px

เรื่อง : Star Rank Hunter
Chapter 2 หนูทดลอง


จมูกของซิลลินสามารถรับกลิ่นได้ไวมาก ดังนั้นเขาจึงสามารถวิเคราะห์แยกแยะกลิ่นต่างๆ ได้เป็นอย่างดี นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ.. มีคนเพียงไม่กี่คนที่ใช้สารละลายกลิ่นนี้ จะเป็นกลุ่มคนที่เบื่อในความฉลาดของตน และหันไปทำวิจัยเป็นงานอดิเรก แต่นั่นจะใช่หรือไม่ก็ยังไม่แน่ชัด?

ซึ่งกลิ่นเหล่านี้ไม่ได้มาจากฝนที่อยู่ข้างนอก แต่มาจากกลิ่นอื่นที่ผสมมาตามทิศทางลม และการไหลของอากาศ เขาสามารถแยกแยะได้ว่ากลิ่นเฉพาะแบบนี้ลอยมาจากภายในอาคาร แต่ใครกันล่ะที่จะใช้ตัวทำปฏิกิริยาแบบโบราณภายในอาคารที่ถูกทิ้งร้างเช่นนี้?

ซิลลินติดตามกลิ่นที่แปลกประหลาดนั้นไป และพบท่อที่มีความกว้างเท่ากับนิ้วหัวแม่มืออยู่ท่ามกลางกองขยะ ถัดไปไม่ไกลเขาพบว่ามีส่วนอื่นๆของท่อที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายในกำแพงอีกด้วย.. ซึ่งมันได้ถูกซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ซิลลินเปิดไฟฉายขนาดกะทัดรัดเท่านิ้วหัวแม่มือ และส่องแสงสีฟ้าอ่อนลงบนกำแพง ทำให้เขาเห็นท่อที่ฝังอยู่ด้านหลังกำแพงได้อย่างชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่ได้ทำการตรวจสอบแล้ว ซิลลินก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น น่าสนใจมากจริงๆ.. โดยนอกเหนือไปจากท่อนี้แล้ว ซิลลินยังค้นพบอีกหลายสิ่ง ซึ่งพวกที่สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้ซ่อนมันไว้เป็นอย่างดี

ซิลลินเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น แม้ว่าทางเลือกที่ดีที่สุด คือการออกไปจากที่นี่ทันทีก็ตาม แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ซิลลินรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เขาค้นพบ สิ่งนั้นกระตุ้นความปรารถนาของเขาที่อยากจะค้นหาความจริง เขาเดินผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวหลายเส้นทาง บางครั้งเขาก็ต้องปีนผ่านช่องระบายอากาศ เมื่อมาถึงชั้นแรกของอาคาร เขาเปิดบานประตูที่ซ่อนอยู่ และพบกับทางเดินลับภายในนั้น เขาเดินไปยังบันไดแคบๆ เพื่อมุ่งหน้าลงไปยังทางเดินที่ทอดยาวลึกลงไปเรื่อยๆ..

สภาพแวดล้อมภายในนั้นเงียบสงบมาก แต่ก็ไม่ใช่ความเงียบที่น่าไว้วางใจนัก ซิลลินจึงระวังตัวมากเป็นพิเศษ เขารู้สึกได้ว่าไม่มีใครอยู่ใกล้กับจุดที่เขายืนอยู่ ดังนั้นซิลลินจึงส่องไฟฉายในมือไปข้างหน้า และเดินลึกเข้าไปในทางที่ทอดยาวต่อไป

เมื่อพบจำนวนท่อมากขึ้นเรื่อยๆ ซิลลินคิดว่าเป้าหมายที่เขาตามหาคงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว ซิลลินปิดไฟฉายแล้วหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อลดความตื่นเต้นที่มี แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งใดก็ตามที่อยู่ข้างหน้าเขา แต่สัญชาตญาณของเขาได้บอกว่าเส้นทางต่อจากนี้คงจะไม่ราบรื่นอย่างที่ผ่านมาแน่ ถึงแม้ว่าแบตเตอร์รี่ของไฟฉายจะสามารถใช้ต่อไปได้อีกเป็นสิบเมตร แต่เพื่อความปลอดภัย เขาคิดว่าควรจะปิดมันเอาไว้ก่อนจะดีกว่า

