px

เรื่อง : Star Rank Hunter
Chapter 4 ความลับของเจนญ่า


ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ภายในหัวของซิลลิน กระพริบข้ามผ่านความฝันของเขา และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในร่างกายของเขา.. สองวันต่อมาเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ซิลลินไม่ได้ไปที่ร้านของเดวอน แต่กลับตรงไปที่บ้านของเจนญ่าที่เป็นเจ้านายของเขา

เจนญ่าคือคนที่เก็บซิลลินมาเลี้ยงจากป่าทางด้านตะวันตกของเมือง ในเวลานั้นเนื่องจากการแผ่รังสีที่มีพลังงานสูงจากเปลวไฟของดวงอาทิตย์ที่ผิดปกติ ทำให้พืชพรรณและธัญญาหารของดาวเคราะห์ในบริเวณใกล้เคียงเกิดการสูญพันธุ์ ราคาอาหารก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นถือเป็นหายนะที่ร้ายแรงสำหรับคนยากคนจนเลยก็ว่าได้ หลายคนขาดอาหารและหิวโหยจนตาย อีกทั้งยังมีเด็กที่ครอบครัวไม่สามารถเลี้ยงดูไหว ถูกนำไปขายให้กับคนร่ำรวยในเมือง ซิลลินก็เป็นหนึ่งในเด็กที่ถูกนำไปขาย แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังขายไม่ได้ อีกทั้งในวันนั้นเกิดการโต้เถียงกันในป่าทางทิศตะวันตก เนื่องมาจากปัญหาการขาดแคลนอาหารและเมื่อเจนญ่าไปถึงที่นั่น ทุกคนได้เสียชีวิตหมดแล้ว มีเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ก็คือซิลลินที่ถูกห่อไว้ด้วยเสื้อผ้าและถูกนำไปวางไว้ในโพรงของต้นไม้

แม้เจนญ่าจะเป็นเพียงยีนลำดับ F แต่เขาก็ยังมีสามารถต่อสู้ได้ดีกว่ายีนลำดับ D หลายคน เจนญ่าสอนซิลลินให้ฝึกแบบคิเนซิโอโลยี[1] หรือแบบวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว ซึ่งเจนญ่าเคยพูดไว้ว่า การฝึกซ้อมชุดนี้ได้ถูกดัดแปลงมาจากเทคนิคศิลปะการต่อสู้อย่างแท้จริง แต่เจนญ่าได้ทำการปรับปรุงหลักสูตรและทำให้มันมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ขจัดในส่วนที่รุนแรงออกไป แล้วนำมาสอนให้แก่ซิลลิน ซึ่งหลังจากผ่านการฝึกปฏิบัติจริงซิลลินก็สามารถเรียนรู้ถึงหลักสูตรที่ถูกเจนญ่าตัดออกไปได้

เจนญ่าเสียชีวิตไปเมื่อซิลลินอายุได้สิบสองปี ไม่มีใครรู้ว่าเจนญ่าคือเจ้านายของซิลลิน รู้เพียงแค่ว่าเจ้านายของซิลลินไม่ใช่คนธรรมดา ส่วนข้อมูลอื่นนั้นยังคงเป็นความลับ ในทุกๆ เดือนซิลลินจะเข้ามาที่บ้านของเจนญ่าและทำความสะอาด จัดข้าวของภายในบ้าน เพื่อไม่ให้บ้านดูทรุดโทรม ทุกครั้งที่เขาได้กลับมาที่บ้านหลังนี้มันทำให้เขาคิดถึงเจนญ่า คิดถึงชีวิตที่เรียบง่าย สงบสุข แม้จะไม่ต้องมีเงินทองมากมาย ไม่ต้องมีชีวิตที่หรูหรา แต่เป็นชีวิตที่แสนธรรมดาแล้วเขาก็มีความสุขและเต็มใจที่จะใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ ในพื้นที่ที่ยากจนนี้ เหมือนที่เจนญ่าเคยรู้สึก

