px

เรื่อง : Star Rank Hunter
Chapter 13 เจ้าเด็กนี่มันปีศาจแบบไหนกัน?


หลังจากได้ยินคำพูดของดิแอส ทำให้ชอว์ตันเลิกคิ้วสูงขึ้นและพูดว่า “กล้าหาญ..งั้นเหรอ?” มาตรฐานที่นายเอามาวัดคืออะไร? ชอว์ตันได้แต่คิดในใจ ซิลลินมีจีโนไทป์ลำดับ B เป็นนักล่าที่เกิดในเขต 13 ที่ตอนนี้เป็นเขตน้ำท่วม เขาเพิ่งออกมาจากดาวเคราะห์ที่อาศัยมาตั้งแต่เกิดเป็นครั้งแรกในชีวิต ความจริงเขายังเด็กเกินไป เขามีความเชื่อมั่นมากแค่ไหน และเขาไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากที่ไหน?

แต่อย่างไรก็ตามชอว์ตันก็เชื่อถือในความเป็นผู้นำของดิแอส แม้ว่าถ้าจะเทียบกับผู้บัญชาการฝูงบินคนอื่นๆ แล้วล่ะก็ดิแอสก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่หากเป็นเรื่องของความดีแล้วล่ะก็ ไม่มีใครในกองเรือรบ B สามารถเอาชนะดิแอสได้แน่

แม้ว่าจะมีผู้บัญชาการฝูงบินจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบดิแอส แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามีสัญชาตญาณที่โดดเด่น แม้ว่าเขาจะดื้อด้านมากก็ตาม แต่ความสามารถของลูกทีมที่เก่งกาจและโดดเด่น เช่น บีเวอร์, แคร์รี่, ยูดี้ หรือคนอื่นๆ ต่างถูกค้นพบโดยดิแอสทั้งสิ้น จากคนธรรมดาที่ไม่น่าสนใจจนเกือบจะถูกกลืนหายไปกับพื้นผิวรอบตัว กลับกลายเป็นผู้ที่เผยให้เห็นถึงความสามารถอันน่าทึ่งไปจนถึงระดับสุดยอดอย่างในวันนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่ได้รับการคัดเลือกจากดิแอส นั่นจึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงสัญชาตญาณอันน่าทึ่งของเขาได้เป็นอย่างดี

หากไม่เกิดเหตุการณ์ทรยศครั้งใหญ่ในกองกำลังนักล่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ดิแอสคงจะไม่สนใจจะตรวจสอบเอกลักษณ์ของซิลลินอย่างลึกซึ้ง ดิแอสพูดเพื่อให้ชอว์ตันเชื่อมั่นอีกครั้งว่า “ซิลลินไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป.. เขาไม่พยายามที่จะผลักความรับผิดชอบที่ได้รับออกไป” “ฉันเองก็หวังว่งมันจะเป็นอย่างที่นายพูดนะ..ดิแอส” ชอว์ตันพูดพลางถอนหายใจ ตอนนี้เขากำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมหาศาล เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับกองเรือรบ B

อีกห้าผู้บัญชาการที่เหลือเริ่มแสดงความไม่พอใจต่อซิลลินแล้ว ซึ่งหากว่าเวลาผ่านไปซิลลินไม่สามารถทำงานได้ดีล่ะก็ ดิแอสจะต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ เพราะเขาคือคนที่รับรองซิลลินในการเข้าเป็นสมาชิกของกองกำลังหลัก รวมถึงในการทำภารกิจนี้ด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นผู้บัญชาการสูงสุดคงจะไม่เห็นด้วยอย่างง่ายดายแบบนี้แน่ เพราะว่าซิลลินนั้นดูเหมือนกับไอฟรอนมากเหลือเกิน

ในวันที่นัดหมายซิลลินตื่นขึ้นมาหลังจากนาฬิกาปลุกดัง ชอว์ตันไม่มีเวลาจะมาตั้งคำถามอะไรกับซิลลินมากนัก หลังจากที่เขาได้รับข้อความตอบกลับจากซิลลินแล้ว เขาก็นำผู้ติดตามสองถึงสามคนออกเดินทางไปยังดาวเคราะห์เขตการปกครอง R ซึ่งเป็นที่นัดหมายกับไอฟรอนไว้ แม้ว่าเขตการปกครอง R จะเป็นส่วนหนึ่งของเขตที่ 13 ที่ได้รับผลกระทบในอดีต แต่ก็ยังมีการพัฒนาในด้านต่างๆ ดีกว่าเขตการปกครอง x หลังจากที่ยานอวกาศลงจอดที่ท่า ชอว์ตันได้พาแค่ซิลลินมากับเขาด้วยเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ จะรอคำสั่งของเขาอยู่ที่ยาน

