px

เรื่อง : Star Rank Hunter
Chapter 7 โจรกรรม


ห้องโดยสารบนยานลำนี้เป็นแบบที่นั่งสามที่ติดกัน ดิแอสนั่งอยู่ทางด้านขวามือของซิลลิน ส่วนด้านซ้ายเป็นเด็กหนุ่มที่มีอายุใกล้เคียงกับเขา เด็กหนุ่มที่นั่งข้างซิลลินดูกระวนกระวายใจ และผุดลุกผุดนั่งอยู่ตรงที่นั่งของเขาตลอดเวลา แล้วเขาก็เหลือบมาเห็นว่าซิลลินกำลังขมวดคิ้วและมองมาที่เขา เด็กหนุ่มจึงยิ้มให้ซิลลินเล็กน้อยและพูดว่า “พี่ชาย.. ไม่ต้องกังวลนะ เส้นทางการบินของสเปซไลเนอร์ จากดาวเคราะห์ X-C100 จะถึงจุดหมายปลายทางอย่างแน่นอนฮ่ะ เที่ยวบินนี้มีความปลอดภัยมาก โอกาสที่จะเจอกับความผิดปกติของสนามแม่เหล็กมีน้อยกว่า 0.01% และโอกาสที่จะเจอกับโจรสลัดอวกาศก็ยิ่งแล้วใหญ่ แทบจะไม่มีเลย นอกจากนี้เที่ยวบินจากดาวเคราะห์ X-C100 ก็ยังได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายพิเศษอีกด้วย..” ซิลลินสังเกตเห็นว่าที่ดิแอสทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ร้อยยิ้มของเขาให้ความรู้สึกเหมือนกำลังก่นด่าเด็กหนุ่มคนนี้ด้วยความหมั่นไส้อยู่

 

เมื่อยานอวกาศกำลังเข้าสู่ระบบวาร์ป บทสนทนาต่างๆ ภายในห้องพักผู้โดยสารก็เริ่มเงียบลง ขณะเดียวกันซิลลินก็ดึงผ้าห่มมาปิดตาและเริ่มนอนหลับในที่สุด ..ดิแอสรู้สึกขำขันอย่างมากขณะที่กำลังเฝ้าดูปฏิกิริยาของซิลลินและเด็กชายตัวน้อยที่กำลังหลับสนิทอยู่ แต่สิ่งที่ดิแอสยังไม่รู้ก็คือ นี่เป็นครั้งแรกที่ซิลลินนอนหลับในระหว่างการเดินทาง แม้ว่าเขากำลังนอนหลับอยู่ แต่ขนทุกเส้นบนร่างกายก็กำลังทำหน้าที่ระแวดระวังภัยรอบๆ ตัว และพร้อมฆ่าได้ทุกเมื่อหากซิลลินต้องเผชิญกับอันตรายตรงหน้า

 

อย่างไรก็ตามซิลลินหลับไปได้เพียงไม่นานก็ต้องตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน เพราะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น“เกิดการแทรกแซงของสนามแม่เหล็กที่มีผลต่อการควบคุมยานอวกาศ และเครื่องยนต์เกิดการทำงานผิดปกติ ทางเราไม่สามารถควบคุมระบบได้ ยานลำนี้กำลังจะออกจากการวาร์ป” เสียงกัปตันยานอวกาศสเปซไลเนอร์ดังขึ้นทั่วทั้งห้องผู้โดยสาร ดิแอสได้ทำการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “นี่อาจเป็นเพราะถูกแทรกแซงจากภายนอก หากการคาดเดาของฉันถูกต้องละก็.. เรากำลังเข้าไปติดกับของพวกโจรสลัดอวกาศอย่างแน่นอน” เมื่อเด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆ ซิลลินได้ยินคำว่า เกิดการแทรกแซงของสนามแม่เหล็ก และเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ นั่นมันทำให้เขากลัวมากจนหน้าซีดเผือด และยิ่งได้ยินคำว่า“โจรสลัด”จากดิแอส เขาก็ตกใจจนถึงขนาดเป็นลมไปเลยทีเดียว

 

ดิแอสไม่ได้พูดเสียงดังมากนัก ซึ่งมีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่ได้ยินในสิ่งที่ดิแอสสันนิษฐาน แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้อาการตื่นตระหนกและหวาดกลัวได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งห้องโดยสาร ผู้โดยสารคนอื่นๆ ตกอยู่ในความหวาดกลัว ทุกคนต่างก็คิดและตั้งสมมติฐานของตัวเองขึ้นมาต่างๆ นาๆ

