“บังเอิญจริงๆ เลยอัลเลน” ซิลลินถือถาดไว้ในมือ และพูดทักทายอัลเลน
เมื่ออัลเลนเห็นถาดที่ว่างเปล่าที่ซิลลินถืออยู่ เขาก็พูดอย่างรีบร้อนว่า “ซิลลิน ดูเหมือนว่านายยังไม่ได้เลือกอาหารอะไรเลยใช่ไหม ดีเลย..งั้นนายมากับฉัน เราไปกินอาหารที่ชั้นบนกัน ฉันว่าจะโทรหานายมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าฉันไม่มีเบอร์ติดต่อของนาย โชคดีที่ฉันได้เจอนายที่นี่” ขณะที่พูดอัลเลนก็ลากซิลลิน และเริ่มดึงเขาขึ้นไปชั้นบน ราวกับเขากลัวว่าซิลลินจะหนีไปแล้วทำให้เขาผิดหวัง
นับตั้งแต่ที่อัลเลนได้เห็นซิลลินและคัง แมนพูดคุยถึงเรื่องการเข้ารหัสและสมการที่ซับซ้อนเหล่านั้นบนกระดานอิเล็กทรอนิกส์ อัลเลนก็อดชื่นชมในความสามารถของซิลลินและคัง แมนไม่ได้ อัลเลนมักจะปฏิบัติกับผู้คนตามความสามารถและทักษะของพวกเขา ตามความเชื่อที่พ่อของอัลเลนสอนเขามา 'คนพาลมักจะรังแกคนที่อ่อนแอกว่า มากกว่าคนที่แข็งแกร่ง' เพราะอนาคตเป็นของผู้ที่แข็งแกร่งกว่าและคุณก็ไม่รู้มาก่อนว่าในอนาคตพวกเขาจะทำอะไรได้บ้าง
“พอดีฉันมากับเพื่อนร่วมห้องของฉันน่ะ ฉันไปกับนายโดยที่ไม่บอกพวกเขาก่อนไม่ได้หรอก” ซิลลินบอกกับอัลเลนและวางถาดใส่อาหารลง
“หีม? เพื่อนร่วมห้องเหรอ? นายพักในที่แบบไหนกันซิลลิน?” อัลเลนคิดมาเสมอว่าซิลลินจะต้องเลือกวิลล่าเดี่ยวที่มีพื้นที่มากและพื้นที่ในบ้านทั้งหลังเป็นของเขา แต่เห็นได้ชัดว่าอัลเลนคิดผิดไป
“ฉันเพิ่งจะลงทะเบียนวันนี้น่ะ เพราะงั้นตัวเลือกเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้คือห้องพักรูปสี่เหลี่ยม” ซิลลินตอบข้อสงสัยของอัลเลน
“โอ้..ฉันเข้าใจล่ะ ขนาดว่าฉันลงทะเบียนในสามวันก่อนหน้านี้เพื่อจองวิลล่าแบบเดี่ยว แต่ฉันก็ยังคงช้าไปดังนั้นฉันจึงได้ที่พักเป็นวิลล่าแบบคู่แทน” อัลเลนทำหน้าตาเศร้าขณะที่พูดถึงการจองห้องพัก “วันนี้ฉันจะจัดงานปาร์ตี้เพื่อทำความคุ้นเคยกับเพื่อนบ้านของฉัน และอีกสองสามคนที่อยู่รอบๆ ที่พักของเราอยู่ ฉันยังชวนเพื่อนที่เจอกันที่นี่อีกสองสามคนด้วย โอ้ใช่..ฉันว่าจะชวนไพรส์ กับคัง แมนมาด้วยเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าคัง แมนจะยุ่งเอามากๆ เลย เขาก็เลยไม่สามารถมาร่วมงานกับเราได้”
อัลเลนใช้ความพยายามอย่างมากในการเชิญไพรส์มางานปาร์ตี้ของเขา เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาจะต้องสรรเสริญเยินยอไพรส์มากแค่ไหนกว่าเขาจะยอมมา แต่ในขณะเดียวกันนั้นอัลเลนก็รู้สึกเสียใจยังไงไม่รู้ ซึ่งอัลเลนได้วางแผนที่จะเชิญดาวแฝดแห่งเจ็ดดาวเคราะห์เจิดจรัสมาในงานของเขา แต่เขาไม่คิดว่าคัง แมนจะปฏิเสธคำเชิญของเขาโดยอ้างว่าไม่มีเวลา..
