ROSE : 13 ต่อชีวิต !
เหล่าแพทย์ฝีมือดีต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าซือไป๋อาจมีอายุได้ไม่ถึง 18 ปีด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตระกูลซือไม่ได้พยายามหาวิธียื้อชีวิตคุณชายสาม ซึ่งเป็นสมาชิกคนสำคัญของตระกูลซือ
เย่หลิงค่อนข้างแปลกใจว่าเหตุใดจู่ๆ เย่ชิงถางจึงพูดถึงซือไป๋ “เมื่อไม่กี่วันมานี้อาการของซือไป๋แย่ลงมาก ข้าได้ยินมาว่าตระกูลซือถึงกับเชิญท่านหมอเทวดาซูไปดูอาการเขาแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยให้สิ่งใดดีขึ้นเลย”
ท่านหมอเทวดาซูเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองหลินมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนแห่มาขอความช่วยเหลือจากเขา ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา ว่าต้องการช่วยเหลือคนผู้นั้นหรือไม่
เห็นได้ชัดว่าตระกูลซือต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเชิญ ท่านหมอเทวดาซูไปรักษาคุณชายสาม
เย่ชิงถางพยักหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่างและกล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้าต้องออกไปซื้อของบางอย่าง ข้าขอตัวก่อน”
เย่หลิงมองเย่ชิงถางด้วยความมึนงง
เกิดอะไรขึ้น?
เหตุใดเย่ชิงถางจึงต้องการออกไปข้างนอกเพียงลำพัง?
นี่เป็นฝันใช่หรือไม่?
เป็นที่รู้กันดีว่าเย่ชิงถางไม่กล้าออกไปจากจวนเพราะปานดงบนใบหน้าของนาง และแม้ว่านางจะออกไปจากจวนแต่นางก็ยังหลบซ่อนตัวอยู่ในเกี้ยวเพื่อปิดบังตนเองจากสายตาของเหล่าสาธารณชน
แล้วเหตุใดวันนี้…
เหตุใดจู่ๆ เย่ชิงถางก็เปลี่ยนไป?
เย่หลิงรู้สึกว่าหลังจากสูญเสียรากเหง้าวิญญาณ บุตรสาวของเขาได้กลายเป็นอีกคนหนึ่ง นางแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“เช่นนั้น…จงระวังตัวให้ดี” เย่หลิงเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของเย่ชิงถางแต่เมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของนาง เขาก็พลันรู้สึกโล่งใจยิ่งขึ้น
หลังจากเย่ชิงถางออกไปจากจวน นางจึงมุ่งหน้าตรงไปยังตระกูลซือ
เย่ชิงถางเคยได้ยินเรื่องราวของคุณชายสามแห่งตระกูลซือมาบ้าง เขานับได้ว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งและตระกูลซือก็ได้พยายามอย่างมากที่จะยื้อชีวิตเขาแต่เขากลับสามารถมีชีวิตอยู่ได้เพียง 25 ปีเท่านั้น ซือไป๋นั้นมีชื่อเสียงและเกียรติยศสูงส่งเป็นอย่างมากแม้แต่ เย่โย่วก็ไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคืองใจอย่างไรก็ตามในที่สุดซือไป๋ก็เสียชีวิตลงและเย่โย่วก็มีโอกาสทำลายทั้งตระกูลซือและตระกูลเย่....
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม เย่ชิงถางจึงต้องช่วยยืดอายุของซือไป๋ ออกไป!
อย่างไรก็ตาม นางไม่ใช่คนใจดีที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน นางต้องการทำข้อตกลงข้อหนึ่งนั่นคือพวกเขาต้องช่วยให้นางได้เข้าไปในสำนักพร้อมกับ ตระกูลซือ
ทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในสำนักต่างก็อ่อนแอราวกับมด พวกเขาจะถูกนับว่าแข็งแกร่งอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อได้ก้าวเท้าเข้าไปอยู่ในสำนักหลังจากนั้นพวกเขาก็จะได้รับการสั่งสอนทักษะระดับสูงและวิธีการใช้พลังจากรากเหง้าวิญญาณ หากไม่ได้เข้าร่วมกับสำนัก ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเก่งกาจเพียงใด พวกเขาย่อมไม่อาจไปถึงระดับก้าวสวรรค์ได้
มีความแตกต่างเป็นอย่างมากระหว่างคนในสำนักกับคนธรรมดาทั่วไป เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่สำนัก พวกเขาย่อมแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
สมาชิกของสำนักล้วนมีอำนาจในการปกครองถึงครึ่งหนึ่งของโลกใบนี้
ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากมากที่ก้าวเข้าไปอยู่ในสำนักได้ต่อให้เป็นคนของตระกูลอันยิ่งใหญ่ดังเช่นตระกูลเย่หรือว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ก็ย่อมมีคุณสมบัติไม่เพียงพอ การเรียนรู้วิธีการบินยังนับว่าง่ายกว่าหาทางเข้าร่วมสำนักด้วยซ้ำ
การที่เย่โย่วได้รับการยอมรับจากหัวหน้าสำนักนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับ sรากเหง้าวิญญาณระดับเลิศภพ ที่นางขโมยไปจากเย่ชิงถางในยามนี้เย่โย่วได้เรียนรู้ทักษะมากมายจากที่นั่นและได้บรรลุถึงระดับก้าวสวรรค์ตรงกันข้ามกับเย่ชิงถางในช่วงชีวิตที่ผ่านมานางได้ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้บรรลุระดับระดับก้าวสวรรค์แต่อย่างไรก็ตาม ความสามารถของนางยังไม่อาจเทียบกับเย่โย่วได้
อย่างไรก็ตามคราวนี้นางได้รับโอกาสเป็นครั้งที่สองแล้ว…
เย่ชิงถางเงยหน้าขึ้นมองประตูทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลซือ รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
ตระกูลซือสามารถช่วยเหลือให้ผู้คนเข้าสู่สำนักต่างๆได้ หากนางใช้โอกาสนี้ในการเข้าร่วมสำนักได้นั่นย่อมหมายความว่านางเข้าใกล้โอกาสที่จะได้จัดการเย่โย่วขึ้นไปอีกขั้น!
ติดตามตอนต่อไป...........