มีนักธุรกิจจำนวนมากที่ชอบที่จะใช้เขตที่ 13 ที่เคยประสบอุบัติภัยเป็นที่ตั้งในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ของตนเอง เนื่องจากพวกเขาสามารถจ้างแรงงานราคาถูกจำนวนมากได้จากที่นี่ ขณะที่เดินอยู่บนถนนซิลลินได้พบเห็นฉากที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมากเมื่อตอนที่อยู่บนดาวเคราะห์สีน้ำตาลที่เป็นบ้านเกิดของตนเอง ผู้คนแตกต่างชาติพันธุ์เดินสวนกันไปมาบนถนน ที่เคาน์เตอร์ในร้านแดลเลี่ยนสองหัวพนักงานขายกระตือรือร้นอย่างมากที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ของทางร้านให้กับลูกค้า พนักงานขายมีอัธยาศัยที่ดีพวกเขาสามารถพูดจูงใจลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสินค้าในร้านก็มีราคาถูกมากด้วย และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าสายพันธุ์ที่มี “-แอน” ลงท้ายในชื่อของพวกเขานั้นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีวิวัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญ แน่นอนว่าสายพันธุ์เหล่านี้บางชนิดก็แข็งแรงพอๆ กับมนุษย์ แต่เนื่องจากพวกเขามีขนาดตัวที่เล็กจึงไม่สามารถพบเห็นพวกเขาได้บ่อยนัก

ชอว์ตันพาซิลลินเข้าไปในโรงแรมที่มีความสูงหนึ่งร้อยกว่าชั้น หลังจากที่ได้แจ้งที่เคาน์เตอร์ว่าพวกเขามาเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้สืบทอดของตระกูลดัวแอส จากนั้นพนักงานได้บอกให้พวกเขาขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนได้เลย ซึ่งโดยปกติคนธรรมดาทั่วไปคงไม่มีปัญญาที่จะสามารถจองห้องพักในชั้นที่หนึ่งร้อยขึ้นไปได้แน่ แต่นี่คือไอฟรอนเขาสามารถจองห้าชั้นบนสุดได้อย่างง่ายดาย เป็นการแสดงให้เห็นว่าตระกูลของ ไอฟรอนนั้นมีพื้นเพที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เมื่อเข้าไปในลิฟต์แล้ว คนของไอฟรอนพาทั้งคู่ไปที่ชั้นกลางระหว่างทั้งห้าชั้น เพราะทั้งสองชั้นด้านบนและด้านล่างนั้นถูกประจำการด้วยบอดี้การ์ดของไอฟรอน นั้นทำให้เราได้เห็นว่าไอฟรอนนั้นรอบคอบในเรื่องความปลอดภัยมากแค่ไหน แล้วพวกเขาก็ขึ้นมาถึงชั้นที่ไอฟรอนรออยู่ พวกเขาออกจากลิฟต์และเดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่ที่มีบานประตูหรูหรากั้นอยู่ บอดี้การ์ดเปิดประตูในพวกเขาเข้าไปข้างในเพื่อไปพบกับไอฟรอน

ก่อนเดินทางมาที่นี่ซิลลินต้องสวมหน้ากากและแต่งกายเพื่อปกปิดตัวเอง หลังจากไอฟรอนให้สัญญาณ ชอว์ตันจึงถอดหน้ากากของซิลลินออก ไอฟรอนเข้ามาสำรวจซิลลินอย่างใกล้ชิด รวมทั้งใช้อุปกรณ์บางอย่างในการช่วยตรวจสอบด้วย หลังจากที่เขาตรวจสอบเสร็จแล้ว เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

“ไม่ต้องห่วงคุณไอฟรอน คุณสามารถไว้ใจเราได้ครับ ชื่อเสียงกองเรือรบเราเป็นที่รู้จักกันดี เราเน้นเรื่องความเชื่อใจเป็นหลักไม่มีทางที่เราจะโกหกลูกค้าเพื่อหวังผลกำไรแน่ครับ” ชอว์ตันพูดขณะที่เอนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ แต่ไอฟรอนก็ตอบกลับมาด้วยท่าทีระมัดระวังว่า “แต่จีโนไทป์ของเขาอยู่ที่ลำดับ B เท่านั้นนี่”

