ยานรับส่งจะออกทุกสองชั่วโมง เมื่อซิลลินเดินเข้ามาที่ห้องโดยสารที่นี่มีจำนวนคนเพียงหนึ่งในสามของห้องโดยสาร เมื่อดูเวลาแล้วก็ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงการเดินทางครั้งต่อไป ที่นั่งด้านหน้าของซิลลินมีสาวน้อยกลุ่มหนึ่งที่พูดคุยกันเงียบๆ และบางครั้งพวกเขาก็จะมองไปทางคนที่อยู่ภายในห้องโดยสารบ้างเป็นครั้งคราว ไอฟรอนเลือกชุดนี้ให้ซิลลินใส่เพื่อให้เขาดูเหมาะกับการเป็นนายน้อยที่มาจากตระกูลดัวแอส เพราะฉะนั้นสาวๆ ที่นั่งในห้องโดยสารต่างก็ให้ความสนใจกับเขาไม่น้อย แต่ไม่นานพวกเธอก็เบนความสนใจไปยังผู้ที่เข้ามาใหม่
ตามธรรมชาติแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่งของคนที่นั่งอยู่ในห้องโดยสารแห่งนี้มีภูมิหลังครอบครัวที่ดี และมีหน้ามีตาในสังคม ซิลลินนึกถึงเรื่องราวที่บีเวอร์และเพื่อนร่วมก๊วนของเขาได้เล่าขณะที่อยู่บนยานเรือรบ พวกเขาพูดถึงชั้นเรียนของสถาบันการทหารของเขตการปกครองแห่งหนึ่งซึ่งผู้ที่เข้าเรียนยี่สิบเก้าจากสามสิบคนนั้นเป็นลูกหลานของนายพล นั่นหมายถึงบรรพบุรุษของพวกเขาเป็นนายพลระดับสูงแทบทั้งสิ้น ยกเว้นเพียงคนเดียวในชั้นเรียนที่ไม่ได้เป็นลูกหลานของนายพล เขาจึงถูกเยาะเย้ยอย่างมากจากคนอื่นๆ ที่เรียนร่วมชั้นกัน แต่อีกสองวันต่อมาคนเหล่านั้นก็ปิดปากเงียบสนิทเหมือนคนตาย ไม่มีใครล้อเด็กคนนั้นอีกเลย เพราะอะไรรู้ไหม? ..ก็เป็นเพราะว่าเขาคือพันเอก ซึ่งเป็นพันเอกจากสหพันธ์กาแล็คติกตัวจริง! โดยระบบการจัดการของพวกเขาแตกต่างจากเขตการปกครอง นายสิบอาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกันกับพันเอกจากสหพันธ์กาแล็คติก แล้วดิแอสก็เคยเยาะเย้ยซิลลินว่า เขาโชคดีที่ไม่ถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนทหารที่เขตการปกครอง C เพราะเขาจะต้องไปเจอกับพวกลูกหลานของนายทหารชั้นผู้ใหญ่จากกาแล็คซี
ซิลลินยิ้มออกมาอย่างเงียบๆ แล้วหยิบหนังสือคู่มือมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้เขามาหลังจากที่ตรวจเอกสารของเขาเรียบร้อยแล้ว เขาพลิกมันดูอย่างรวดเร็วมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาได้เรียนรู้มาก่อนหน้านี้บ้างแล้ว รวมทั้งความสามารถในการอ่านและการจดจำที่ยอดเยี่ยมซิลลินจึงใช้เวลาเพียงแค่สองนาทีเท่านั้นในการอ่านเนื้อหาที่มีในคู่มือทั้งหมด ซิลลินรู้สึกเสียใจเล็กน้อยขณะที่เขาแตะลวดลายใบไม้ที่นิ้วหัวแม่มือ ซึ่งเป็นส่วนที่มีแหวนที่ได้จากเจญญ่าฝังอยู่ตรงนั้น ..แม้แต่ดาวเคราะห์ทั้งเจ็ดที่มีชื่อเสียงก็ไม่สามารถตรวจจับแหวนของเขาได้ การมีอยู่ของครอบครัวเจญคืออะไรกันแน่นะ?
