px

เรื่อง : Star Rank Hunter
Chapter 23 โฮเวอร์บอย


คนสองคนที่อยู่ภายในรถบินอาจกำลังสับสนกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ ฮูโอ นีล และไนท์เห็นมันได้อย่างชัดเจนจากหน้าจอภายในห้องของสำนักงานของแผนกฝึกอบรม

ทันทีที่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าระเบิด ซิลลินได้ใช้กำลังงัดพลักระเบิดให้พุ่งเข้าไปหารถบินคันสีแดงเข้มและตบหลังด้วยฝ่ามือของเขา ในเวลาเดียวกันเขาใช้กำลังในการตบอย่างรวดเร็ว แล้วเตะรถสีเหลืองสดใสขึ้นไปบนอากาศ แทบจะภายในพริบตาเดียว ที่รถบินคันหนึ่งถูกตบลงไปที่พื้น และอีกคันหนึ่งถูกเตะขึ้นไปในอากาศ

เหตุผลที่ฮูโอ นีลและไนท์ตกใจนั้นไม่ใช่เพราะ ซิลลินตบหรือเตะรถสองคันออกไป แต่พวกเขากำลังตกใจกับความสามารถในการจับจังหวะที่ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบของซิลลิน

การกระทำนี้เป็นการยืมโมเมนตัมของสกู๊ดเตอร์ไฟฟ้า หลังจากที่มันระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว ถ้าเขายังขี่ด้วยความเร็วที่มากเกินไปเขาก็จะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแรงผลักได้ และถ้าเขาช้าเกินไปเขาจะได้รับบาดเจ็บจากการระเบิด ในเวลาเดียวกันซิลลินก็สามารถเล็งไปยังรถบินสีแดงเข้มได้อย่างแม่นยำบน หลังจากที่เขาพุ่งตัวออกไปก่อนที่จะใช้กำลังในการเคลื่อนไหวอีกครั้งเพื่อเตะรถบินสีเหลืองออกไป

ไนท์ชี้ไปที่ซิลลินบนหน้าจอที่เชื่อมต่อกับพื้นแล้วพูดขึ้นว่า “เป็นไปได้ยังไงที่คนนี้ไม่เป็นที่รู้จักน่ะ?”

ฮูโอ นีลไม่ได้ตอบคำถามในข้อสงสัยของไนท์ แต่เขากลับร้องขึ้นมาว่า “แน่นอน..เขาสมควรได้รับการคุ้มครองจากเซอร์มัวร์! ว่าแต่ตระกูลดัวแอสมีคนที่มีความสามารถแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรน่ะ?”

เห็นได้ชัดว่าซิลลินนั้นเป็นทหารผ่านศึกที่ได้ต่อสู้ในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน ไม่มีทางที่เขาจะเป็นหนึ่งในบรรดาคนอ่อนหัดด้อยประสบการณ์พวกนั้น นอกจากนี้ฮูโอ นีลยังเห็นด้วยว่าเด็กคนนั้นตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดโดยไม่ลังเลเลยสักนิด สังเกตได้จากการเคลื่อนไหวของเขาที่ตอบสนองแทบจะในทันทีโดยไม่มีความลังเลเลยสักนิด

ภายในป่าไม้เขียวชอุ่มที่กว้างใหญ่ หลังจากเสียงเคาะสองครั้ง ซิลลินเดินเข้าไปช้าๆ จนไปหยุดที่ข้างรถบินสีแดงเข้ม ซากของรถบินนั้นมีรูปร่างบิดเบี้ยวไปทั้งคัน และส่วนประกอบภายในบางส่วนของมันก็กระจัดกระจายไปรอบๆ บริเวณนั้นหรือไกลออกไป ยังดีที่ระบบพลังงานของรถบินไม่ระเบิด เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาภายใต้การควบคุมด้วยความปลอดภัยเป็นอย่างดี ส่วนคนขับนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก เพราะได้ถุงลมนิรภัยที่เป็นระบบป้องกันอุบัติเหตุอัตโนมัติช่วยไว้แม้ว่าเขาจะยังอยู่ในรถก็ตาม อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเขายังคงหวาดกลัวในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ดวงตาของเขาช้ำเป็นจ้ำๆ ร่างกายสั่นเทาและฟันของเขาสบกันจนได้ยินเสียงกึกๆ

