217 วันที่แล้ว
salmonella remedies https://forums.dieviete.lv/profils/127605/forum/ restoration & remediation
เมื่อซิลลินเห็นกระดาษแผ่นนั้นเข้า ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง นี่มันกองกำลังนักล่า!! นี่คือสัญลักษณ์ของหนึ่งในสี่พันธมิตรกองกำลังนักล่าแห่งสหพันธ์กาแลกติก
กองกำลังนักล่าของพันธมิตรทหารรักษาการณ์ทั้งสี่ ต่างจากนักล่าคนอื่นๆ ที่ทำงานเพียงคนเดียวหรือทำเป็นกลุ่มเล็กๆ พวกเขามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือการค้นพบดาวเคราะห์ใหม่ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยและฐานที่มั่น รวมทั้งมีเหมืองแร่จำนวนมาก พวกเขาทั้งหมดไม่เคยแสดงตัวต่อสาธารณะ ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาอาจเป็นครอบครัวบางครอบครัว เป็นองค์กร เป็นเมืองใดเมืองหนึ่ง หรือแม้กระทั้งดาวเคราะห์ในกาแลคซีที่ไม่มีใครรู้จัก และพวกเขาก็มีอำนาจที่จะลงมือทำสิ่งใดก็ได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่นักล่าธรรมดาจะสามารถทำได้ สิ่งที่น่าพูดถึงก็คือข้อมูลของกองกำลังนักล่าของพันธมิตรทหารรักษาการณ์ทั้งสี่ เรื่องพวกเขาเคยได้ลงในนิตยสาร “กรอรี่”และ“โค้ด” ในหัวข้อ “ฮีโร่” ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีอิทธิพลมากมายขนาดไหน พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งยังต้องคอยระวังในอิทธิพลของพวกเขาอีกด้วย
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบวิ่งเข้ามาอย่างลุกลี้ลุกลน แต่เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องควบคุม และสังเกตเห็นใบหน้าที่มีสีดำคล้ายถ่านหินจับอยู่จนมองไม่ออกว่าเป็นใคร จึงขูดสีดำบางส่วนบนใบหน้าออก แล้วจ้องมองอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นใครบางคนข้ามขาเขาไปนั่งอยู่ในที่นั่งของกัปตัน และกัดผลไม้ดังกร๊อบๆ
“รายงานครับกัปตัน มีโจรทั้งหมาดยี่สิบสี่คนอยู่บนเรือ ยี่สิบสามเป็นลม และอีกหนึ่งคนเสียชีวิต ผู้โดยสารบางคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต เรากำลังอยู่ในระหว่างการปลอบขวัญพวกเขาอยู่...”
ขณะที่เขากำลังฟังรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา ใบหน้าของหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยก็กลายเป็นสีแดงเข้มขึ้น เขาแทบจะอยากรัดคอโจรพวกนั้นให้ตายคามือซะเลย ปล้นงั้นเหรอ? ทำไมพวกนั้นถึงกล้าทำแบบนั้นกับคนที่ไม่มีทางสู้ได้ หรือพวกนั้นมีสมองเท่าแค่สมองหมู? ถึงคิดอะไรไม่ได้ พวกนั้นทำเหมือนเล่นตลกกับเรา ทำเหมือนเราเป็นแค่เด็กสามขวบ ทีมรักษาความปลอดภัยต้องรายงานเรื่องพวกนี้ตั้งมากมายเท่าไร ที่สำคัญพวกเราได้พยายามจับโจรสลัดพวกนี้มานานแต่ก็ล้มเหลวอย่างน่าผิดหวัง แล้วทำไมวายร้ายพวกนี้ถึงมาในที่ที่ยากจนอย่างเขตการปกครอง X? ถ้าจะดูตามเหตุผลแล้วเขตการปกครอง X ไม่ได้มีความสำคัญ หรือเหมาะต่อการปล้นเลยสักนิดเดียว.. ยิ่งคิดมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยเครียดจนเห็นเป็นเส้นเลือดดำปูดขึ้นที่หน้าผาก ด้วยความโมโหเขาจึงยกเท้าขึ้นเตะลูกน้องที่อยู่ขวามือออกไปจากประตู จากพฤติกรรมนี้ทำให้ผู้ช่วยหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยดูไม่ค่อยพอใจ แม้ว่าเขาจะต้องการสอนบทเรียนให้แก่คนของตัวเอง แต่ก็ไม่ควรทำแบบนี้ต่อหน้าคนนอก เพราะมันเป็นการเผยพฤติกรรมที่น่ารังเกียจเปล่าๆ.. ดูเหมือนว่าทีมรักษาความปลอดภัยหลังจากที่กลับมาและต้องเขียนรายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ถูกผู้บังคับบัญชาตะโกนก่นด่าทำนองว่า “ทุกคนในทีมรักษาความปลอดภัยกินหญ้าเป็นอาหารรึไง?” “สมองของพวกคุณอายุเท่าไรกัน.. แค่โจรกระจอกแค่นี้ยังจัดการไม่ได้” “เห็นที่พวกผีดูดเลือดที่หิวกระหายทำกับที่แห่งนี้ไหม?” เมื่อคิดถึงคำพูดพวกนี้ ก็ทำให้หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเกิดฉุนขึ้นมาอีกรอบ จนกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