ซิลลินกดปุ่มตรงที่วางแขน สักพักก็ปรากฏจอแสดงผลภาพออกมาเบื้องหน้าเขา ซิลลินมองไปข้างหน้าเพื่อดูดาวเคราะห์สีสันสวยงามที่มีฉากหลังเป็นสีพื้นเข้มบนหน้าจอ
“เฮ้!! น้องชาย ฉันขอนั่งตรงนี้ด้วยได้ไหม?” ต้นเสียงดังมาจากชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มสดใส เขาถามและชี้ไปยังที่นั่งข้างๆ ซิลลิน เมื่อพิจารณาจากวิธีแต่งตัวของเขาแล้ว แสดงให้เห็นว่าครอบครัวของเขาคงจะมีฐานะดีไม่น้อยเลย
“ได้สิ..แน่นอน” ซิลลินตอบพร้อมกับยิ้มกลับไป เขารู้สึกเหมือนกับคุ้นเคยกับชายคนนี้มาก่อนอย่างไรไม่รู้
“ฉัน..อัลเลน เชฟฟ์ ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายหนุ่มแนะนำตัวเองด้วยความเป็นมิตร
“ฉัน..ซิลลิน” ซิลลินตอบกลับในทันที
ชายหนุ่มนามอัลเลนหัวเราะออกมาเบาๆ และยืดคอเพื่อมองไปที่เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา “อ่าฮ่ะ.. ดูเหมือนว่าจะมีสาวๆ ทรงเสน่ห์ น่ารักๆ มากันเยอะเลยเนอะ เห็นว่าในมหาลัยเซเว่นไลท์มีสาวสวยมากมายเลยล่ะ ดีใจจังที่ได้เจอพวกเธอตั้งแต่สถานที่แรกแบบนี้ ฮิฮิ..ดีสุดๆไปเลย~~” แต่แล้วอัลเลนก็เกาศีรษะของเขาเบาๆ แก้เก้อและหันหลังกลับไปหลังจากที่เห็นแล้วว่าสาวๆ ไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
ภายในห้องโดยสารทุกสิ่งที่เกี่ยวกับความบันเทิงได้ถูกวางเอาไว้ในช่องเก็บสัมภาระ มันคงน่าเบื่อมากถ้าไม่ทำอะไรเลยระหว่างรอยานรับส่งเที่ยวต่อไป ดังนั้นอัลเลนจึงพยายามหาหัวข้อมาคุยกับซิลลิน ซึ่งในฐานะที่เคยเป็นนักล่ามาก่อน ซิลลินก็ได้มีประสบการณ์จากหลายๆที่ เขาจึงสามารถสนทนากับอัลเลนได้ในทุกหัวข้อที่อัลเลนคุยมา
หลังจากอัลเลนเล่าเรื่องราวมหากาพย์ในชีวิตที่แสนสุขสบายของเขาจบแล้ว อัลเลนก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “นี่ๆ ฉันได้ยินมาว่ามหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะไปได้ง่ายๆ นะ ฉันไม่ได้อยากจะไปเรียนที่เขตการปกครอง B นักหรอก เพราะมีการแข่งขันสูงมาก แต่หลังจากที่ฉันเริ่มไปไนต์คลับแบบข้ามคืน พ่อของฉันก็มีมาตรการลดเงินประจำเดือนของฉัน และกดดันให้ฉันมาที่นี่เพื่อให้ฉันมาต่อสู้ด้วยตัวเอง.. อ่า~~ ชีวิตที่โคตรจะมีสีสันของฉัน! อ้อ..แล้วเราจะได้เจอกันอีกทีเมื่อไหร่ล่ะเนี่ยซิลลิน”
เป็นความจริงที่ว่าการรับคนที่มีผลการเรียนที่ไม่ดีนักมาเรียน ครอบครัวของพวกเขาจะต้องเสียเงินจำนวนมหาศาลเพื่อให้ลูกหลานได้เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ ซิลลินรู้ว่าเซเว่นไลท์จะไม่ยอมรับนักเรียนที่มีผลการเรียนแย่มากจนเกินไปโดยคำนึงถึงเพียงแต่จำนวนเงินที่จะได้ นั้นหมายความว่าการที่อัลเลนเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ได้นั้นผลการเรียนของเขาย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แต่ก่อนที่ซิลลินจะทันได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพูดของอัลเลนนั้น เขาก็ได้ยินเสียงต่ำๆ ดังมาจากด้านหลังของพวกเขา
ขณะที่ซิลลินและอัลเลนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ก็มีผู้คนเข้ามายังห้องโดยสารอย่างไม่ขาดสาย จนตอนนี้ห้องโดยสารจุคนไปประมาณสี่ในห้าของห้องแล้ว ในเวลานี้ด้านหลังของซิลลินและอัลเลนก็มีชายหนุ่มมานั่งกันจนเต็มแทบไม่มีเก้าอี้ว่างเลยทีเดียว อัลเลนไม่ได้ตอบโต้อะไรต่อการถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากชายหนุ่มที่นั่งด้านหลังของเขา ในความเป็นจริงตอนนี้เขาพยายามพิงหลังให้ติดกับพนักเก้าอี้เข้าไว้ และเหลือบมองไปยังคนที่กำลังปล่อยข่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยู่
