แล้วซิลลินต้องรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง เพราะเค้าสัมผัสได้ว่า ..แคร์รี่เองก็เป็นอีกคนที่มียีนลำดับหนึ่ง ตั้งแต่เขามาถึงที่นี่ ซิลลินเจอคนที่มียีนลำดับหนึ่งผุดมาอย่างกับดอกเห็ด สี่ทหารชั้นแนวหน้าของนักล่า พวกเขาสมกับเป็นแนวหน้าชั้นยอดของจริง!!
ซึ่งตอนนี้แคร์รี่กำลังตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ให้ตายเถอะ.. ฉันจะไม่เชื่อเรื่องนี้เด็ดขาด!! ฉันถือกล่องทั้งห้าไว้ในมือข้างหนึ่ง เหลือเพียงมือข้างเดียว แต่นายมีมือทั้งสองข้าง ไอ้ขี้ขลาดนี่!! กลุ่มคนในห้องควบคุมหลังบนยานเอ็นเตอร์ไพรส์ได้วิจารณ์แคร์รี่ซ้ำๆ ขณะที่เขาเฝ้าดูฉากนั้นบนจอแสดงผลในห้องควบคุม ความน่ารังเกียจของแคร์รี่นั้นเป็นที่โจษจันมานานแล้วจนทุกคนเอือมระอา
จากช่วงเวลาที่ซิลลินถูกพาไปยังยานเอ็นเตอร์ไพรส์ ผู้คนในยานต่างให้ความสนใจและสืบค้นเรื่องของเขา ผลจากการคาดเดาส่วนใหญ่คิดว่ามีโอกาสถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่ชายหนุ่มที่ดิแอสพามาจะมียีนลำดับ B
แคร์รี่ไม่เพียงแต่กำลังข่มขู่ผู้อ่อนแอเท่านั้น แต่ยังเป็นการกดขี่ยีนที่มีลำดับต่ำกว่าด้วยยีนลำดับสูงของเขา เขาเริ่มใช้มือทั้งสองข้างแทน มีเพียงดิแอสเท่านั้นที่ทนกับความอึดอัดใจในการกระทำที่น่ารังเกียจของแคร์รี่ได้ แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกตกใจไม่น้อยที่ซิลลินดูมีอำนาจเหนือกว่าแคร์รี่ ซึ่งไม่ใช่ใครก็สามารถทำแบบนี้ได้ “คุณดูมีความกระตือรือร้นมากเกินไปนะ..”ซิลลินยิ้ม ขณะที่ทั้งสองยังจับมือกันอยู่
ตาต่อตาฟันต่อฟัน
ใบหน้าของแคร์รี่กระตุกเล็กน้อย “ดูสิ~~ โว้ว โว้ว โว้ว ฉันยอม! ฉันยอม!” แคร์รี่ดึงมือของเขาออกไป แล้วจ้องมือที่บวมเป่งและทำท่ารู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้
“เรือโท.. บ้าชะมัดเลย เจ้าเด็กคนนี้เป็นใครเนี่ย?” แคร์รี่เปลี่ยนคำพูดที่เขาพูดถึงซิลลิน เป็นเจ้าเด็กคนนี้..ซึ่งหมายความว่าเขาได้ยอมรับในความสามารถของซิลลินแล้ว
“นายได้รับบทเรียนแล้วใช่ไหมแคร์รี่? ได้ข่าวว่านายไปโอ้อวดเรื่องอื่นไว้อีกมากเลยนี่!” ดิแอสเตะก้นแคร์รี่ไปข้างหน้า แล้วชี้ไปที่กล่องห้ากล่องบนพื้น “ไปทำงานของนายเดี๋ยวนี้..”
“ครับผม!” แล้วแคร์รี่ก็หยิบกล่องทั้งหมดขึ้นมา ก่อนจะก้าวไปสองสามก้าวและหันกลับมาถามซิลลินอีกครั้งว่า “ฉันชื่อแคร์รี่นะ..ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝูงบินที่หกนี้ แล้วนายเป็นใครนะเด็กน้อย?”
“ฉันซิลลิน.. ฉันทำงานรับจ้างอิสระน่ะ” ซิลลินตอบ
แคร์รี่ทำปากเป็นรูปตัวโอ ก่อนจะพยายามส่งซิกไปให้ดิแอส ทำนองว่า..เรือโท ชายคนนี้ทำงานรับจ้างอิสระ คุณกำลังคิดจะทำอะไรของคุณอยู่น่ะ!?
