ไม่มีรอยเปื้อนมากมายในบริเวณใกล้เคียงมีเพียงเลือดที่นองอยู่ที่พื้นแสดงให้เห็นว่าไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่ แต่นั่นก็หมายความว่าชายคนนี้ถูกโจมตีโดยที่ยังไม่ทันจะได้ต่อสู้เลยด้วยซ้ำ..
ชุทส์ทำสัญญาณมือ –เตือน, ระวัง.. ก่อนที่จะเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือชายผู้นั้น
ซิลลินหมอบลงที่ข้างผนังแล้วนำเอากล่องเล็กๆ ออกมาแล้วเก็บตัวอย่างดินจากผนังอุโมงค์ใส่เข้าไป ซึ่งสมาชิกในทีมของเขาเพียงแค่เฝ้าระวังสภาพแวดล้อมโดยรอบ ไม่ได้เข้าไปรบกวนการกระทำของซิลลินเพราะพวกเขาสันนิษฐานว่าซิลลินคงกำลังหาตัวอย่างของหนูดำเหมือนกับที่เขาเคยทำมาก่อนหน้านี้
ในความเป็นจริงไม่มีใครรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของซิลลินนั้นไม่ได้ทำเพื่อเก็บตัวอย่างของหนูดำ แต่ใช้การกระทำของเขาเพื่อปกปิดการที่เขานำมือออกจากถุงมือแล้วสัมผัสกับผนังและพื้นวิเคราะห์ร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ ของพวกหนูดำภายในอุโมงค์ เพราะแม้แต่อุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงก็ไม่สามารถเทียบกับชิปภายในตัวของเขาได้ในแง่ของความสะดวกสบาย แล้วการวิเคราะห์ก็เริ่มต้นขึ้นทันที.. จากสัมผัสของนิ้วมือเขาได้บอกว่าหนูดำชนิดใดที่โจมตีทีมปฏิบัติการในสถานที่แห่งนี้กันแน่!
นี้มันแตกต่างกัน! นี้มันไม่ใช่หนูดำตัวที่ขุดหลุม หรือตัวที่เขาได้เจอไปก่อนหน้านี้! หนูดำตัวนี้นี้ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าตัวอื่นๆ ที่ฉันเคยเจอมา!
ซิลลินไม่สามารถคำนวนได้ว่าหนูดำตัวนี้จะมีพลังมากแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตามเขารู้สึกได้ว่าพวกเขาอาจกำลังเข้าไปใกล้กับหัวหน้าของพวกหนูดำกลายพันธุ์เรื่อยๆ แล้ว ซึ่งมันก็คือหนูดำตัวแรกที่หนีออกมาจากฐานทัพได้ในตอนแรกนั่นเอง..
เมื่อชุทส์ได้เข้าไปหาสมาชิกในทีมคนหนึ่งที่กำลังร้องขอความช่วยเหลืออย่างบ้าคลั่งอยู่นั้น อยู่ๆ ชายคนนั้นก็มีอาการหายใจลำบากเฮือกสุดท้ายแล้วเข้าสู่อาการโคม่าทันที ภายใต้แสงไฟทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าขาของชายคนนั้นถูกกัดขาดและมีเลือดกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง แพทย์ในกลุ่มได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อหยุดเลือด แต่ก่อนที่เขาจะพันผ้าพันแผลจะเสร็จชายผู้นั้นก็เสียชีวิตไปแล้ว..
“แมร่งเอ้ย!! ฉันจะฆ่าไอ้หนูพวกนั้นไม่ให้เหลือซากเลย” สมาชิกในทีมคนหนึ่งโกรธแค้นมากจนเลือดขึ้นหน้า เขาจึงต่อยไปที่กำแพงข้างๆ อย่างหนักเพื่อระบายอารมณ์ด้วยความเศร้าโศก ทุกคนต่างเศร้าโศกกับสิ่งที่พวกเขาได้พบเจอ แต่การแสดงออกของแต่ล่ะคนก็มีมากน้อยต่างกันไป..