อย่างไรก็ตามหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยก็หันไปให้ความสนใจกับคนที่นั่งตรงเก้าอี้กัปตันอีกครั้ง “คุณคือดิแอส.. ผู้บัญชากองเรือรบ B ฝูงบินที่หกสินะ ผมพอเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณมาบ้าง” เนื่องจากซิลลินไม่ได้รู้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับผู้บัญชากองเรือรบ B ฝูงบินที่หก เขารู้จักแค่สี่ขุนพลชั้นยอดของนักล่าเท่านั้น นั้นแทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าดิแอสจะรู้สึกแปลกใจมากแค่ไหน เมื่อตอนเขาเปิดเผยชื่อให้ซิลลินรู้ แต่กลับพบแต่ความเงียบสงบที่ไร้ความตื่นเต้นใดๆ จากซิลลิน แต่ในตอนนี้ซิลลินกลับรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะดิแอสนั้นดูอายุน้อยเกินไปที่จะเป็นผู้บัญชาการกองกำลังทหารรักษาการณ์ กองเรือรบ B ฝูงบินที่หก เพราะเขาดูอายุมากกว่าซิลลินแค่ไม่ถึงสิบปีเท่านั้น อย่างไรซะดิแอสยังคงนั่งอาดๆ อยู่บนเก้าอี้ของกัปตัน แม้จะเห็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเดินไปหาเขา แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่คนอื่นจะรู้จักชื่อและภูมิหลังของเขา เขากลับยิ้มอย่างร่าเริงและพูดว่า “โอ้.. มีคนรู้จักฉันด้วยเหรอเนี่ย~~”
สมาชิกหน่วยรักษาความปลอดภัยบางคนมองไปยังกระดาษโน้ตที่ดิแอสติดไว้ มีใครบ้างในบรรดาคนที่ทำงานในหน่วยรักษาความปลอดภัยจะไม่รู้จัก“สัญลักษณ์รูปร่างกริชที่เป็นประกาศ”ฉบับนั้น? ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับกองเรือรบ B ฝูงบินที่หก พวกเขาทุกคนเพิ่งศึกษาเกี่ยวกับกิจกรรมของกองเรือรบ B ฝูงบินที่หกในช่วงไม่นานมานี้ และตอนนี้คนสำคัญของกองเรือรบ B ฝูงบินที่หกก็กำลังอยู่ในการดูแลคุ้มกันจากการถูกโจรกรรมในครั้งนี้อยู่
ดิแอสไม่ได้สนใจว่าหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยจะพูดกับเขาว่ายังไง และเริ่มพูดถึงสิ่งที่ต้องการทันที“ตามสัญญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว พวกนายจะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้ฉันเป็นเงินจำนวนมาก บิลวางอยู่ตรงนั้นแล้ว และหวังว่านายจะจ่ายให้ฉันได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ”
“แน่นอน..” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยกัดฟันพูดออกมา เขารู้สึกเจ็บปวดเพราะเงินประกันที่ดิแอสจะได้ไปเป็นเงินที่หักจากเงินเดือนของพวกเขา หลังจากที่มีใครจับพวกโจรได้ พวกนั้นจะได้เงินรางวัลไป นี่มันสำหรับพวกนักล่าชัดๆ
ณ ขณะนี้เครื่องรับและแสดงผลภายในห้องควบคุมเริ่มรวนขึ้นมา “มีสัญญาณถูกส่งเข้ามาครับ!” หนึ่งในสมาชิกของยานอวกาศได้ตะโกนขึ้นมา ทันใดนั้นก็มีเสียงเพลงที่มีจังหวะแข็งแรงดังขึ้นมา เสียงปืนใหญ่ที่หนักหน่วงหกเสียงดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง ในจังหวะที่มีการผสมผสานทำนองดนตรีได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ ทั้งข้อมูลและภาพทั้งหมดที่ถูกแสดงในหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ภายในห้องควบคุมก็เต้นไปตามจังหวะเดียวกัน กลุ่มคนที่มีปากเสียงกันต้องเงียบลงทันที แสดงให้เห็นถึงพลังที่น่าเกรงขามดูเหมือนจะผสานแม้กระทั้งจังหวะของหัวใจให้เต้นไปตามเสียงเพลงที่ได้ยิน ด้วยเสียงเพลงที่ดูมีพลังเหมือนกริชแทงทะลุทะลวงผ่านทุกสิ่งทุกอย่าง เสียงทำนองเพลงได้แทรกแซง และดูดกลืนสัญญาณทั้งหมดไป!