 

หลังจากนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง มีเสียงฟ้าฟาดดังอึกทึกกึกก้องไปทั่วทั้งลำ

“ขอโทษทีนะ..ผู้โดยสารที่น่ารักทุกคน ตอนนี้ยานอวกาศลำนี้ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเราแล้ว หากไม่อยากตายล่ะก็โปรดนั่งอยู่เฉยๆ ในที่นั่งของคุณ พวกเรามีอาวุธครบมือ ดังนั้นจงเชื่อฟังในสิ่งที่เราสั่งซะ โอ้..และมีสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกคือฉันเป็นพวกไม่ชอบเสียงดัง เพราะฉะนั้นหากใครกรีดร้องเสียงดังแล้วล่ะก็ คุณอาจได้กลายเป็นหนึ่งในขยะอวกาศก็ได้..เข้าใจใช่ไหม!!” นั่นมันคือโจรสลัดอวกาศนี่!! หลังจากจบเสียงประกาศกึ่งข่มขู่ ทำให้ในตอนนี้ทั่วทั้งห้องโดยสารเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย และเสียงสะอื้นร้องไห้ของผู้โดยสารที่เดินทางมากับยานอวกาศลำนี้

 

ซิลลินได้วิเคราะห์สถานการณ์ขึ้นในหัวอย่างเงียบๆ.. ถ้าโจรสลัดพวกนี้ถึงขั้นกล้าปล้นยานอวกาศ X-C100 นั่นก็หมายความว่าคงต้องวางแผนมาแล้วเป็นอย่างดี เพราะพวกนั้นสามารถหลีกเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยมาได้โดยไม่ถูกจับ แสดงว่ามีโอกาสถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะมีหนอนบ่อนไส้อยู่บนยานลำนี้มาเป็นเวลานานแล้ว นอกจากนี้กฎหมายการคุ้มครองผู้โดยสารที่เดินทางด้วยยานอวกาสสเปซไลเนอร์ ที่หากถูกโจมตีหรือถูกฆ่าขณะเดินทาง พวกที่กระทำการนั้นจะต้องถูกทางการทหารไล่ล่าอย่างไร้ความปราณี แต่หลังจากพิจารณาจากเสียงและพฤติกรรมของพวกโจรสลัดในตอนนี้ แสดงให้เห็นว่าพวกนั้นไม่ได้วางแผนที่จะสังหารผู้คนบนยานอวกาศลำนี้แต่อย่างใด และพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยบนยานก็คงแค่ถูกมัดเอาไว้เท่านั้น แต่มันก็ไม่มีอะไรแน่นอน เพราะโจรยังไงก็ยังคงเป็นโจรวันยังค่ำ ใครจะรู้ว่าหากพวกนั้นเจอคนที่คิดต่อต้านขึ้นมา ก็อาจจะลงมือฆ่าในทันทีก็ได้..

ขณะเดียวกันซิลลินก็หันไปเห็นดิแอสที่นั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์อยู่ด้านข้าง ซึ่งซิลลินคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ต้องมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายที่แต่งตัวประหลาดที่นั่งอยู่ข้างเขาคนนี้อย่างแน่นอน ซิลลินติดอยู่ในภวังค์ความคิดแล้วถอนหายใจออกมา เขาอยากรู้ว่าผู้ชายที่มียีนลำดับ A คนนี้วางแผนอะไรเอาไว้กันแน่?

 

ไม่นานหลังจากนั้นประมาณสิบนาที ก็มีโจรสลัดสวมหน้ากากดูน่าเกลียดน่ากลัวพร้อมด้วยปืนที่ถืออยู่ในมือเดินตรงเข้าไปหาดิแอส เพียงเสี้ยววินาทีปืนนับสิบกระบอกก็ถูกชี้ไปทางดิแอสที่นั่งอยู่ "ลุกขึ้นและมากับเราซะ!" ดิแอสไม่ปฏิเสธคำเชิญของพวกโจรสลัด ทั้งยังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขากางแขนและนิ้วออก เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีเจตนาจะต่อต้านแต่อย่างใด

 

“โอ้ใช่แล้ว~~” ดิแอสพูดขึ้นมาหลังจากที่ลุกขึ้นยืน เขาหันไปทางซิลลินและพูดว่า “เฮ้น้องชาย.. ฝากดูแลอาหารของฉันด้วยนะ ในกล่องยังมีเบอร์ริโต้เหลืออยู่ฉันยังกินไม่ทันเสร็จเลย” หลังจบคำพูดของดิแอส คิ้วของซิลลินก็ขมวดเป็นปมหนักขึ้นกว่าเดิม บ้าเอ้ย!! นี่นายกับฉันรู้จักกันดีตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย? นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นว่ะ.. ฉันล่ะเบื่อจริงๆ มันใช่ปัญหาของฉันไหม? ฝากดูแลอาหารบ้าอะไร ตอนนี้มันใช่เวลาต้องมาห่วงเบอร์ริโต้ที่กินไม่หมดแล้วเหลือค้างไว้เกินครึ่งไหม?!?! ..อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ นายกำลังจะลากฉันไปเข้าเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยใช่ไหม !! และก็เป็นไปตามคาด..

