px

เรื่อง : Star Rank Hunter
Chapter 17 การมาเยือน..


ไพรส์ไม่มีอะไรจะพูดมากนักวันนี้เขารู้สึกเศร้าใจมาก เขาแทบไม่ทันได้หายใจหายคอด้วยซ้ำ วันนี้เขาเพิ่งจะกำลังเริ่มไปเรียนในมหาวิทยาลัย แต่พ่อก็ดันส่งยานอวกาศห้าลำให้มากับเขา และแม้กระทั่งหลังจากที่เขาไปยังจุดรอขึ้นยานรับส่งที่สถานี ก็มีบอดี้การ์ดคอยติดตามหลายคนจนทำให้เขาต้องถูกกั้นที่สะพาน จนตอนนี้พอเข้ามาถึงห้องโดยสารเขาก็ยังต้องมาเจอกับสายตาที่จ้องมองมาพร้อมกับนินทาว่า “ดูบอดี้การ์ดที่เจ้าหน้าทารกนั่นพามาด้วยสิ ทำตัวตลกชะมัด ให้ตายสิ” แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงกัดฟันและข่มความโกรธไว้ข้างใน

ในที่สุดเขาก็รอดพ้นจากสายตาพวกนั้น เขาได้แต่เดินตรงไปยังห้องโดยสาร วันนี้คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว ความภาคภูมิใจของเขาแทบไม่เหลือเขาเดินผ่านฝูงชนไป และนั่งลงไปตรงที่นั่งว่างข้างๆ คัง แมนโดยไม่ได้เหลือบไปมองเลยสักนิด แล้วเขาก็จ้องไปที่อัลเลนครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดจอมอนิเตอร์เพื่อตรวจสอบดูว่าบอดี้การ์ดที่ครอบครัวเขาส่งมาคุ้มกันนั้นกลับออกไปหรือยัง

ความคิดของไพรส์ที่แสดงออกมาทางสีหน้าคือ อย่า-เข้ามา-ใกล้-ฉัน ซึ่งแสดงเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกคน นั่นจึงทำให้หลายๆ คนเคยชินกับมัน

“ไพรส์ สเวกส์ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกับนาย ชื่อของฉันคือ อัลเลน เชฟฟ์ และฉันได้ลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ในเทอมนี้ด้วย นั่นหมายความว่าในตอนนี้พวกเราก็ได้เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันแล้ว” อัลเลนยื่นมือออกไปทักทายด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขสุดๆ แต่ไพรส์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองอัลเลนเลยซักนิด ทั้งยังตอบกลับมาด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวว่า “ฉันไม่สนหรอก ช่างหัวนายสิ ไอ้หอมแดงเอ้ย!!” อัลเลนยังไม่มีสติพอจะตอบโต้หลังจากที่เขาถูกเรียกว่า “หอมแดง” แต่ซิลลินเข้าใจมันได้ในทันที

ซิลลินเคยได้ยินจากดิแอสมาเมื่อนานมาแล้วว่ามีเรื่องแปลกประหลาดหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย ซึ่งวันนี้เขาก็ได้เรียนรู้บทเรียนมาหนึ่งอย่างแล้ว

“ฉันมักจะดูวีดีโอการสู้รบของนาย นายดูน่าทึ่งมากเลย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะสามารถทำออกมาได้สุดยอดขนาดนี้” คำสรรเสริญเยินยอพรั่งพรูออกมาจากปากของอัลเลนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าไพรส์จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แต่ซิลลินก็แอบเห็นแวบหนึ่งว่าไพรส์แอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่จากนั้นเขาก็รีบหุบยิ้มรักษาฟอร์มตีหน้านิ่งเอาไว้เช่นเดิม ซึ่งในความคิดเห็นของซิลลินรู้สึกว่าถ้าไพรส์มีหาง หางเขาคงจะชี้ขึ้นไปบนฟ้าและกระดิกอย่างดีใจหลังจากที่ได้ยินคำพวกนี้เป็นแน่ ไม่งั้นทำไมเขาถึงยังปล่อยให้อัลเลนพูดไปเรื่อยไม่หยุดอย่างกับปืนกลขนาดนี้โดยที่ไม่คิดจะหยุดเขาเลย ช่างเป็นคนที่เข้าใจยากจริงๆ.. นี่เป็นสิ่งที่ซิลลินคิดเกี่ยวกับไพรส์