ความมืดได้แผ่ขยายไปในทุกที่ ซิลลินอาศัยลมที่พัดผ่านมาตามทางเดินแคบๆ ในการเดินทาง และหลบหลีกอุปสรรคระหว่างทาง ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาพื้นที่รอบๆ ตัวของเขาค่อยๆ ขยายตัวขึ้น และจำนวนแสงไฟขนาดเล็กที่ติดอยู่ตามทางเดินค่อยๆ ปรากฏให้เห็นชัดขึ้น ซิลลินสันนิษฐานว่าสถานที่แห่งนี้เคยมีมานานแล้ว ทั้งยังมีฝุ่นจับอยู่ด้านบนของแผงไฟเหล่านั้น แม้ว่าฝุ่นจะไม่หนามาก แต่อย่างน้อยก็คงไม่มีใครมาที่นี่เป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนแล้ว

เมื่อมองดูจุดสว่างบนผนัง ซิลลินเริ่มรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น ..มีบางอย่างในที่นี้ผิดปกติ บางอย่างผิดปกติจริงๆ! สถานที่แห่งนี้ดูคล้ายกับเป็นกับดัก! ... “กับดัก!!”

อันตรายที่กำลังย่างกรายเข้ามาทำให้ซิลลินหวาดวิตกมากขึ้น แทบไม่ต้องเสียเวลาคิด ซิลลินหันไปสำรวจรอบตัว และออกวิ่งทันที สัญชาตญาณนักล่าของเขาบอกว่า กำลังจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับเขาแน่นอนหากไม่รีบเผ่นออกไปจากที่แห่งนี้ซะตั้งแต่ตอนนี้

แต่แผ่นเหล็กหนาพิเศษได้เลื่อนลงมาจากเพดานตัดเส้นทางการหนีของเขา ในภาวะที่กำลังคับขัน ซิลลินนำดาบโลหะที่อยู่ในฝ่ามือตัดแผ่นเหล็กด้วยเลเซอร์ แต่เขาไม่ค่อยอยากใช้มันนักหรอกเพราะ.. ข้อแรกมันทำให้เค้าเสียเวลามาก ..ข้อสองพลังงานที่อยู่ในดาบเลเซอร์จะทำให้ตำแหน่งของเขาถูกเปิดเผยได้

ซิลลินมองไปทางด้านหน้า และรับรู้ได้ว่าต้องมีคนอยู่ตรงนั้นแน่นอน

ตึก.. ตึก.. ตึก..

เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ซิลลินมากขึ้นอย่างไม่มีเจตนาปกปิดแม้แต่น้อย

พรึ่บ~~...

แสงไฟถูกเปิดขึ้น ทางเดินที่เคยมืดกลับสว่างขึ้นในทันที

ซิลลินรู้สึกว่าดวงตาของเขาพร่ามัว และมองไม่เห็นไปชั่วขณะ จากแสงที่สว่างขึ้นมาแบบฉับพลัน นั่นทำให้เขาอ่อนแรงลง ผิดกับคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับซิลลิน ที่ดูเหมือนจะไม่รีบร้อนขณะที่รอให้ซิลลินฟื้นตัว

ชายผู้นั้นดูคล้ายกับชายชราคนหนึ่งที่ดูเหมือนกับเป็นต้นตระกูลของผู้ที่มีจีโนไทป์ลำดับ F เขามีร่างกายที่เล็กผอมดูอ่อนแอ ผิวสีน้ำตาลเหลือง และแขนเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นว่ามีอาการฝ่อของกล้ามเนื้อ ซิลลินไม่สามารถสบตากับชายชราได้โดยตรง เพราะชายชรานั้นสวมแว่นตาไว้ แต่กระนั้นชายชราผู้นี้ก็ทำให้เส้นขนทุกเส้นในร่างกายของซิลลินลุกชัน และรู้สึกสั่นเทาขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

ชายชราค่อยๆ เดินตามสบาย ก้าวเท้าช้าๆ เหมือนเดินเล่นในสวนสาธารณะไปทางที่ซิลลินล้มพับอยู่ ผู้ที่ได้รับชัยชนะครั้งแรกมักได้เปรียบเสมอ นี่คงเป็นประโยคที่เหมาะที่จะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้.. ซิลลิน รีบกระโดดขึ้นมาจากพื้น และชิ่งหนีในทันที โดยไม่คิดหันไปมองข้างหลังอีก นี้มันน่าทึ่งมากเลยทีเดียวเพราะความเร็วขณะหนีของซิลลินแทบจะเทียบได้กับมนุษย์จีโนไทป์ลำดับ D ได้เลย

เคร็ง !! เสียงโลหะกระทบพื้นดังขึ้น มือของชายชรากำด้ามดาบไว้อย่างแน่นหนามากจนมีหลอดเลือดแดงขึ้นเป็นแขนงเลยทีเดียว

พลังงานของดาบเลเซอร์มีปริมาณมากเกินไป และด้วยกฎหมายปัจจุบัน การเปิดเผยตัวของซิลลินเป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อเขาแน่ ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ซิลลินมักจะใช้อาวุธที่มีพลังทำลายต่ำในการฆ่าโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้

ซิลลินเข้าปะทะกับชายชรา แม้จะใช้ดาบโลหะผสมพิเศษของเขาเข้าโจมตีแล้วก็ยังทำอะไรชายชราไม่ได้ การโจมตีของเขาถูกบล็อก และเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก มันดูง่ายดายมากสำหรับชายชราผู้นี้ที่จะฆ่าซิลลินซะ!!

ประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านความเป็นความตายมาเป็นเวลาสามปีขณะที่เป็นนักล่า จิตใต้สำนึกของซิลลิน บอกกับเขาว่า.. นี่ไม่ใช่ศัตรูที่เขาจะสามารถเผชิญหน้าได้ มีเพียงคำเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวเขาตอนนี้คือ..หนี!!

แต่ก่อนที่ซิลลินจะพาร่างกายของเขาหนีออกไปจากที่แห่งนี้ได้ เขาได้รู้สึกถึงสายของโลหะรัดอยู่ที่ร่างกาย เมื่อเขามองหาต้นกำเนิดของสิ่งนี้ มันทำให้เขาตกใจมากเมื่อพบว่า สิ่งที่รัดอยู่ที่ร่างกายเขาอยู่มาจากนิ้วมือ 5 นิ้ว ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือ.. มันเป็นส่วนขยายของชายชราคนนี้ !!

นี่เขาเป็นมนุษย์? เครื่องจักร? มนุษย์กลายพันธุ์? หรืออะไรก็ตามที่เราไม่เคยรู้จัก? ..ชายชรานี้คือสิ่งใดกันแน่!

ซิลลินรู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับน้ำแข็ง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นของลมหายใจแห่งความตาย รูขุมขนทุกส่วนสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านมาจากชายชราคนนี้

ช่า~~~~

ดาบโลหะผสมในมือชายชราตรงเข้าบดขยี้ซิลลิน นิ้วผอมของชายชราจับที่คอของซิลลินแล้วยกเขาขึ้นจากพื้นดินเหมือนลูกเจี๊ยบ แขนขาทั้งสี่ของซิลลินถูกผูกไว้ แม้แต่เส้นเลือดที่คอก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น่ากลัวนี้

“ฮี่ฮี่.. แกมาได้ถูกจังหวะมากเจ้าหนูสกปรก” จากเสียงที่เปล่งออกมา ก็พอจะรู้ได้ว่าชายชรามีความสุขมากแค่ไหน เขาไม่รู้สึกร้อนใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปกับซิลลินเลยสักนิด

หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนธรรมดาทั่วไป พวกนั้นคงจะตายไปนานแล้ว แต่ซิลลินไม่ใช่ เขายังคงมีสติและมีกำลังเหลือพอที่จะคิดหาทางออกจากสถานการณ์ที่ย่ำแย่นี้ ..ชายชราจ้องมองมาที่ซิลลิน ทำให้เขารู้สึกพอใจมากยิ่งขึ้น

มีประตูซ่อนอยู่ใต้ประตูอีกที เมื่อประตูถูกเปิดออก ซิลลินก็ยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อก็ปรากฏว่ามีอีกสถานที่หนึ่งที่ถูกซ่อนอยู่ใต้เมืองแห่งนี้ !!

สถานที่นี้มันซับซ้อนมากกว่าที่ซิลลินคิดเอาไว้มาก ทั้งการป้องกัน และการปกปิดนั้นทำได้เป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นห้องลับนี้คงซ่อนอยู่ไม่ได้เป็นเวลาถึงสามสิบหรือห้าสิบปีโดยที่ไม่มีใครรู้เห็น หรือไม่ก็บางทีคนที่พบสถานที่แห่งนี้คงถูกฆ่าตายไปหมดแล้วก็ได้

ซิลลินมองไปทางด้านข้างของห้องที่เปิดอยู่ และพบกับร่างของผู้ชายหลายคนถูกใส่ไว้ในแท่งแก้วขนาดยักษ์ ดูจากลักษณะที่บิดเบี้ยวบนใบหน้าของพวกเขา ทำให้ซิลลินรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง คนเหล่านี้คงได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสอย่างมากก่อนที่จะเสียชีวิตเป็นแน่ หรือบางที.. ซิลลินอาจจะกลายเป็นเหมือนกับหนึ่งในพวกเขาในไม่ช้าก็ได้ แต่ชายชราก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าซิลลินในทันที ทั้งที่เขาสามารถทำได้ เขาไม่เพียงแต่ให้โอกาสซิลลินหลบหนี แต่ยังให้เวลาแก่ร่างกายซิลลินให้ฟื้นตัวด้วย