ซิลลินเหลือบมองชายคนนั้นเล็กน้อยก่อนที่จะตรงเข้าไปคว้ากระเป๋าเป้สะพายหลังของเขาจากภายในรถ แล้วเช็คของภายในกระเป๋า ในวินาทีถัดมามุมปากของซิลลินก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย ซิลลินดึงถุงลมนิรภัยออกด้วยมือข้างหนึ่งแล้วคว้าไปที่ใบหน้าของชายคนนั้นและเขย่าเขาเล็กน้อย ชายคนนั้นค่อยๆ หันมามองหน้าซิลลิน หน้าตาของเขาซีดเซียวจนเปลี่ยนเป็นขาวซีดด้วยความกลัว เขาพูดติดอ่างเล็กน้อยว่า “อย่า... อย่าฆ่าฉันเลย ... นายเอากระเป๋านั่นไปเลย แล้วฉันจะเอาเงินให้นายด้วยนะ ... นี่ๆ นี่เป็นเงินทั้งหมดที่นายต้องการ...” ครั้งนี้ชายคนนั้นคงกลัวมากจริงๆ เขาคงไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เมื่อรถของเขาถูกตบลงมาจากฟากฟ้า เขาคงรู้สึกราวกับชีวิตนี้นั้นสิ้นหวังเสียแล้ว

“นายทำเหมือนกับว่าฉันเป็นคนมาปล้นนายอย่างนั้นแหละ” ซิลลินหยิบแท็บเล็ตออกมาแล้วเขียนอะไรบางอย่างลงไป “นายจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ฉันตามสมควร นับตั้งแต่การกระทำผิดกฎหมายอาญาของนายทำให้ฉันได้รับความเสียหายอย่างมาก รายละเอียดทั้งหมดเป็นไปตามที่เขียนอยู่ในนี้ สกู๊ดเตอร์ไฟฟ้าราคา 2,000 เหรียญกาแล็คซี, แบตเตอรี่ที่ใช้แล้วราคา 500 เหรียญกาแล็คซี นายกินขนมของฉันไป 3 ชิ้น ตกชิ้นละ 5 เหรียญกาแล็คซี รวมราคา 15 เหรียญกาแล็คซี ยังไงก็ตามฉันซื้อของพวกนี้มาจากเขตการค้า และฉันคงจะไม่มีโอกาสที่ฉันจะกลับไปซื้อของพวกนี้ได้อีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีเงินชดเชยความเสียหายทางจิตใจอีก 10,000 เหรียญกาแล็คซีด้วย แต่แน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องนี้ทำให้ฉันเสียเวลาไปมาก อย่างที่นายก็รู้ว่าเวลานั้นมีค่ามากกว่าเงินทอง ดังนั้นฉันจะคิดค่าเสียหายเพิ่มขึ้นอีก 10,000 เหรียญกาแล็คซี” หลังจากที่ซิลลินอธิบายข้อสรุปทั้งหมดมาอย่างยืดยาว ซิลลินพูดขึ้นมาว่า “ดังนั้นรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็น 50,000 เหรียญกาแล็คซี.. นายมีปัญหาไหม?” หลังจากที่ชายคนนั้นนิ่งคิดไปสักพัก เขาก็พยักหน้าเป็นเชิงรับในข้อเสนอที่ซิลลินบอกมา

“เอาล่ะ.. แล้วนายก็กดลายนิ้วมือของนายลงไปที่นี่ซะ” ซิลลินถือแท็บเล็ตเพื่อให้ชายคนนั้นกดลายนิ้วมือเอาไว้ในมือ ชายคนนั้นจึงค่อยๆ กดลายนิ้วมือลงไปบนแท็บเล็ตของซิลลิน

“บัตรของนายอยู่ที่ไหน?” ชายคนนั้นแสดงท่าทีโกรธออกมา แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้จึงได้แค่ดึงเอาบัตรเซเว่นไลท์ออกมาแล้วยื่นมันให้ซิลลิน

“ว้าว.. บัตรนายเป็นสีส้มเหรอ.. นายเรียนอยู่เกรดไหน?”