“ไปได้แล้ว! หรือต้องให้ฉันช่วยย้ายก้นของนายออกไปจากตรงนี้ล่ะ?” ดิแอสเอ็ดแคร์รี่ด้วยรอยยิ้ม
“ผมจะไปแล้วฮ่ะ ไปแล้ว..” แล้วแคร์รี่ก็วิ่งหนีหายไปททันที
เหตุผลแรกที่ดิแอสพาซิลลินมาที่นี่ก็เพื่อต้องการค้นภูมิหลังของเด็กหนุ่มคนนี้ ดิแอสรู้สึกคุ้นเคยกับซิลลิน แต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยพบซิลลินที่ไหนมาก่อน, เหตุผลที่สอง หากว่าซิลลินยังไม่ได้เข้าร่วมกับกองกำลังใด ดิแอสก็อยากจะชักชวนซิลลินเข้าร่วมกับกองกำลังฝูงบินที่หกของเขา เพราะตอนนี้กองกำลังของเขากำลังต้องการคน ..ดิแอสเชื่อมั่นในตัวของซิลลิน และเขาก็เชื่อในการตัดสินใจของเขาด้วย
เพื่อให้ซิลลินสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้เร็วยิ่งขึ้น ดิแอสจึงเริ่มต้นอธิบายเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ.. กองกำลังฝูงบินที่หกกำลังมีการประชุมทางธุรกิจระหว่างเขตการปกครอง X และเขตการปกครอง R เนื่องจากดิแอสรู้สึกเบื่อที่ต้องอยู่เฉยๆ และประกอบกับเขาได้ข่าวมาว่ามีการจัดประมูลใต้ดินเกี่ยวกับแร่พลังงานที่หายากบนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในเขตการปกครอง X เขาจึงไปยังที่แห่งนั้น และขโมยแร่พลังงานมา ตอนที่คนพวกนั้นกำลังหักหลังกันเองอยู่ และขณะเดียวกันเขาก็ปล่อยข่าวลวงบนดาวเคราะห์ดวงอื่นว่าเขาได้ซื้อหินที่มีค่าขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าเป็นพันล้านเหรียญเพื่อดึงดูดความสนใจของพวกโจรสลัดอวกาศให้เข้ามาหา นี่จึงเป็นแผนการเพื่อคลี่คลายปัญหาเหล่านี้ และดิแอสก็ยังสามารถเรียกเงินจากรัฐบาล X-C100 และบริษัทสเปซไลเนอร์ได้ เพราะเขาเข้ามาช่วยในการกำจัดพวกโจรสลัดให้ด้วย
แม้ว่าดิแอสได้อธิบายเรื่องนี้อย่างไม่เป็นทางการไปแล้ว แต่ซิลลินรู้ว่ารายละเอียดเหล่านี้ค่อนข้างเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ แล้วเรื่องนี้ก็ยังเป็นตัวพิสูจน์ได้ถึงกำลังและความสามารถที่แท้จริงของดิแอสในการวางแผนและควบคุมสถานการณ์ เขามีความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งในฐานะของผู้บัญชาการกองกำลังพันธมิตรทหารรักษาการณ์กองเรือรบ B ฝูงบินที่หกจริงๆ
ดิแอสแนะนำซิลลินให้ทุกคนในยานได้รู้จัก ขณะที่เขาพาซิลลินสำรวจไปตามทางเดิน “นั่นคือคลังสินค้า เป็นที่ที่ใช้ในการจัดเก็บเสบียง และตรงที่เลี้ยวขวาด้านหน้านี้คือ.. เดี๋ยวก่อนทำไมนายถึงมานอนอยู่ตรงนี้ได้เนี่ย?” หลังจากพูดจบ ดิแอสก็ออกเดินไปตามช่องทางเดินแคบๆ
