ตามความเข้าใจของเจ้าหน้าที่พวกเขาสังเกตเห็นว่ารถบินที่ดูคล้ายกับมีอัญมณีสีแดงฝังไว้ด้วยนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ครอบครัวร่ำรวยๆ ธรรมดาๆ จะสามารถซื้อได้ แล้วไหนจะยังมีสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้านั่นอีก แรกเริ่มเดิมทีนั้นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแบบนี้เป็นแบบที่ทหารใช้กัน! และในมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์เป็นเพียงแห่งเดียวที่มีสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแบบนี้ไว้ใช้ในส่วนของการฝึกซ้อม เจ้าหน้าที่ทั้งสองรู้ดีว่าคนที่อาศัยอยู่ในแผนกฝึกอบรมนั้นเป็นอย่างไร ถ้าเด็กผู้ชายคนนี้ได้รับการคัดเลือกมาจากกองทหารแผนกฝึกอบรมแล้วล่ะก็ เห็นได้ชัดว่าเขานั้นคงจะต้องมีพื้นฐานทางทหารอยู่พอตัว และผู้ที่มีภูมิหลังทางการทหารนั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่
“โย่นักศึกษาใหม่! เราพบกันอีกแล้วนะ นี่คงเป็นโชคชะตาแน่ๆ!” ลังค์ทักทายซิลลินด้วยรอยยิ้มสดใส เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบซิลลินในเวลาแบบนี้
แม้ว่าลังค์จะขับรถบินที่หรูหรามา แต่เขาก็ยังสวมเสื้อผ้าชุดเดียวกันกับซิลลินเห็นเขาในที่เขตการค้าไม่มีผิด ซึ่งมันเป็นภาพที่ไม่สอดคล้องกันเลยสักนิดจริงๆ
“คงเป็นเรื่องบังเอิญน่ะ” ซิลลินตอบด้วยรอยยิ้ม เขาไม่รู้สึกรังเกียจลังค์เลย แต่กลับกันในความเป็นจริงซิลลินคิดว่าลังค์ดูน่าสนใจมากต่างหาก ภูมิหลังที่โดดเด่นไม่สามารถปกปิดความสามารถของผู้ชายคนนี้ได้เลย อาจมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้คิดแบบนั้น ซึ่งต้องบอกเลยว่าพวกนั้นน่ะพลาดซะแล้ว แต่ไม่ใช่ซิลลินแน่ ซิลลินมั่นใจว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของลังค์นั้นไม่ธรรมดาเลย เขาไม่ได้อ่อนแออย่างที่คนอื่นคิด
ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนที่มาถึงด้วยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้านั้น เขาเก็บความเย่อหยิ่งที่มีอยู่ซ่อนไว้ภายใต้หน้าตาที่เฉยเมย และเมื่อเขาเห็นซิลลินก็เหมือนกับมีการต่อสู้ที่น่ากลัวผ่านทางดวงตาทั้งสองของชายหนุ่มคนนั้น ซึ่งมันทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองก็รับรู้ได้ถึงความกลัวต่อสายตาเขาจริงๆ และชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือผู้ที่ได้เฝ้าดูเหตุการณ์ผ่านจอมอนิเตอร์กับฮูโอ นีล เขาได้เห็นพฤติกรรมทั้งหมดของซิลลิน ที่เขาตบรถบินลงกับพื้น ผ่านจอมอนิเตอร์ที่แผนกฝึกอบรม... ไนท์นั่นเอง
เมื่อซิลลินได้เห็นดวงตาของไนท์ เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย และปนสงสัยว่า ผู้ชายคนนี้เป็นใคร? ดูเหมือนว่าเขาจะจำฉันได้ อย่างไรก็ตามซิลลินไม่ได้แสดงความหวาดกลัวใดๆ ขณะที่เขากำลังเผชิญหน้ากับการต่อสู้ผ่านทางสายตาของไนท์ ทั้งไนท์และลังค์ก็มีการ์ดเซว่นไลท์เป็นสีแดงเข้มเหมือนกับซิลลิน หลังจากที่การ์ดเซเว่นไลท์ของทั้งสองคนได้ถูกแสกนไปบนเครื่อง ข้อมูลของคู่ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ลังค์ แอนเดรีย .. ไนท์ เฟลเลอร์!