มีต้นไม้ขนาดใหญ่สูงกว่ายี่สิบเมตรที่สนามหลังบ้านแห่งนี้ กิ่งก้านของมันแผ่ขยายกว้างใหญ่พอจะครอบคลุมไปกว่าครึ่งสนาม ซึ่งเจนญ่าเคยกล่าวไว้ว่า อาจมีต้นไม้ที่เป็นเช่นนี้เพียงต้นเดียวในกาแลคซีทั้งหมดก็เป็นได้ ซิลลินเดินไปใกล้กับต้นไม้ แล้วเอามือจับจี้คริสตัลที่แขวนไว้รอบคอของเขา พร้อมกับพูดว่า “เจนญ่า.. เฮน่า.. ฉันกลับมาแล้วนะ..” ในชีวิตของซิลลินแค่มีเพียงเจนญ่าและเฮน่า แต่พวกเขาก็ได้จากไปแล้ว แม้ว่าซิลลินจะได้ทำงานกับเดวอน แต่เดวอนก็ไม่ได้สำคัญกับเขาถึงขนาดนั้น อีกทั้งเดวอนเองก็ออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขาเองแล้วด้วย

ซิลลินนั่งเอนหลังพิงลงกับต้นไม้ แสงแดดส่องลงมาจากด้านบนผ่านกิ่งก้านใบไม้ที่ปกคลุมอยู่ แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกถึงอุณหภูมิที่แสนร้อนแรงของแสงอาทิตย์เลย “มันก็แค่กลับมาเป็นฉันอีกครั้ง..”

ซิลลินยกแขนขึ้น ซิลลินมองไปที่แขนของเขา ด้านนอกอาจดูคล้ายกับก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขาสามารถเจาะแผ่นเหล็กหนาสิบเซนติเมตรได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับชายชราบ้าคลั่งที่ได้บดขยี้ดาบโลหะผสมของเขาให้แหลกไปได้อย่างง่ายดาย ซิลลินไม่ได้จดจำข้อมูลไว้ในหัวเขาเฉพาะแค่ข้อมูลพื้นฐาน เช่น การควบคุมกล้ามเนื้อร่างกายของเขา หรือการกระตุ้นยีนของเขาเพียงเท่านั้น แต่เขาจดจำทุกๆ อย่างได้เพียงแค่เห็นเพียงแวบเดียว รวมทั้งข้อมูลการทดลองจากเครื่องทดลองของชายชราด้วย นี่เป็นเหมือนของขวัญที่มีค่ามากที่ซิลลินได้มาจากการทดลองฉีดชีพเข้าไปในร่างกายของเขา ทำให้จีโนไทป์ของเขาในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอยู่ที่ระดับ B แล้ว

โดยก่อนที่เจนญ่าหลับไปตลอดกาล เขาเคยกล่าวกับซิลลินว่า ถ้าวันหนึ่งซิลลินสามารถอัพเกรดจีโนไทป์ของเขาให้เป็น C ได้แล้วล่ะก็ เขาก็สามารถเปิดดูกล่องที่อยู่ข้างในห้องของเจนญ่าได้ แต่ถ้าเขาไม่สามารถทำได้ก็ไม่ควรที่จะเปิดมัน เมื่อคิดขึ้นได้ซิลลินก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องของเจนญ่าและเปิดประตูตู้ออก ซึ่งภายในมีกล่องที่ทำด้วยไม้วางนิ่งอยู่ โดยมีแผ่นฟิล์มที่มองไม่เห็นป้องกันกล่องเล็กๆ เอาไว้ มันใช้ในการประเมินลำดับยีนของบุคคล ซึ่งซิลลินเคยเฉียดไปเห็นครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่เขายังมีแค่ยีนอันดับ F เท่านั้น

