“นายดูไม่มีความสุขเลยนะซิลลิน?” เมื่อเห็นสายตาของซิลลิน ชอว์ตันจึงอธิบายให้เขาฟังว่า “คุณไอฟรอนเพียงขอให้นายทำตัวเป็นลูกชายของเขา ไม่ใช่บอดี้การ์ด ไม่มีทางที่นายจะสามารถรับช่วงต่อธุรกิจในตระกูลดัวแอสได้ ดังนั้นเพื่อให้นายใช้เวลาได้อย่างเต็มที่ ฉันจึงแนะนำคุณไอฟรอนให้ส่งนายไปเรียน ให้นายได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น แล้วเขาก็เลือกที่มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ให้นาย”
โดยทั่วไปการศึกษาในกาแล็คซีแบ่งออกได้เป็นสามประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ประถมศึกษา, มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่ในหน่วยสี่ขุนพลนักล่าจะได้รับการศึกษาในระดับสูง ตราบเท่าที่พวกเขามีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนด ทางหน่วยก็จะจัดหาเงินทุนและดูแลพวกเขาตลอดจนจบการศึกษา ซึ่งพวกเขามักจะโชว์พรสวรรค์ของตนเองได้เป็นอย่างดี นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงทำได้ดีกว่าหน่วยอื่นๆ ของนักล่า อย่างไรก็ตามนักล่าส่วนใหญ่จะได้รับการศึกษาระดับสูงจากเขตการปกครอง D ถึง M แต่ก็ไม่มีใครเหมือนซิลลินที่มีโอกาสได้รับการศึกษาระดับสูงหนึ่งในสามเขตการปกครองที่ดีที่สุด
ซึ่งนี่ก็เป็นเงินที่ชอว์ตันได้ลงทุนไปกับฝูงบินที่หก และยิ่งไปกว่านั้นฝูงบินที่หกก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินมากมายนัก นับเป็นโอกาสที่ดีของทีมแล้วชอว์ตันก็ค่อนข้างมั่นใจว่าหากซิลลินตกลงปลอมตัวเป็นลูกชายของไอฟรอน ไอฟรอนก็ย่อมที่จะเลือกให้ซิลลินได้เรียนในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตระกูลดัวแอสอย่างแน่นอน และซิลลินเองก็ไม่ใช่คนโง่ แต่เขาก็ยังไม่ได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษาเป็นเรื่องเป็นราวอย่างถูกต้องในขณะที่เขาใช้ชีวิตอยู่บนดาวเคราะห์สีน้ำตาลในเขตการปกครอง X ซึ่งเวลานั้นมีแค่เจนญ่าเท่านั้นที่เป็นคนสอนสิ่งต่างๆ ให้เขา ทำไมตอนนั้นเขาถึงปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปนะ?
“แน่นอน..หากมีโอกาส ฉันก็ยินดีรับข้อเสนอ” ซิลลินตอบออกมาแทบจะในทันที ไอฟรอนพยักหน้าเชิงรับทราบ “ทุกคนรู้ว่า..เซเว่นไลท์คืออะไร นอกจากนี้เหตุผลที่ฉันเลือกเซเว่นไลท์ ไม่ใช่แค่เพียงเพราะชื่อเสียงของตระกูลดัวแอสเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะมันตั้งอยู่ที่เขตการปกครอง B ซึ่งเป็นเขตที่อำนาจของตระกูลดัวแอสสามารถยื่นมือไปถึงได้ ดังนั้นผู้ที่วางแผนจะทำร้ายนายจะต้องกลัวมากขึ้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ดีทั้งกับฉันและกับนาย” เป็นความจริงที่ไอฟรอนไม่จำเป็นต้องใช้กำลังคนมากเพื่อจัดการกับ “อุบัติเหตุ” ที่อาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลันที่มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ได้
ไอฟรอนได้รับเอกสารเพิ่มเติมบางอย่างจากพ่อบ้าน หลังจากที่ไอฟรอนตรวจสอบเรียบร้อยแล้วเขาก็ให้พ่อบ้านส่งเอกสารต่อให้กับซิลลิน “หากไม่มีคำถามเพิ่มเติมโปรดลงชื่อเข้าใช้ที่นี่ ตามที่เราได้ตกลงกันไว้แล้วทางเราจะให้เงินในภารกิจนี้หนึ่งแสน โดยเงินจำนวนห้าหมื่นจะถูกโอนไปยังบัญชีของคุณทุกๆ สิบวัน และเมื่อภารกิจเสร็จสิ้นแล้วจะมีการโอนเพิ่มเติมให้คุณอีกสิบล้านครับ” หลังจากจบคำอธิบายของพ่อบ้านชอว์ตันก็ถามต่อขึ้นมาอย่างกระทันหัน “สิบล้านเหรียญกาแล็คติกงั้นเหรอ?” “เหรียญกาแล็คติก!” ไอฟรอนดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจในข้อสงสัยของชอว์ตันนัก ชอว์ตันคิดว่าตระกูลดัวแอสจะจ่ายเงินค่าจ้างด้วยค่าเงินของทางเขตการปกครองงั้นเหรอ?