เจ้าหน้าที่สองคนหันมาสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วยังรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขายังเต้นอย่างรุนแรงจนแทบจะทะลุออกมา เพราะมันก็หลายปีมาแล้วในเซเว่นไลท์ พวกเขาคุ้นเคยกับนามสกุลที่เป็นที่รู้จักในกาแล็คซี ในขณะที่ทุกคนก็คงรู้เกี่ยวกับตระกูลแอนเดรีย “ครอบครัวที่ไม่มีอะไรดีนอกจากเงิน” แต่เรื่องที่น่าตกใจที่สุดในวันนี้ก็คือการปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันของผู้ที่มีนามสกุล..เฟลเลอร์!
ตระกูลเฟลเลอร์เป็นตระกูลทหารที่รู้จักกันเป็นอย่างดี มีนายพลอยู่ไม่กี่คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนามสกุลเฟลเลอร์ และนามสกุลนี้มีแม้กระทั่งผู้ที่อยู่ในหมู่แปดนายพันตรีแกรนด์ของสหพันธมิตรทางทหารกาแล็คซี
เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนดูตั้งใจในเกือบทุกขั้นตอน ขณะที่พวกเขากำลังแนะนำให้กับคู่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขาเพราะกลัวว่าพวกเขาอาจทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่พอใจได้ อาจมีเด็กหลายคนที่ร่ำรวยภายในดาวเคราะห์เซเว่นไลท์นี้ แต่ผู้ที่มีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้นั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่ถ้าเปรียบเทียบกับภูมิหลังของซิลลินผู้ที่อยู่ตระกูลดัวแอสนั้นมีน้อยกว่ามาก
ในขั้นต้นทั้งเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนวางแผนที่จะรายงานเรื่องนี้ให้เบื้องบนได้ทราบ และให้พวกเขาเข้าพักในวิลล่าเดี่ยวที่มีเพียงไม่กี่แห่ง แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจที่ลังค์และไนท์นั้นเลือกที่จะอยู่ในห้องพักหลังเดียวกับ ซิลลินและซี จินฉาง ซึ่งมีคนจำนวนน้อยมากที่มีภูมิหลังที่น่าเกรงขามขนาดเช่นนี้จะมาเลือกห้องพักรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุด ตามปกติด้วยภูมิหลังและประวัติความเป็นมานั้นของตระกูล พวกเขามักจะต้องการที่จะพักในวิลล่าเดี่ยวของพวกเขาเองเท่านั้น
หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมดแล้วลังค์ก็โบกมือและพูดขึ้นว่า “มาๆ เพื่อนร่วมห้องของฉัน เราจะนั่งที่รถของฉันกัน! ชีวิตที่สวยงามของพวกเราทั้งสี่ได้เริ่มขึ้นแล้ว~~ โหมดสี่ที่นั่ง!” ตอนแรกรถบินนั้นมีเพียงที่นั่งเดียวเท่านั้น แต่เมื่อสิ้นเสียงของลังค์ที่นั่งของรถบินที่หรูหราของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ตัวเครื่องของมันยืดออกเล็กน้อยแล้วอีกสามที่นั่งปรากฏขึ้น