ชุทส์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดขึ้นว่า “มันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของมัน มันคงจะฆ่าทุกคนที่นี่โดยที่พวกเขายังไม่ทันจะได้ส่งเสียงออกมาด้วยซ้ำ แต่มันก็จงใจที่จะทิ้งคนที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงเอาไว้”
“เขาเสียเลือดมากเกินไป แล้วพิษของหนูดำก็ลุกลามเข้าไปถึงอวัยวะภายในทั้งหมดแล้ว” แพทย์ประจำทีมยกเข็มเปล่าสองเข็มขึ้นไปในอากาศแล้วพูดต่อว่า “ทั้งสองคนได้รับการฉีดแอนตี้ซีรั่มแล้วแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย สารพิษของหนูดำนี้มีศักยภาพมากอย่างไม่น่าเชื่อ”
“กัปตันครับ สัญญาณสื่อสารของพวกเราหายไปแล้วครับ!” สมาชิกในทีมส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก เขาต้องการจะติดต่อทีมช่วยเหลือ รวมทั้งแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์ในปัจจุบันด้วย แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าสัญญาณจะขาดหายไปเช่นนี้
ซิลลินคิดในใจว่า.. พวกเขาไม่ควรดูถูกสติปัญญาของพวกหนูดำเพราะมันเหนือกว่าที่พวกเขาได้คาดเอาไว้เสียอีก ถ้าทุกคนทำงานได้ดี ติดตั้งตัวรับสัญญาณอย่างถูกต้องแต่ก็ยังไม่มีสัญญาณ นั่นอาจหมายถึงว่าตัวรับสัญญาณของพวกเขาคงถูกทำลายไปแล้วโดยหัวหน้าของหนูดำก็เป็นได้ มันอาจจะดูไม่น่าเชื่อแต่มันก็เป็นไปแล้ว
ซึ่งมันคงจะฟังดูไร้สาระ แล้วซิลลินก็กล้าที่จะบอกได้เลยว่าหลายคนคงจะไม่เชื่อเขาแน่ๆ หากว่าเขาพูดออกไป พวกหนูดำกลายพันธุ์พวกนี้ไม่เพียงแต่รู้วิธีหาและทำลายตัวรับสัญญาณเท่านั้น แต่มันยังจะวางแผนที่จะทำลายทุกๆ คนในตอนสุดท้ายด้วยเช่นกัน.. นี่มันเป็นหนูหรือมนุษย์กันแน่?!
ซิลลินไม่เคยประมาทหัวหน้าหนูดำตั้งแต่แรก ยิ่งเขาได้ข้อมูลมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่าหนูดำตัวนี้มีพลังมาก ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญาหรือพละกำลังในการต่อสู้ นอกจากนี้ซิลลินก็ได้ค่อยๆ หาความถี่เสียงของมันไปเรื่อยๆ
ชุทส์หยุดคิดพักนึงก่อนที่จะถอดสแกนเนอร์แบบคลื่นเสียงออกมาแล้วกดปุ่ม สาเหตุที่เขาไม่ได้ใช้มันก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่ามีโอกาสสูงมากที่พวกหนูดำอาจค้นพบตำแหน่งของพวกเขาผ่านมันได้ แต่ในตอนนี้เขาจะไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขารู้สึกหดหู่อย่างมาก.. นี่มันไม่แฟร์เลยกับสิ่งที่ลูกทีมของเขาต้องเจอ
เมื่อเขาเห็นหน้าจอแสดงผลที่กำลังแสดงตำแหน่งของหนูดำ ชุทส์ก็ตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนกแทบจะทันทีว่า “ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!!”
พวกเขาแทบจะไม่มีใครทันได้ระวังตัวเลยก่อนที่หนูดำจะเจาะเพดานและผนังกรูกันออกมาโจมตีพวกเขาที่อยู่ในที่โล่ง ทำให้ซิลลินและสมาชิกคนอื่นๆ รวมแปดคนพลัดหลงออกจากกลุ่มไป และยิ่งหนูดำมีจำนวนมากขึ้นเท่าไรก็ทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองกลุ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นชุทส์ก็ได้พยายามช่วยเหลือทุกคนอย่างสุดความสามารถ ปืนของเขานั้นไม่เคยหยุดยิงเลยแต่ไม่ว่าเขาจะฆ่าพวกมันไปมากแค่ไหนหนูดำกลายพันธุ์พวกนั้นก็แทบจะไม่ลดจำนวนลงเลย บรรยากาศโดยรอบจึงเต็มไปด้วยความตึงเครียดอย่างหนัก
ทางด้านซิลลินและสมาชิกทีมคนอื่นๆ อีกแปดคนรีบถอยกลับไปยังปลายทางอีกด้านหนึ่งของอุโมงค์พร้อมกับเสียงปืนที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่จำนวนหนูดำที่ตามพวกเขามามีจำนวนไม่มากนักจึงสามารถจัดการได้ไม่ยาก และหลังจากที่พวกเขายิงต่อสู้กับหนูดำจนร่นถอยออกมาจากอุโมงค์มาได้เกือบสิบนาทีก็ไม่มีหนูดำไล่ตามพวกเขามาอีกเลย ทั้งหมดจึงปักหลักรออยู่ที่อีกฟากหนึ่งของอุโมงค์ซึ่งขณะนี้พวกเขาได้สูญเสียการติดต่อกับทุกคนที่เหลืออีกในทีมไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าทุกคนในทีมที่ยังติดอยู่ในอุโมงค์นั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้าง มีเพียงแต่เสียงลมหายใจเท่านั้นที่เป็นสิ่งเดียวที่ได้ยินก้องอยู่ภายในอุโมงค์เงียบสงัด
“ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเราจะปลอดภัยแล้วสินะ” สมาชิกคนหนึ่งในทีมยิ้มและพูดขึ้นมา
“ใช่...หวังว่านะ..” ซิลลินตอบคำถามของเพื่อนร่วมทีมพร้อมกับยิ้มไปด้วย
พรวด!!