เขาวางมือลงบนฟิล์มที่มองไม่เห็นอีกครั้ง และมีรังสีบางๆ ค่อยๆ แผ่กระจายออกไปโดยรอบ จนค่อยๆ หายไป ซิลลินหยิบกล่องขึ้นมา โดยคีย์การด์ในเปิดใช้งานก็คือข้อมูลทางพันธุ์กรรมที่เป็นรหัสผ่านภายในจีโนม และดีเอ็นเอของซิลลินนั่นเอง

ปัง-

แล้วกล่องก็ได้เปิดออก.. ปรากฏเป็นภาพโฮโลแกรมของเจนญ่าขึ้น แม้ว่าจะมีขนาดแค่ฝ่ามือ แต่ก็เห็นได้ชัดอย่างไม่น่าเชื่อ

“ซิลลิน หากแกสามารถเปิดกล่องนี้ได้ นั่นหมายความว่าไม่เพียงจีโนไทป์ของแกจะมีอันดับ C เท่านั้น แต่อายุไขของแกเองก็อยู่ได้ไม่เกินห้าสิบปีด้วย” คิ้วของซิลลินขยับขึ้นด้วยความสงสัย เขาไม่รู้ว่าเจนญ่าได้กำหนดขีดจำกัดอายุของเขาเอาไว้แล้วด้วย

“ซิลลิน ถ้าแกวางแผนที่จะสำรวจจักรวาลแล้วล่ะก็ จงทำต่อไปอย่างที่แกตั้งใจ ไม่เช่นนั้นแกก็ควรปิดกล่องนี้ไป และไม่เปิดมันขึ้นมาอีกต่อไป.. นี่เป็นคำสั่งของฉันที่เป็นเจ้านายของแก!!” ซิลลินไม่ได้ขยับออกจากตำแหน่งที่เขายีนอยู่ หลังจากนั้นสักครู่หนึ่งโฮโลแกรมของเจนญ่าก็กระพริบหนึ่งครั้งก่อนที่เครื่องจะทำการล้างข้อมูล

“ถ้าแกได้ตัดสินใจเลือกที่จะสำรวจจักรวาลแล้ว ให้นำแหวนในกล่องติดตัวไปด้วย ถ้าวันใดแหวนมีปฏิกิริยา โปรดส่งฉันกลับบ้านด้วย..” คงเหมือนโกหกถ้าซิลลินจะบอกว่าเขาไม่ได้ตกใจที่ได้ยินเสียงเจนญ่าจากแหวน แล้วแหวนนี้ก็เป็นของจริงด้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ดาวเคราะห์ที่ซิลลินอยู่จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีแบบนี้ได้ และคงจะมีแค่คนที่ร่ำรวยที่สุดในพื้นที่ใจกลางเมืองเท่านั้นที่จะสามารถจ่ายเงินเพื่อซื้อแหวนเทคโนโลยีสูงที่เป็นของหรูหราฟุ่มเฟือยเช่นนี้ได้ นี่มันแปลกมากที่คนแบบเจนญ่ามีมันไว้ในครอบครอง ยิ่งเจนญ่าพูดมากเท่าไร ซิลลินก็ยิ่งรู้สึกว่าเจนญ่ามีอะไรที่พิเศษยิ่งกว่าที่ซิลลินเคยรู้