ไม่มีใครสนใจที่จะมองซิลลินและอัลเลนนัก ทุกคนให้ความสนใจไปที่จอแสดงผลที่อยู่เบื้องหน้าทุกคน แม้ว่าเขาทั้งสองจะแต่งตัวแตกต่างจากคนรอบข้าง แต่พวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้แต่งตัวแย่นักซึ่งมันเหมือนจะเรียบง่ายมากกว่าคนอื่นๆ มากจนเกินไปก็เท่านั้นเอง แต่อย่างไรก็ตามเราไม่ควรจะมองคนเพียงเพราะเครื่องแต่งกายของเขา ผู้คนที่สามารถเข้ามานั่งอยู่ในที่แห่งนี้ได้แสดงว่าพวกเขามีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์
“เอ๊ะ?” สายตาของอัลเลนหันไปหยุดอยู่ที่ชายคนหนึ่ง “โอ้.. คัง แมน! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้นั่งอยู่บนยานลำเดียวกันกับยอดอัจฉริยะอย่างนายน่ะ”
มีเพียงคัง แมนที่เยาะเย้ยอัลเลนหลังจากที่ได้ยินคำว่า “ลดเงินประจำเดือน”และ“ชีวิตสบายๆ” ในตอนที่อัลเลนกำลังคุยกับซิลลินอยู่ และเขาก็หันหน้าจากจอมอนิเตอร์ไปยังอัลเลนแล้วพูดขึ้นว่า “นายรู้จักฉันด้วยเหรอ?” นี่อาจดูเหมือนเป็นประโยคคำถาม แต่ซิลลินกลับรู้สึกว่าไม่น่าแปลกใจเลยคำพูดและสายตาของคัง แมนคนนี้ทำให้รู้สึกได้ถึงความเย่อหยิ่งและมีความดื้อรันอยู่ในที
“แน่นอนสิ! คัง แมนยอดอัจฉริยะ นักเรียนที่ได้รับเลือกเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ขณะที่มีอายุได้เพียงสิบสี่ปี นายเผยแพร่ผลการวิจัยที่มีคะแนนมากกว่าห้าสิบคะแนน และทั้งหมดได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์ทางวิชาการด้วยใช่ไหม? ฉันไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกเกี่ยวกับงานวิจัยเรื่องการอ่านรหัสลับแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่นายได้ค้นคว้าเอาไว้” อัลเลนพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คัง แมนพูดออกมาโดยไม่แยแสสักนิดเกี่ยวกับเรื่องที่อัลเลนพูด “มีความเข้าใจเป็นศูนย์..สินะ หึ” แต่อัลเลนก็ยังคงพูดต่อไปไม่หยุด “ฉันนับจำนวนครั้งแทบไม่ได้ที่พ่อดึงหูฉัน และพร่ำบอกว่าในช่วงเวลานี้มีอัจฉริยะที่มีอายุน้อยที่สุด คืออายุเพียงสิบห้าปี มีสองคนเท่านั้นและทุกคนจะรู้จักในชื่อ..ดาวแฝดแห่งเจ็ดดาวเคราะห์เจิดจรัส หนึ่งในนั้นคือนายคัง แมน และอีกคนก็ต้องเป็นไพรส์ สเวกส์..” ทันใดนั้นอัลเลนก็หยุดพูดขณะที่กำลังอ้าปากค้าง และมองไปที่ทางเข้าของห้องโดยสาร
“นั่นคือเขา..ไพรส์ สเวกส์!!” หลังจากที่พยายามจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งอัลเลนก็คว้าแขนของซิลลิน และเริ่มต้นดึงแขนเขาด้วยความตื่นเต้น “ซิลลิน..เขาคือไพรส์ สเวกส์!.. นี่คือไพรส์ สเวกส์จริงๆ โอ้พระเจ้านี่ฉันกำลังนั่งอยู่ในห้องโดยสารเดียวกับดาวแฝดแห่งเจ็ดดาวเคราะห์เจิดจรัส! ฉันจะทำยังไงดี ฉันรู้สึกตื่นเต้นจนบอกไม่ถูกเลย”
นี่นายกำลังทำบ้าอะไรกับฉันเนี่ย!! ซิลลินจ้องมองด้ายที่กำลังจะหลุดออกจากแขนเสื้อของเขา เขารู้สึกคันไม้คันมืออยากจะตีคนข้างๆนัก ไพรส์ สเวกส์ไม่ได้เป็นหญิงสาวสวยสักหน่อย แถมเขายังเป็นเพศเดียวกับนายด้วย มันใช่ไหมเนี่ยที่นายต้องมาทำท่าทางสาวแตกหลังจากเห็นเขาขนาดนั้น ตอนที่นายเห็นคัง แมนนายก็ยังไม่มีท่าทีมากขนาดนี้เลยนี่นา..