มีเลือดไหลออกมาจากด้านข้างของลำคอสมาชิกทีมคนหนึ่ง.. สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่เชื่อ ไม่มีใครคาดหวังว่าซิลลินจะรวดเร็วขนาดนี้!! ถ้าเป็นเพียงคนธรรมดาจะสามารถปกป้องและช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมในสถานการณ์คับขันแบบนี้ได้อย่างไรกัน?!
โดยปกติคนธรรมดาทั่วไปจะผ่อนคลายและคลายความตึงเครียดของพวกเขาเมื่อมีคนบอกว่า “ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว” แทบไม่ต้องพูดถึงเมื่อพวกเขาต้องอยู่ถัดจากเพื่อนร่วมทีม แต่เพื่อนของเขาเพิ่งจะดึงมีดออกมา ก่อนที่ซิลลินจะใช้กรงเล็บหนูดำตัดผ่านหลอดเลือดแดงของเพื่อนเขา และเนื่องจากการต่อสู้กับหนูดำอย่างหนักก่อนหน้านี้ทำให้เลือดของชายคนนั้นไหลอย่างรวดเร็วไม่นานเขาก็หายใจเฮือกสุดท้ายก่อนจะจากไป
ซิลลินกำลังเล่นกับกรงเล็บหนูดำในมือของเขาและหลังจากที่เหลือบไปมองชายคนนั้น บนพื้นดินก็ได้ปล่อยเสียงรบกวนออกมาใกล้ๆ กับปากของชายคนนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ซิลลินใช้มันหลังจากถอดรหัสเสียงของผู้นำหนูดำ ซิลลินได้ค้นหาเสียงนี้และถอดรหัสเสียงนับตั้งแต่มาถึงอุโมงค์ใต้ดิน
ซิลลินไม่ได้อยู่ที่นั่นนานเกินความจำเป็น หลังจากเขาก็จากมาได้ไม่นานไม่ถึงนาทีก็มีหนูดำจำนวนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นและฆ่าสมาชิกในทีมตายโดยเฉพาะในเวลาที่พวกเขาอยู่คนเดียว ซิลลินสามารถกำจัดภัยคุกคามเหล่านั้ซ่อนตัวอยู่ภายในกองกำลังปฏิบัติการได้เป็นอย่างดี
ซิลลินไม่เคยลืมเกี่ยวกับภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่นับตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ามายังดาวเคราะห์เซเว่นไลท์จนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา นักวิจัยหรือทหาร ซิลลินก็ไม่เคยลดการป้องกันตัวลงเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาพบว่ามันน่าสนใจมากที่ศัตรูของไอฟรอนได้ยื่นมือเข้าไปในกองทัพเรียบร้อยแล้ว แทบไม่ต้องแปลกใจเลยพวกเขานั้นคือศัตรูของไอฟรอนอย่างแน่นอน..