“ซิลลินทำไมนายถึงไม่ชวนเพื่อนร่วมห้องอีกสามคนของนายให้มาด้วยกันกับเราล่ะ? ฉันจะดูแลทุกคนเป็นอย่างดีเลย มาสนุกด้วยกันเถอะ! อีกอย่างพวกเราที่เป็นนักศึกษาใหม่ในเทอมนี้น่าจะได้มาพูดคุยและร่วมสนุกกันสักหน่อยนะ แล้ววันนี้พวกเรายังมีสาวๆ สวยๆ มากันหลายคนเลย เพราะอย่างนั้นพวกนายต้องอย่าพลาดงานนี้เลยเชียวนะ ฮิฮิ” อัลเลนพยายามโน้มน้าวซิลลินให้ไปฉลองกับเขาอย่างเต็มที่
ทั้งสี่คนเคยแลกเบอร์กันหลังจากที่กลับมาที่รถของลังค์ก่อนหน้านี้ ดังนั้นซิลลินจึงกดหมายเลข และเรียกทั้งสามคนพร้อมกัน ซิลลินอธิบายให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับงานปาร์ตี้ของอัลเลน นอกจากลังค์ผู้ที่ยอมรับคำเชิญโดยไม่ลังเลแล้วนั้น ทั้งซี จินฉางและไนท์ต่างก็เห็นด้วยแต่ก็ยังมีความลังเลใจอยู่บ้าง การที่ซี จินฉางและไนท์ยอมตกปากรับคำเพราะเห็นแก่หน้าของซิลลิน ไม่เช่นนั้นลำพังคนอย่างซี จินฉางนั้นเขาจะไม่ชอบบรรยากาศที่ยุ่งเหยิง และไนท์ก็เข้ากับคนอื่นไม่ค่อยเก่งนัก พวกนั้นจะโชคดีมาถ้าไม่ถูกไนท์ต้อนรับด้วยกำปั้นเอาซะก่อน เขาสองคนไม่มีทางยอมไปงานปาร์ตี้อะไรนี่อย่างแน่นอน
ในขณะที่ซิลลินกำลังพูดคุยกับทั้งสามคนทางโทรศัพท์อยู่นั้น อัลเลนก็วิ่งไปที่ทางเข้าและมองไปรอบๆ อยู่พักหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนกับเขากำลังรอใครบางคนอยู่ ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็พาสาวสวยทั้งสามคนเข้ามา อัลเลนพูดอะไรนิดหน่อยกับสาวๆ ทำให้พวกหัวเธอหัวเราะเบาๆ อย่างสดใสเหมือนกับเด็กน้อย มันยิ่งทำให้เสน่ห์ของพวกเธอเพิ่มมากขึ้นอีก นั่นทำให้นักศึกษาในที่นี้ประมาณสองสามคนถือถาดอาหารยืนนิ่งจ้องในความสดใสน่ารักของพวกเธอ โดยที่พวกเขาไม่ได้ตระหนักเลยสักนิดว่าอาจโดนขโมยอาหารไปก็ได้
“สาวสาวจ๊ะ.. เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้นะ นี่คือเพื่อนของฉันเอง เขาชื่อซิลลิน และซิลลินพวกเธอคือ...”