อัตราแลกเปลี่ยนของเหรียญกาแล็คซีต่อเหรียญเขตการปกครองคือ 100 ที่เขตน่านน้ำสิบสาม และ10 สำหรับการค้าเขตการปกครอง D ถึง M สำหรับเงินที่ซิลลินได้รับจากการทำงานของเขาทั้งหมดเป็นเหรียญเขตการปกครอง และเขาใช้เงินไม่กี่ล้านเหรียญเพื่อซื้อบัตรเปล่าและบัตรเดบิตจากเขตน่านน้ำสิบสามไปแล้ว เงินที่เขาหามาตลอดสามปีที่ผ่านมาแทบจะเทียบไม่ได้เลยกับเงินจากภารกิจนี้เพียงสิบวัน
ไอฟรอนแสดงความไม่พอใจเจืออยู่ในน้ำเสียง แต่ชอว์ตันกลับเห็นเป็นเรื่องตลกและยิ้มออกมาแทน “ซิลลินเขาเก่งจริงๆ นะคุณรู้ไหม? ถ้าคุณพลาดเขาไปคุณคงไม่สามารถที่จะหาใครให้ดีได้เท่าเขาอีกแล้ว นอกจากนี้เขายังสามารถทำหน้าที่เป็นลูกชาย รวมทั้งเป็นผู้คุ้มกันของคุณได้อีกด้วยนะ..” หลังจากได้ยินชอว์ตันพูดออกมาเช่นนั้น ซิลลินก็กลอกตาของเขาในทันที ตอนนี้เขาได้เห็นแล้วว่าชอว์ตันและดิแอสนั้นเป็นคู่พี่น้องที่เลือดเย็นจริงๆ วิธีการที่พวกเขาพูดนั้นแทบจะเหมือนกันอย่างกับมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณนะ..”
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณเช่นกัน..” ทั้งสองฝ่ายสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาเป็นพวกฉลาด โดยแทบจะไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมด้วยซ้ำ หลังจากข้อตกลงเสร็จสมบูรณ์ทั้งสามก็ลงชื่อไปในเอกสารข้อตกลง พวกเขาได้ลงชื่อไปในสนธิสัญญาสำหรับภารกิจของซิลลินโดยเฉพาะ และจะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเนื้อหาของข้อตกลงนี้ยกเว้นพวกเขาทั้งสามคน
ไอฟรอนจะไม่อยู่ที่เขตปกครองที่สิบสามนานนัก ดังนั้นเขาจึงให้ที่อยู่ของเขาแก่ซิลลิน และให้ซิลลินไปหาเขาตามที่อยู่นั้นในอีกสองวันถัดมา แล้วเขาจะให้คนมารับซิลลินหลังจากที่มาถึงแล้ว
หลังการเจรจาชอว์ตันเดินออกจากโรงแรมด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย แล้วเขาก็ให้ซิลลินกลับไปกับตัวเองก่อน เพราะซิลลินคงไม่ค่อยสะดวกที่จะเดินไปรอบๆ พร้อมกับหน้ากากที่อยู่บนใบหน้าเขาแน่
เนื่องจากสองสามวันผ่านมานี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างน่าหดหู่เหลือเกินสำหรับชอว์ตัน แต่ตอนนี้มันเหมือนทุกอย่างจางหายไปหลังจากที่เขาได้เจรจาธุรกิจกับผู้ชายที่ชื่อไอฟรอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะนี้ผู้บัญชาการชอว์ตันกำลังมองไปที่บัตรเดบิตของเขา และเพลิดเพลินไปกับเวลาในการช็อปปิ้งจับจ่ายซื้อของอยู่ ซึ่งเป็นเวลาที่หาได้ยากยิ่ง เขาไปซื้อข้าวของเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ทีมของเขาดียิ่งขึ้น หลังจากที่กลับมาถึงกองเรือรบหลักแล้วชอว์ตันก็ไปจับมือแสดงความยินดีกับซิลลินเล็กๆ น้อยๆ อีกครั้ง
นี่มันสุดยอดจริงๆ พวกนายต้องได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง.. นี่มักจะเป็นคำพูดที่ชอว์ตันพูดทุกครั้งที่เล่าถึงฉากที่ซิลลินเข้าปะทะกับบอดี้การ์ดส่วนตัวของไอฟรอนที่มีถึงจีโนไทป์ลำดับ A แต่ซิลลินก็ไม่ใช่ย่อย เขาอัดบอดี้การ์ดจนติดกำแพงมาแล้ว โดยที่ชอว์ตันไม่ต้องออกแรงช่วยอะไรเลย ..แล้วมนุษย์จีโนไทป์ลำดับ B ล่ะเป็นยังไงบ้าง? แล้วในทุกครั้งชอว์ตันก็จะตอบคำถามนี้ว่า ..เขาเป็นเหมือนรถหุ้มเกราะมนุษย์เลยล่ะ!
