px

เรื่อง : Star Rank Hunter
Chapter 28 ดวงดาวที่เดินออกมาจากความมืด


ขณะที่ไนท์กำลังพูดอยู่นั้น เขาก็งอหัวเข่าเล็กน้อยและขยับน้ำหนักไปที่เท้าของเขา หมัดของเขาถูกวางไว้ที่ด้านหน้าของร่างกายเพื่อที่จะเริ่มต้นการต่อสู้ได้ตลอดเวลา

ซิลลินยกเท้าขึ้นแล้วก้าวไปข้างหน้า แขนของเขาเปิดกว้างและดูเหมือนจะถูกวางตำแหน่งอย่างลวกๆ ทั้งสองข้าง ท่าทางของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยช่องว่าง แต่เมื่อซิลลินพูดว่า 'ปลดปล่อย' อารมณ์ในดวงตาของเขาจะช้าลงจนกว่ามันจะลดลงจนถึงจุดหนึ่งที่จะทำให้เขามองเห็นการต่อสู้ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งมันเป็นความแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับการต่อสู้ที่รุนแรงของไนท์

อาจารย์ของซิลลินเคยบอกเขาว่ามันเป็นไปได้ที่จะคาดเดาการกระทำต่อไปของฝ่ายตรงข้ามจากการมองเห็นของเขา แต่สิ่งที่ไนท์สามารถเห็นได้จากซิลลินก็คือความเงียบสงบ ความสงบลึกซึ้งจนเป็นเหมือนหุบเหวที่เกินจะหยั่งถึง ไนท์เคยเห็นความเงียบสงบแบบเดียวกันนี้ในสายตาของบุคคลหลายๆ คนมาก่อน แต่ทั้งคู่ก็เป็นระดับอาจารย์ที่มีประสบการณ์อย่างมาก หรือไม่ก็เป็นบุคคลที่มีลักษณะที่โดดเด่นเช่นพ่อของเขาเป็นต้น แต่ไนท์ไม่เคยเห็นดวงตาแบบนี้จากคนรอบข้างเลยแม้เพียงสักคนเดียว!

ซิลลินนั้นทำให้ไนท์รู้สึกแปลกๆ ในตอนนี้ซิลลินเหมือนกับนักล่าที่กำลังเฝ้ารออย่างเงียบๆ เพื่อรอให้เหยื่อตกลงไปในกับดักของเขา เหยื่องั้นเหรอ? ไนท์หัวเราะให้กับความคิดของตัวเอง หลังการต่อสู้ในครั้งนี้เราจะได้เห็นว่าใครที่จะเป็นนักล่า หรือใครที่จะเป็นผู้ถูกล่ากันแน่!

ปัง—

ใครก็ตามที่เริ่มต้นเปิดศึกก่อน ก็ย่อมที่จะเป็นต่อ.. ตอนนี้ร่างของไนท์หายไปจากจุดที่เขายืนอยู่ในทันทีและเหตุที่อากาศรอบๆ ที่เขายืนอยู่เกิดเสียงดังก็เพราะกำลังอัดอากาศถูกกระแทกเข้าหากันอย่างรวดเร็วนั่นเอง

ไนท์รีบพุ่งไปข้างหน้าและกระชับหมัดของเขาทันทีที่มาถึงหน้าซิลลิน ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นกว่าหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา และความแข็งแรงของเขาก็ได้รับการปรับสมดุลเพื่อให้ได้สภาวะที่ดีที่สุด เมื่อไนท์รู้สึกราวกับกำลังจะพุ่งเข้าไปหาซิลลิน ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าข้อศอกของเขาตกลงเล็กน้อยเหมือนกับว่ากำลังถูกดูดเข้าไปในอ่างน้ำวนยังไงอย่างงั้น มันทำให้เขาคลาดไปจากเป้าหมายของเขาเล็กน้อย ในขณะเดียวกันฝ่ามือของซิลลินก็ทะลวงผ่านช่องว่างและเข้ามาโจมตีที่คอของไนท์อย่างไม่ทันตั้งตัว

ไนท์ขวางการโจมตีด้วยมือที่ยกขึ้น และแทนที่เขาจะถอยออกไปแต่เขากลับก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อโจมตีกลับโดยชกไปที่หน้าของซิลลินอีกครั้ง เวลานี้ความเร็วในการออกหมัดของเขานั้นรวดเร็วกว่าเดิมมาก มันทำให้ซิลลินได้ยินเสียงเสียดสีจากหมัดของไนท์ที่ปะทะกับอากาศอย่างแรงเลยทีเดียว

ซิลลินหลบผ่านหมัดของไนท์ เขาขยับตัวถอยหลังและปรับสมดุลของเขาพร้อมกับบิดตัวไปข้างหน้าในเวลาเดียวกัน เขาจะโจมตีไปที่หัวของไนท์ดีหรือไม่?