คัง แมนกระพริบตาเบาๆ อีกครั้งก่อนที่จะจ้องมองไปยังจอมอนิเตอร์ที่แสดงอยู่ เขาไม่ได้สนใจอัลเลนหรือไพรส์เลยสักนิด และไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าไพรส์กำลังดื่มด่ำไปกับคำสรรเสริญของอัลเลนอยู่แค่ไหนนอกจากนั้นบางคนที่นั่งอยู่รอบๆ พวกเขาก็หันมาให้ความสนใจกับการสนทนาในครั้งนี้ เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของอัลเลนก็เข้ามาร่วมวงสนทนาสรรเสริญไพรส์ด้วย ไพรส์เชิดคางขึ้นเล็กน้อยแสดงถึงความพึงพอใจในคำเยินยอ พร้อมทั้งพูดออกมาอย่างภูมิใจว่า “ฉันรู้มานานแล้วล่ะ..” ถ้ามีใครบอกว่าคัง แมนซ่อนความภูมิใจในตัวเองเอาไว้แล้วล่ะก็ ไพรส์เองก็มีความชัดเจนเหมือนกับชื่อของเขาเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นการที่ไพรส์จะภาคภูมิใจในตัวเองก็ไม่แปลก เพราะเขามีดีพอให้ภูมิใจ ถ้าไม่พูดถึงภูมิหลังของครอบครัวและปัจจัยที่คล้ายคลึงอื่นๆ ถ้ามีคนบอกว่าคัง แมนคือหนึ่งในดาวแฝดแห่งเจ็ดดาวเคราะห์เจิดจรัส ไพรส์เองก็ไม่แพ้กัน ทักษะการเป็นนักบินของเขานั้นโดดเด่นที่สุดในบรรดาเด็กรุ่นเดียวกัน และไม่ต้องพูดถึงเรื่องเครื่องกลเขาเองก็ไม่เป็นสองรองใคร ซึ่งอัลเลนรู้สึกเสียใจมากที่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้พกกล้องถ่ายรูปเข้ามาในห้องโดยสาร มิเช่นนั้นเขาคงจะขอถ่ายภาพกับดาวแฝดแห่งเจ็ดดาวเคราะห์เจิดจรัสไปแล้ว แน่นอนว่ามันจะต้องทำให้พ่อของเขาประหลาดใจมากแน่ๆ

แม้ว่าอัลเลนและคนอื่นๆ จะให้ความสนใจกับดาวแฝดแห่งเจ็ดดาวเคราะห์เจิดจรัส แต่เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้สนใจอัจฉริยะที่มีภูมิหลังครอบครัวที่ธรรมดาอย่างคัง แมนมากนัก เหตุผลหนึ่งที่พวกเขาเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์กันนั้นเพราะว่าที่นี่เป็นเหมือนเวทีในการพบปะสร้างสัมพันธ์กันระหว่างทายาทของตระกูลใหญ่ๆ เพื่อปูทางไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีในอนาคต เห็นได้ชัดเจนว่าเยาวชนเหล่านี้เกิดมาเพื่อพูดคุยคบค้าสมาคมกับพวกที่คาบช้อนทองมาเกิดเหมือนกัน ดังนั้นคัง แมนจึงไม่ได้ถูกจัดอยู่ในวงสังคมของพวกเขา และแม้ว่าคัง แมนอาจจะเป็นหนึ่งในดาวแฝดแห่งเจ็ดดาวเคราะห์เจิดจรัสแต่ความสามารถของเขาเน้นไปในทางนักวิชาการ ดังนั้นจึงทำให้คนอื่นมีหัวข้อที่จะคุยกับคัง แมนน้อยมาก แน่นอนว่าอัลเลนถือเป็นข้อยกเว้นคนนึง..

คัง แมนไม่ได้แสดงอารมณ์ออกไปมากนัก เขายังคงเยือกเย็นนิ่งสงบ และไม่ได้สนใจในคำพูดของคนพวกนี้มากนัก “นายสามารถอธิบายให้ฉันฟังเกี่ยวกับการเข้ารหัสแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่อัลเลนเคยพูดถึงมาก่อนหรือไม่? แล้วการเข้ารหัสด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ต้องใช้สนามแม่เหล็กหรือไม่? แล้วนายจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสนามแม่เหล็กและปัจจัยอื่นๆ จะไม่ทำให้เกิดความผิดเพี้ยนไปจากสูตร....” ซิลลินถามคัง แมนเกี่ยวกับตัวเลขอิเล็กทรอนิกส์ที่คัง แมนค้นคว้าซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ซิลลินรู้สึกสนใจ ซึ่งเขาเคยคุยเรื่องนี้กับยูดี้แต่ไม่ได้ลงประเด็นลึกมากนัก แต่ในตอนนี้ความรู้สึกอยากรู้อยากของซิลลินได้ถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้งแล้ว