ซิลลินไม่ได้คิดอะไรมากและกระโดดลงไปนั่งในรถทันที ถ้าไม่นั่งไปด้วยก็เสียดายที่นั่งฟรีๆ ไปเปล่าๆ ส่วนซี จินฉางเมื่อเห็นซิลลินดังนั้น เขาจึงกระโดดลงไปนั่งในรถเช่นเดียวกัน ส่วนไนท์นั้นคว้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่หดเล็กลงและเข้าไปนั่งในรถของลังค์ตามคนอื่นๆ ไปติดๆ
“โอ้? เห็นไหมว่ารถของฉันน่ะนั่งสบายดีใช่ไหมพี่ชาย? ฉันหลงคิดว่ารสนิยมของฉันมันแย่ซะอีก ในเมื่อก่อนหน้านี้ที่ฉันได้เสนอให้นายนั่งรถของฉันมาแล้ว แต่นายก็ปฏิเสธมันน่ะ” ลังค์ล้อเลียนเมื่อเห็นว่าไนท์เองก็ลงไปในรถของเขาเหมือนกับคนอื่นๆ
ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาขณะที่ลังค์กำลังขับรถมาจากเขตการค้าและเข้ามาถึงเขตของมหาวิทยาลัยแล้ว เขาขับมาเจอเข้ากับไนท์ที่กำลังขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามาจากสนามฝึก
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระสักที ตอนนั้นนายไม่ได้ออกมาจากรถด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่านายกำลังเพิ่งกุเรื่องนี้ขึ้นมา”แล้วไนท์ก็ทำเบ้ปากใส่ลังค์ ลังค์ได้แต่ยิ้มและไม่โต้ตอบอะไร ก็อย่างที่ไนท์พูด ในเวลานั้นเขาไม่ได้สนใจสักนิด และแม้ว่าไนท์จะอยากขึ้นมาด้วยเขาก็จะไม่สนใจเลยสักนิด แต่ในตอนนี้เนื่องจากว่าพวกเขาทั้งหมดพักอยู่ในที่พักเดียวกัน และมันก็เป็นปกติที่เขาจะทำดีกับคนที่จะมาเป็นเพื่อนร่วมห้องกันแบบนี้
หลังจากเฝ้าดูรถบินยกตัวขึ้น และออกตัวจากไปพร้อมกับเสียงซูม~~ จนหายวับไปจากสายตา เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนก็ทิ้งตัวลงและค่อยๆ นั่งลงบนที่นั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง
“แมร่งเอ้ย!! มีคนตั้งมากมายที่มาลงทะเบียนในวันนี้ แต่ฉันไม่ได้คิดไว้เลยสักนิดว่าไฮไลต์จะมาปรากฏขึ้นในช่วงเวลาสุดท้ายแบบนี้น่ะ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบ่นอุบอิบขึ้นมา
“ใช่แล้ว.. ใครจะคิดล่ะว่านักชกรุ่นเฮฟวี่เวททั้งสี่คนจะขึ้นชกพร้อมกันหมดขนาดนี้น่ะ โดยเฉพาะไนท์ เฟลเลอร์ น่าแปลกใจสุดๆ.. เดี๋ยวก่อนๆ นายบอกกับฉันทีสิว่าคนที่มีภูมิหลังอยู่ในตระกูลทางทหารที่ยาวนานขนาดนั้นทำไมเขาถึงมาที่มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ได้ ทั้งที่ที่นี่ไม่ใช่สถาบันการทหารแบบที่เขตการปกครอง C เลย? นี่มันไม่ใช่สไตล์ของคนในตระกูลเฟลเลอร์เลยนะ”
“พวกนี้ไม่ใช่มนุษย์ พวกเด็กรวยๆ พวกนี้มักจะแปลกประหลาดแบบนี้แหละ บางทีพวกเขารู้สึกอยากที่จะแตกต่าง นายลองมองไปที่ครอบครัวเอนเดรียแล้วบอกฉันสิว่ามีใครในตระกูลนี้คนไหนบ้างที่ไม่แปลกน่ะ?