นี่เป็นครั้งแรกที่ซิลลินได้เจอกับเหตุการณ์นี้โดยตรง มันทำให้เขารู้สึกตื่นตกใจมาก เพราะในอดีตเขาเคยเห็น แล้วรับรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้จากโทรทัศน์และนิตยสารเท่านั้น เพลงที่เป็นเหมือนอินโทรของเหล่ากองกำลังทหารรักษาการณ์ มันเป็นคล้ายกับสัญลักษณ์ของแต่ละฝูงบินที่อยู่ภายใต้กองกำลังนักล่า โดยแต่ละกองกำลังจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย ซึ่งการเน้นเสียงหนักหกเสียง แสดงให้รู้ว่าพวกเขาเป็นกองกำลังทหารรักษาการณ์ ที่มาจากกองเรือรบ B ฝูงบินที่หก จากนั้นยานอวกาศเอ็นเตอร์ไพรส์ก็ปรากฏขึ้นแทบจะทันทีบนหน้าจอ และมีสัญลักษณ์เป็นลักษณะรูปกริชอยู่ด้านบนสุดของยาน ส่วนด้านข้างของกริชปรากฏเป็นหมายเลข “6” ..และนี่คือกองกำลังทหารรักษาการณ์ กองเรือรบ B ฝูงบินที่หก!!
“โอ้.. มีคนมารับฉันแล้ว.. ฉันจะไม่ได้นั่งบนเก้าอี้กัปตันแล้วเหรอ ว้า..เสียดายจัง” ดิแอสแสดงน้ำเสียงเหมือนเสียใจมากมาย แต่การแสดงออกของเขานี่สิช่างตรงข้ามกับน้ำเสียงเขาอย่างมาก บนหน้าจอของห้องควบคุมปรากฏใบหน้ายิ้มกว้างขึ้น “ท่านครับ.. จะให้ผมวาร์ปไปรับ หรือท่านจะมาด้วยตัวเองครับ” ซึ่งคำเดียวที่จะอธิบายถึงความรู้สึกของกลุ่มรักษาความปลอดภัยขณะนี้ได้คือโกรธเคืองอย่างมาก พวกเขาจ้องมองจนแทบจะกินเลือดเนื้อคนที่รับผิดชอบในการดูแลห้องควบคุมของยาน ทำให้ชายคนนั้นมองกลับมาอย่างหงอยๆ เพราะการถูกอีกฝ่ายแฮ็กข้อมูลและถูกควบคุมระยะไกลนั้นรวดเร็วมากจนเขาไม่สามารถป้องกันได้เลย แต่ขณะเดียวกันกองกำลังทหารรักษาการณ์ก็ต้องยับยั้งตัวเองไม่ให้ใช้โจมตีด้วยเช่นเดียวกัน
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า.. พวกเรากำลังจะวาร์ปไปเดี๋ยวนี้แหละ เตรียมที่สำหรับสองคนด้วยนะ ฉันจะแนะนำหนุ่มน้อยคนนี้ให้ทุกคนได้รู้จัก” นั่นทำให้ซิลลินรู้สึกไม่ค่อยดีกับเรื่องนี้เท่าใดนัก ดิแอสหันไปมองทางซิลลินหลังจากที่เขาตะโกนใส่หน้าจอไปเรียบร้อยแล้ว “เฮ้.. ซิลลินลองไปเยี่ยมเยียนดูยานอวกาศของพี่ชายมา..ฮ่าฮ่าฮ่า” หลังจากนั้นก็มีแสดงสีขาวทอดลงมาห่อหุ้มคนสองคน ก่อนที่ทั้งสองจะหายตัวไปจากห้องควบคุมของยานสเปซไลเนอร์ภายในพริบตา
หลังจากดิแอสและซิลลินจากไป การแสดงออกของหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยช่างดูมืดมน เขาพูดกับผู้รับดูแลห้องควบคุม “เรียกข้อมูลของพวกนั้นตอนที่อยู่บนยานสเปซไลเนอร์กลับมาให้ได้..เดี๋ยวนี้!!”
