px

เรื่อง : Star Rank Hunter
Chapter 30 รหัสชีวิต..


ในวันพิธีรับปริญญา.. ในกลุ่มของนักศึกษาซิลลินนั้นนั่งอยู่ที่แถวหลังสุดของหอประชุม สภาพของทุกคนในตอนนี้คือซิลลินกำลังเอนตัวหลับไปบนเก้าอี้ และไนท์ที่นั่งข้างๆ เขากำลังเล่นโมเดลรถถังที่อยู่ในมืออยู่ ส่วนซี จินฉางกำลังนั่งอ่านหนังสือ และลังค์ที่หันไปมองซ้ายทีขวาทีเพื่อมองสาวๆ สวยๆ อยู่สรุปว่าไม่มีใครในกลุ่มของพวกเขาที่ให้ความสนใจในตัวแทนนักศึกษาเซเว่นไลท์ที่กำลังกล่าวสุนทรพจน์อันเสแสร้งอยู่ที่กลางเวทีเลยสักนิด อันที่จริงคงจะมีนักศึกษาที่ทำแบบพวกเขาอยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามซิลลินก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยในขณะที่เขาอยู่ในโหมดนอนหลับอยู่ เขาตื่นขึ้นมาและมองไปยังเวทีทันที ..นั่นช่างเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยมากจริงๆ ซึ่งคนที่กำลังพูดอยู่ในขณะนี้เป็นหนึ่งในเจ็ดรองอาจารย์ใหญ่ หัวหน้าแผนกวิทยาศาสตร์และการวิจัย ‘มัวร์ เฮง’ ซึ่งเขาก็คือชายชราที่ซิลลินได้เจอที่สถานีรถไฟในเขตการค้านั่นเอง

ในขณะที่ซิลลินกำลังมองดูเขา มัวร์ เฮงเองก็มองกลับมายังทิศทางที่ซิลลินนั่งอยู่ ราวกับว่าเขาได้ตรวจพบสายตาของซิลลินที่กำลังมองมายังเขาได้อย่างนั้น หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ก็ปรากฎรอยยิ้มที่มีเลศนัยขึ้นบนใบหน้าของมัวร์ เฮง รองอาจารย์ใหญ่อัล ติงค์ ที่นั่งข้างๆ กับรองอาจารย์ใหญ่มัวร์ เฮง เขามีอาการกระวนกระวายอย่างมากขณะที่กำลังคิดถึงอาหารที่เขาจะกินมื้อกลางวันในเวลาต่อไป และในขณะที่เขากำลังเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เห็นถึงรอยยิ้มมีเลศนัยแปลกๆ ของมัวร์ เฮง ถ้าสำหรับคนที่ไร้เดียงสาและโง่เขลาแล้วล่ะก็รอยยิ้มของมัวร์ เฮงคงดูเหมือนรอยยิ้มที่แสนร่าเริงทั่วไป แต่สำหรับคนที่รู้จักมัวร์ เฮงดีแล้วล่ะก็จะรู้ว่าปีศาจเก่าแก่ตนนี้คงจะกำลังมีแผนการชั่วร้ายอีกครั้งนึงเป็นแน่!

อยู่ๆ ซิลลินเองก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา รองอาจารย์ใหญ่กำลังมีแผนการอะไรอยู่กันแน่นะ?

เมื่อพิธีเปิดงานสิ้นสุดลง ในที่สุดกลุ่มคนสี่คนก็ทำเหมือนได้ว่าในที่สุดเหตุการณ์นี้ก็ได้ผ่านพ้นไปได้เสียที มันโคตรน่าเบื่อเหมือนอย่างกับอยู่ในนรกเลยกับการที่พวกเขาต้องนั่งฟังจนจบแบบนี้ ซึ่งหลังจากพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้นลง ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มเรียนเป็นทางการแล้ว..