เท่าที่จำได้คงเป็นไพรส์ สเวกส์นี่แหละเป็นคนที่ซิลลินเจอที่สะพานเขาถูกกั้นไว้ เหตุเพราะเขามีพี่เลี้ยงมากเกินไป ใบหน้าของไพรส์ สเวกส์ทำให้ผู้หญิงแทบทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาอดไม่ได้ที่จะต้องมองด้วยความรู้สึกเคลิบเคลิ้มปนเอ็นดูซึ่งเขาเองก็คงรู้สึกได้ ซึ่งมันทำให้เขาไม่ค่อยพอใจนิดๆ เขาแสดงท่าทางหมดความอดทนออกมาขณะกำลังเดินเข้ามาในห้องผู้โดยสาร เขาขมวดคิ้วแล้วกวาดตามองไปรอบๆ ห้องโดยสาร และแล้วสายตาของเขาก็ถูกดึงดูดด้วยการโบกมือของใครบางคน
มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลย แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจไม่ได้ อัลเลนเป็นคนเดียวในห้องโดยสารแห่งนี้ที่โบกมือของเขาไปมาอยู่ตรงที่นั่งด้วยความตื่นเต้น พลางชี้นิ้วไปยังที่นั่งว่างเปล่าข้างๆ คัง แมนแล้วทำปากพูดแบบไม่มีเสียงออกมาว่า “ตรงนี้ว่าง! นั่งที่นี่สิ!” ถ้าไม่ใช่เพราะว่าภายในห้องโดยสารนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งเสียงดังและเดินเตร่ได้อย่างอิสระ ซิลลินเชื่อว่าอัลเลนจะต้องโห่ร้องอย่างสุดเสียงและวิ่งไปหาไพรส์ สเวกส์แล้วลากเขามานั่งตรงนี้แน่ๆ
ณ เวลานี้สายตาของทุกคนในห้องโดยสารจับจ้องไปที่อัลเลนเพียงคนเดียวราวกับว่าพวกเขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่ามีลิงซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน.. ซิลลินได้แต่ลดศีรษะลงและก้มอ่านคู่มือมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์อย่างเอาจริงเอาจัง ในขณะที่คัง แมนไม่ยอมละสายตาออกจากหน้าจอมอนิเตอร์เลย ทุกคนทำราวกับไม่รู้จักกับอัลเลนซะอย่างนั้น รวมถึงชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของใบหน้าที่ดูราวกับหนุ่มดอกไม้..ไพรส์ สเวกส์ในตอนนี้หน้าเขากำลังกลายเป็นสีแดง แล้วก็กลายเป็นเขียวและจากเขียวกลายเป็นแดงอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับว่าเหมือนเขากำลังกลายเป็นลิงตัวหนึ่งในสายตาคนอื่นซะเอง ..นี่คือความรู้สึกในขณะนี้ของไพรส์ที่ออกมาจากก้นบึ้งในหัวใจของเขา.. ไอ้บ้านี่แม่งเสือกอะไรด้วยว่ะ!!
ในขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเดินเข้ามาจากข้างนอก หลังจากเขาเห็นไพรส์ยืนนิ่งอยู่ตรงทางเข้า เขาก็รีบตะโกนบอกว่า “เร็วๆ หน่อย หาที่นั่งได้แล้ว ยานกำลังจะออกเดินทางแล้ว” แวบหนึ่งเจ้าหน้าที่ก็เหลือบตาหันไปเห็นจุดที่อัลเลนโบกมืออยู่พอดี “แล้วตรงนั้นล่ะเป็นไง? ที่นั่งตรงนั้นก็ดูดีนะ ไปนั่งตรงนั้นสิ” ไพรส์กัดฟันและยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพร้อมกับเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ คัง แมนด้วยใบหน้าหมองคล้ำ ..นี่มันนรกชัดๆ วันนี้ประตูนรกได้เปิดออกแล้ว!!