ซิลลินหันไปตามเสียงเรียก เขาเห็นชายชราคนหนึ่งผมสีเทากำลังตะโกนเรียกเขาจากที่นั่งที่ไม่ไกลออกไปมากนัก และกำลังถือชิ้นส่วนบางอย่างที่มัดรวมกันไว้ในมือของเขา เมื่อเห็นว่าซิลลินมองข้ามไป ชายชราจึงชี้ไปที่ขอบเก้าอี้ของซิลลินและพูดว่า “เด็กน้อย..ขอฉันยืมมือนายหน่อยสิ”
ขณะที่ชายชราพูดเขาก็หอบเล็กน้อย คงอาจเป็นเพราะความอ่อนล้าของเขาล่ะมั้ง.. แล้วซิลลินก็หยิบส่วนที่รีดติดไปกับขอบของที่นั่งของเขาออกมา และลุกขึ้นเดินเอาไปให้กับชายชรา
“ขอบคุณมากนะหนุ่มน้อย..” ชายชราพูดออกมายิ้มๆ
“ขอโทษนะลุง.. แต่ผมน่ะเกือบสิบแปดปีแล้วนะ”
“โอ้..เธออายุแปดขวบใช่ไหมล่ะ? ก็คนแก่อย่างฉันน่ะอายุร้อยสามสิบปีล่ะ”
ซิลลินถึงกับพูดไม่ออก “.....” โอ้เยี่ยม!! ..เขาเป็นเด็กจริงๆ ด้วยนิ
หลังจากที่ชายชราได้ชิ้นส่วนแล้ว เขาก็เริ่มรวบรวมมันเอาไว้ในมือของเขา และเริ่มต่อซ็อกเก็ตทุกตัวเข้าด้วยกัน การเชื่อมต่อกันหลายๆ ชิ้นส่วนนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทคนิค และผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับงานแบบนี้คงจะต้องใช้เวลาหลายสิบนาทีเพื่อต่อเพียงแค่ส่วนเดียว แต่ชายชราคนนี้ได้ต่อพวกชิ้นส่วนทั้งหลายทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ภายในไม่กี่วินาที ซึ่งดูจากลักษณะแล้วเขาคงเป็นคนที่เก่งในงานด้านนี้มากแน่ๆ นิ้วทุกนิ้วของเขาทำงานสอดประสานกันได้เป็นอย่างดี ใช้ในการประคอง,ทำให้เกิดสมดุล,การกดให้ชิ้นส่วนต่อเข้าด้วยกัน ...
แม้ว่าชายชราจะดูท่าทางเหนื่อยๆ ก่อนหน้านี้ แต่ว่ามือของเขานั้นมั่นคงมาก ชิ้นส่วนที่อยู่ในมือของเขานั้นเป็นเหมือนชิ้นส่วนต่างๆ ที่ถูกประกอบขึ้นทีละเล็กทีละน้อยจนเป็นงานศิลปะที่โดดเด่นขึ้นมา.. และชายชรานั้นกำลังรวบรวมงานของเขาอย่างจริงจัง แล้วซิลลินเองก็กำลังตั้งใจดูอย่างจริงจังด้วยเช่นกัน ระหว่างกำลังสังเกตการณ์กระทำของชายชรา ซิลลินเองก็ได้เรียนรู้เทคนิคการประกอบหลายๆ อย่าง ซิลลินไม่เคยเห็นใครที่สามารถใช้นิ้วมือได้อย่างดีเยี่ยมขนาดนี้มาก่อน แม้กระทั่งช่องว่างระหว่างนิ้วมือของเขาก็ยังมีบทบาทไปด้วย ดูไปก็เหมือนกับชิ้นส่วนกำลังเต้นรำอยู่บนนิ้วมือของชายชราก่อนที่พวกมันจะถูกนำลงมาประกอบลงบนตัวเครื่องในเวลาถัดมา ซิลลินได้สังเกตเห็นว่าชายชรามีความเชี่ยวชาญอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเพียงแค่มองครั้งเดียวในจุดที่ต้องใช้เชื่อมต่อ และหันมากวาดตามองกองชิ้นส่วนอื่นๆ บนตัก แล้วเลือกหยิบขึ้นมาได้โดยไม่มีผิดพลาดเลยสักนิด
ขณะที่ชายชรากำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมชิ้นส่วน ภายในหัวของซิลลินก็จินตนาการภาพสามมิติถึงรูปร่างที่ชายชรากำลังสร้างขึ้นมาด้วยเช่นกัน เมื่อมีการประกอบชิ้นส่วนหนึ่งไปแล้ว ภาพส่วนถัดไปที่จะประกอบเข้าด้วยกันก็ปรากฏขึ้นในหัว หลังจากนั้นสายตาของซิลลินที่มองไปและนิ้วของชายชราก็หยิบไปยังชิ้นส่วนที่ถูกต้องนั้นแทบจะในเวลาเดียวกันเลยทีเดียว
