px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 684: สถานการณ์ในสมาคมแบล็คซอน (II)


Chapter 684: สถานการณ์ในสมาคมแบล็คซอน (II)
ในตอนที่อยู่ในอาณาจักรนอแมน จางเทีย ได้เดินทางไปที่นอดินเบิร์กที่เขาจะได้รู้สถานการณ์ของ แฮนนา
สามีของ แฮนนา นั้นเป็นสมาชิกของตระกูลซีเนสในนอดินเบิร์กที่ชึ่งมีชื่อว่า ควินเนล  ตระกูลซีเนสนั้นเป็นชนชั้นสูงในนอดินเบิร์ก ตระกูลนี้หลักๆแล้วจะทำการแลกเปลี่ยนพวกธัญพืชและเครื่องดื่ม  ควินเนล เป็นลูกชายคนที่สองของหัวหน้าตระกูล  ในสองปีที่ผ่านมาเบียร์ของ แฮนนา และสูตรต่างๆนั้นทำให้ตระกูลซีเนสโด่งดังไปทั่วนอดินเบิร์กและได้รับเงินไปจำนวนมาก  บางครั้งเบียร์ก็ไม่พอกับความต้องการ ผลก็คือชื่อเสียงในฐานะราชินีเบียร์นั้นโด่งดังไปทั่วนอดินเบิร์ก ทุกคนต่างก็ชื่นชมที่ตระกูลซีเนสแต่งงานกับตัวทำเงินได้
แฮนนา และสมาชิกหลักของตระกูลนั้นได้ย้ายออกไปนานแล้วก่อนที่แนวป้องกันที่เซลเนสจะถล่มลงไป
แฮนนา และตระกูลของสามีเธอนั้นถือว่าเป็นเจ้าของสูตรเบียร์คนรักเหล็กโลหิต ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นแหล่งทรัพยากรหลักของอาณาจักรนอแมนและได้กับการดูแลจากประเทศ
จางเทีย ไม่รู้ว่า แฮนนา อยู่ไหนตอนนี้แต่เขาไม่ได้กังวลเรื่องเธอ สำหรับผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเขาเคยรักด้วยแล้ว จางเทีย รู้สึกวางใจตราบใดที่เขารู้ว่าเธอมีชีวิตที่มีความสุข
นอกจาก แฮนนา  จางเทีย เองก็ยังได้ยินเรื่องของ รินฮาท และเพื่อนเก่าในแคมป์เหล็กโลหิต หลังจากที่ได้รับข่าว จางเทีย ต้องอึ้ง
เพราะระบบกองทัพของอาณาจักรนอแมนนั้นถูกใช้ออกมาเพื่อรับมือกับการโจมตีของปิศาจเป็นไปตามที่ จางเทีย คิดเอาไว้ หน่วยขนาดใหญ่ได้ถูกตั้งขึ้นมาและกองทัพก็ต้องตื่นตัวกันอยู่ตลอด ในนอดินเบิร์ก จางเทีย ได้ยินมาว่าอาณาจักรนอแมนนั้นได้ทำการเปลี่ยนแปลงเกือบครึ่งของกองทัพให้เปลี่ยนเป็นสามกองทัพ  หน่วยแรกไว้ป้องกันเมืองอย่างเดียวซึ่งมีหน้าที่หลักในการรับผิดชอบการป้องกันเมืองโดยพึ่งพาอาวุธป้องกันเมือง กองกำลังหลักของกองทัพแบบนี้นั้นคือนักรบ  กองที่สองคือสมาชิกของกองทัพที่มีความชำนาญมากกว่าเดิม พวกเขาเก่งเรื่องกลยุทธและมีความสามารถในการร่วมมือกับกองทัพอีกสองกองทัพ  อาณาจักรนอแมนต้องการให้กองทัพนี้สามารถที่จะทำลายกองทัพซอมบี้ได้และร่วมมือกับกองทัพอื่นๆได้เมื่อจำเป็น อีกอย่างแล้วพวกเขาต้องสามารถสร้างแรงกดดันให้กับกองทัพปิศาจได้ กองทัพที่สามนั้นคือกองกำลังเหล็กโลหิตที่ประกอบด้วยพวกระดับสูงกว่า 9 ที่ซึ่งสามารถเผชิญหน้ากับกองทัพปิศาจได้และมีความสามารถในการเอาตัวรอดในป่าสูง
ในอาณาจักรนอแมน พวกระดับสูงของกองทัพนั้นสามารถเอาไปสร้างกองกำลังเหล็กโลหิตเท่านั้น มีแค่เพียง 5 คนในเขตด้านเหนือและไม่ถึง 500 คนเมื่อรวมทั้งหมด
การก่อตั้งแคมป์เหล็กโลหิตของทีม 39 ขึ้นถูกจัดขึ้นมาใหม่ รินฮาท ที่ซึ่งกลับมาจากเซลเนสได้เข้าสู่กองกำลังเหล็กโลหิต เพื่อนคนอื่นๆได้เข้าหน่วยป้องกันเมืองและหน่วยกลยุทธ จากประสบการณ์ที่มีในแคมป์แล้วหลายคนได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าหน้าที่
แค่ไม่กี่ปีสงครามนั้นได้บังคับให้คนในทีม 39 ต้องก้าวหน้าไปตามทางของตัวเอง มันยากที่พวกเขาจะได้รวมตัวกันอีก จางเทีย ไม่อาจทำอะไรเรื่องนี้ได้นอกจากต้องถอนหายใจออกมา
หลังจากที่กองทัพซอมบี้นั้นได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงด้วยกระแสน้ำ กองทัพปิศาจก็ได้หายไป  จางเทีย ได้อยู่ในนอดินเบิร์กกว่าสองวันเพื่อค้นหาร่องรอยของกองทัพปิศาจ
จางเทีย ไม่ได้ทำการค้นหากองทัพปิศาจเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อะไร เขาแค่ค้นหาพวกนั้นเพื่อจะทำการฆ่าทีมปิศาจเกราะเหล็กเพื่อให้ได้ Fruit of Source ของมันและพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาขึ้น  มันจะดีกว่าหากเขาแบ่งเบาภาระให้กับอาณาจักรนอแมนและสมาคมแบล็คซอนได้บ้าง
หลังจากที่บินรอบป่าอย่างไร้จุดหมายมาหลายวัน  จางเทีย ก็ไม่พบร่องรอยของกองทัพปิศาจแต่เขาเห็นถึงยานของคนที่จอดในป่าเพราะต้องทำการซ่อมแซม มันถูกล้อมด้วยซอมบี้นับร้อยตัว จางเทีย จึงได้ร่อนลงไปแล้วรีบเรียกตัวเองในหน้าตาของ ปีเตอร์ ขึ้นมา หลังจากนั้นขาก็ได้ไปจัดการปัญหานั้นให้กับยาน
ซอมบี้พวกนี้ถือว่าเป็นภัยที่อันตรายสำหรับผู้โดยสารในยานแต่มันเป็นแค่มดในสายตาของ จางเทีย  เขาฆ่าพวกมันทั้งหมดได้ในเสี้ยววินาที
หลังจากที่ถูกช่วยเอาไว้ แน่นอนว่าผู้โดยสารนั้นขอบคุณ จางเทีย อย่างมาก  พวกเขาหวังว่า จางเทีย จะอยู่กับพวกเขาเพื่อปกป้องจนกว่าพวกเขาจะไปถึงที่ปลอดภัย ตอนนี้ จางเทีย ได้จอกับพวกนั้นแล้ว เขาคงทิ้งให้พวกนี้ตายไม่ได้ อีกอย่างแล้ว จางเทีย รู้ว่าปิศาจปีกมักจะเข้าโจมตียานที่บินแบบเดี่ยวๆ   จางเทีย คิดว่าหากเขาสามารถเจอกับปิศาจปีก เขาก็อาจจะรู้ว่ากองทัพปิศาจนั้นอยู่ที่ไหน  ดังนั้น จางเทีย จึงอยู่บนยานและช่วยพวกลูกเรือนั้นซ่อมยาน สุดท้ายเขาก็พายานนี่ไปยังด้านเหนือ ใช้เวลา 3 วันกว่าจะไปถึงด้านเหนือของเทือกเขาคาเรหลังจากที่เดินทางผ่านราชวงศ์อาทิตย์และประเทศเล็กๆสองแห่งมาได้ หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ไปถึงเมืองอัพตอน
ระหว่างทางนอกจากเกือบโดนตกหลุมรักอีกครั้ง จางเทีย ไม่ได้เห็นปิศาจปีกอีกเลย
เทียบกับสถานการณ์ในตอนที่กองทัพมนุษย์นั้นต่างก็ตะโกนสโลแกนของตัวเองและเดินหน้าไปทางเหนือเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้เขตด้านเหนือของแบล็คซอนนั้นอยู่ในความวุ่นวาย  หลังจากที่กองทัพปิศาจทำลายแนวป้องกันที่เซลเนสมาได้ พวกคนที่เหลือในเขตทางเหนือต่างก็เริ่มแห่กันไปทางใต้  ก่อนหน้านี้มนุษย์ยังคงพากันอพยพกันอย่างเป็นระเบียบแต่ตอนนี้ทุกคนต่างก็กลัวและกฎทุกอย่างก็ได้พังทลายลงเพราะการที่แนวป้องกันนั้นพัง คนที่เหลือต้องการที่จะหนีจากทางเหนือและอยู่ห่างจากปิศาจให้ได้มากที่สุด
พันธมิตรการค้าซึ่งมีความสัมพันธ์กับ จางเทีย ก่อนหน้านี้นั้นคือตัวอย่างที่ดี  พันธมิตรแห่งนี้ใหญ่กว่าพันธมิตรอันดามันอย่างมาก พวกนั้นได้ประกาศถึงการล่มสลายในวันที่สองตั้งแต่ที่เซลเนสนั้นพังลง จากนั้นมันก็ไม่อาจรับผิดชอบอะไรได้เลยในฐานะศูนย์กลางของพันธมิตร ชาติอื่นที่เป็นพันธมิตต่างก็พยายามกันหลบหนี

แม้ว่ากองทัพปิศาจนั้นจะได้รับความเสียหายที่เมืองนีนแต่การอพยพในด้านเหนือของสมาคมแบล็คซอนนั้นก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย มีคนใช้โอกาสนั้นแห่กันไปทางใต้กันมากกว่าเดิม
ตอนนั้นกองทัพซอมบี้ได้เดินหน้ามายังเขตทางด้านเหนืออย่างต่อเนื่อง ภัยจากซอมบี้นี้ได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วแต่ก็ไม่อาจที่จะยึดครองทุกส่วนได้หมด ร่องรอยของกองทัพปิศาจนั้นก็ยังเป็นสิ่งที่ลึกลับ ผู้อพยพนับไม่ถ้วนแห่กันไปทางใต้และไปรวมตัวกันที่ตีนเขาด้านเหนือของเทือกเขาคาเร ทุกอย่างนั้นเหมือนสั่นไหวคล้ายกับอากาศ...