“ต้นไม้ในสวนหลังบ้านเรียกว่าต้นฟูจิ และสัญลักษณ์ประจำตระกูลฉันก็คือใบฟูจิ ต้นฟูจินี้เป็นต้นไม้เก่าแก่ของครอบครัว” เมื่อตอนเจนญ่าเป็นเด็กเขาได้มีโอกาสเดินทางไปกับยานอวกาศของครอบครัว และเข้าไปใน ‘โซนปีศาจ’โดยบังเอิญ แล้วที่นั่นก็ปรากฏรูหนอนหรือเรียกอีกชื่อว่าวอร์มโฮลขึ้นมา แล้วดูดยานอวกาศของครอบครัวเจนญ่าเข้าไปภายใน ยานอวกาศถูกบีบอัดจนเสียหายอย่างมาก แต่โชคยังดีที่ยานอวกาศมีพลังงานเพียงพอที่มันได้นำเขามายังจักรวาลที่ไม่คุ้นเคยนี้ได้ ขณะนี้เขาได้เดินทางมาถึงดาวเคราะห์สีน้ำตาล X-C362 แล้ว และแม้ว่าเจนญ่าจะไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมด แต่ซิลลินก็พอที่จะคาดเดาได้บางส่วน

“ก่อนที่จะมีเสียงเรียกจากแหวน แกต้องไม่พูดถึงครอบครัวของฉัน หรือต้นฟูจิเก่าแก่ให้ใครฟังเด็ดขาด” เมื่อพูดจบภาพโฮโลแกรมก็หายไป และกลับไปเป็นแหวนไม้ดังเดิม แต่แหวนนั้นมีขนาดใหญ่เล็กน้อย ซิลลินจึงสวมมันไว้ที่นิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย แล้วแหวนก็เปล่งแสงสีเขียวออกมา และติดแน่นไปกับผิวหนังของเขา มันไม่ได้มีลักษณะเหมือนกับแหวนอีกต่อไปแต่แปรสภาพไปเป็นรอยสัก ซึ่งเป็นรอยสักที่เขาไม่สามารถดึงหรือถูออกไปได้ แม้ว่าเขาจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม

นี่มันบ้าชัดๆ ..ถ้าฉันรู้เรื่องนี้ก่อนนะ ฉันจะไม่ใส่มันลงบนนิ้วหัวแม่มือของฉันแน่! ใครที่ไหนจะไปสักบนนิ้วหัวแม่มือของพวกเขากัน?!

จากคำแนะนำของเจนญ่า ซิลลินกำลังขุดโลงศพที่ถูกฝังอยู่ใต้ต้นฟูจิในสวนหลังบ้าน พวกเขาไม่ได้เผาศพของเจนญ่าในปีที่เจนญ่าเสียชีวิต เพราะเป็นความต้องการของเจนญ่า ที่หลังจากเขาเสียชีวิตให้นำเขาไปไว้ในโลงศพที่ทำจากไม้ต้นฟูจิ และฝังไว้ที่ใต้ต้นฟูจิประจำครอบครัว ซึ่งมีเพียงซิลลินและเฮน่าเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อซิลลินขุดเจอโลงศพแล้ว เขาก็ใช้นิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายแตะไปที่โลงศพ ทันใดนั้นก็มีแสงสีเขียวเปล่งกระกายออกมาจากแหวน และดูดเอาโลงศพเข้าไปในแหวน ซิลลินสามารถรู้สึกถึงตำแหน่งของโลงศพได้ภายในแหวน แล้วเขายังรู้สึกได้อีกด้วยว่ายังมีช่องว่างขนาดใหญ่เหลือมากพอที่เขาจะนำสัมภาระใส่เข้าไปภายในแหวน เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไกลต่อจากนี้ด้วย

หลังจากที่เขาเตรียมสัมภาระสำหรับเดินทางทุกอย่างไว้ในสนามหลังบ้านเสร็จแล้ว ซิลลินก็จูบจี้ที่ห้อยคอเบาๆ แล้วมองไปยังรอยสักที่หัวแม่มือข้างซ้ายและยิ้มออกมา

“พวกเราสามคนจะไปผจญภัยกันนะ!”

วิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว หรือ คิเนซิโอโลยี (Kinesiology) หมายถึง การนำเอาความรู้เกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์และกลศาสตร์มาใช้วิเคราะห์การเคลื่อนไหวด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬาหรือการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันเพื่อปรับปรุงให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

รีวิวผู้อ่าน