อีกด้านหนึ่ง..ไอฟรอนที่นั่งเงียบๆ ในที่พัก เขาขยับนิ้วมือเป็นจังหวะไปมาตรงที่นั่ง เขากำลังตกอยู่ในห้วงของความคิดหลังจากที่ซิลลินและชอว์ตันออกไปจากโรงแรมได้ไม่นาน แล้วครู่ต่อมาไอฟรอนก็เงยหน้าขึ้นมาและพูดขึ้น “โซโปว์.. ส่งคาร์เนจ เอลฟ์ กลับไปเพื่อปรับปรุงและอัพเกรดใหม่ซะ ถ้ามีปัญหาแก้ไขไม่ได้ก็จัดการทำลายมันได้เลย และเมื่อถึงเวลาที่สมควรก็ไปจัดการดำเนินเรื่องเกี่ยวกับซิลลินที่เซเว่นไลท์ให้เรียบร้อยซะ” “ครับท่าน” คำพูดของไอฟรอนฟังดูง่ายๆ สบายๆ แต่ในฐานะพ่อบ้านประจำตระกูล โซโปว์นั้นรู้ถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของไอฟรอนเป็นอย่างดี
เรื่องแรกที่ไอฟรอนเป็นกังวลคือ.. เรื่องของ “คาร์เนจ เอลฟ์” ซึ่งมันก็คืออาวุธปืนคุ้มกันของไอฟรอน ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยตระกูลดัวแอส เนื่องจากปืนรุ่นนี้มีขนาดเล็กจึงง่ายต่อการลักลอบนำเข้า มันได้ถูกออกแบบให้เรียบง่ายสะดวกต่อการพกพา แต่ซิลลินก็สามารถค้นพบจุดอ่อนและจัดการกับอาวุธปืนรุ่นใหม่นี้ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหากพวกเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ไอฟรอนก็พร้อมที่จะยอมแพ้และเลิกใช้ไปซะจะดีกว่าที่จะต้องมาเสี่ยงชีวิตตัวเองเพราะอาวุธนี้
เรื่องที่สองคือ.. เกี่ยวกับเซเว่นไลท์ แม้ตอนนี้ช่วงเวลาในการลงทะเบียนเรียนของมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ได้ผ่านไปนานแล้วก็ตาม แต่ตอนนี้มหาวิทยาลัยก็ยังไม่เปิดเทอม ดังนั้นในเวลานี้ไอฟรอนจึงต้องรีบส่งคนไปจัดการขั้นตอนเกี่ยวกับการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยของซิลลิน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสำหรับอิทธิพลที่ตระกูลดัวแอสมี
และเรื่องสุดท้ายคือ.. เรื่องที่เกี่ยวกับลูกชายของเขาซึ่งก็คือซิลลินนั่นเอง ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าโลกจะได้รับรู้เกี่ยวกับลูกชายที่พลัดพรากไปของผู้ทรงอิทธิพลไอฟรอน และการดำเนินงานบางอย่างก็จะเริ่มต้นหลังจากนั้นเช่นกัน
หลังจากไปถึงยานรบฝูงบินที่หก ซิลลินรีบไปหาบีเวอร์ทันที ในฐานะที่เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมเทคนิค ซึ่งบีเวอร์นั้นเป็นหัวเรือหลักในเรื่องของการพัฒนาอุปกรณ์เครื่องมือของกองเรือรบ B ฝูงบินที่หก
“ซิลลินนายอยากจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับคริสตัลของนายไหม?” บีเวอร์มองไปที่จี้คริสตัลที่ห้อยอยู่ที่คอของซิลลินและพูดว่า “หากนายต้องการ ฉันสามารถช่วยได้นะ แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าเราต้องใช้พลังงานเพื่อช่วยในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับคริสตัลนั้น แต่อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายสักหน่อยนะ”
“ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไรล่ะ?” ซิลลินถามขึ้นมา
บีเวอร์หยุดคิดสักครู่ และคำนวณค่าใช้จ่ายภายในหัว “อย่างน้อยก็สามหมื่นเหรียญกาแล็คซี”
“ไม่มีปัญหา” เพียงแค่ค่าจ้างที่ซิลลินได้มาจากไอฟรอนเป็นแสนๆ เหรียญกาแล็คซี แค่นี้นับว่าจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาในตอนนี้มาก
บีเวอร์จ้องมองซิลลินพลางคิดว่า.. มันเพิ่งจะผ่านไปสองสามวันเอง เด็กคนนี้ไปร่ำรวยขึ้นตั้งแต่เมื่อไรกันนะ แต่บีเวอร์ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ และไม่ได้ถามคำถามใดๆ ออกไป เพราะดิแอสกำชับกับเขาเอาไว้ว่าอย่าถามคำถามอะไรซิลลินในตอนนี้เพิ่มเติมนอกเหนือจากสิ่งที่จำเป็น บีเวอร์จึงตัดความสงสัยทั้งหมดออกไปและหันไปเรียกซิลลิน..“ตามฉันมาสิซิลลิน”
ผลึกคริสตัลนี้มาจากเถ้าถ่านของคนที่ถูกเผาด้วยไฟฟ้า แล้วนำไปบีบอัดด้วยความดันสูง หลังจากนั้นก็นำไปขึ้นรูปเป็นทรงลูกบาศก์ โดยกระบวนการพวกนี้มีค่าใช้จ่ายเกือบหนึ่งหมื่นเหรียญกาแล็คซี ซึ่งซิลลินได้นำเงินรางวัลในช่วงหลายปีที่เขาทำงานเป็นนักล่าเงามาใช้ในกระบวนการนี้ไปเกือบหมด
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ..บีเวอร์ได้เสริมความแข็งแรงให้กับคริสตัล และส่งมันคืนไปยังซิลลิน หลังจากผ่านการเสริมความแข็งแรงคริสตัลก็มีขนาดเล็กลงเล็กน้อย แต่ก็ยังแข็งและโปร่งใสเช่นเดิม เมื่อนำไปส่องกับแสงก็จะเห็นเป็นภาพจางๆ ของคนๆหนึ่งภายในนั้น “นี่แฟนเก่านายเหรอ?” บีเวอร์ถามขึ้นมาหลังจากที่เห็นภาพที่ปรากฏภายในคริสตัล ซึ่งคนที่อยู่ในภาพไม่ได้มีลักษณะคล้ายคลึงกับซิลลินแม้แต่น้อย ดังนั้นบีเวอร์จึงคิดว่าพวกเขาไม่น่าจะใช่ญาติพี่น้องกัน“ใช่..” ซิลลินตอบแล้วสวมคริสตัลกลับไปที่คอของเขาเช่นเดิม แล้วบีเวอร์ก็ตบไหล่ปลอบใจซิลลิน เพราะเขาเองก็เคยผ่านสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันเช่นนี้มาก่อน “แค่นี้ไม่ถึงตายหรอก ถนนเบื้องหน้ายังอีกยาวไกลน่า..น้องชาย” บีเวอร์ได้แต่หวังว่าบางทีสักวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ ซิลลินคงจะมีโอกาสได้พบกับหญิงสาวที่จะมาเติมเต็มหัวใจของเขา และช่วยลดความเศร้าในอดีตของเขาลงไปได้บ้าง
นอกเหนือจากบีเวอร์ ชอว์ตันและผู้บัญชาการกองพลอื่นอีกสองสามคน ก็ไม่มีใครได้พบซิลลินในช่วงสองวันที่เขากลับไปที่ยานเรือรบเลย ตอนนี้พวกเขากำลังดำเนินมาตรการรักษาความลับของซิลลินให้ดีที่สุด ซึ่งชอว์ตันได้บอกทุกอย่างที่ซิลลินควรได้รู้ไปหมดแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่ซิลลินว่าจะทำความเข้าใจได้มากแค่ไหน
ในอีกสองวันต่อมา..ซิลลินก็สวมหน้ากากและมุ่งหน้าไปยังจุดนัดหมายที่ไอฟรอนได้ให้ไว้ และได้รับข้อมูลประจำตัวของเขาใหม่