“อัลเลน.. เธอไม่ได้บอกเหรอว่าพวกเรามารอตั้งนานแล้วน่ะ?” ก่อนที่อัลเลนจะทันได้แนะนำจบ หนึ่งในผู้หญิงสามคนก็ขัดจังหวะขึ้นมาทันที
“ใช่แล้ว.. พวกเราเข้าไปกันเถอะอัลเลน” สาวอีกคนหนึ่งสะบัดผมของเธอและดึงให้อัลเลนตามเธอไปอย่างรวดเร็ว ก็จริงอยู่ที่ซิลลินนั้นหน้าตาดีและดูบุคคลิกดีมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบที่ชื่นชอบนัก คนที่ชอบเขาคงจะหาได้ยากที่เซเว่นไลท์ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเธอถึงไม่สนใจในตัวซิลลินมากนัก อีกอย่างพวกเขาก็ยังไม่ได้จองห้องพักชั้นบนสำหรับมื้อกลางวันไว้ด้วย? เมื่อเห็นความลังเลใจของอัลเลน ซิลลินจึงยิ้มและพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ปัญหาหรอก อัลเลนนายนำไปก่อนเลย”
“งั้น... โอเค นายรออยู่ที่นี่จนกว่าเพื่อนของนายจะตามมาสมทบกับนายแล้วกัน งานที่จัดอยู่ที่ 'ฟรีดอม ฮอลล์' ชั้น 2 แล้วฉันจะออกมารับนายหลังจากที่ฉันไปส่งพวกเธอที่ชั้นบนเรียบร้อยแล้วนะ” อัลเลนบอกกับซิลลินก่อนที่เขาจะออกเดินไปกับสาวๆ ทั้งสามคน
ซึ่งเมื่อสาวๆ ได้ยินว่าซิลลินมีเพื่อนร่วมห้องและยังมีมากกว่าหนึ่งคน พวกเธอจึงหมดความสนใจในตัวซิลลิน ทันที อีกทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในที่พักห้องสี่เหลี่ยมธรรมดาย่อมไม่น่าสนใจสำหรับพวกเธอ แต่ซิลลินไม่ได้สนใจอะไรกับความคิดแบบเด็กๆ นี้อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของไนท์ ในวันนี้พวกเขาอาจจะไม่ได้ไปเลือกอาหารด้วยตัวเอง แล้วคงจะมีหุ่นยนต์มาส่งอาหารให้พวกเขาหลังจากที่โทรสั่ง เขารู้สึกขำเมื่อนึกถึงท่าทางการแสดงออกของซี จินฉางและลังค์เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของไนท์
ไนท์ได้แบ่งปันประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาระหว่างที่กำลังเดินทางไปยังร้านอาหาร เหตุการณ์เกิดจากเขาเคยโทรสั่งอาหาร แล้วก็มีหุ่นยนต์มาส่งอาหารให้เขา แต่ระหว่างทางที่มันกำลังจะกลับไป ไนท์ก็เห็นเข้า โดยบังเอิญ ว่ามีขี้รังแคจำนวนเล็กน้อยหล่นลงไปในถาดที่ใช้ส่งอาหาร แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาสั่งอาหารไปหุ่นยนต์ก็จะสแกนชื่อจาน แม้ว่ามันจะมีสิ่งมีชีวิตหรือมีพิษอยู่ในจานหรือไม่ก็ตาม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไนท์ก็มักจะไปซื้ออาหารและนำกลับมาด้วยตัวเองเสมอ เห็นได้ชัดว่าซี จินฉางและลังค์นั้นมักจะสั่งอาหารแล้วให้หุ่นยนต์นำอาหารมาส่งให้ เมื่อได้ฟังเช่นนั้นทั้งซี จินฉางและลังค์ก็แทบจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนขึ้นมาอย่างฉับพลันเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อพวกเขามาถึงร้านอาหารจึงได้เห็นว่ามีคนมากมายที่มักจะนำจานของตัวเองมาด้วย ทำให้ทั้งคู่เริ่มหันมาใส่ใจกับสิ่งนี้กันมากขึ้น ดูเหมือนว่าหลายคนคงจะเจอประสบการณ์คล้ายๆ กันกับไนท์ ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามที่จะไปเลือกอาหารแล้วนำกลับมาด้วยตนเอง หรือหากว่าจำเป็นต้องใช้หุ่นยนต์พนักงานเสิร์ฟ พวกเขาก็จะตั้งโปรแกรมสแกนอีกสักสองสามครั้งเพื่อสแกนหารังแค เพราะนั่นเป็นสิ่งจำเป็นมากเลยทีเดียว..