มีหลักสูตรที่จัดตั้งขึ้นอย่างมากมายในมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ ภายใต้สาขาทางวิชาการ เช่น วรรณกรรม, บริหารธุรกิจ, การศึกษาค้นคว้าวิจัย, วิศวกรรม, การทหารและอื่นๆ คุณสามารถเลือกศึกษาในสิ่งที่คุณต้องการตราบเท่าที่คุณอยู่ในเกรดนั้น แต่ถ้านักศึกษาเลือกเรียนแล้วล้มเหลวในการสอบปลายภาคแล้วล่ะก็ ทางมหาวิทยาลัยคงจะต้องขอโทษด้วย เพราะแทนที่คุณจะได้รับหน่วยกิตเพิ่ม ตรงกันข้ามหน่วยกิตของคุณจะถูกหักออกแทน ดังนั้นนักศึกษาคนหนึ่งมักจะเลือกเรียนวิชาที่พวกเขาคุ้นเคยก่อน ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถสะสมหน่วยกิตได้เพียงพอ พวกเขาก็จะสามารถเลื่อนชั้นต่อไปได้ หากพวกเขาล้มเหลวไม่สามารถสะสมหน่วยกิตให้ผ่านเกณฑ์ขึ้นต่ำได้ พวกเขาจะต้องเรียนซ้ำอีกปี และหากพวกเขาไม่สามารถที่จะเลื่อนชั้นขึ้นไปได้ภายในสามปีแล้วล่ะก็ พวกเขาก็จะถูกบังคับให้รีไทร์ออกไป ในทางกลับกันหากพวกเขาสามารถสะสมหน่วยกิตได้เพียงพอพวกเขาก็สามารถสมัครเพื่อเลื่อนชั้นเรียนล่วงหน้าได้ ซึ่งด้านสาขาการทหารสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนักศึกษาที่คาดการณ์ล่วงหน้าได้ดี แต่มันก็ยากที่จะได้รับหน่วยกิต นั่นจึงเป็นเหตุผลให้บรรดาผู้ที่ต้องการเป็นนายทหารในกองทัพจะต้องรู้จักความสามารถของตัวเองหรืออาจจะสายเกินไปเมื่อพวกเขาตระหนักได้ถึงความคิดตัวเอง

แต่แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ทางมหาวิทยาลัยจะทำลายความหลงใหลในการเรียนรู้ของนักศึกษา ทุกสาขาวิชาเอกได้สร้างหลักสูตรวิชาเลือกของตัวเองขึ้น ดังนั้นนักศึกษาผู้ที่มีความสนใจเข้ามาศึกษาในวิชาเอกโดยเฉพาะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถรับรองได้ว่าเมื่อผ่านหลักสูตรวิชาสาขาย่อยได้แล้วจะเลือกเรียนสาขาวิชาหลักได้หรือไม่ หน่วยกิตของสาขาวิชาย่อยเหล่านี้มีเพียงหนึ่งในสิบของวิชาสาขาหลักเท่านั้น แต่สิ่งที่ดีคือพวกเขาจะสามารถผ่านวิชาเลือกเหล่านี้ไปได้ง่ายและอาจารย์เองก็มีความกรุณาต่อนักศึกษาอย่างมาก ดังนั้นนักศึกษาจึงค่อนข้างที่จะชอบวิชาเลือกเหล่านี้

ซี จินฉางได้เลือกเรียนบางหลักสูตรตามสาขาเอกวิชาวรรณคดีและเนื่องจากเขาเป็นนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกมาเป็นพิเศษเขาจึงได้รับการตัดสินในมาตรฐานที่แตกต่างกัน ลังค์ได้เลือกเรียนสาขาเอกการบริหารธุรกิจ แต่เขาก็ได้เลือกเรียนวิชาเลือกในสาขาวรรณคดีด้วย ซึ่งสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้เขาเลือกเรียนวิชาเลือกนี้ก็เพราะมีสาวๆ สวยๆ มาเรียนวิชานี้จำนวนมาก จากคำพูดของลังค์ที่ว่า 'ฉันไปที่นั่นเพื่อให้สายตาของฉันสะอาดบริสุทธิ์' แต่สำหรับไนท์นั้นไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เขาได้เลือกเรียนวิชาการทหารไปเรียบร้อยแล้ว และเขาเองก็ไม่ได้สนใจวิชาเลือกอื่นเลย

สำหรับซิลลินแล้วเขาเลือกเรียนหลักสูตรไม่กี่วิชาในวิชาเอกทุกวิชาและไม่ใช่วิชาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งโดยทั่วไปซิลลินเลือกทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสามารถเรียนได้ตราบเท่าที่เวลาเรียนไม่ชนกันและอยู่ภายในเวลาเรียน อาจพูดได้ว่าตารางเรียนของซิลลินนั้นค่อนข้างเต็มทุกวัน แต่แน่นอนว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นั้นไม่นับ เพราะสุดสัปดาห์คือช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน

เนื่องจากพวกเขาเลือกเรียนสาขาวิชาที่แตกต่างกันโอกาสที่พวกเขาจะได้พบกันในระหว่างวันจึงน้อยลง ซิลลินจึงได้ซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าอีกคันหนึ่ง เพราะเขานั้นไม่สามารถที่จะพึ่งรถบินของลังค์ได้ตลอดเวลา อีกทั้งเวลาเรียนของพวกเขาก็ไม่เท่ากันด้วย โดยนักเรียนที่ได้รับคัดเลือกมาเป็นพิเศษอย่างซี จินฉางก็มักพักค้างคืนที่แผนกวิทยาศาสตร์และการวิจัย ในขณะที่ไนท์มักจะพักค้างคืนที่กองฝึกอบรมเพราะเป็นจะสะดวกมากกว่า ในขณะเดียวกันลังค์ก็จะขับรถบินไปยังเขตการค้าหลังจากที่เลิกเรียนทุกวัน และทำตัว 'เจ้าชู้' กับนักศึกษาไปเรื่อย จนทำให้ทุกคนในเขตการค้าไม่ว่าจะเป็นชาย, หญิง, หญิงชราหรือหนุ่มสาวก็ต้องอยากวิ่งหนีเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเห็นลังค์โผล่มา ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ซิลลินเป็นเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่อย่างถาวรในที่พัก แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีอะไร เพราะมันเป็นการสะดวกสำหรับซิลลินในการจัดการกับเรื่องบางอย่าง