ความสามารถของซิลลินเป็นที่สะดุดตาที่สุดเมื่อพวกเขาลงมาจากเครื่องบินที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้จัดการพวกหนูดำ แต่ไม่มีใครรู้ว่าซิลลินนั้นให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยในตัวของสมาชิกทุกคน มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ซิลลินสามารถรับรู้ได้ว่ามีอันตรายที่ซ่อนอยู่รอบตัวของเขาและหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น ซิลลินก็ยิ่งมั่นใจในสัญชาตญาณของตัวเองมากขึ้น.. ในความเป็นจริงซิลลินตั้งใจเดินช้ากว่าหนูดำแล้วแยกพวกเขาแปดคนออกจากคนอื่นๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นวางแผนที่จะหาโอกาสฆ่าซิลลิน พวกเขาทั้งสองคนยืนอยู่ด้านหลังของทีม ตำแหน่งของหนูดำ, ความเร็วในการเดินทางและระยะห่างระหว่างเขากับแปดคนข้างหน้าทั้งหมดอยู่ในการคำนวณของซิลลินแล้ว มันอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่หนูดำแยกพวกเขาแปดคนออกจากคนอื่นๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นสิ่งที่ซิลลินได้คาดการณ์เอาไว้ทั้งหมดแล้ว
ซิลลินไม่จำเป็นต้องมีเครื่องตรวจจับคลื่นเสียงเพื่อให้สามารถรับรู้เสียงต่างๆ ที่ส่งผ่านมาทางผนังซึ่งคนทั่วไปอาจไม่สามารถรู้สึกได้ ซิลลินเป็นเหมือนเครื่องมัลติฟังก์ชั่นที่มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเขาที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา เขาสามารถรู้ได้ว่าการปรากฏตัวของหนูดำนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันเป็นผลมาจากคำสั่งของผู้นำหนูดำต่างหาก
เหมือนกับเครื่องตรวจจับความผิดปกติในรูปของมนุษย์.. ซิลลินตระหนักได้ดีถึงการเคลื่อนไหวของทุกอย่างรอบตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นคนจำนวนหลายคนของกลุ่มX เพิ่งผ่านอุโมงค์Y เข้ามา หรือจำนวนหนูดำที่กำลังปฏิบัติการอยู่ที่อุโมงค์ใกล้ๆ ซิลลินก็รู้มาโดยตลอด ดังนั้นซิลลินจึงสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ มาได้อยู่เสมอ
เหลือบไปที่สายคาดของกระเป๋าเป้สะพายหลัง ซิลลินก็ยกมุมปากของเขาขึ้นเล็กน้อย.. คนต่อไปน่าจะปรากฏตัวขึ้นเร็วๆ นี้แน่
ที่ปลายอุโมงค์มีทางเลี้ยวเล็กๆ ก่อนซิลลินจะเดินช้าๆ เข้าไปในทิศทางนั้น และขณะที่เขากำลังจะมาถึงทางเลี้ยวเขาได้ขว้างกรงเล็บของหนูดำออกไปจากมือเหมือนกับบูมเมอแรง ก่อนที่จะ...
พรวด!!
ลำคอของชายคนหนึ่งที่สวมชุดต่อสู้ถูกเจาะเข้าไปทำให้ชายคนนั้นเหมือนถูกตอกเข้าไปกับผนัง ดวงตาของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความไม่เชื่อก่อนปืนที่อยู่ในมือของเขาจะตกลงไปที่พื้น ซึ่งในตอนแรกเขาได้วางแผนที่จะฆ่าซิลลินด้วยปืนกระบอกนี้
กรงเล็บหนูดำมีโค้งในการบินสูง.. สามารถจัดการเป้าหมายได้อย่างแม่นยำแม้ว่าจะอยู่ในอุโมงค์ก็ตาม! และนี่ก็เป็นสิ่งที่ศัตรูของเขาคิดไม่ถึงเลยทีเดียว
ซิลลินถือกรงเล็บของหนูดำเอาไว้ก่อนที่จะปล่อยเสียงที่ไม่สามารถแยกแยะได้ออกมา.. จากนั้นซิลลินก็จัดการคนอื่นอีกสามคนในเวลาต่อมา
มีเครื่องติดตามขนาดเล็กซ่อนอยู่ในกระเป๋าเป้สะพายหลัง มันถูกติดตั้งเอาไว้ก่อนที่จะถูกแจกจ่ายมาให้ซิลลินโดยเฉพาะ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังมองหาโอกาสที่จะฆ่าซิลลินในอุโมงค์แห่งนี้มาโดยตลอด อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็คือ.. ซิลลินนั้นรู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เขารับกระเป๋าเป้สะพายหลังใบนี้มาแล้ว และนี่คือวิธีที่คุณจะสามารถเอาชนะใครบางคนได้ในเกมของพวกเขา
หลังจากเดินเข้าไปในอุโมงค์เป็นระยะเวลานาน ซิลลินก็รู้สึกได้ว่าจำนวนของหนูดำลดลงอย่างเห็นได้ชัด ต้องขอบคุณที่ซิลลินให้ตัวอย่างเลือดและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหนูดำแก่นักสืบเพื่อให้พวกเขาสามารถมีเวลาเตรียมตัวได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตลดลง และสามารถจัดการพวกหนูดำได้ดียิ่งขึ้น
ขณะกำลังเดินไปเรื่อยๆ ซิลลินก็หยุดพักและหันมองไปรอบๆ
ภายในความมืดมีหนูดำขนาดใหญ่ยาวประมาณสามเมตรยืนอยู่ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของอุโมงค์ ดวงตาสีแดงของมันเรืองแสงแดงฉานคล้ายหยดเลือดท่ามกลางความมืดมิด
“ในที่สุดนายก็ปรากฏตัวขึ้น ฉันคิดว่านายจะหลบซ่อนจากฉันไปตลอดเสียอีก” เหมือนมีรอยยิ้มในน้ำเสียงของซิลลินแล้วเขาก็พูดต่อไปว่า “ฉันจะบอกอะไรให้.. เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายของนาย”