px

เรื่อง : Star Rank Hunter
Chapter 29 นายน้อยลังค์ กับความคิดบ้าๆ ในหัวของเขา..


ทั้งซิลลินและไนท์ต่างถูกอัดกระแทกฝังอยู่กับผนังด้านตรงกันข้ามของห้องฝึกซ้อม ซิลลินกระโดดลงมาจากผนังและลงน้ำหนักลงบนเท้าของเขา เขาขยับแขนและนวดไหล่ของตัวเอง ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหวก็ได้ยินเสียงบางอย่างแตกที่ดังอย่างชัดเจน นี่อาจเป็นเสียงจากกระดูกของเขาก็เป็นได้ ส่วนไนท์ก็มีสภาพที่ไม่ต่างจากซิลลินนัก

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า.. สนุกมายเลย! นี่เป็นครั้งแรกเลยนะนับตั้งแต่ที่ฉันมาถึงดาวเคราะห์เซเว่นไลท์ ที่ฉันได้เจอคู่ต่อสู้ที่น่าสนใจขนาดนี้!” เสียงหัวเราะของไนท์ดูมีความสุขมากอย่างไม่น่าเชื่อ

ซี จินฉางและลังค์มองดูทั้งคู่จากเขตที่พักบริเวณด้านข้าง พวกเขารู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ได้เห็นอย่างมาก.. สองคนนี้เป็นคิงคองรึยังไงกัน? พวกเขาเพิ่งจะถูกอัดกระแทกกำแพงจนเป็นหลุมรูปมนุษย์ในผนัง แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ปีนลงมา ปัดฝุ่นที่ติดตัวเองเล็กๆ น้อยๆ ออก ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมทั้งสองคนยังดูเหมือนจะปกติดี ไม่บาดเจ็บอะไรมากซะด้วย!

ซิลลินมองไปที่เสื้อผ้าของเขามีจุดหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าถูกไฟไหม้จนดำเป็นตอตะโก เขาจึงได้เปลี่ยนเสื้อผ้าออกเพื่อความปลอดภัย แต่ที่นี่นั้นไม่มีห้องแต่งตัวที่แยกออกไปจากห้องฝึก และพวกเขานั้นก็ไม่มีอะไรที่จะต้องอายอยู่แล้ว ก็แค่ถอดออกแล้วรีบใส่เข้าไปก็เท่านั้นเอง แต่ในขณะที่ซิลลินและไนท์กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั้น ลังค์ก็ได้หยิบกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กขึ้นมา และเริ่มถ่ายภาพทั้งสองคนทันที

“เฮ้.. ฉันจะไปตั้งการประมูลออนไลน์ แล้วเอารูปถ่ายของพวกนายไปขายในตอนหลัง ~~”

“ลังค์นายวางแผนที่จะเอารูปพวกนั้นไปติดตกแต่งผนังด้วยรึเปล่าล่ะ?” ไนท์ยกคางขึ้น และชี้ไปที่รูปร่างของมนุษย์สองรูปที่ยุบลงไปที่ผนัง

“อา~~ ถ้าอย่างแย่ที่สุด.. ฉันจะแบ่งให้นายครึ่งหนึ่งของราคาที่ขายได้ก็แล้วกันนะ ก็พวกเราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันนิ.. ใช่มั้ย? จะว่าไปแล้ว.. ซิลลินนายมียีนลำดับ B จริงๆ น่ะเหรอ? ฉันว่าคนที่มียีนลำดับ A หลายคนยังมีศักยภาพไม่ดีเท่ากับนายเลยนะ” ลังค์เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างรวดเร็ว แต่การสนทนาในหัวข้อนี้ได้รับความสนใจจากไนท์ไม่น้อยเลยทีเดียว

“จริงด้วย.. ตอนที่ชกครั้งสุดท้าย ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าวิ่งเข้าไปชนรถถังเลย” ไนท์หมุนแขนของเขาขณะที่กำลังอธิบายเหตุการณ์อยู่ แน่นอนว่าซิลลินไม่ได้ใช้ความแข็งแรงอะไรมากตอนที่เขาจัดการรถบินสองคันแต่หลังจากต่อสู้กับไนท์นั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นค่อนข้างจะแตกต่างกันอย่างมาก

ซิลลินยิ้ม แล้วพูดขึ้นมาว่า “นั่นเป็นเพราะร่างกายของฉันน่ะ..”