ไม่.. เขาจะไม่ทำแบบนั้น!

ในวินาทีถัดมาก็เกิดแรงแปลกประหลาดที่คล้ายกับน้ำวนปรากฏขึ้นอีกครั้ง และมันก็"ดูด"หมัดของไนท์ให้ออกไปจากทิศทางเดิม แต่คราวนี้ไนท์กลับสามารถเห็นมันได้อย่างชัดเจน โดยต้นกำเนิดของแรงที่แปลกประหลาดนี้คือพายุไซโคลนที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวจากฝ่ามือของซิลลินไปยังแขนทั้งสองข้าง

การผสมผสานระหว่างความแข็งแรงและความนุ่มนวล?

ไนท์เรียกสิ่งที่เขาเห็นว่า 'ความแข็งแรงและความนุ่มนวล' พ่อและอาจารย์ของเขาเคยบอกกับเขาเมื่อในอดีตขณะที่เขายังคงฝึกอยู่ว่า เนื่องจากเกือบทุกคนในตระกูลเฟลเลอร์เป็นประเภทสายพลัง ดังนั้นไนท์จึงได้เรียนรู้รูปแบบการโจมตีมากมายเพื่อที่เขาจะได้ไม่ถูกจับไปเป็นยามรักษาการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตามหนึ่งในรูปแบบการโจมตีที่เขาชื่นชอบคือการเพิ่มความแข็งแรงให้กับความแข็งแรง ซึ่งนั่นก็คือความแข็งแรงอย่างแน่นอน

ไนท์อาจกำลังใช้ความคิดอยู่ในใจ แต่มือของเขาไม่ได้ช้าตามไปด้วย มือมีดพุ่งตรงไปยังลำคอของซิลลิน แต่ซิลลินไม่ได้ถอยห่างออกไปแต่กลับปัดป้องการโจมตีได้ในวินาทีถัดไป ไนท์พลิกสถานการณ์อย่างรวดเร็วโดยการคว่ำฝ่ามือของเขาและกระแทกลงไปที่หน้าอกของซิลลินอย่างจัง ไนท์ไม่หยุดการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ความเร็วของเขานั้นเร่งเร็วขึ้นและเร็วขึ้นตลอดการต่อสู้

ตา.. หลังหู.. ลำคอ.. กระดูกซี่โครง.. ท้อง.. หน้าแข้ง.. ทุกครั้งที่ไนท์โจมตีเขาเล็งไปที่เป้าหมายอย่างแม่นยำ แต่กลายเป็นว่าทุกครั้งที่เขาชกโดนเป้าหมายหมัดของเขากลับถูกผลักออกไปแทนโดยพลังงานพายุไซโคลนแล้วกลับไปปะทะกับผนัง พื้นหรือเพดานแทน...

ในขณะเดียวกัน ซิลลินไม่ได้ต่อสู้อย่างจริงจังมากนัก ส่วนใหญ่เขาจะเป็นฝ่ายป้องกัน ทุกครั้งที่เขาได้ต่อสู้กับคนอื่นเขามักจะตรวจสอบทักษะและสไตล์การต่อสู้ของคู่ต่อสู้ ในขณะที่เขาโจมตี เขาก็จะแก้ไขจุดอ่อนและเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ จากการต่อสู้เสมอ

ซิลลินเคยเห็นเทคนิคการต่อสู้ของไนท์มาก่อน และถึงแม้ว่าเขาจะสามารถรับมือกับไนท์ได้ในขณะนี้ แต่ลึกๆ แล้วซิลลินรู้ว่าไนท์กำลังค่อยๆ พัฒนาไปทีละเล็กทีละน้อย ตอนแรกซิลลินยังสามารถเบี่ยงฝ่าหมัดของไนท์ไปยังอีกมุมหนึ่งได้ แต่หลังๆ การโจมตีของไนท์เริ่มหนักหน่วงแข็งแรง และรวดเร็วขึ้น ดังนั้นช่วงเวลาที่ผ่านไปแต่ละครั้ง พายุไซโคลนได้ค่อยๆ สูญเสียการควบคุมไปยังจุดที่เขาสามารถหลบการโจมตีได้เท่านั้น นั่นหมายความว่าไนท์กำลังค่อยๆ ค้นพบข้อจำกัดของพายุไซโคลนนี้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ

เสียงทุ้มนับไม่ถ้วนดังขึ้นภายในห้องฝึกซ้อม แล้วความเสียหายก็เริ่มปรากฏให้เห็นทั้งบนผนัง พื้นและแม้แต่เพดาน แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้นี้เปี่ยมไปด้วยพลังมากแค่ไหน ถึงขั้นสามารถเจาะผนังและเพดานของห้องฝึกอบรมที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษจนเป็นหลุมได้ขนาดนี้

ซี จินฉาง และลังค์ถอนหายใจออกมา ในขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างมากมายจากห้องฝึกอบรมแห่งนี้

“นี่มันป่าเถื่อนมากเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย? จินฉางนายว่าจริงๆ แล้วซิลลินเป็นแค่ยีนลำดับB จริงเหรอ?”

ซี จินฉางพยักหน้าออกมาอย่างเห็นด้วย

จากฐานข้อมูลของซิลลินแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นยีนลำดับ B แต่ในทางกลับกันไนท์เป็นยีนลำดับ Aร้อยเปอร์เซ็นต์ แทบจะไม่มีความจำเป็นเลยด้วยซ้ำที่ยีนลำดับ A จะใช้พลังอย่างเต็มที่ในการต่อสู้กับยีนลำดับ B ตั้งแต่เริ่มต้นขนาดนี้? นอกจากนี้ซิลลินยังสามารถต้านการโจมตีของไนท์มาได้นานขนาดนี้ ถ้าจะพูดให้ถูกคือซิลลินได้ใช้ประโยชน์จากการยืมพลัง เพื่อทำให้การโจมตีทั้งหมดของไนท์นั้นพลาดเป้าไป

ในขณะที่ลังค์กำลังเฝ้าดูการต่อสู้ที่แสนดุเดือดในห้องฝึกซ้อมแห่งนี้อยู่ตลอดเวลา อยู่ๆ เขาก็ร้องขึ้นมาว่า “ท่าทางคนจากฝ่ายบริหารคงจะเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างได้แล้วล่ะ”

มันคงจะน่าแปลกใจมากแน่ๆ ถ้าพวกฝ่ายบริหารไม่ได้สังเกตเห็นถึงความวุ่นวายดังกล่าว แม้ว่าก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาในห้องฝึกอบรมพวกเขาจะปิดกล้องวงจรปิดทั้งหมดไปแล้วก็เถอะ แต่ทางนั้นก็คงมีแผนสำรองสำหรับการจัดการกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอยู่แล้ว..

ซี จินฉางไม่ได้พูดอะไรออกมามากนัก เขาหยิบอุปกรณ์ที่มีขนาดประมาณเท่ากับนิ้วมือขึ้นมาแล้วกดมันครั้งเดียว หลังจากนั้นไม่นานก็ปรากฏกล้องและกล้องขนาดเล็กหลายตัวขึ้นมาจากบนพื้น ผนังและเพดานของห้องฝึกซ้อม นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เฝ้าติดตามอีกหลายตัวปรากฏที่กำแพงของห้องอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันทุกคนที่อยู่ในจอภาพที่ถูกเชื่อมต่อกับห้องฝึกอบรมนี้จะแสดงเฉพาะที่นี่เท่านั้น แม้กระทั่งข้อมูลการบันทึกก็จะถูกลบออกทั้งหมดเช่นกัน

“ตรวจสอบเจ้าของบัตรที่ใช้ห้องฝึกอบรมนี้..” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของฝ่ายบริหารพูดขึ้นมา

“เข้าใจแล้ว.. ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ลบบันทึกไป เจ้าของบัตรชื่อว่า... ซี จินฉาง!”

“นามสกุลของเขาคือ ซี?” แล้วเสียงเจ้าหน้าที่ที่ดังออกมาก็เงียบไปชั่วครู่หนึ่ง “ไม่เป็นไร.. ไม่ต้องสนใจห้องฝึกซ้อมนั่น ปล่อยให้พวกเขาทำสิ่งที่พวกเขาต้องการตราบเท่าที่พวกเขาไม่ได้ทำลายห้องซ้อม”

เนื่องจากความวุ่นวายที่ซิลลินและไนท์ทำให้เกิดขึ้นมันมากจนเกินไป แม้กระทั่งผู้ที่กำลังฝึกอยู่ในห้องข้างๆ ต้องเดินออกมาจากห้องฝึกซ้อมของพวกเขาแล้วมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าใครกันที่เป็นคนน่าทึ่งถึงขนาดที่ทำให้เกิดเสียงดังมากมายขนาดนั้น? ซึ่งทำให้แม้แต่ผู้ที่อยู่ในห้องฝึกซ้อมบริเวณใกล้เคียงรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างชัดเจน....