“เท่าที่ผมทราบมาตระกูลดัวแอสเองก็มีลูกหลานที่มีจีโนไทป์อยู่ในลำดับ B จำนวนหนึ่งนิครับ” ชอว์ตันเองรู้ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่มีจีโนไทป์อยู่ในลำดับ B ครอบครัวทหารตำแหน่งใหญ่หลายคนเองก็มี มันสามารถเป็นไปได้ที่พวกเขาจะพัฒนาลำดับของตัวเองให้กลายเป็นลำดับ A ได้ในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่จะมีวัสดุและทรัพยากรทางการเงินมากพอที่จะสามารถเข้าสู่กระบวนการพัฒนานี้ได้

ไอฟรอนขมวดคิ้วพลางพูดว่า “แต่จีโนไทป์ลำดับ B มันเสี่ยงเกินไป ฉันไม่อยากสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น”ชอว์ตันมองไปที่ซิลลินเป็นเชิงขอความคิดเห็นจากเขา แต่ซิลลินไม่แสดงท่าทีไม่พอใจแต่อย่างใด เขากลับยิ้มและถามออกมาอย่างสุภาพว่า “คุณไอฟรอน ผมขอถามสักคำถามได้ไหมครับ.. บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังคุณนั้นมีจีโนไทป์ลำดับ A ใช่ไหมครับ?”

“ถูกต้อง” ไอฟรอนตอบกลับมาด้วยท่าทีอึ้งๆ หลังจากไอฟรอนพูดจบร่างของซิลลินเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว แม้แต่ฉากหลังที่เขาทิ้งไว้ยังมองเห็นไม่ชัด

ปัง !

หนึ่งในบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังไอฟรอนล้มลงแทบเท้าเขา บอดี้การ์ดคนนั้นถูกทุบกับกำแพงที่เสริมพิเศษจนกำแพงยุบเข้าไป ขณะเดียวกันบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ก็ถือปืนไว้ในมือและกดปากกระบอกปืนไปที่ศีรษะของซิลลิน พวกบอดี้การ์ดสมกับเป็นจีโนไทป์ลำดับ A จริงๆ พวกเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่เพราะซิลลินยังมีประโยชน์ในการธุรกิจนี้อยู่ เขาย่อมจะเปิดฉากต่อสู้โดยไม่ลังเลเลยสักนิด แต่อย่างไรก็ตามบอดี้การ์ดที่คุ้มกันเริ่มเหงื่อตก ม่านตาของพวกเขาเริ่มหดตัวแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกในปัจจุบันของพวกเขาในขณะนี้

หลังจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นพ่อบ้านของไอฟรอนก็โบกมือขึ้นมาเล็กน้อย ภายนอกพ่อบ้านไม่แสดงถึงอาการใดๆ แม้ว่าภูเขาจะพังทลายตรงหน้าก็ตาม แต่ใครจะรู้ว่าภายใจเขารู้สึกตกใจมากที่สุดในชีวิตที่เคยพบเจอมา

ขณะที่ไอฟรอนกำลังพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า ในกองเรือรบนี้เต็มไปด้วยเอซที่มีความสามารถซ่อนอยู่ แต่ในความเป็นจริงผู้บัญชาการชอว์ตันกำลังใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา พระเจ้ารู้ดีว่าชอว์ตันนั้นต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนที่จะรักษาท่าทีที่สงบของเขาเอาไว้ ..ชิบหายล่ะ เด็กนี่เป็นปีศาจแบบไหนกันแน่เนี่ย?! โดยรอบอาจดูเหมือนภาพวาดสำหรับทั้งสองฝ่าย แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่ใช่.. ไอฟรอน พ่อบ้านของไอฟรอน และชอว์ตันสามารถสัมผัสมันได้