สำหรับเหตุผลที่ชายชราบอกว่าซิลลินมาถึงในเวลาที่เหมาะสม ก็เพราะซิลลินได้เดินเข้าไปในกับดักของเขา เช่นเดียวกับหนูตะเภาที่ไม่รู้ตัวว่าต่อจากนี้จะต้องตาย และถูกทิ้งไว้ในถังใส่น้ำก่อนที่จะทันรู้ตัวเสียอีก

ซิลลินถูกนำเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องมือหลายชนิด ที่โต๊ะมุมห้องนั้นถูกเติมเต็มด้วยกระป๋องและขวดมากมาย ก๊าซที่ซิลลินพบมันคาดว่าพวกนั้นคงสร้างก๊าซนี้ขึ้นมา ซึ่งมันเป็นสารละลายที่เอาไว้ใช้ในการทำให้ดีเอ็นเอบริสุทธิ์นั่นเอง

ในยุคนี้เวลานี้แทบจะไม่มีใครรู้จักวิธีการนี้แล้ว แต่ผู้คนสมัยก่อนจะรู้กันดีว่ามันเป็นวิธีการดั้งเดิมเพื่อทำให้ ดีเอ็นเอบริสุทธิ์ ซิลลินเคยทำการทดลองที่คล้ายกับแบบนี้มาก่อน แต่มันเป็นเพียงความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น และเขาเองก็ไม่ได้ทำวิจัยในเชิงลึกด้วย

แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เครื่องมือที่มีขนาดเท่าฝ่ามือนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตรวจสอบดีเอ็นเอ มันมีความรวดเร็ว แม่นยำ และยังสามารถทำการวิเคราะห์การทำงานของจีโนมได้ด้วย แต่เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ และอุปกรณ์ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องได้รับการจดทะเบียน ตรวจสอบภายใต้ชื่อของผู้เป็นเจ้าของ อุปกรณ์ทุกเครื่องนั้นมีหมายเลขทะเบียน, ชิพ และข้อมูลเชื่อมต่ออยู่ด้วย

ชายชราผู้นี้ได้ทำการทดลองผิดกฎหมาย เพื่อทำให้ดีเอ็นเอของตนเองบริสุทธิ์ แม้ว่านั้นจะเป็นการใช้ชีวิตใครต่อใครเข้าแลกก็ไม่สน นั่นจึงทำให้เขากลายเป็นที่ต้องการของทางการ แต่ไม่ว่าซิลลินจะทำร้ายชายชราอย่างไร ก็คงไม่สามารถหาข้อมูลใดๆ ที่ต้องการเกี่ยวกับชายชราได้ มีเพียงข้อมูลสองสิ่งที่อยู่ด้านบนของประกาศจับ คือหนึ่งรูปถ่าย สองคือรางวัลนำจับที่จะระบุตัวชายชราคนนี้ได้

แต่เนื่องจากห้องแล็ปนี้อยู่ใต้พื้นดิน และถูกปกคลุมด้วยธาตุที่มีคุณสมบัติทางเคมีเหมือนกัน พวกเครื่องมือเหล่านี้จึงไม่ถูกค้นพบโดยดวงตาแห่งท้องฟ้า แล้วชายชราคนนี้ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?

ชายชราวางซิลลินไว้บนโต๊ะลอยสีขาวและกดปุ่มบนจอควบคุม ทำให้ข้อมือ และแขนขาทั้งสี่ของซิลลินถูกรัดด้วยเหล็กคล้ายโซ่ที่ปรากฏขึ้นมาบนโต๊ะ พร้อมทั้งมีสายไฟบางๆ พุ่งทะลุผ่านเสื้อผ้าของเขา และเข้าสู่ร่างกายทันที ซิลลินกลายเป็นหนูตะเภาที่รอบตัวถูกเรียงรายไปด้วยแท่งหลอดบางๆ นับไม่ถ้วน ด้านหนึ่งเต็มไปด้วยแท่งหลอดสีแดง และอีกด้านเป็นแท่งหลอดสีฟ้า พร้อมทั้งตัวเลขที่แสดงบนหน้าจอควบคุมได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ซิลลินที่นอนอยู่บนโต๊ะลอยสีขาวขยับร่างกายไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว ชายชราจึงได้ฉีดของเหลวที่เป็นน้ำ และของเหลวที่มีความเย็นสูงลงบนร่างกายของซิลลิน หลังจากนั้นเขาก็กลับไปอยู่ด้านหลังหน้าจอควบคุม แล้วกดปุ่มบนนั้นอย่างรวดเร็ว เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลที่มีอยู่