“อืม..นั่นมันก็จริงของนาย”
“ห้องพักเลขที่ 13 เขตที่ 6 นี้ ฉันว่านี่อาจได้ชื่อว่าเป็นที่พักที่ป่วยที่สุดในมหาวิทยาลัยเซเล่นไลท์เลยล่ะ...”
ห้องพักของสี่คนตั้งอยู่ที่เลขที่ 13 เขตที่ 6 ..เขตที่ 6 ใช้พูดถึงตำแหน่งพื้นที่ที่ห้องพักตั้งอยู่ ส่วนหมายเลข 13 คือบ้านเลขที่ โดยหมายเลขที่แสดงบนหน้าจอมอนิเตอร์ของระบบที่บันทึกไว้คือ 0613
หลังจากที่มีการป้อนหมายเลข 0613 เข้าไป เส้นทางการเดินทางก็ปรากฏขึ้น และไม่นานทั้งสี่คนก็เดินทางมาถึงที่พักที่ได้เลือกไว้ ชั้นแรกของที่พักมีความกว้างอย่างน้อย 500 ตารางเมตร และที่พักนี้มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกมีพื้นที่มากที่สุด ส่วนชั้นที่สองและชั้นสามมีขนาดใกล้เคียงกัน นี่ไม่นับรวมลานกว้างที่เป็นสนามหญ้า ดังนั้นที่พักสามชั้นก็รวมกันอย่างน้อย 1,200 ตารางเมตร ลานกว้างถูกปูด้วยหญ้าและเหนือรั้วเป็นม่านตรวจจับแสงที่ขนาดไปกับท้องฟ้า ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในที่พักนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า และหากมีการบุกรุกจะทำให้เกิดสัญญาณเตือนภัยและเกิดระบบการโต้ตอบกลับ และวัตถุที่จะถูกตรวจจับนั่นก็คือการ์ดเซเว่นไลท์นั่นเอง
ในขณะที่กำลังประมวลผลเอกสารที่ศูนย์ทะเบียนอยู่นั้น ข้อมูลของทั้งสี่คนก็ได้รับการป้อนเข้าไปในระบบการจัดการที่พักเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเมื่อตรวจจับการ์ดเซเว่นไลท์แล้ว ก็ปรากฏทางเข้าของที่พัก แล้วรถบินของลังค์ก็ตรงเข้าไปจอดในลานจอดรถทันที พวกเขาเข้ามาในที่พักอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ลังค์จะถอนหายใจออกมาเสียงดัง “แมร่งเอ้ย!! ที่พักนี่แมร่งโครตเล็กเป็นบ้าเลยว่ะ!!”
“...” ซิลลินเงียบ เพราะเขาไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี
แม้ว่าซี จินฉางและไนท์จะไม่ได้พูดอะไรก็ตาม แต่การแสดงออกของพวกเขานั้นก็สอดคล้องกับความคิดของลังค์ได้เป็นอย่างดี ซิลลินได้แต่ถอนหายใจออกมาในใจ.. ดีแล้ว เรามันเป็นพวกคนยากคนจน เราจะไม่แข่งขันกับพวกเขา
กุญแจที่ใช้เปิดห้องในที่พักก็คือบัตรเซเว่นไลท์ และสำหรับการล็อคห้องต่างๆ นั้นจะแตกต่างกันออกไป ห้องนอนทุกห้องมีระบบการตั้งค่าของตนเองเพื่อกำหนดการล็อคในแต่ละห้อง เช่นห้องนอน, ห้องอ่านหนังสือ, ห้องฝึกอบรม และห้องอื่นๆ