ถ้าหากเขาล่าช้าในการจัดการกับเจ้า “บิ๊กฟุต พาทิโนไซซัส ไตรคัสพิดาต้า” หรืออีกชื่อก็คือต้นเถาไอวี่ที่ถูกห่อเอาไว้ในไบโอฟิล์มล่ะก็ อีกไม่นานมันอาจจะตายลงได้ โดยนี่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แรกหลังจากคลาสเรียนจบลง ซิลลินเป็นคนเดียวที่อยู่ในที่พัก เขาจึงเอาถาดทำความสะอาดออกจากห้องแล้วฉีกไบโอฟิล์ม และวางเถาไอวี่ไว้ในที่ที่ใส่สารละลายธาตุอาหารไว้โดยรอบ ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย สีเขียวใบอ่อนของต้นเถาไอวี่นั้นดูอ่อนแอมาก ซิลลินจึงวางนิ้วลงบนใบไม้แล้วหลับตาเพื่อสัมผัสข้อมูลที่ส่งออกมาจากมัน.. ตำแหน่งของแต่ละเซลล์, องค์ประกอบต่างๆ ภายในเซลล์ หรือแม้แต่การถอดรหัสข้อมูลทางพันธุกรรม... ข้อมูลต่างๆ ได้ถูกส่งต่อกระจายไปทั่วจิตใจของซิลลิน ไบโอคอนโทรลที่รวมอยู่ในโครโมโซมของเขาเป็นเหมือนเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์วัตถุที่เขาสัมผัส ซิลลินรู้สึกแปลกๆ ภายในต้นเถาไอวี่นี้แตกต่างจากภายนอกที่ดูเหมือนไม่มีชีวิตชีวาและตายไปแล้ว... อัตราการเต้น แรงสั่นสะเทือนทำให้ซิลลินรู้สึกเหมือนกับได้มีส่วนร่วมในการสื่อสารไปด้วย

ซิลลินเหมือนจะได้ค้นพบรหัสชีวิตของเถาไอวี่นี้ เมื่อเขาสามารถปลดล็อครหัสนี้ได้มันจะทำให้เขาสามารถเข้าใจเงื่อนไขของการอยู่รอดของต้นไม้ต้นนี้ได้ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องนั่นก็คือนี่เป็นสิ่งที่ต้นไม้นี้ต้องการมากที่สุดในตอนนี้ ซิลลินสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเถาไอวี่นี้ต้องการอะไร ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนแอและไม่มั่นคงด้วยเช่นกัน

ความคิด? ถูกตัอง... นี่คือความคิดของพวกเขา

ซิลลินจำคำพูดของเจนญ่าได้อย่างชัดเจน.. เมื่อย้อนกลับไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่เจนญ่านั่งอยู่ใต้ต้นฟูจิและบอกกับซิลลินว่า “มีอยู่น้อยคนที่จะสนใจดูแลชีวิตของต้นไม้อย่างแท้จริง แต่ในความเป็นจริงแล้วต้นไม้เหล่านี้ก็มีความกระตือรือร้นที่จะสื่อสารกันมากขึ้น - เสียงสะท้อนของชีวิตสามารถเอาชนะความเสน่หาได้ ดีกว่าเครื่องจักรที่ไม่มีความยืดหยุ่น”

แน่นอนว่าคำพูดของเจนญ่านั้นมีพื้นฐานมาจากต้นฟูจิจริงๆ ซึ่งต้นฟูจินั้นนับได้ว่าเป็นหนึ่งในพืชที่ดีที่สุดในอาณาจักรของพืช และอาจได้รับการยกย่องในฐานะ ‘เอลเดอร์ทรีฟูจิ’ เจนญ่าเคยพูดไว้ว่ายิ่งสามารถเข้าใจจิตใจของพวกเขา(ต้นไม้)ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้จิตใจของพวกเขาชัดเจนมากยิ่งขึ้น พวกเขาเป็นเหมือนสัตว์ที่มีสถานะอยู่ระหว่างสัตว์กับพืช ซึ่งมีรูปร่างเป็นพืชแต่มีความคิดและจิตใจเป็นเหมือนสัตว์