“ฉันว่าศักยภาพร่างกายของนายสามารถเข้าไปอยู่ในกองทัพได้เลยนะ ฉันรับประกันได้เลยว่านายจะต้องไปได้สวยแน่ๆ เหมือนกับจี เฟยฮางพี่ชายคนที่สองของไพรส์ ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เขามาสมัครเข้ากองทัพใหม่ๆ เขาสามารถจัดการทั้งชั้นเรียนได้ด้วยตัวเอง พ่อฉันบอกว่าเขามีกายภาพระดับ A+ และสาเหตุของปรากฏการณ์นี้อาจเรียกว่า ความดีเด่นของลูกผสม”

ความดีเด่นของลูกผสม...

มันเป็นเรื่องที่ชัดเจนเมื่อได้ฟังไพรส์ และชื่อพี่ชายคนที่สองคนเดียวของเขา พ่อแม่ของพวกเขาไม่ได้มาจากเชื้อสายเดียวกันดังนั้นบุตรชายคนหนึ่งจึงได้รับการตั้งชื่อตามชื่อบิดาและมารดาคนอื่น

“แล้วยังไงล่ะ” ไนท์พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันรู้ว่าบางคนที่พ่อแม่ไม่ได้มาจากการเชื้อสายเดียวกัน แต่ยีนของพวกเขาอยู่ในลำดับ B เท่านั้น ซึ่งต่างจากลำดับของพ่อแม่ที่เป็นยีนลำดับ A... แต่แน่นอนว่าฉันไม่แน่ใจเกี่ยวกับกรณีของนาย ซิลลิน.. ฉันเองก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานการณ์ของครอบครัวดัวแอสเท่าไรนัก” ในตอนนี้ไนท์ค่อนข้างรู้สึกดี มันทำให้เขามีเรื่องมากมายที่จะพูดถึง

ลังค์หรี่ตาลงพร้อมกับถูคางของเขา แล้วพูดขึ้นว่า “นั่นหมายความว่าถ้าฉันพบผู้หญิงที่มีเชื้อสายอยู่นอกกาแลคซี งั้นโอกาสที่ลูกหลานของเราจะมียีนลำดับ A+ จะสูงขึ้นด้วยรึเปล่า?”

ซี จินฉางลองคิดอย่างรอบคอบแล้วจึงตอบลังค์ไปว่า “เคยมีคนค้นคว้าข้อมูลนี้ไว้ และพวกเขาก็มีความเชื่อว่า ยิ่งห่างไกลจากกายภาพของพ่อแม่มากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะให้กำเนิดลูกหลานด้วยยีนที่ดีขึ้นได้เท่านั้น”

“เอาล่ะ!” ลังค์จึงตบมือเข้าหากัน และพูดต่อว่า “งั้นฉันจะหาผู้หญิงสักคนที่อยู่นอกกาแลคซีมาเป็นภรรยาในอนาคตให้ได้เลย!”

“ไหนนายตัดสินใจว่าจะออกกำลังกายเพื่อเพิ่มศักยภาพด้วยตัวเองไม่ใช่เหรอ?” ซิลลินทำหน้าไม่เชื่อในสิ่งที่ลังค์พูด

“สองอย่างนั้นมันแตกต่างกันน่า! ภรรยาของฉันจะต้องมาจากนอกกาแลคซี แต่ฉันก็ไม่ได้หวังอะไรจากคนรักของฉันมากนักหรอกนะ”

“ฮู้วววว ~~” ทั้งสามคนพร้อมใจกันส่งเสียงเย้ยหยันลังค์เต็มที่

ซิลลินตัดสินใจว่าจะไม่บอกความจริงทุกคนเกี่ยวกับเบื้องหลังของเขา เพราะเรื่องที่ร่างกายของเขามีชิปฝังอยู่นั้นเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้

ภายนอกห้องฝึกอบรมมีนักศึกษาจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องที่ว่าคนที่อยู่ภายในห้องฝึกนั้นเป็นอาจารย์หรือนักศึกษากันแน่ แต่หลังจากที่ประตูห้องฝึกอบรมเปิดขึ้นการสนทนาทุกอย่างก็หยุดลงทันที ซิลลิน และเพื่อนๆ เดินออกมาทีละคน พวกเขาเพียงกวาดตามองไปที่กลุ่มนักศึกษาที่รวมตัวจับกลุ่มคุยกันอยู่ภายนอกห้องฝึก แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจและเดินตรงไปยังทางออกทันที

“สี่คนนั้นเป็นใครกันน่ะ? พวกเขาไม่ใส่ป้ายประจำตัว ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่เกรดไหน” หนึ่งในนักศึกษาที่จับกลุ่มคุยพูดขึ้นมา

“นั่นพวกเขานิ!” แล้วนักศึกษาคนหนึ่งที่จำลังค์ได้ก็พูดขึ้นมา ชื่อของลังค์แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในกลุ่มของนักศึกษา เพราะคนที่เคยมีปัญหากันในตอนที่พวกเขาไปตั้งร้านค้าในเขตศูนย์การค้านั้นก็คือเด็กหนุ่มจากตระกูลแอนเดรียคนนั้นนั่นเอง

“นายหมายความว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นนักศึกษาชั้นปีหนึ่งในเทอมนี้งั้นเหรอ?”

“นี่มันไม่ป่าเถื่อนเกินไปเหรอเนี่ย!” บางคนที่เห็นรูปมนุษย์ที่ถูกกระแทกอย่างแรงจนรูปร่างยื่นออกมาจากผนังก็ถึงกับกลืนน้ำลาย แม้แต่นักศึกษาที่เชี่ยวชาญด้านการทหารชั้นปีที่ 5, 6 และ7 ก็ยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลย

จากนั้นไม่ไกล.. มีนักนักศึกษาเกรดสามยืนพิงราวจับกำลังจ้องมองมาที่กลุ่มของซิลลินอย่างไม่วางตา

“ไนท์ เฟลเลอร์อย่างงั้นเหรอ? ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาที่มหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์เลยนะเนี่ย ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจบรรดามหาวิทยาลัยที่ไม่ใช่มหาวิทยาลัยทางการทหารหรอกเหรอ?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่สวมต่างหูพูดขึ้นมาด้วยโทนเสียงที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ

“โอ้.. นายรู้จักพวกเขาเหรอสโตล? แล้วคนไหนคือไนท์ล่ะ?” เพื่อนของเขาถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้

ชายหนุ่มที่ชื่อสโตลดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจที่พูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไรนัก

“ฟู ลัวร์.. เธอคิดว่าใครที่กำลังต่อสู้อยู่ข้างใน?” คนที่ถูกพูดถึงนั้นคือเด็กสาวที่มีดวงตากลมโตเป็นประกาย และมีน้ำเสียงที่ร่าเริง เมื่อเธอยิ้มที่แก้มทั้งสองก็ปรากฏลักยิ้มที่แสนน่ารักสองอันบนแก้มของเธอ

“แล้วเธอล่ะ คิดว่ายังไงบ้าง?” หญิงสาวที่มีชื่อว่าฟู รองยิ้มบางๆ ให้ ซึ่งทำให้เธอนั้นยิ่งดูสง่างามและบริสุทธิ์มากขึ้นไปอีก

“อืม ...” ขณะที่เธอกำลังยืนเอามือยันไว้กับคาง เด็กสาวก็ชี้ไปยังภาพของไนท์ที่ปรากฏบนหน้าจอและพูดขึ้นว่า “ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นที่หนึ่งในพวกเขาแน่ๆ เพราะรอบตัวของเขามีบรรยากาศการต่อสู้ที่ยังไม่คลายลงเลย” จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่ซี จินฉางแล้วพูดว่า “ผู้ชายคนนั้นไม่น่าจะใช่แน่นอน ส่วนที่เหลืออีกสองคนนั้น...” แล้วดวงตากลมโตของเธอก็มองสลับไปมาระหว่างลังค์และซิลลิน ก่อนที่เธอจะชี้ไปยังซิลลินและพูดออกมาว่า “ฉันว่าโอกาสที่ผู้ชายคนนี้จะเป็นนักสู้นั้นสูงกว่าคนอื่นๆ ในที่นี้นะ”

“อืม.. ฉันก็เชื่อว่าแบบนั้นเหมือนกัน”

“แต่ถ้าดูจากผนังห้องฝึกอบรมในตอนนี้ที่อย่างกับผ่านการทุบอย่างรุนแรงมาขนาดนี้ แต่แล้วทำไมพวกเขาทั้งสองคนยังดูสบายดี ทั้งยังไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรเลยล่ะ?”