คนที่ซิลลินคิดว่าเป็นผู้นำของกลุ่มโจรสลัด ได้ชี้ปืนของเขามาที่ซิลลิน “นำมันเข้ามาด้วยกัน!!” ซิลลินไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย..ดวงตาของดิแอสที่ซ่อนอยู่หลังแว่นกันแดดเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เหมือนหมาจิ้งจอกไม่มีผิด ขณะเดียวกันผู้โดยสารในห้องแทบจะไม่กล้าหายใจ เพราะกลัวว่าพวกโจรสลัดจะสังเกตเห็นพวกเขาไปด้วย

 

ปืนหลายสิบกระบอกถูกชี้มายังซิลลินและดิแอส แล้วนำตัวพวกเขาไปยังห้องควบคุม เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นกัปตันยานสเปซไลเนอร์และผู้ช่วยนอนหมดสติอยู่ตรงมุมห้อง นั่นทำให้ซิลลินมั่นใจว่าโจรพวกนี้คงไม่ได้มีเจนตนาที่จะฆ่าพวกเขาแน่ ..แต่อะไรกันล่ะคือสิ่งที่โจรสลัดพวกนี้ต้องการ?

“บอส..ให้เอาตัวพวกนี้เข้าไปเลยไหมครับ” เก้าอี้กัปตันค่อยๆ หมุนมาข้างหน้าเผยให้เห็นคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวนั้น เขาสวมหน้ากากแบบเดียวกับที่พวกโจรสลัดมีและในมือเขามีปืนหนึ่งกระบอก เขาไม่ได้มองหน้าของซิลลิน แต่กลับจ้องมองไปยังดิแอส พร้อมเปล่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแต่ทว่ามีอำนาจ “มันอยู่ที่ไหน?” พวกเขาค้นกระเป๋าเดินทางทั้งหมดที่ผู้โดยสารฝากไว้ในช่องสัมภาระ แต่ก็ไม่พบสิ่งที่กำลังตามหาอยู่ และดิแอสที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “นี่มันเกี่ยวกับฉันด้วยเหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนที่พวกโจรสลัดเรียกว่า “บอส” ก็พูดกลับมาอย่าเคร่งขรึมว่า “เอามันออกมาเดี๋ยวนี้!!” และอีกครั้งที่ปืนเกือบยี่สิบกระบอกถูกชี้ไปที่ ดิแอส ซึ่งหากเขาทำตัวตุกติกแม้แต่นิดเดียว เขาคงได้กลายเป็นศพแน่ ดิแอสยักไหล่ของเขาขึ้นทำเป็นไม่ทุกข์ร้อน “มีแค่ฉันเท่านั้นที่รู้ที่ซ่อนของสิ่งที่แกตามหา ถ้าฉันกลายเป็นศพไปแล้วล่ะก็ แกเองจะไม่มีทางเจอสิ่งที่ตามหาไปจนตลอดชั่วชีวิตของแกแน่”

ขณะที่พูดดิแอสก็จับมือของเขาอีกครั้ง แหวนสีเงินเลื่อนออกจากแขนไปที่ข้อมือ เขาใช้นิ้วสัมผัสไปที่แหวน แล้วมันก็กลายไปเป็นสร้อยข้อมือกว้างประมาณสามเซนติเมตร นี่มันคือของที่พวกโจรสลัดตามหา.. แหวนวงนี้ประสิทธิภาพของมันดีมาก และมันมีค่ามากกว่ายานอวกาศทั้งลำซะอีก!! พวกโจรสลัดทุกคนก็รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงแม้จะทุกคนจะใส่หน้ากากอยู่ ซิลลินก็รู้สึกได้ว่านัยน์ตาของพวกนั้นเต็มไปด้วยความโลภแบบที่ปิดบังไม่มิด

 