หลังจากอัลเลนไปได้ไม่นาน ซี จินฉางและคนอื่นๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น ดูเหมือนว่าประสบการณ์ในการนำจานอาหารของตัวเองกลับไปเองนั้นไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญสักเท่าไรแล้วในตอนนี้
“ซิลลิน.. แล้วเพื่อนของนายอยู่ที่ไหนล่ะ?” ลังค์พยายามมองไปรอบๆ แต่เขาก็ไม่เห็นใครเลย
“เขากำลังพาสาวสวยทั้งสามคนขึ้นไปที่งานข้างบนน่ะ” ซิลลินชี้ขึ้นไปที่ชั้นสอง
“โอ้ ~~ สาวสวยเหรอ! แล้วพวกนายทั้งสองคนรู้จักกันได้ยังไงน่ะซิลลิน?” ลังค์สงสัยจึงได้ถามขึ้นมา แต่ซิลลินไม่ได้พูดอะไรมากเพียงแต่อธิบายสั้นๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นที่สถานนีขนส่ง
“พวกนายก็ไม่ได้สนิทอะไรกันนิ แต่ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงทำอย่างกับสนิทกับนายซะมากมายขนาดนั้นล่ะ? อัลเลน เชฟฟ์ นายว่ายังไงนะ? ตระกูลเชฟฟ์งั้นเหรอ โอ้..ฉันจำได้แล้ว พวกเขาเป็นตระกูลที่ก่อตั้งนิตยสาร 'ทูมอร์โรว์ สตาร์' และ 'พรอซเพ็ท' ซึ่งทั้งสองนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้มีคะแนนมากกว่า 60 คะแนน เลยทีเดียว ไม่ธรรมดาเลยนะ พวกเขาโอเคเลยล่ะ..” ลังค์ได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเชฟฟ์ ซึ่งเมื่อฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้วก็พอจะรู้ได้ว่าตระกูลเชฟฟ์นั้นคงจะดู“โอเค”เลยทีเดียวในสายตาของเขา ทั้งซี จินฉางและไนท์ต่างก็รู้จักนิตยสาร'ทูมอร์โรว์ สตาร์' นั่นเป็นเพราะทั้งสองคนเคยไปปรากฏตัวมาก่อนในนิตยสารฉบับนั้น
“ถ้าอย่างนั้นพวกนายทั้งสามคนก็เคยได้ไปปรากฏตัวในนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์ฉบับนั้นแล้วน่ะสิ?” ซิลลิน ถามขึ้นมาด้วยความสนใจ เพราะเงินทองและภูมิหลังทางครอบครัวเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถเอาชนะใครได้ในนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์ที่มีคะแนนมากกว่า 60 คะแนน สิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริงก็คือความสามารถและทักษะ ซึ่งคัง แมนที่มีพื้นฐานครอบครัวที่ธรรมดา เขาได้พึ่งพาทักษะ ความสามารถและพรสวรรค์ของตัวเองในการได้มาซึ่งชื่อ..ดาวแฝดแห่งเจ็ดดาวเคราะห์เจิดจรัสเหมือนกับไพรส์
แต่เมื่อไนท์ได้ยินคำพูดของซิลลิน เขาก็ถอนหายใจและพูดออกมาว่า “นายสามารถไปปรากฏในนิตยสารเหล่านี้ได้เช่นกันหากว่านายต้องการ อย่าคิดว่านายจะสามารถหลีกเลี่ยงความสนใจของคนอื่นได้โดยการหลบหนีและซ่อนตัว นายและฉันจะได้ไปฝึกซ้อมกันในวันพรุ่งนี้”