ดูเหมือนว่า ‘บิ๊กฟุต พาทิโนไซซัส ไตรคัสพิดาต้า’ สายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์และถูกพัฒนาขึ้นแล้ว ซึ่งซิลลินสามารถติดต่อกับความคิดของเจ้าต้นไอวี่นี่ได้อย่างชัดเจน ซิลลินแสดงความปรารถนาดีของเขาขณะที่กำลังพยายามส่งความคิดผ่านการแปลงรหัสชิปภายในร่างกายเขาไปยังใบไม้ของต้นเถาไอวี่ ซึ่งเถาไอวี่นี้เหมือนกับเด็กที่ถูกแยกออกจากพ่อแม่ หลังจากที่ได้สัมผัสกับความปรารถนาดีของซิลลินแล้ว การสูญเสียความรู้สึกปลอดภัยที่หายไปเป็นเวลานานก็ส่งผลต่อความคิดของตัวมันเอง

ซิลลินยกถาดขึ้นและมองไปยังเถาไอวี่ที่อยู่ข้างใน แล้วพูดขึ้นอย่างเงียบๆ ในใจว่า “อย่ากังวลไปเลย ฉันอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้ข้างๆ นาย” ก่อนที่เขาจะเดินออกไป ซิลลินกดปุ่มที่ถูกติดตั้งโดยซี จินฉาง เมื่อเปิดการใช้งานบุคคลภายนอกจะเห็นเฉพาะฉากที่ถูกตั้งค่าเอาไว้ แต่จะไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในที่พัก

บนพื้นดินใต้หน้าต่างห้องนอน ซิลลินได้ขุดพื้นผิวเพื่อเผยให้เห็นพื้นดินข้างใต้ แล้วเขาก็วางเถาไอวี่ลงไปและโรยสารละลายธาตุอาหารตามธรรมชาติ หลังจากนั้นเถาไอวี่ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในระดับที่สามารถสังเกตุเห็นได้.. สีของใบไม้เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น เถาไอวี่เริ่มขยายและปีนขึ้นบันไดโดยก้าวขึ้นไปข้างบนทีละขั้นทีละขั้น (หมายเหตุ:กิ่งก้านสาขาของพืชเต็มไปด้วยแผ่นเหนียวซึ่งสามารถมองเห็นและอนุมานได้ว่าเป็นเท้าของมัน ดังนั้นจึงใช้คำว่าทีละขั้นทีละขั้น) และในเวลาเดียวกันทั้งสองข้างของเถาไอวี่ก็เริ่มงอกขึ้น เมื่อถึงระดับหนึ่งมันก็เจริญเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ซิลลินนั่งอยู่บนสนามหญ้าและเฝ้าดูเถาไอวี่เจริญเติบโต และกระจายไปตามทางของมันทีละขั้นที่ละขั้นตามสภาพแวดล้อมที่มีอยู่

ในความเป็นจริงเถาไอวี่เหล่านี้ไม่ได้มีความต้องการด้านสิ่งแวดล้อมสูงมากนัก แต่กลับกันพวกมันค่อนข้างที่จะเจริญเติบโตได้ง่าย ไม่ใช่ว่าต้นอ่อนไม่สามารถซึมซับสารละลายธาตุอาหารได้ก่อนหน้านี้ แต่เนื่องมาจากมันมีความระมัดระวังมากเกินไปหลังจากที่ถูกแยกออกจากพ่อแม่ ถ้าความระมัดระวังทำให้พวกเขาไม่สบายใจ พวกเขาก็จะเหี่ยวแห้งไปและกลับคืนสู่ผืนดินมากกว่าที่จะยอมรับความผ่อนคลายที่ได้รับการนำเสนออยู่ตรงหน้า

สถาบันเครื่องมือพฤกษศาสตร์ในเขตการวิจัยสามารถวิเคราะห์รายละเอียดรหัสพันธุกรรมของพืชและลักษณะเฉพาะของมันได้ อย่างไรก็ตามพวกเครื่องมือไม่สามารถที่จะติดต่อสื่อสารกับเหล่าต้นไม้ได้ นี่เองที่เป็นความแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตกับเครื่องจักร

ปาฏิหาริย์แห่งชีวิตไม่สามารถตีความได้ด้วยคำพูด แต่สามารถทำให้รู้สึกได้ว่านี่คือชีวิตที่แท้จริง..

ในตอนเย็นซิลลินเฝ้าดูต้นไม้ที่ปกคลุมมากกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นผิวของที่พัก และยิ้มออกมา เมื่อทั้งสามคนนั้นกลับมา พวกเขาก็จะต้องรู้สึกแปลกใจมากแน่ๆ..

รีวิวผู้อ่าน