ดิแอสหยิบกระเป๋าเอกสารสีดำขนาดใหญ่ขึ้นมา ซิลลินเคยเห็นกระเป๋าใบนี้มาก่อนที่ร้านอาหาร เขาไม่ได้สนใจมูลค่าของสิ่งที่อยู่ภายใน เพราะคิดว่ามันเห็นได้ชัดเจนเกินไป เขาไม่ได้คิดว่านี่จะเป็นเป้าหมายที่โจรสลัดต้องการ เขาตั้งใจทำมัน.. ดิแอสตั้งใจทำให้มันเป็นแบบนี้!! กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของซิลลิน เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น สุนัขจิ้งจอกอย่างดิแอส..ไม่มีทางที่เขาจะให้ในสิ่งที่พวกโจรสลัดต้องการไปง่ายๆ แน่

 

หลังจากหยิบของออกมา ดิแอสก็โยนมันตรงไปยังคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้กัปตัน ก่อนที่จะมีใครทันจับตัวเขา ไฟทั้งหมดภายในห้องควบคุมก็ปิดทันที บ้าเอ้ย!! ฉันรู้ว่าเขาจะทำแบบนี้! ก่อนที่ไฟในห้องควบคุมจะดับ ซิลลินสังเกตเห็นแสงจากสร้อยข้อมือของดิแอส ขณะเดียวกันนั้นก็มีเสียงแปลกๆ ดังออกมา คนส่วนใหญ่ไม่ได้สังเกตมัน แต่ชิพภายในร่างกายของซิลลินสามารถสัมผัสได้ สัญชาติญาณของเขาบอกว่า รีบหนีออกไปจากที่นี่ซะ!! ตามที่คาดไว้.. เสียงปีนดังขึ้นท่ามกลางความมืด มีประกายไฟบินวิบวับไปทั่วทุกแห่ง ดิแอสกำลังโจมตี!!..

 

ซิลลินไม่จำเป็นต้องใส่แว่นปรับสายตาขณะอยู่ในที่มืดเลยด้วยซ้ำ เพราะสายตาของเขาสามารถปรับสมดุลได้โดยอัตโนมัติจากเซลล์เยื่อบุผิวคอลัมนาร์ที่เติบโตภายในเรตินา ขนาดรูม่านตาของเขาขยายกว้างถึง 90% ของพื้นที่ผิวในดวงตา แสงจากปืนเพียงนัดเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ซิลลินเห็นทุกอย่างภายในห้องควบคุมได้อย่างชัดเจน และไม่ต้องพูดถึงเลยเมื่อมีปืนจำนวนมากถูกยิงออกมาภายในเวลาเดียวกันเช่นนี้ สำหรับซิลลินมันเหมือนกับมีคนมาติดตั้งไฟสปอร์ตไลท์เอาไว้ภายในห้องก็ไม่ปาน

 

ดิแอสอาศัยความสามารถจากยีนลำดับ A ของเขา ในการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและโจมตีเป้าหมายอย่างแม่นยำ โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธใดๆ เลย เขาก็เลือกที่จะไม่ฆ่าพวกโจรสลัดกลับมัดพวกนั้นเอาไว้แทน แต่ซิลลินไม่เชื่อหรอก..ว่าคนอย่างดิแอสจะเป็นคนดีมีเมตตา จากมุมมองของนักล่า ชีวิตของพวกโจรสลัดคงมีค่ามากกว่าถ้าได้ตายไปแล้ว..

โจรสลัดคนหนึ่งนำไฟสำรองออกมา ถึงจะมีแสงไฟแล้วก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะจับดิแอส เพราะเขารวดเร็วมาก ซึ่งพวกโจรสลัดไม่ได้เตรียมตัวรับกับสถานการณ์เช่นนี้ไว้ พวกนั้นไม่คิดว่าห้องควบคุมจะเกิดไฟดับ เลยไม่ได้เตรียมแว่นตาอินฟราเรด หรือแว่นตาสแกนอิเล็กตรอนเอาไว้

การต่อสู้ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาที ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงเลยที่จะบอกว่าพวกโจรเหล่านี้แทบจะพ่ายแพ้อย่างหมดรูป เพราะความแตกต่างระหว่างความสามารถของพวกนั้นกับดิแอสมันต่างกันมากเกินไป และโจรสลัดที่เหลือรอดเป็นคนสุดท้ายฉลาดพอที่จะใช้ผู้ช่วยกัปตันที่อยู่ตรงหน้าเป็นตัวประกัน แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดเสียงอันแหบแห้งออกจากลำคอเขาก็กลายเป็นศพไปแล้ว แล้วเขาก็กลายเป็นเพียงศพเดียวที่อยู่ในห้องควบคุมแห่งนี้ “ฉันล่ะเกลียดจริงๆ.. ไอ้พวกที่ทำเป็นมาข่มขู่ฉันน่ะ” เสียงของดิแอสพูดออกมาอย่างเยือกเย็น ราวกับว่าเขากำลังทำเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ทำกันอยู่ทั่วไป