สำหรับบอดี้การ์ดที่กำลังหันปืนไปที่ซิลลินนั้น ไม่ได้รู้เลยว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับปืนของตัวเอง เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่เขาไม่ยิงมันออกมา จึงทำให้เขารอดชีวิตไปได้ เมื่อเวลานั้นผ่านไปทำให้รู้ว่าการมีปืนของเขานั้นเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ เพราะตอนนี้มีเข็มเล่มเล็กสีดำสนิทติดอยู่ระหว่างปั้มแรงดันสูงกับลำกล้อง หากเขาเปิดฉากยิงลำแสงเลเซอร์ขึ้นแล้วล่ะก็ มันจะเกิดปฏิกิริยาย้อนกลับจากภายในลำกล้องปืน ทำให้เขาเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บเสียเอง ..นี่จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ดีของซิลลิน เพราะมีอาวุธปืนชนิดจุดติดระเบิดที่มีกำลังสูงอยู่เพียงไม่กี่ชุดเท่านั้น นี่อาจดูเหมือนเป็นปืนที่ใช้กระสุนปืนโลหะแต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือปืนเลเซอร์ ชอว์ตันได้แต่ถูคางของเขาไปมา ..ไอฟรอนติดตั้งปืนรุ่นใหม่ให้กับบอดี้การ์ดของเขา ถ้าซิลลินไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้มาบ้าง เขาเองก็คงจะทำไม่ได้ดีขนาดนี้ ดิแอส.. นายไปเจอเจ้าเด็กประหลาดนี่ที่ไหนเนี่ย?

เมื่อสองวันก่อนแท็บเล็ตของชอว์ตันได้ถูกส่งต่อให้ซิลลินในช่วงสั้นๆ เขาเหมือนเห็นข้อมูลเกี่ยวกับปืนรุ่นนี้ในจอภาพที่กระพริบอยู่ภายในห้องของชอว์ตัน มันจึงทำให้เขานึกขึ้นได้ เป็นความจริงที่ซิลลินได้ทำการศึกษาอย่างลึกซึ้งผ่านคอมพิวเตอร์หลังจากที่เขาได้เห็นรูปแบบปืนในวันนั้น เขาใช้เวลาเพียงสองนาทีในการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับปืนรุ่นนี้ “การหลับ”ของเขาที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็คือ“การจำแนก”ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ซิลลินนอนหลับเป็นเวลานาน เพราะเมื่อเขาเข้าสู่สถานะพิเศษจะทำให้ความสนใจและความเข้าใจของเขาทำงานได้สูงสุด เขาจะสามารถแยกแยะข้อมูลทั้งหมดที่เขารวบรวมเอาไว้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่จากความเข้าใจของคนอื่นคงมองว่าเป็นเพียงแค่การนอนหลับทั่วไปเท่านั้น

ซิลลินไม่ได้ใส่ใจกับบอดี้การ์ดนัก เขาเดินกลับไปในฝั่งที่ชอว์ตันยืนอยู่ และมองไปที่ไอฟรอน เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับการแสดงของเขา แล้วรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของไอฟรอน และขยายกว้างมากขึ้น “ทำได้ดีมาก” บอดี้การ์ดทุกคนของไอฟรอนถอนตัวออกไปจากบริเวณนั้น รวมทั้งคนที่ถูกอัดเข้ากับกำแพงก็กำลังพยายามดึงตัวเองออกจากกำแพง เขายืดร่างกายเล็กน้อยเพื่อให้กระดูกภายในร่างกายกลับเขาสู่สภาพปกติ เขาเป็นมนุษย์ที่มีจีโนไทป์ลำดับ A แม้ว่าจะถูกซิลลินอัดมาก่อน แต่มันก็ไม่ทำให้เขาเสียหายมากนัก อย่างไรก็ตามความรู้สึกของเขาที่จ้องมองไปที่ซิลลินเหมือนกับมองไปที่สัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง

“คุณไอฟรอน คุณยังจำข้อเสนอที่ผมตกลงกับคุณไว้ได้รึเปล่า” ชอว์ตันรีบชิงพูดขึ้นมา แน่นอนว่าผู้บัญชาการคนนี้ย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะคว้ากำไรมหาศาลมาให้กับทีมของเขาแน่ “แน่นอน” ไอฟรอนยักไหล่เป็นสัญญาณให้พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างหลังของเขาส่งมอบเอกสารให้กับชอว์ตัน

“มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์” แล้วซิลลินก็ต้องตกใจมากเมื่อได้อ่านหัวเอกสารนี้

มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ หรือชื่อเต็มก็คือ..มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์แห่งสหพันธ์กาแลกติก ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด มันตั้งอยู่ที่เขตการปกครอง B และไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้าไปเรียนที่นั่นได้.. แล้วนี่มันเกี่ยวข้องอะไรกับเขากันล่ะเนี่ย?!

รีวิวผู้อ่าน