“เอ่อ.. เกี่ยวกับเรื่องนั้น ทุกๆข้อมูล ภาพและอื่นๆ ที่เกี่ยวกับทั้งสองคนถูกลบออกไปแล้วครับท่าน” ผู้ดูแลห้องควบคุมพูดด้วยน้ำเสียงติดขัด
“ไร้ประโยชน์จริงๆ ไม่ได้ดั่งใจเลย !!” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรียวกราดพร้อมกับทุบเก้าอี้ด้วยความโมโห และแม้ว่ากลุ่มคนบนยานสเปซไลเนอร์จะโค้งศีรษะให้เพื่อแสดงความเคารพต่อดิแอสหลังจากเขากลับยานเอ็นเตอร์ไพรส์ไปแต่ในใจกลับสาปแช่ง ..คนพวกนี้มาจากกลุ่มคนชั้นแนวหน้าของมนุษย์ มีวิธีไหนที่จะสามารถจัดการกับพวกนี้ได้บ้าง?
ในขณะเดียวกัน ที่ยานเรือรบของกองกำลังทหารรักษาการณ์ กองเรือรบ B ฝูงบินที่หก หลังจากที่ซิลลินถูกส่งไปยังยานเรือรบของกองเรือรบ B ฝูงบินที่หก เขาก็ต่อว่าดิแอสทันที “ฉันยังมีสัมภาระเหลืออยู่บนยานสเปซไลเนอร์อยู่เลยนะ แล้วนายพาฉันมานี่กระทันหันแบบนี้ได้ยังไง” ดิแอสไม่ได้สนใจในสิ่งที่ซิลลิน ต่อว่า พร้อมทั้งพูดอย่างไม่แยแส “สิ่งที่นายเก็บไว้ในตู้สัมภาระก็ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับนายไม่ใช่เหรอ”
ขณะที่ดิแอสกับซิลลินกำลังโต้เถียงกันอยู่ก็มีเสียงเรียกออกมาจากที่ไกลๆ “นายพล คุณกลับมาแล้ว!!” มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามารวดเร็วอย่างกับลมพัด แล้วก็มีชายสองคนเดินตามเข้ามา “พวกเรายินดีต้อนรับในการกลับมาของผู้ยิ่งใหญ่ครับ” และเขาก็ถามต่อไปว่า “แล้วสิ่งนี้คืออะไรครับ?”
ดูเหมือนดิแอสจะเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้ เลยโยนกล่องทั้งห้าไปให้คนที่เดินเข้ามารับเขา กล่องนี้เป็นกล่องที่ใหญ่ที่สุดที่ซิลลินเคยเห็น กล่องนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุพิเศษที่เป็นฉนวนกันรังสีและพลังงาน ดังนั้นสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในจึงน่าจะเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง เมื่อกล่องทั้งห้าได้รับการดูแลเรียบร้อยแล้ว ดิแอสกำลังจะหันกลับมาคุยกับซิลลินต่อ แต่ชายที่พุ่งเข้ามาหาเขากำลังดันตัวเขาให้ออกเดินไปอย่างเร่งรีบ “เฮ้.. รีบอะไรน่ะแครี่? ไม่เห็นเหรอว่าฉันพาแขกมาด้วยน่ะ” ดิแอสพูดขณะที่ดึงหูของแครี่ไว้ แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ออกมาจากปากแครี่ซักคำ แครี่ได้แต่ก้มหน้าหงอยให้ดิแอสสงสารเขาด้วย
ซิลลินรู้ว่าแครี่ไม่ได้สนใจเขาอย่างที่แสดง ..พวกเขาจะไม่เคารพคุณ จนกว่าคุณจะได้พิสูจน์ตัวเองว่ามีค่าควรต่อการได้รับความเคารพนั้น
แครี่ถือกล่องทั้งห้าด้วยมือข้างเดียว และใช้มือลูบหูปอยๆ ก่อนจะเดินจากไป เขายิ้มให้ซิลลินอย่างเป็นพิธี แต่ไม่ปรากฏถึงความจริงใจใดๆ บนใบหน้าสักนิด ไม่เหมือนอย่างที่เขาทำกับดิแอสก่อนหน้านี้
“สวัสดี..”
นี่คงเป็นการทักทายแค่พอเป็นพิธีอย่างนั้นสินะ..ซิลลินคิดในใจ
salmonella remedies https://forums.dieviete.lv/profils/127605/forum/ restoration & remediation