ฟู ลัวร์มองไปยังรถบินสีทับทิมที่บินหายไปในระยะไกลด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาได้ เธอรู้สึกได้ว่านับจากวันนี้ต่อไปในมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์คงจะไม่สงบอีกต่อไปแล้ว

หลังจากกลับเข้าไปในที่พักแล้วซิลลินก็รีบอาบน้ำและไปรับประทานอาหารที่หุ่นยนต์เตรียมไว้ให้อย่างรวดเร็ว แล้วรีบไปนอน เพราะเขาจำเป็นต้องเข้าสู่โหมดนี้เพื่อวิเคราะห์การต่อสู้ในวันนี้อย่างลึกซึ้ง ในขณะซิลลินกำลังหลับ ฉากที่เขาเข้าปะทะกับไนท์ก็เริ่มต้นเล่นซ้ำอย่างชัดเจนอีกครั้งในหัวของเขา การเคลื่อนไหวทุกอย่างของไนท์, การหดรัดตัวของกล้ามเนื้อทุกส่วน, การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในอากาศ,หรือแม้กระทั่งการแบ่งแยกอนุภาคกระแสไฟฟ้า ...ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มวนกลับมาเล่นซ้ำอีกครั้งในแบบที่มีความละเอียดสูง และเชื่องช้า

คราวนี้การนอนหลับของซิลลินไม่นานเกินไป อย่างน้อยที่สุดเขาก็ตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากตรวจดูหน้าจอที่แสดงเวลาบนเตียงแล้ว เขาก็เกาศีรษะและลงไปข้างล้างเพื่ออาบน้ำ แต่หลังจากที่เขาเดินมาได้ไม่กี่ก้าวเข้าก็ได้กลิ่นของอาหารเช้าลอยมาจากด้านล่างแล้ว

หลังจากที่ซิลลินลงมาชั้นล่างแล้วเขาก็เห็นลังค์กระโดดข้ามขาของเขาและร้องตะโกนเกี่ยวกับ 'การแสดงข้อมูลของอาจารย์' บนแท่นการศึกษาในที่พัก

“นายดูอาจารย์คนนี้สิ เธอมีดวงตาที่สวยงามมากเลย แต่ถึงอย่างนั้นหน้าเธอก็ดูเหมือนอึเลยว่ะ!”

“...” ซิลลินได้แต่เงียบ เขาไม่รู้จะตอบลังค์ว่าอะไรดี

นี่มันเป็นการชมหรือด่ากันแน่เนี่ย?

ซี จินฉางที่ใช้ไข่แดงเป็นแยมทาบนขนมปังของเขา เขากำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหาร หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของลังค์มือของเขานั้นก็หยุดนิ่ง เขาขมวดคิ้วกับแยมไข่แดงและรู้สึกสูญเสียความหิวไปซะเฉยๆ แต่ซิลลินนั้นไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ลังค์พูดมากนัก เขาจำเป็นที่จะต้องรีบทานอาหารเพื่อเติมเต็มพลังงานให้สมองของเขา หลังจากออกคำสั่งให้หุ่นยนต์ทำอาหารเช้าชุดเดียวกันจำนวนห้าชุดแล้ว เขาก็คว้าฮ็อทด็อกมาแล้วนั่งทานอยู่บนโต๊ะอาหาร “แล้วไนท์อยู่ที่ไหนเนี่ย?”

ลังค์ชี้ขึ้นไปข้างบน “เขากำลังติดตั้งไวเลสอยู่บนหลังคาน่ะ อ้อใช่.. ซิลลินเดี๋ยวอีกหน่อยพวกเราก็จะสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้แล้วนะ อีกอย่างจินฉางก็ได้ติดตั้งอะไรบางอย่างที่จะทำให้คนจากฝ่ายบริหารตรวจสอบข้อมูลของพวกเราไม่ได้ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่าแม้เราจะใช้ถ้อยคำหยาบคายด่าอาจารย์ใหญ่บนอินเตอร์เน็ตเซเว่นไลท์ขนาดไหน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการถูกค้นพบและถูกหักคะแนนเลยล่ะ.. มันเยี่ยมไปเลยใช่ไหม!!”