อีกสิบนาทีต่อมาหุ่นยนต์ตัวเล็กๆ ขนาดสิบห้าเซนติเมตรก็ถูกต่อขึ้นอย่างเสร็จสมบูรณ์ ซิลลินได้เฝ้าดูกระบวนการประกอบตั้งแต่ต้นจนจบ และเขาก็รู้ดีว่าการเชื่อมต่อของวงจร ชิปและส่วนอื่นๆ ของหุ่นยนต์นั้นเป็นอย่างไร แม้กระทั่งวิศวกรบางคนที่เขาเคยพบในดาวเคราะห์สีน้ำตาลก็ไม่สามารถต่อหุ่นยนต์ตัวนี้ให้เสร็จสิ้นได้ภายในเวลาสั้นๆ อย่างน้อยก็คงใช้เวลามากกว่าครึ่งวันเป็นอย่างน้อยกว่าจะออกมาเสร็จสมบูรณ์ และแม้ว่าจะทดสอบแล้วผ่านการตรวจสอบคุณภาพหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ทราบคือชายชราสามารถสร้างได้เสร็จสิ้นในเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น แน่นอนว่านี่จะต้องได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน
“เอ๊ะ?” กว่าชายชราจะเสร็จสิ้นการต่อหุ่นยนต์ เขาก็เพิ่งกระหนักได้ว่ามีเด็กหนุ่มอยู่ด้านข้างเขา และได้ช่วยเขาหยิบชิ้นส่วนบางอันขึ้นมาด้วย ในตอนนี้ดวงตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยความสนอกสนใจ เขาจึงถามซิลลินขึ้นมาว่า “เธอก็สนใจด้วยเหรอ? ..เด็กน้อย” ซิลลินมองไปที่หุ่นยนต์ตัวเล็กๆ ที่เต้นรำอย่างสวยงามอยู่บนมือของเขา และตอบว่า “ไม่..” หลังจากนั้นเขาก็หันไปรอบๆ แล้วกลับไปนั่งที่เดิม
“เอาน่าเด็กน้อย.. อย่าเสียเวลาเลย มานั่งคุยเป็นเพื่อนฉันดีกว่า มันน่าเบื่อนะถ้าฉันจะต้องนั่งรอรถไฟอยู่คนเดียวน่ะ”
แต่ฉันก็เห็นว่าคุณก็มีความสุขดีนี่ ..ซิลลินได้แต่คิดในใจ
“งั้นผมไปเอากระเป๋า และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของผมก่อนแล้วกัน”
“ทิ้งไว้ตรงนั้นก่อนก็ได้ ไม่มีใครมาเอาไปหรอก.. มานี่เถอะๆ” ชายชรากลัวว่าซิลลินจะหนีไปจึงรีบขยับตัวออกไปเพื่อให้ซิลลินนั่งข้างๆ เขา
ซิลลินลุกขึ้น แล้วมองไปที่กระเป๋าเป้และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเขาก่อนที่จะนั่งลงข้างชายชรา
“นี่เด็กน้อย.. เมื่อกี้เธอได้เห็นวิธีการที่ฉันประกอบชิ้นส่วนขึ้นมาไหม?” ชายชราถามซิลลิน
ซิลลินพยักหน้าเป็นคำตอบ
“นายเห็นทุกอย่างชัดเจนรึเปล่า?” ชายชราถาม
ซิลลินลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า “มีบางส่วนที่ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร”
“ตรงไหน?” ชายชราถามกลับมาแทบจะในทันที ซิลลินจึงชี้ให้เห็นถึงจุดที่เขาสงสัย เขาอาจจะจำการเคลื่อนไหวของชายชราได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็มีอยู่บางส่วนที่เขาไม่ค่อยเข้าใจนัก
ชายชราประหลาดใจมากในคำถามที่ซิลลินถามเขา เพราะนี่ไม่ใช่คำถามที่จะถามออกมาได้ หากไม่เข้าใจในการประกอบหุ่นยนต์รุ่นนี้ในระดับหนึ่ง แสดงว่าซิลลินสามารถเข้าใจมันได้ แต่อย่างไรก็ตามชายชราคนนี้ก็ไม่ได้แสดงความประหลาดใจออกมาทางสีหน้าของเขามากนัก และเขายังคงมุ่งความสนใจไปที่การแก้ไขข้อสงสัยของซิลลินทีละข้อ ชายชราพยายามอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายและตรงไปตรงมา เขาไม่ได้ทำตัวเหมือนเป็นอาจารย์ผู้มีพรสวรรค์ที่ใช้คำศัพท์ยากๆ เพื่อแสดงความรู้และความเชี่ยวชาญของเขา
“วงจรไฟฟ้าเป็นระบบประสาทของหุ่นยนต์ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการติดตั้งระบบประสาทนี้ให้ถูกต้องและไม่ผิดพลาด ซึ่งของพวกนี้มันอยู่ที่ประสบการณ์ หากเธอทำการฝึกฝนบ่อยๆ ก็สามารถเก่งขึ้นได้อย่างแน่นอน” หลังจากเชื่อมต่อวงจรไฟฟ้าแล้ว ชายชราก็ชี้ไปที่บางส่วนของหุ่นยนต์ “สิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือนเรียบง่าย และไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ในขั้นตอนของการผลิต ลองมาดูตัวอย่างกันเถอะ ..หากเธอชอบที่จะเล่นปืน เธออาจจะไปสั่งซื้อพวกบาร์เรลหรืออาวุธปืนชนิดอื่นๆ มาเป็นเจ้าของ และคงจะไม่ได้ใส่ใจในกระบวนการผลิตสักเท่าไร ซึ่งเราจะยังไม่พูดถึงเรื่องการออกแบบ เพราะนั่นเป็นงานที่เหน็ดเหนื่อยที่สุด หลังจากที่ออกแบบแล้วเธอจะต้องเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสม หลังจากนั้นก็คว้านตัวถังให้เป็นช่องว่าง.. ตัดตกแต่งเป็นร่องเกลียวของลำกล้องปืน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ต้องการความแม่นยำเป็นอย่างมาก”
ชายชราค่อยๆ พูดเรื่องของเขามากขึ้นเรื่อยๆ เขาได้พูดถึงปืนที่เป็นที่นิยมและขายดีเพียงไม่กี่ชิ้น แล้วนำโมเดลที่ทำขึ้นมาเป็นตัวอย่าง และแยกออกมาให้ดู ในกลุ่มที่เขาพูดถึงมีปืนไทเทเนียมอเนกประสงค์รุ่น DKC ซึ่งเป็นที่นิยมมากของคนหนุ่มสาว และรุ่นคาร์เนจ เอลฟ์ ซึ่งซิลลินเคยได้เห็นมาก่อน
“แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ฉันได้ยินมาว่ามีคนโง่กลุ่มหนึ่งในตระกูลดัวแอส เดินทางมาพร้อมกับปืนรุ่นคาร์เนจ เอลฟ์ ทู ฉันไม่ได้รู้รายละเอียดเฉพาะอะไรมาก ก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่มีข้อบกพร่องร้ายแรงเหมือนกับรุ่นคาร์เนจ เอลฟ์ วัน...” ชายชราทำท่าน้ำลายไหลด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเป็นเชิงล้อเลียน แม้ว่าซิลลินจะไม่ได้พูดอะไรออกมาก็ตาม แต่จากสายตาที่สงบไม่มีข้อโต้แย้งของซิลลิน ชายชราคงคิดว่าซิลลินเห็นด้วยกับเขา หลังจากนั้นคำวิพากษ์วิจารณ์ของชายชราก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามซิลลินก็ยังคงรู้สึกเดือดดาลอยู่ภายใน.. กลุ่มคนโง่ในตระกูลดัวแอสงั้นเหรอ.. ก็ตอนนี้เขากำลังแขวนป้ายชื่อตระกูลดัวแอสไว้ที่คออยู่นี่ไง!!