มีคนกลุ่มหนึ่งที่ตามเสียงดังอึกทึกมาจนถึงหน้าห้องฝึกซ้อมของพวกเขาทั้งสี่ โดยประตูห้องฝึกซ้อมจะถูกปิดและล็อคไว้ให้อยู่ในโหมด 'ผู้ชมไม่สามารถมองเห็นได้' เนื่องจากฝูงชนที่มารวมตัวกันหน้าห้องซ้อมไม่สามารถเข้ามาข้างในได้ พวกเขาจึงรวมตัวกันที่หน้าประตูห้องฝึกซ้อมและหารือกันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน โดยมีผู้คนให้ความสนใจเข้ามาร่วมวงสนทนาในเรื่องนี้กันอย่างมากมาย

แต่ในขณะนี้ทั้งซิลลินและไนท์ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจปฏิกิริยาจากภายนอกเลยสักนิด ยิ่งพวกเขาต่อสู้กันนานเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งรวดเร็วมากขึ้น กล้องที่ปรากฏขึ้นมามากมายในตอนแรกได้หายไปหมดแล้ว แต่กลับเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นแทน

“หมัดพายุฝนฟ้าคะนองของตระกูลเฟลเลอร์” ซี จินฉางพูดขึ้นมาขณะที่เห็นการกะพริบของกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้น

“ฉันได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว.. แต่ก็ไม่เคยเห็นมันด้วยตาของตัวเองเลยสักครั้ง” ลังค์เคยเห็นภาพแบบนี้มาจากวิดีโอในนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์แต่ภาพมันก็เบลอมากจนแทบจะไม่เห็นรายละเอียดอะไร ซึ่งนิตยสารส่วนใหญ่นั้นไม่กล้าที่จะวิเคราะห์ลึกเข้าไปถึงข้อมูลหรือสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับการทหารมากนัก

ซึ่งในเวลานี้ซิลลินที่คอยป้องการโจมตีของไนท์มาตลอด เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงมวลอากาศที่ปั่นป่วนอยู่รอบตัวของเขา อนุภาคกำลังเริ่มแตกออกและปลดปล่อยพลังงานออกมา โดยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นมาจากฝีมือของไนท์อย่างแน่นอน ตอนนี้เหมือนมีพายุฝนและสายฟ้าที่มีพลังทำลายรุนแรงอยู่รอบตัวของทั้งสอง การชกของไนท์ทุกครั้งจะกระตุ้นให้เกิดการกระพริบของกระแสไฟฟ้ารอบๆ ตัว พร้อมทั้งมีเสียงดังเปรี๊ยะๆ ตลอดเวลา

นี่ไม่ใช่เอฟเฟคภาพแฟนซีแต่อย่างใด เพราะนี่เป็นไฟฟ้าของจริง ซิลลินรู้สึกว่าผิวของเขากำลังสัมผัสกับอนุภาคเล็กๆ เหล่านั้น เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังอยู่ในสนามไฟฟ้าก็ไม่ปาน อีกทั้งสนามไฟฟ้ายังคงแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเกิดปรากฏการณ์อนุภาคของฟิวชันร่วมด้วย ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหวก็จะเกิดอาการชาตามร่างกายจนทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบๆ ตลอดเวลา

ซิลลินได้กลิ่นเหม็นของเสื้อผ้าที่ถูกเผาด้วยความร้อน ถ้าการต่อสู้นี้ยังคงดำเนินต่อไป เขาคงจะต้องแย่แน่ๆ เพราะตอนนี้เขาเริ่มที่จะไม่สามารถต้านการโจมตีได้แล้ว หลอดเลือดดำบนแขนของไนท์พองตัวขึ้น และความเร็วที่มีเริ่มลดลงเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่าพลังของเขากำลังจะถึงจุดสูงสุด

ปัง—

ซิลลินถูกกระแทก และถอยห่างออกไปไม่กี่ก้าว อย่างไรก็ตามเมื่อไนท์บุกเข้าต่อสู้ประชิดตัวซิลลิน เขาก็ได้รู้ว่าซิลลินได้เขย่าแขนทั้งสองข้างและเริ่มสร้างพายุไซโคลนขึ้นอีกครั้ง แต่มันถูกแทนที่ด้วยกลิ่นอายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อครั้งก่อนๆ กลายเป็นความกดดันที่ไม่สามารถคาดเดาได้ หลังจากนั้นอนุภาคปั่นป่วนรอบซิลลินก็เริ่มคลายตัวลง..