“สะ...สอง...” ชายคนนั้นตอบแบบตะกุกตะกัก ขณะเดียวกันก็มีเสียงไซเรนของตำรวจดังขึ้นมา สายตาหวาดกลัวของชายอีกคนที่ติดอยู่ในรถ จู่ๆ ก็ดูมีประกายไฟแห่งความหวังเกิดขึ้นราวกับว่าพวกเขาได้พบผู้ช่วยชีวิตแล้ว

ตำรวจได้ส่งทีมตำรวจทั้งหมดเข้ามาในพื้นที่ ในอดีตคงจะดูเป็นเรื่องที่น่าทึ่งถ้าหากมีรถตำรวจแม้แต่คันเดียวถูกส่งไปรับมือกับคดีลักขโมยเล็กน้อยแบบนี้ แต่วันนี้นั้นต่างออกไป พูดได้ว่าพวกเขาได้ทำงานอย่างจริงจังที่สุดเลยก็ว่าได้

เจอร์ราร์ดนำทีมลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ระหว่างทางมีเพียงสามเป้าหมายที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วบนจอมอนิเตอร์ที่ใช้เฝ้าระวังในรถ และเขาก็สามารถแยกความแตกต่างได้ว่าจุดไหนเป็นรถบิน และจุดไหนคือสกู๊ดเตอร์ไฟฟ้า เนื่องจากทั้งสกู๊ดเตอร์ไฟฟ้าและรถบินนั้นมีระบบติดตามGPS อยู่ในตัว แต่อย่างไรก็ตามเจอร์ราร์ดไม่รู้ว่ากำลังเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่ เมื่อดูจากข้อมูลเพียงแค่นี้ ดังนั้นเมื่อเขาเห็นสัญญาณของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าหายไปจากจอมอนิเตอร์ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าหล่นลงไปในสระที่มีน้ำแข็งอยู่เต็ม อืม.. แล้วเขาจะไปอธิบายเรื่องนี้กับเซอร์มัวร์ได้อย่างไร?

แม้ว่ารถบินทั้งสองคันจะมีการชนกันอย่างรุนแรง แต่รถบินก็ยังไม่เสียหายมากดังนั้นสัญญาณGPS จึงยังไม่หายไป นั่นเป็นเหตุผลที่เจอร์ราร์ดได้สั่งการให้คนของเขาเดินเร็วขึ้นหลังจากที่เขาเห็นรถบินทั้งสองคันหยุดลงผิดสังเกตอย่างกระทันหัน แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นบริเวณที่เกิดเหตุจริง ทุกคนในทีมตำรวจก็ตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้เล็กน้อย ..รถบินทั้งสองคันถูกชนจนพังยับเยิน? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ตอนนี้คนเดียวที่เจอร์ราร์ดกำลังเป็นกังวลคือเด็กหนุ่มที่ชื่อซิลลิน... ฮูโอ นีลได้ส่งข้อมูลของซิลลินไปให้เจอร์ราร์ด หลังจากนั้นเขาก็รีบไปยังที่เกิดเหตุทันที เจอร์ราร์ดรีบตรงไปหาซิลลินในทันทีหลังจากที่เขามาถึงที่เกิดเหตุ

“เธอคือซิลลิน ดัวแอสใช่มั้ย? ฉันเป็นหัวหน้าของกองกำลังตำรวจ เรียกฉันว่าเจอร์ราร์ด” เจอร์ราร์ดกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร เมื่อเขาเห็นว่าซิลลินดูโอเคกับสิ่งที่เขาเพิ่งแสดงออกไป เจอร์ราร์ดก็ยืดอกของเขาขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงภาคภูมิใจ แล้วเขาก็พาซิลลินไปรอที่รถของเขา ซิลลินเอนหลังลงกับเบาะรถ และเมื่อเขาเห็นเจอร์ราร์ดเดินผ่านไป ซิลลินแน่ใจว่าเขาไม่รู้จักคนๆ นี้ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ซักถามอะไร พวกตำรวจก็ได้ยินเสียงคนขอความช่วยเหลือมาจากข้างในรถว่า “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!” ชายคนนั้นร้องไห้ออกมาในขณะที่พยายามดึงตัวเองออกจากรถอย่างเต็มที่ ก่อนจะวิ่งตรงไปหาเจอร์ราร์ดซึ่งมีสัญลักษณ์ของตำรวจอยู่บนชุดของเขา แต่เจอร์ราร์ดไม่ได้สนใจชายคนที่วิ่งมาหาเขานัก เขาทิ้งชายคนนั้นไว้ด้านหลัง เพราะในขณะนี้เขาไม่มีเวลามากพอที่จะมากเสียเวลากับชายคนนั้นนัก

“เราได้รับรายงานว่ามีเหตุการณ์การโจรกรรมด้วยรถบินที่สถานีรถไฟในเขตการค้า ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรีบจัดการกับสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด...”