หากเพียงชำเลืองมองแวบเดียวคงไม่สามารถเห็นได้แน่ แต่ถ้าเป็นคนที่ช่างสังเกตจะสามารถรู้สึกได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่บริเวณนั้น แต่ดูเหมือนมันจะผสานตัวเองกับสิ่งแวดล้อมจนเป็นหนึ่งเดียวกัน แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นหากจะมองหามันจากสีของร่างกาย ดิแอสเดินผ่านและดึงสิ่งนั้นลงมา มันมีความยาวประมาณสามสิบเซนติเมตร เมื่อแยกออกจากผนังทางเดินสีของมันก็จางหายไปและมองไม่เห็นในที่สุด อย่างไรก็ตามดวงตาทั้งสองข้างนั้นเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน มันเป็นเหมือนรอยหยักอยู่ในวงกลม เมื่อมันเห็นดิแอส มันก็ทำเสียงดัง ทักทายคนที่แต่งตัวแปลกประหลาดทันที
นั่น..อิกัวน่าเหรอ? ซิลลินจ้องมองเพื่อนตัวเล็กๆ ในมือของดิแอส “อย่ามาแกล้งทำเลยน่า นายไปทำอะไรแย่ๆ ใส่ยูดี้จนเขาโยนนายออกมาอีกล่ะ?” ดิแอสสะบัดหัวของโด.. เจ้าอิกัวน่าที่ทำเป็นโค้งหางและกำลังทำตัวให้ดูน่าสงสารออก ก่อนที่จะกลิ้งก้อนอิกัวน่าขนาดเล็กออกไปเหมือนกับลูกบอล ไปยังอีกด้านหนึ่งของกำแพง มันติดอยู่ตรงนั้นและเปลี่ยนสีของร่างกายอย่างรวดเร็วเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ตอนนี้ผิวของมันดูเหมือนจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับพื้นผิวของสภาพแวดล้อมรอบตัวมันไปอีกแล้ว
“เพื่อนของเราเมื่อกี้มีชื่อว่า โด.. เขาเป็นสิ่งที่ยูดี้ได้รับจากภารกิจเมื่อห้าปีก่อน ถึงแม้ไอ้ตัวน้อยนี่จะสร้างปัญหาไปบ้างก็เถอะ” ดิแอสไม่ได้อธิบายถึงคนที่ชื่อยูดี้แต่อย่างใด หลังจากนั้นดิแอสก็พาซิลลินเดินต่อไปยังห้องควบคุมหลัก และแนะนำให้รู้จักกับลูกเรืออีกสองสามคน ขณะที่ซิลลินกำลับพูดคุยกับลูกเรือคนอื่นๆ ดิแอสก็เรียกชายคนหนึ่งว่า “บีเวอร์..นายมาหาฉันแปบนึงซิ”
“ครับ..เรือโท” ซิลลินเคยเห็นคนที่ชื่อบีเวอร์นี้มาก่อน เขาเป็นคนที่ปรากฏตัวบนจอแสดงผลบนยานสเปซไลเนอร์ แต่สิ่งที่ทำให้ซิลลินรู้สึกแปลกใจคือทุกคนบนเรือรบนี้ดูอายุยังน้อย หลายคนรอบตัวดิแอสดูอายุน้อยและเด็กกว่าเขาแม้ว่าจะไม่มีเด็กหนุ่มคนไหนที่อายุน้อยกว่าซิลลินเลยก็ตาม จากบทเรียนของแคร์รี่ ทุกคนบนเรือรบนี้เอาใจใส่ซิลลินค่อนข้างดีขึ้นมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะดูไม่ค่อยจริงใจ แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำเย็นชาหรือทำเป็นไม่สนใจซิลลินเหมือนก่อนหน้านี้
หลังจากที่ดิแอสเรียกหาบีเวอร์แล้ว พวกเขาก็เขามาถึงห้องทำงานของบีเวอร์ เขาหมุนแหวนเงินไปมือ และต่อคอนเนคเตอร์เข้ากับจอควบคุม “ฉายภาพรวมของข้อมูลพวกนี้ทีสิ”
จากภาพที่กำลังวิ่งอยู่บนหน้าจอ เป็นภาพที่ดิแอสกำลังต่อสู้กับโจรสลัดภายในห้องควบคุมของยานสเปซไลเนอร์ ใช้การประมวลภาพโดยอินฟราเรดทำให้ภาพดูสว่างขึ้น เพื่อให้สามารถเห็นเหตุการณ์ในเวลานั้นได้ชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตามภาพก็ยังดูเบลอๆ เล็กน้อยตามการเคลื่อนไหวของดิแอสที่กำลังต่อสู้กับโจรสลัด บีเวอร์ไม่ได้พูดอะไรออกมา นิ้วทั้งสิบของเขากำลังยุ่งกับการจัดการปุ่มบนจอควบคุม และหลังจากที่ได้ภาพตัดต่อผ่านการจัดเรียงแบบสามมิติ และปรับความคมชัดของภาพแล้วก็ทำให้ได้ภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“นายคิดยังไงกับหนุ่มน้อยซิลลิน..” ตอนนี้ดิแอสไม่มีท่าทีขี้เล่นเหมือนอย่างก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้เขากลับดูค่อนข้างซีเรียสมากเลยทีเดียว