ซึ่งความเจ็บปวดที่น่ากลัวนี้ได้ซึมลึกไปถึงกระดูก มือของซิลลินกำลังสั่น เลือดทุกหยดในร่างกายไหลเวียนผิดปกติ เส้นประสาท และจิตวิญญาณของเขาถูกทำลายเกือบในทันที แต่หลังจากนั้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซิลลินก็พยายามรวบรวมสติสัมปชัญญะกลับมาทีละเล็กละน้อย ก่อนที่ซิลลินจะกลายเป็นเหมือนกับตัวอย่างทดลองที่เขาเห็นก่อนเข้ามาในห้องแล็ปนี้

สารเหนียวที่คล้ายกับของเหลวเหล่านี้เป็นสารชีวเคมีพิเศษ บางส่วนของมันมีลักษณะคล้ายกับแมลงขนาดเล็ก ซึ่งมันสามารถเข้าไปรวมกับโครโมโซมของร่างกายมนุษย์ได้ ขณะเดียวกันก็ทำการแบ่งแยก และเลียนแบบโครโมโซมของมนุษย์ได้อีกด้วย

โดยหน้าที่หลักของหลอดสีแดงคือการเหนี่ยวนำเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนสภาพของวัตถุ ในเวลาเดียวกันก็เร่งการเผาผลาญของมนุษย์เพื่อเร่งการแบ่งเซลล์ ในทางกลับกันหลอดสีฟ้าก็ควบคุมกระบวนการตายของเซลล์ เพื่อฆ่าเซลล์ที่ไม่สามารถรักษาได้

ชายชรามองดูเข็มบนหน้าจอควบคุม และหัวเราะออกมา ชายชรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็หมุนลูกบิดในมือสิบองศาตามเข็มนาฬิกา สำหรับทุกสิบองศาอัตราการเหนี่ยวนำเพื่อเปลี่ยนสภาพของวัตถุจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ และอัตราการเปิดใช้งานของชิพก็จะเพิ่มขึ้นด้วย โดยบริเวณฮิปโปแคมปัสในส่วน ซีรีบรัมของสมอง มีโครโมโซมความถี่ที่สื่อสารระหว่างเซลล์ ที่แสดงในรูปแบบข้อมูล เป็นการแสดงผลแบบกระพริบซ้ำๆ เส้นประสาทของซิลลินถูกทำลายอีกครั้งด้วยคลื่นความเจ็บปวดที่มากยิ่งกว่าเดิม ทำให้เขาต้องพยายามรวบรวมสติให้กลับมาอีกครั้ง

“ไม่เลว.. ไม่เลวเลยจริงๆ ไม่คิดว่าจีโนไทป์ของยีน F จะสามารถมาไกลได้ขนาดนี้” ชายชราเริ่มพูดกับตัวเองขณะที่มองดูลูกบิดในมือที่หันมาร้อยแปดสิบองศา คำพูดที่ดูไม่แสดงอารมณ์ทุกข์ร้อนของเขาได้ทรยศต่อความตื่นเต้นที่ชัดเจนบนใบหน้าของเขาเป็นอย่างมาก

การที่ลูกบิดหมุนร้อยแปดสิบองศา หมายความว่า ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของชิพได้เปิดการใช้งานแล้ว แต่คนที่ถูกทดลองนี้ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ตัวเลขที่กระพริบบนหน้าจอทำให้เสียงของชายชราที่เปล่งออกมาแฝงด้วยความสั่นเครือ เพราะในอดีตหนูทดลองที่สามารถทนได้เกินกว่าร้อยแปดสิบองศามีไม่ถึงครึ่งของจำนวนทดลองทั้งหมด หมายความว่าความทนทานทางกายภาพของมนุษย์ยีน F ผู้นี้สามารถเทียบเท่าได้กับระดับของมนุษย์ยีน D เลยทีเดียว

แต่เขาจะมีชีวิตได้อีกนานแค่ไหน? ทุกครั้งที่ชายชราหมุนเพิ่มไปอีกสิบองศา ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาก็ยิ่งทำให้ชายชราตื่นเต้นปนไม่อยากเชื่อไปด้วย ชายชราทำการทดลองต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่าซิลลินจะมีชีวิตรอดหรือไม่

ซิลลินทำได้เพียงพยายามรวบรวมสติ และมองหาโอกาสที่จะหลบหนีไปให้พ้นจากความเจ็บปวดที่แสนสาหัสในครั้งนี้ให้ได้..

รีวิวผู้อ่าน