“ขอให้เป็นวันที่ดีนะครับหัวหน้าเจอร์ราร์ด ผมรู้สึกขอบคุณมากที่ตำรวจเข้ามาจัดการสถานการณ์ได้ทันท่วงที แต่เราได้ทำข้อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” ซิลลินพูดขึ้นมาหลังจากที่เจอร์ราร์ดพยายามเสนอตัวเข้าช่วยเหลือ

นั่นคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว! เจอร์ราร์ดคิดในใจ ไม่มีทางที่เขาจะเข้ามายุ่มย่ามกับชายหนุ่มที่มาจากตระกูลใหญ่แบบนี้แน่หากไม่จำเป็น ที่ทำแบบนี้เป็นเพราะเขาเห็นแก่เซอร์มัวร์ต่างหาก เจอร์ราร์ดจัดการกับคนที่ขโมยกระเป๋า และลงโทษโดยการควบคุมความประพฤติไว้ด้วย

“หัวหน้าเจอร์ราร์ดครับ.. คุณมีเครื่องอ่านบัตรไหม? ผมอยากจะขอยืมมันสักครู่หนึ่งเพื่อทำการโอนเงินน่ะครับ” ซิลลินพูดขึ้นมาหลังจากที่เจอร์ราร์ดกลับมาที่รถแล้ว

“เครื่องอ่านบัตรเหรอ? เอ่อ..เหมือนฉันมีอยู่เครื่องหนึ่งอยู่ในรถของฉันนะ” เจอร์ราร์ดนำซิลลินไปที่รถของเขา และเมื่อเขาเห็นซิลลินรูดการ์ดเพื่อทำการโอนเงิน แล้วก็ส่งการ์ดกลับไปหาเจ้าของเดิมอย่างเงียบๆ เจอร์ราร์ดรู้สึกว่าเขาแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย จากที่เห็นตำรวจอย่างพวกเขาแทบจะไม่มีความจำเป็นต้องเข้ามาเลยด้วยซ้ำ จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของเจอร์ราร์ด เขาสามารถคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากเพียงแค่ได้เห็นสถานที่จริงเท่านั้น เขาแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรในเหตุการณ์นี้เลยสักนิด ตอนนี้เขาเข้าใจเซอร์มัวร์แล้วว่าทำไมถึงได้ยอมรับในตัวของซิลลิน เพราะเด็กหนุ่มคนนี้นั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว..

ชายอีกคนในรถบินสีเหลืองสดใสก็ถูกนำตัวไป สภาพของเขานั้นแทบไม่แตกต่างกับผู้ชายในรถสีแดงเข้มเลยสักนิด ตัวของเขานั้นสั่นมากจนตำรวจแทบจะต้องประคองพาเขาเดินไปตลอดทาง หลังจากจัดการเรื่องสำคัญเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจอร์ราร์ดก็ให้หนึ่งในทีมตำรวจไปจัดการกับสถานที่และเรื่องที่เหลืออยู่ให้เรียบร้อย ส่วนซิลลินและอีกสองสามทีมก็ออกเดินทางไปจากสถานที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม ซิลลินได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่เขาได้มาถึงเขตที่รวมแหล่งความบันเทิงทั้งหลายเอาไว้ “เขตสลีพเลส” ซึ่งซิลลินก็ยังคงต้องการจะไปสำรวจที่เขตแห่งนี้ด้วย

เมื่อซิลลินลุกขึ้นสมาชิกของทีมตำรวจคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ข้างเจอร์ราร์ดก็ร้องขึ้นมาว่า “หัวหน้าครับ.. เด็กคนนี้คือคิงคองใช่ไหม นั่นใช่เขาจริงๆใช่ไหม?" การไล่ล่ารถบินด้วยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า? มันดูเหมือนเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากนี้ยังได้ใช้เพียงแค่เครื่องสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ธรรมดาเพียงอย่างเดียว ก็สามารถจัดการรถบินสองคันได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะทำเช่นนี้ได้ แม้กระทั่งเจอร์ราร์ดยังไม่กล้าที่จะบอกว่าเขาสามารถทำเช่นเดียวกันได้เลย

ในขณะเดียวกันนั้น.. วิดีโอก็ถูกอัปโหลดลงไปยังอินเทอร์เน็ตของเซเว่นไลท์ แล้วชื่อ 'โฮเวอร์บอย' ก็เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายในดาวเคราะห์เซเว่นไลท์ในเวลาต่อมา..

รีวิวผู้อ่าน