มีห้องฝึกอบรม, ห้องนั่งเล่นและห้องครัว อยู่สี่ห้องอยู่ที่นี่ นั่นมันทำให้ซิลลินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากนอกเหนือจากชั้นแรกแล้ว ชั้นที่สอง และชั้นสามอาจถูกกำหนดค่าขึ้นจากความชอบของแต่ละคน พื้นที่นั้นเป็นเหมือนบล็อกของเล่นที่สามารถเคลื่อนย้ายไปมาและรวมกันได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีรอยต่อที่ชัดเจนระหว่างชั้นที่สองและสามหลังจากที่มีการปรับรูปแบบต่างๆ แล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วเรียกได้ว่าที่พักนี้มีเพียงชั้นบนและล่างเท่านั้น
หลังจากทำความสะอาดห้องนอน, ห้องอ่านหนังสือและห้องอื่นๆ แล้วลังค์ก็ตะโกนออกมาและพูดขึ้นว่า “ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะทุกคน.. ฉันโครตหิวเลยอ่ะ ฉันอาจจะตายได้ถ้าฉันไม่ได้กินอะไรตอนนี้ ฉันไม่มีพลังงานพอที่จะทำอะไรได้แล้วอ่ะ”
โกหกชัดๆ นายได้ทำอะไรด้วยเหรอ? แล้วสิ่งที่พวกเราทำนี่ล่ะ? สิ่งเดียวที่นายทำคือการปรับพื้นที่บางส่วนก็เท่านั้นแหละ! ซิลลินได้แต่คิดในใจ
ขณะที่ลังค์พูดขึ้นมาก็เกือบจะเป็นเวลาของการทานอาหารพอดี โอ้ก็ดี.. หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วเขาจะได้จัดการส่วนที่เหลือให้เรียบร้อย “เราจะสั่งอาหารมา หรือจะไปกินที่ร้านอาหารกันดีล่ะ?”
“แน่นอนว่าเราต้องไปกินกันที่ร้านอาหารกันในวันแรกที่พวกเราได้มาอยู่ด้วยกันสิ อีกอย่างเราจะได้ลองไปกินไก่ร้อนของขึ้นชื่อของเซเว่นไลท์กันด้วย ฉันจะบอกพวกนายว่ารสชาติมันดีมากเลยล่ะ” ลังค์พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนร่าเริงบนใบหน้าของเขา
ในเขตที่พักอาศัยมีอยู่ 7 เขต เขต 1 และ 2 มีวิลล่าเดี่ยว ส่วนเขตที่ 3 และ 4 มีวิลล่าแบบคู่ ส่วนเขตที่ 5 และ 6 มีวิลล่าสี่ห้อง และสุดท้ายเขตที่ 7 มีอพาร์ตเมนต์เดี่ยว ทั้งเจ็ดเขตถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นวงแหวนและพื้นที่ส่วนกลางที่วิลล่าพวกนี้อยู่รอบๆ นั้นจะเป็นร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อ, โรงพยาบาล, คาเฟ่ และอื่นๆ
ร้านอาหารถูกสร้างขึ้นในรูปทรงเจ็ดเหลี่ยม โดยมุมทุกมุมจะถูกชี้ไปที่บริเวณที่พัก เมื่อทั้งสี่คนมาถึงร้านอาหารแล้ว อย่างแรกพวกเขาต้องแสกนบัตรและจองที่นั่งของพวกเขา พวกเขาสามารถแสกนบัตรเพื่อจองที่นั่งทิ้งไว้ได้ตราบเท่าที่พวกเขาคิดว่าจะกลับมาภายในสามสิบนาที เพราะหากว่าแสกนการ์ดทิ้งไว้แต่ไม่ได้กลับมาหลังจากผ่านไปแล้วสามสิบนาที ที่นั่งที่จองไว้จะถูกยกเลิกการจองโดยอัตโนมัติและกลายเป็นที่นั่งว่างอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อพวกเขาจองที่นั่งเสร็จแล้ว พวกเขาก็แยกตัวกันไปซื้ออาหารของตัวเอง รสชาติอาหารของแต่ล่ะคนนั้นก็แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามในขณะที่ซิลลินกำลังเลือกอาหารของตัวเอง ก็มีเสียงตะโกนเรียกมาจากข้างหลังของเขา
“ซิลลิน!!”