ดิ๊ง~~~~~~~~ ดิ๊ง~~~~~~~~ ดิ๊ง~~~~~~~~
เสียงระฆังดังขึ้น ตอนนี้รถไฟมาถึงแล้ว คนที่กำลังรอรถไฟอยู่ที่สถานีกำลังลุกขึ้นยืนรอที่จะเข้าไปในรถไฟ และคนที่อยู่ในห้องรับรองที่รอรถไฟอยู่ก็กำลังหลั่งไหลเข้ามาเช่นกัน
“คุณครับ..ให้ผมช่วยไหม? คุณเพิ่งมาขึ้นรถไฟเป็นครั้งแรกใช่ไหม..” ซิลลินช่วยชายชรายกสองถุงที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนมากมาย พร้อมกับช่วยชายชรายกมันขึ้นไปบนรถไฟก่อนที่รถไฟเที่ยวนี้จะออกเดินทางอีกครั้ง สำหรับกระเป๋าเป้และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของซิลลินนั้นชายชราก็เป็นคนช่วยยกขึ้นรถไฟ แม้ว่าน้ำหนักของสองชิ้นนี้จะไม่หนักเท่าไร แต่มันก็เป็นงานที่ต้องใช้กำลังพอสมควรสำหรับคนที่อายุมากอย่างเขา แต่มันก็ทำให้ซิลลินรู้สึกประทับใจใจจิตวิญญาณการศึกษาค้นคว้าของชายชรา ไม่ว่าเขาจะเหนื่อยมากแค่ไหน แต่ถ้าเกี่ยวกับการศึกษาค้นคว้าแล้วล่ะก็ เขาก็สามารถละความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าของเขาออกไปแล้วหันมามุ่งความสนใจให้กับสิ่งที่ต้องการค้นคว้าได้อย่างสมบูรณ์เลยทีเดียว
“โอ้ว.. เธอนี่เป็นเด็กดีจริงๆ เธอชื่ออะไรนะ? แล้วที่ปรึกษาหัวหน้าของหลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลเป็นใครเหรอ? เผื่อว่าฉันจะไปพูดคุยกับที่ปรึกษาหัวหน้าของเธอในภายหลัง ให้เค้าให้ความไว้วางใจเธอมากขึ้น” ชายชราถามขณะที่เดินไปทางประตูทางเข้ารถไฟ
แม้ว่าตามหลักการผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตร(GPA) ของนักเรียนจะต้องเคร่งครัดตามผลการเรียนของพวกเขา แต่ในความเป็นจริงนั้นมีหลายองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับเกรดเฉลี่ยที่กำหนดไว้ ถ้ามีคำแนะนำหรือคำบอกกล่าวจากผู้อื่น อาจารย์ปรึกษาประจำชั้นเรียนก็อาจจะให้คะแนนสูงขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าทุกหลักสูตรจะมีพี่เลี้ยงมากมาย แต่จำนวนอาจารย์ที่ปรึกษานั้นไม่เกินห้าคน เนื่องจากชายชราเริ่มต้นจากการตีเบสบอลกับที่หัวหน้าอาจารย์ปรึกษา สถานะของเขาในมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์นั้นค่อนข้างสูง แต่เค้าก็ค่อนข้างจะทำตัวติดดิน เพราะคนทั่วไปก็ไม่ได้มียานพาหนะส่วนตัวเป็นของตนเองกันทุกคน
“ผมต้องขอบคุณคุณจริงๆ แต่ผมเป็นนักเรียนใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าเรียนในระยะนี้ ผมยังไม่ได้ลงทะเบียนเลยดังนั้นผมจึงยังไม่ทราบว่าใครเป็นที่ปรึกษาของผม”
“เธอเป็นนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษหรือเปล่า?” ชายชราเอ่ยปากถามซิลลิน
“ป่าวครับ.. ครอบครัวของผมใช้เงินจำนวนหนึ่งยัดผมให้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์น่ะครับ”
ชายชรารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากที่หยุดพูดไปชั่วคราวเขาก็พูดขึ้นมาว่า “เธอมีสิทธิที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษนะ!!” คำพูดของชายชราดูหนักแน่นมาก แม้ว่าคำนำหน้าตามปกติเช่น “ฉันรู้สึก” หรือ “ฉันคิดว่า” จะหายไปขณะที่เขาพูดออกมาตรงๆ อย่างจริงจังในทำนองว่า “คำพูดของฉันคือความถูกต้องตามกฎหมาย” มันอาจเนื่องมาจากลักษณะของชายชรา เขาคงจะคุ้นเคยกับการพูดคุยแบบนี้เอง
ชายชรารู้สึกไม่ค่อยพอใจนักกับข้อเท็จจริงที่ว่านักเรียนคนหนึ่งที่ชื่อ ซิลลิน ไม่ได้รับการคัดเลือกและให้เกียรติสักครั้งเนื่องจากมีความสามารถถึงขนาดนี้ “เธอชื่ออะไรนะ!!”