“ไม่ใช่แค่อินเตอร์เน็ตเซเว่นไลท์เท่านั้นนะ แต่มันจะทำงานในมหาวิทยาลัยทั้งหมดที่อยู่ในเขตการปกครอง B เลยล่ะ” ซี จินฉางกล่าวอย่างหนักแน่น

“ที่น่ากลัวกว่านั้นนะ! เมื่อคืนที่ผ่านมาอยู่ๆ ฉันก็มีแรงบันดาลใจสว่างวาบขึ้นมาในหัวของฉัน แล้วฉันก็พบว่าฉันมีจดหมายรักอยู่ ฉันจะส่งให้สาวสวยทุกคนในมหาวิทยาลัยของเขตการปกครอง B เลย!” ลังค์หยิบเอาแท็บเล็ตออกมาอย่างตื่นเต้น

ซิลลินและซี จินฉางขยับเข้าใกล้ลังค์ แล้วอ่านจดหมายรักของเขาว่าเป็นอย่างไร

ในแท็บเล็ตเขียนว่า:

“คุณเปรียบเหมือนกับไฟในนรก ช่วงเวลาที่คุณปรากฏตัว ทุกๆ โมเลกุลในเลือดของฉันมันปรุงแต่งจิตวิญญาณจนร้อนระอุเพื่อคุณคนเดียว ลึกลงไปในกระดูกความรักที่เร่าร้อนนั้นผลักดันให้ฉันออกไปผจญในกาแลคซีเพื่อค้นหาดอกคาร์เนชั่นมามอบให้กับคุณ ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งฉันได้ มีเพียงคุณเท่านั้น...”

หลังจากได้อ่านจนหมายรักที่แสนพิลึกพิลั่นนั่น ซิลลินและซี จินฉางรู้สึกเหงื่อจนท่วมตัว นี่มันอะไรกัน.. ประโยคที่แสนจะน่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับเลือดของเขาที่ปรุงแต่งจิตวิญญาณ แล้วไหนจะดอกคาร์เนชั่นที่อยู่ในกาแลคซีนั่นอีกล่ะ?

ทั้งสองคนชี้ไปที่คำว่า 'คาร์เนชั่น' ที่ถูกตกแต่งด้วยโทนสีชมพูและสีแดงเข้มก่อนที่จะมองไปที่ลังค์ “อืม..? ดอกคาร์เนชั่นนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ลึกซึ้งใช่รึเปล่า?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลังค์ก็ตาเบิกกว้างขึ้นด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา

“แล้วกุหลาบสีแดงนั้นเป็นสัญลักษณ์ของอะไรล่ะ?” ซิลลินถามลังค์อีกครั้ง

ลังค์พูดออกมาด้วยท่าทางที่แสดงออกเหมือนกับว่า ‘เรื่องแค่นี้เด็กๆ ก็รู้น่า’ ว่า “แน่นอนฉันต้องรู้สิ.. ก็เป็นคำสาปยังไงล่ะ!”

ซิลลินกับซี จินฉางถึงกับอึ้งในคำตอบของลังค์จนพูดไม่ออก “.....”

เหมือนนรก.. เป็นคำสาปอย่างงั้นเหรอ!

ไนท์ผู้เพิ่งเสร็จสิ้นจากการติดตั้งไวเลสเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะลงมาพร้อมกับอวดในความสำเร็จของเขา ก็เกือบจะตกจากบันได หลังจากได้ยินคำตอบของลังค์

นี่มันเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยอะไรกันว่ะ!

นายน้อยลังค์.. แม้ว่านายจะเขียนจดหมายรัก แต่นายก็ไม่ได้ใช้ภาษาดอกไม้ในการเขียนเลยสักนิด.. แบบนี้ก็ได้เหรอ!!

สุดท้ายแล้วทั้งสามคนก็สามารถรับรู้ได้อย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความคิดบ้าๆ ในหัวของนายน้อยลังค์ผู้นี้...

หมายเหตุ : ความดีเด่นของลูกผสม (Heterosis) หรือก็คือการเอาข้อดีทั้งพ่อและแม่มารวมกัน เพื่อต้องการให้ลูกนั้นมีความแข็งแรงกว่ารุ่นพ่อและแม่

รีวิวผู้อ่าน