ในตอนที่ทหารฆ่าพลเมือง มันจะเกิดความวุ่นวายขึ้นแต่ตอนนี้ไม่มีใครสนเรื่องนั้น

ไม่นานหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นได้เข้าไปในฐานกับลูกสาวของเธอ ยานขนาดกลางก็ได้มาถึงจากด้านทิศเหนือ

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีผู้หญิงคนนั้นก็ได้รับข่าวว่าอีกไม่นานยานจะออกบินและมีที่นั่งไว้ให้สำหรับเธอ เธอตามทหารไปยังยานลำนั้นและจูงมือลูกสาวไปด้วยหลังจาที่ขอบคุณทหารคนอื่นไปหลายครั้ง

ในตอนที่เธอขึ้นไปบนยาน คนหนึ่งก็ได้ลงมาจากยาน  คนจำนวนมากรู้สึกอายที่จะเห็นคนนั้นลงมาจากยานรวมถึงกัปตันของยานด้วย
“ ปีเตอร์ ไม่คิดอีกรึไง ? ถ้าเจ้าหวังที่จะปกป้องเราให้ออกจากที่นี่ เราจะจ่ายให้เจ้า 2,000 ทองเป็นรางวัลหากเราไปถึงที่หมาย ! “ – ชายอ้วนแต่งตัวดีคนหนึ่งมองคนที่เพิ่งลงจากยานไป ชายที่ชื่อ ปีเตอร์ นั้นอายุ 28 ปี มีดาบเหน็บที่ข้างเอว เขาดูหน้าตาธรรมดา
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น ใจของผู้หญิงคนนั้นก็เต้นรัว ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเธอได้ที่ว่างนั้นมาเพราะมีคนลงจากยาน หลังจากที่คุยกับเรื่องการจัดการในยานแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ยอมให้เธอเข้าไป ตอนนั้นแม้ว่าจะรู้สึกว่าเห็นแก่ตัวแต่เธอกลัวว่า ปีเตอร์ นั้นจะเปลี่ยนใจ

“ เพราะเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว เจ้าน่ะปลอดภัยกว่าเดิมมาก พลังของปิศาจมาไม่ถึงนี่หรอก เจ้าสามารถเดินทางผ่านเทือกเขาคาเรได้ในเวลาไม่ถึง 2 วัน ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นที่ข้าจะอยู่บนยานอีก ! “ - ปีเตอร์ ปฏิเสธโดยการโบกมือ

แม้ว่าทุกคนเรียกร้องให้ ปีเตอร์ อยู่แต่นั่นก็ไม่อาจทำได้
“ ปีเตอร์ ..ข้า..ข้าจะเจอเจ้าอีกมั้ยในอนาคต ? “ – เด็กหญิงวัย 18 ปีเดินมาที่ประตูยานและมองชายที่กำลังเดินออกไปด้วยท่าทีชื่นชมและไม่เต็มใจ  สายตาของเธอนั้นนุ่มนวลราวกับสายน้ำ  ในตอนที่ ปีเตอร์ เห็นนั้น เขาก็เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร

ทุกคนที่มาส่ง ปีเตอร์ นั้นไม่ได้พูดอะไร พวกเขาแค่มองดูเขาเงียบๆรวมถึงพ่อของสาวน้อยคนนี้ด้วย หลังจากที่อยู่บนยานด้วยกันมาสองวัน ผู้โดยสารทุกคนรวมถึงพ่อแม่ของสาวน้อยคนนี้เข้าใจจิตใจของเธอ – สาวน้อยนั้นมักจะบูชาฮีโร่และคนที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะคนที่ช่วยพวกเธอและทำให้พวกเธอรู้สึกปลอดภัยในตอนวิกฤต
 

รีวิวผู้อ่าน