ซิลลินยิ้มและวางถุงชิ้นส่วนลงไปทั้งสองข้างที่นั่งของชายชราก่อนจะตอบว่า “เรียกผมว่า...”
บรื้น~~~~~~~~~ บรื้น~~~~~~~~~
แล้วเสียงของการเร่งเครื่องรถบินดังขึ้น..
มีรถบินสองคันขับผ่านมา คันหนึ่งสีแดงเข้มและอีกคันสีเหลืองสดใส แล้วเจ้าของรถสีแดงก็เอื้อมมือมาหยิบกระเป๋าของซิลลินออกไป ..จริงๆ แล้วมันค่อนข้างจะเข้าข่ายอาชญากรรมในตอนกลางวันแสกๆ แต่คนที่สถานีรถไฟดูเหมือนจะชินกับสิ่งนี้และไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก เห็นได้ชัดว่าชายชราก็เห็นเหตุการณ์นี้ด้วยเช่นกัน ดวงตาของชายชราเปิดกว้างขึ้น ซึ่งเขาเป็นคนบอกซิลลินก่อนหน้านี้เองว่าไม่มีใครจะเอามันไปหรอก..
“คุณไปก่อนเถอะ” ซิลลินพูดออกมาก่อนที่เขาจะกระโดดลงจากรถไฟอย่างรวดเร็ว เขาคว้าส่วนที่เหลือของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไว้ได้ และเปิดใช้งาน เพื่อใช้ไล่ตามรถบินที่ขโมยกระเป๋าเป้ของเขาไป
“โอ้ที่รัก..ถ้าในกระเป๋าไม่มีอะไรที่สำคัญมากก็ให้พวกมันไปเถอะ การไล่ล่ารถบินด้วยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามันไม่เป็นการไล่ล่าที่ไร้จุดหมายหรอกเหรอ” มีบางคนที่เห็นเหตุการณ์ได้แสดงความคิดเห็นขึ้นมา
“ใช่.. ไม่ใช่ว่าอาชญากรรมดังกล่าวจะเป็นเรื่องธรรมดาหรอกนะ แต่คนพวกนั้นที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถบินไม่ใช่ว่าจะไม่มีเงินหรืออะไรนะ พวกเขาทำมันก็เพื่อความสนุกและก่อกวนคนอื่น แม้ว่าพวกนี้จะถูกจับได้โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตาม แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับคนพวกนี้คือพวกเขาเพียงแค่จ่ายค่าปรับเป็นเงินก็สามารถคลี่คลายทุกอย่างได้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้คนเหล่านี้ไม่กลัวที่จะทำผิด..”
เมื่อได้ยินการสนทนาของคนที่อยู่ข้างๆ ชายชราก็เงียบไปสองวินาทีก่อนที่จะกดเครื่องมือสื่อสารของเขา และค้นหาหมายเลขบนหน้าจอที่ปรากฏขึ้น หลังจากนั้นเขาก็กดยืนยันหมายเลขและโทรออก..