“ใช่แล้ว.. ก็นายคือโฮเวอร์บอยนี่ เป็นคนที่สามารถไล่ตามรถบินสองคันได้ทัน ทั้งที่มีเพียงสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าทั่วไป พวกเราคาดหวังในตัวนายสูงมากเลยนะ!” ลังค์พูดพลางขยิบตาให้ซิลลิน เห็นได้ชัดจากความเงียบของซี จินฉาง ว่าเขาเองก็คงรู้ว่าซิลลินนั้นคือโฮเวอร์บอยเช่นกัน
“พวกนายทุกคนรู้เรื่องนี้งั้นเหรอ” ซิลลินพูดพลางเกาศีรษะของเขาแก้เขิน
“ฮึ่ม.. แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมดที่ฉันรู้ ไม่มีใครกล้าบ้าบิ่นขนาดที่จะไล่ล่ารถบินสองคันทั้งที่มีแค่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าหรอกนะ ดังนั้นเพื่อให้นายและฉันรู้จักกันได้ดียิ่งขึ้น เราจึงควรจะมาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นก่อนที่ทางมหาวิทยาลัยจะเริ่มเปิดเรียนอย่างเป็นทางการกันเถอะ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะหาคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อขนาดนี้ได้ในเซเว่นไลท์น่ะ” ขณะที่ไนท์พูดเขาดูมีความกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษ นัยน์ตาของเขาดูมีประกายไฟของนักสู้ลุกโชนขึ้นมาทันที
“เอาล่ะ.. งั้นเราจะหาสถานที่และเริ่มฝึกซ้อมกันในวันพรุ่งนี้เลยเป็นไง” แน่นอนซิลลินย่อมไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้ฝึกซ้อมไปแน่
“ฮะ? นี่มีความต่อเนื่องมากจากเรื่องโฮเวอร์บอยรึเปล่าเนี่ย? ว่าไงไนท์!” ลังค์พูกแทรกขึ้นมาแทบจะทันที
ขณะที่พวกเขากำลังเดินขึ้นไปยังชั้นสองไนท์ก็สรุปเรื่องราวทั้งหมดด้วยประโยคเรียบง่ายและชัดเจน จากนั้นดวงตาของลังค์ก็เป็นประกายขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ซิลลินทำไมนายไม่มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของฉัน! รับรองว่าฉันจะให้ค่าตอบแทนนายอย่างเต็มที่แน่นอน!” ตระกูลแอนเดรียนั้นมีโรงงานที่ผลิตสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและแบรนด์ของพวกเขานั้นมีชื่อเสียงมากเช่นกัน แม้ว่าราคาของพวกเขาเริ่มต้นที่หมื่นก็ตาม
ซิลลินได้แต่ยิ้ม และไม่ตอบอะไรออกไป หลังจากพวกเขาไปถึงฟรีดอม ฮอลล์แล้ว พวกเขาก็เดินเข้าไปข้างในทันที พวกเขาเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนที่จะเห็นอัลเลนเดินมาจากอีกทางหนึ่ง
“อ้าว.. ซิลลินฉันกำลังจะลงไปรับนายอยู่พอดีเลย...” เสียงของอัลเลนหยุดลงกลางคัน ตาของเขาเบิกกว้างขึ้นและขากรรไกรของเขาก็ค้างอยู่อย่างนั้น.. ส่วนเหตุผลที่ทำให้อัลเลนเป็นเช่นนี้คงเนื่องมาจากบุคคลทั้งสามคนที่ยืนอยู่ข้างซิลลินนั่นเอง..