ตอนนี้นายเริ่มเอาจริงแล้วใช่มั้ย... ไนท์คิดในใจ พร้อมกับพุ่งขึ้นจากพื้นอีกครั้ง และทำให้โมเมนตัมของเขาขึ้นสู่จุดสูงสุด กระแสไฟฟ้าแตกกระเซ็นเหมือนจะพร้อมที่จะแตกออกจากกัน แต่ซิลลินไม่หลบเลี่ยงหรือใช้กลยุทธ์การเบี่ยงเบนแบบก่อนหน้านี้อีกแล้ว ในเมื่อเขาต้องเผชิญกับการโจมตีของไนท์ เขาก็เลือกที่จะเผชิญหน้าตรงๆ ซิลลินยืนอยู่กับที่แล้วยกหมัดขึ้นและพุ่งไปข้างหน้าเช่นกัน

ปัง! ปัง!

เสียงกึกก้องสองเสียงดังขึ้นเกือบจะในเวลาเดียวกัน ผลกระทบจากแรงกระแทกของหมัดทั้งสองที่ตรงเข้าปะทะกันทำให้ทั้งซิลลินและไนท์กระเด็นออกไปกระแทกกับกำแพงทั้งสองด้านอย่างแรง

กลุ่มนักศึกษาที่คุยกันอย่างออกรสนอกห้องฝึกซ้อมในตอนนี้กลับเป็นเงียบสนิท นั่นเป็นเพราะพวกเขาเห็นถึงรอยของร่างกายมนุษย์ที่ยื่นออกมาจากผนังที่ทำมาเป็นพิเศษ ซึ่งนักศึกษาเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนภายในห้องฝึกซ้อมนานพอที่จะรู้ได้ว่าแนวปะทะของกำแพงนั้นมีความแข็งมากเพียงใด พวกเขาเคยพยายามที่จะทำให้มีรอยเท้าของพวกเขาบนผนัง พวกเขาลองเตะจนกระดูกขาแทบหักแต่มันก็ไม่สะเทือนเลยแม้แต่น้อย แต่แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น.. ใครจะอธิบายสิ่งที่พวกเขาเห็นนี่ได้ยังไง!

เปลือกตาของซี จินฉางและลังค์กระตุกอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่คู่นี้ไม่ได้รับแรงกระแทกไปด้วย เพราะพวกเขาอยู่ในเขตที่พักบริเวณด้านข้าง ซึ่งถูกแยกออกจากลานประลองออกมา

ไนท์แข็งแกร่งมาก.. ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทั้งซี จินฉางและลังค์นั้นรู้มานานแล้ว ซึ่งในสมัยนั้นพวกเขามักจะได้ยินคำชื่นชมเกี่ยวกับไนท์จากผู้หลักผู้ใหญ่มาค่อนข้างมากแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ในแวดวงเดียวกันก็ตาม

แต่พวกเขานั้นแทบจะไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับซิลลินเลย? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตระกูลดัวแอสได้ให้กำเนิดปีศาจคนนี้ขึ้น? คนผู้ซึ่งสามารถที่จะต่อสู้กับไนท์ได้อย่างสูสีขนาดนี้ มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?

ซิลลินเป็นเหมือนดวงดาวสุกสว่างที่ถูกซ่อนเอาไว้ในความมืดมาตลอดจนถึงเวลานี้ เขาเฝ้ามองโลกใบนี้อย่างเงียบๆ ขณะเดียวกันเขาก็ฉลาดหลักแหลมและน่าเกรงขาม เขาอยู่ในที่ที่ไม่เคยมีใครรู้จัก..

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ดาวดวงนี้ก็จะได้ปรากฏต่อสายตาของผู้คน เมื่อใดที่เขาก้าวออกมาจากความมืด ความสามารถของเขาก็จะไม่สามารถเก็บซ่อนไว้ได้อีกต่อไป..

รีวิวผู้อ่าน