คัง แมนมองซิลลินด้วยความประหลาดใจ คนที่จะสามารถอ้างอิงสูตรเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องจะต้องมีความเข้าใจในเรื่องนี้อยู่บ้าง นั่นเป็นเหตุผลที่คัง แมนไม่ละเลยในคำถามของซิลลิน เขาจึงปิดจอแสดงผลแล้วกดปุ่มอีกชุดหนึ่งบนที่วางแขนและหยิบเอากระดานอิเล็กทรอนิกส์ออกมาแล้วค่อยๆ เริ่มอธิบายถึงสิ่งต่างๆ ให้ซิลลินฟัง ทั้งคู่ได้พูดคุยเกี่ยวกับพื้นฐานการเข้ารหัสลับ การเข้ารหัสด้วยแสง และสุดท้ายคือการเข้ารหัสด้วยแม่เหล็ก ซิลลินได้เคยลองเขียนสูตรง่ายๆ ขึ้นมาเมื่อตอนที่เขาได้คุยกับยูดี้ จากเรื่องนี้ทำให้คัง แมนมองซิลลินในมุมที่เปลี่ยนไป พวกเขาพูดคุยถึงงานวิจัยทางวิชาการในเรื่องการเข้ารหัส นั่นทำให้คัง แมนรู้สึกว่าซิลลินนั้นมีความรู้ด้านนี้อย่างแท้จริงต่างจากคนอื่นทั่วๆ ไป

จากการสนทนาของซิลลินและคัง แมน ทำให้ความสนใจของไพรส์เองเปลี่ยนไป แม้ว่าดวงตาของเขาจะจ้องมองที่จอแสดงมอนิเตอร์อยู่ตลอด แต่เขาไม่ได้โฟกัสไปที่หน้าจอแม้แต่น้อย เขากลับสนใจเรื่องที่ซิลลินและคัง แมนคุยกัน เขาอาจจะไม่รู้เรื่องที่ทั้งสองพูดถึงนัก แต่ก็สามารถเข้าใจเนื้อหาในบางส่วนได้

หลังจากนั้นไม่นานอัลเลนซึ่งตอนแรกกำลังสนใจคุยกับคนรอบข้างอยู่นั้นก็หันมาเห็นซิลลินและคังแมนกระซิบกระซาบคุยกัน แล้วเขาก็เห็นกระดานอิเล็กทรอนิกส์ของคัง แมนถูกเขียนจนเต็มไปด้วยสูตรการเข้ารหัส แล้วซิลลินก็มองคัง แมนด้วยความชื่นชม ส่วนอัลเลนนั้นไม่ว่าสิ่งที่คัง แมนเขียนจะเป็นสูตรหรืออะไรก็ช่าง สำหรับเขานั้นมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลสักนิด

หลังจากยานขนส่งได้จอดลงบนมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ ตามกฎที่ถูกเขียนขึ้นในคู่มือมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์สำหรับนักศึกษาที่เข้ามาเรียนใหม่นั้น พวกเขาจะต้องได้รับบัตรเซเว่นไลท์ซึ่งบัตรนี้เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการซื้อสินค้า ใช้ในการจองที่นั่งและในการดำรงชีวิตที่ดาวนี้ แต่เมื่อคุณนำบัตรนี้ออกไปที่ดาวเคราะห์อื่นมันก็จะกลายเป็นของไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง

หลังจากที่พวกเขาได้บัตรเซเว่นไลท์ พร้อมกับบัตรประจำตัวประชาชนและใบเสร็จรับเงินเรียบร้อยแล้ว ซิลลินก็ได้โอนเงินจากบัตรที่ไอฟรอนให้ไว้ไปยังบัตรเซเว่นไลท์ โดยนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาเป็นนักศึกษาใหม่บัตรเซเว่นไลท์ของซิลลินจะเป็นสีแดงเข้ม และเมื่อการเรียนเริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้วหลังจากนั้นเขาจะสามารถอัพเกรดบัตรเซเว่นไลท์ได้ หากว่าเกรดการศึกษาของเขาถึงเป้าหมายที่ทางมหาวิทยาลัยได้กำหนดเอาไว้ โดยบัตรของเซเว่นไลท์สามารถแบ่งออกได้เป็นเจ็ดลำดับขั้น ได้แก่ สีแดงเข้ม, สีส้ม, สีเหลือง, สีเขียว, สีฟ้าอมเขียว, สีฟ้า และสีม่วงตามลำดับ โดยลำดับขั้นต่างๆ จะมีสิทธิและอำนาจแตกต่างกันในมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับตัวนักศึกษาเองที่จะพยายามอัพเกรดลำดับขั้นบัตรของพวกเขาให้สูงขึ้นได้มากแค่ไหน

มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์เป็นที่ที่ค่อนข้างเป็นอิสระ และที่นี่ไม่ใช่เพียงแห่งเดียวที่เป็นเช่นนั้น เพราะยังมีสถาบันการศึกษาอีกหลายแห่งในเขตการปกครอง B และโรงเรียนเตรียมทหารในเขตการปกครอง C ก็มีระบบที่คล้ายๆ กันด้วย

หลังจากนั้นคัง แมนได้ไปเยี่ยมเยียนศาสตราจารย์ที่มีอายุท่านหนึ่ง และเขาก็ต้องการที่จะพาซิลลินไปด้วย ศาสตราจารย์นั้นเป็นมิตรกับบรรดาผู้ที่มีส่วนร่วมในการศึกษาทางวิชาการ แต่ซิลลินก็ปฏิเสธไป เขานั้นมีแผนการในชีวิตของเขาเองแล้วเขาเองก็ไม่ใช่นักวิจัยด้านวิชาการด้วย

หลังจากที่ซิลลินลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เขาก็นำกระเป๋าเดินทางเบาๆ ของเขาออกจากช่องเก็บสัมภาระที่ด้านหลังแล้วเดินออกจากท่าอากาศยานไป ขณะที่เขากำลังเดินออกไปก็เห็นรถบินสองชั้นหยุดอยู่ที่ทางเข้าเพื่อรอผู้โดยสารอยู่ ซิลลินเชิดคางขึ้นด้วยความภูมิใจแล้วเดินเข้าไป เขาส่งกระเป๋าใบเล็กๆ ของเขาไปให้กับบอดี้การ์ดคนหนึ่งและเข้าไปยังรถบินที่จอดอยู่

ซิลลินไม่คิดว่าภูมิหลังของไพรส์นั้นจะดีพอที่จะได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าคนอื่นแม้กระทั่งตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีหลายคนที่ห้องโดยสารแสดงความไม่พอใจอย่างเปิดเผย และสงสัยว่าตัวตนของไพรส์นั้นคือใคร จนกระทั่งเมื่ออัลเลนเผยถึงความสำเร็จบางอย่างของไพรส์ขึ้นมา

ซิลลินสั่นศีรษะเบาๆ และปล่อยวางเรื่องเล็กน้อยในหัวเอาไว้ก่อน ตอนนี้เขาได้มาถึงร้านขายอุปกรณ์สื่อสาร และได้ซื้อสายรัดข้อมือเซเว่นไลท์ที่มีเครือข่ายการสื่อสารและอุปกรณ์รับสัญญาณแบบพิเศษของตัวเอง ซึ่งอุปกรณ์การสื่อสารที่นำมาจากดาวเคราะห์ดวงอื่นไม่สามารถนำมาใช้งานได้ที่นี่ เขาจึงจำเป็นจะต้องซื้ออุปกรณ์การสื่อสารอันใหม่

ซิลลินไม่ได้วางแผนที่จะลงทะเบียนเรียนในทันที ซึ่งการลงทะเบียนชั้นเรียนจะดำเนินต่อไปในอีกหกหรือเจ็ดวันข้างหน้า ตามนิสัยของนักล่าซิลลินจึงได้แวะไปยังสถานที่สำคัญที่มีเพียงไม่กี่แห่งบนดาวเคราะห์แห่งนี้ และหลังจากที่เขาซื้อแผนที่ของดาวเคราะห์นี้แล้ว ซิลลินก็กระโดดขึ้นไปบนรถไฟแม็กเลฟ (รถไฟพลังแม่เหล็กความเร็วสูง) ที่เดินทางไปทั่วโลก เพื่อเริ่มออกผจญภัยบนดาวเคราะห์ดวงใหม่แห่งนี้..

รีวิวผู้อ่าน