บีเวอร์ปรับภาพบนหน้าจอเพื่อแสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวของซิลลินดูช้าลง ยิ่งดูมากเท่าไร บีเวอร์ก็ยิ่งตกใจมากขึ้นทุกที “เรือโท ท่านแน่ใจนะว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ..ไม่ใช่เผ่าพันธุ์อื่นที่ดูคล้ายกับมนุษย์” บนหน้าจอปรากฏภาพซิลลินที่สามารถหลบลูกปืนได้อย่างง่ายดายทุกครั้ง ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าพวกโจรสลัดจะยิงตรงจุดไหนต่อไป และเขาสามารถทำมันได้ในขณะที่ภายในห้องไม่มีแสงไฟเลยสักนิด
“ฉันยืนยันได้เลยว่าเขาไม่ได้สวมเลนส์เสริมใดๆเลย และฉันคิดว่าเขาเป็นมนุษย์จริงๆ” ดิแอสพูดอย่างเคร่งขรึมขณะที่กำลังจ้องมองจอแสดงผล คิ้วของบีเวอร์ขมวดเป็นปมหนักมากขึ้น “มีอีกเรื่องนะครับเรือโท.. เมื่อตอนที่คุณสองคนวาร์ปมา ผมได้ทำการวิเคราะห์ยีนของเด็กหนุ่มซิลลินคนนั้น ถ้าจะให้พูดกันตามจริงแล้วเขาเป็นเพียงยีนลำดับ B เท่านั้น ซึ่งความน่าเชื่อถือนี้มาจากผลการคำนวณของการวิเคราะห์องค์ประกอบในหลายปัจจัย ปกติควรได้ความแน่นอนสูงกว่า 95% แต่คราวนี้ได้ผลเพียง 90% เท่านั้น แล้วทำไมถึงมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นอีก 5%ล่ะครับ”
หลังจากพักเบรกชั่วคราว บีเวอร์ได้ถามความคิดเห็นของดิแอสว่า “เราควรจะหาดีเอ็นเอของเด็กหนุ่มคนนี้หรือไม่ครับ? จะใช้เป็นเลือด, เส้นผม หรือลายนิ้วมือดีครับ”
“ไม่จำเป็นหรอกบีเวอร์ เราควรให้เกียรติเพื่อนร่วมงานของเราในอนาคตด้วยนะ แต่ก็เอาล่ะ..เด็กคนนี้ดูยังไงก็น่าเหลือเชื่อจริงๆ” ดิแอสบอกกับบีเวอร์ด้วยท่าทีที่สงบ
“และแน่นอน.. ฉันมีความรู้สึกคุ้นเคยกับเด็กคนนี้มากจริงๆ ใช่มั้ยล่ะนายก็คิดว่าซิลลินดูคุ้นเคยมากเลยใช่ไหมบีเวอร์?” แล้วดิแอสก็กลับไปสู่ภวังค์ความคิดอีกครั้งหนึ่ง
บีเวอร์กำลังใช้ความคิด แต่เขาก็นึกไม่ออกจริงๆว่าเคยเจอซิลลินตอนไหน “กาแลคซีออกกว้างใหญ่ไพศาล คงมีผู้คนนับไม่ถ้วนที่ดูคล้ายกัน ท่านต้องการให้ผมลองป้อนข้อมูลเพื่อหาตัวตนของเขาดูดีไหมครับ?”
“ไม่เป็นไร.. เอาไว้ก่อนแล้วกัน” เพราะเขาต้องการรหัสผ่านของผู้บัญชาการกองพลฺ B เพื่อเข้าไปในคลังข้อมูล ซึ่งมันยากลำบากเกินไป ..ดิแอสถึงกับถอนหายใจและยอมแพ้ในที่สุด
“โอ้ใช่แล้ว..เรือโทครับ ท่านผู้บัญชาการได้เรียกให้พวกเราเข้าไปสบทบโดยเร็วที่สุด ดูเหมือนว่าข้อตกลงที่เสนอ จะไปได้ไม่สวยครับท่าน”
“เข้าใจแล้ว.. พวกนายเตรียมตัวไว้ให้พร้อมล่ะ” ดิแอสโบกมือให้ และเดินออกจากประตูห้องควบคุมไป