 

เมื่อการต่อสู้จบลง แสงไฟทั้งหมดในห้องควบคุมก็สว่างขึ้นอีกครั้ง แล้วสายตาของซิลลินก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ดิแอสไม่ได้มองซิลลินที่ยืนอยู่ข้างเขา ขณะที่เขากำลังดูหน้าจออยู่ หน้าจอขนาดใหญ่ฉายออกมา ก่อนที่พวกเขาจะเห็นเส้นพิกัดหลายพิกัดเริ่มเคลื่อนที่เร็วขึ้น เหมือนกับการเล่นเกมส์ล็อคเป้ายิง พวกนั้นก็คือโจรสลัดที่ยืนเฝ้าส่วนอื่นๆ ภายในยานอวกาศ ที่ตอนนี้กำลังวิ่งหนีเอาตัวรอดหลังจากตระหนักได้ว่าสถานการณ์ขณะนี้เริ่มไม่ดีแล้ว

 

เมื่อดิแอสทำการล็อคเป้าหมายแล้ว เขาก็ไม่ลังเลที่จะยิงลำแสงจรวดโฟตอนที่ติดตั้งอยู่บนยานลำนี้ใส่พวกโจรสลัดที่อยู่บนยาน มุมปากของซิลลินกระตุกขึ้นเล็กน้อย ซิลลินคิดว่าดิแอสรู้ได้อย่างไรว่ารหัสผ่านการใช้งานจรวดลำแสงโฟตอนคืออะไร? ทำไมถึงสามารถเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วขนาดนี้? การระเบิดที่สว่างไสวเป็นเปลวเพลิง เกิดขึ้นต่อเนื่องกันหลายต่อหลายครั้ง และในไม่ช้าพวกโจรสลัดที่เหลืออยู่ก็หลบหนีกระจัดกระจายกันออกไปจากยานลำนี้จนหมด

 

“เย้!!” ดิแอสร้องเพลงและเต้นออกมาด้วยความดีใจ เขาหยิบกระเป๋าเอกสารที่ตกลงบนพื้นขึ้นมาตรงหน้าซิลลิน และพูดว่า “ทีมรักษาความปลอดภัยจะมาถึงในไม่กี่นาทีนี้ โอ้..นี่มันไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ฉันจะพูดแบบนี้หรอกนะซิลลิน แต่นายควรที่จะแสดงอารมณ์อะไรสักหน่อยเมื่อนายเห็นโจรนะ นายควรจะแสดงสายตาหวาดกลัวจนฉี่แทบราดเมื่อนายถูกปากกระบอกปืนจ่อสิ ไม่ใช่มาทำตัวสงบนิ่งราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร เพราะท่าทางและการแสดงออกของผู้โดยสารทุกคนจะถูกบันทึกเอาไว้โดยกล้องรักษาความปลอดภัยของยานลำนี้ ถ้านายทำให้ตัวเองดูน่าสงสัย พวกทีมรักษาความปลอดภัยก็คงจะพานายกลับไปและสอบปากคำนายอย่างเลือดเย็นและไร้ความปราณีเลยล่ะ”

 

ซึ่งดิแอสจงใจเน้นเสียงตรงคำว่า“เลือดเย็น”เป็นพิเศษ ..ซิลลินเหลือบมองดิแอสเล็กน้อย “ก็นายตั้งใจที่จะมานั่งข้างฉัน และตั้งใจดึงฉันเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยไม่ใช่เหรอ?” ดิแอสหัวเราะออกมาน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อสันนิษฐานชองซิลลินแต่อย่างใด “นี่นายรู้รึเปล่า ว่าบริษัทของสายการบินและทีมรักษาความปลอดภัยจะให้ค่าชดเชยแก่ผู้โดยสารหากพบว่ามีการถูกโจรกรรม ถ้านายยินดีจะสละสิทธิ์ล่ะก็ คนอื่นก็จะได้ส่วนแบ่งค่าชดเชยมากขึ้นนะ~”

 

ซิลลินไม่รู้จะโต้เถียงกับผู้ชายกวนประสาทคนนี้ยังไง เลยเลือกที่จะไม่แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก..

รีวิวผู้อ่าน