ฝนหมอกบินเข้าใส่ชุดของ จางเทีย   จางเทีย ที่เดินอยู่ที่ฐานยานได้ดึงคอเสื้อของตัวเองขึ้นแล้วก้มตัวลงเพื่อปิดใบหน้าตัวเอง
ฐานยานนี้เกือบโดนล้อมไปด้วยเต็นท์ของผู้อพยพ  แม้ว่าฝนจะตกหนักแต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่แห่กันมาที่ทางเข้าฐานยานและรอโอกาสที่จะออกไปจากที่นี่
“ นี่ล้อเล่นรึเปล่า ! ใครที่จะมาเมืองอัพตันในตอนนี้ ? “
“ เขาอาจจะแค่ลงจากยานเฉยๆก็ได้ ! “
“ โง่จริงๆ... “
“ หือ เขาอยากตายรึไง ? ถ้าเขาอยู่ที่นี่ตอนนี้ เขาต้องเป็นผู้แข็งแกร่ง เขาอาจจะเป็นพาราดินจากทางเหนือก็ได้ ! “
“ อย่างน้อยในวันที่อากาศแย่แบบนี้ ข้าสงสัยว่าเมื่อไหร่ยานลำต่อไปจะมาถึง.. “
แม้ว่าพวกเขาคิดว่าพวกเขาจะกระซิบกันอยู่แต่ จางเทีย ที่มีการรับรู้ของอัศวนินั้นได้ยินพวกนั้นคุยกันอย่างชัดเจน
ภายใต้สายตาทึ่งและการพูดคุยของพวกนั้น จางเทีย ก็ได้เดินออกมาจากฐานยาน
จางเทีย เล็งเป้าหมายไปที่เมืองอัพตัน ในตอนที่เขาอยู่ในยาน เขาคิดเส้นทางเอาไว้แล้ว ดังนั้นไม่นานที่เขาออกจากยานมา เขาก็ได้ตรงไปที่ตัวเมือง จากที่นั่นไปถึงเมืองระยะทางมันอยู่ที่ประมาณ 7-8 ไมล์
ในตอนที่ วังไฮหยวน ผ่านแคมป์ผู้อพยพ ชาย 5-6 คนในสภาพที่ดูซึมๆได้มุดแห่กันออกมาจากแคมป์  พวกเขามองหน้ากันแล้วเดินตาม จางเทีย ไปหลายเมตร
จางเทีย คิ้วขมวด เขาไม่คิดว่าจะมีคนกล้าตามเขามาแล้วคิดร้ายในวันที่ฝนตกแบบนี้ไม่นานหลังจากที่เขาออกจากฐานยานมา
ดอนเดอร์ เคยบอกว่าภัยพิบัติและอันตรายแบบนี้นั้นเป็นเรื่องสะท้อนแปลกๆ  ต่อหน้ากระจกสะท้อน บางคนจะดูชนชั้นสูงและดูราวกับเป็นนางฟ้า บางคนจะเริ่มน่าเกลียดราวกับผี  ดอนเดอร์ ได้สรุปไว้ว่า – “ แม้ว่าทุกคนจะมีผิวหนังของคนแต่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นมนุษย์ที่แท้จริง ! “
‘ นี่คือมนุษย์รึเปล่า ? ‘ จางเทีย  ยิ้มชั่วร้ายออกมาราวกับเขาไม่รู้ตัวว่าโดนตาม เขาแค่ทำการเดินต่อไปเรื่อยๆ...

 

รีวิวผู้อ่าน