px

เรื่อง : Rebirth of the Strongest Empress
ROSE : 14 สบตา


ROSE : 14 สบตา

 

         นี่คือสิ่งที่เย่ชิงถางต้องการมากที่สุดสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงก้าวแรกในการล้างแค้นเย่โย่ว

 

         เมื่อเห็นเย่ชิงถางเหล่าองครักษ์ประจำตระกูลซือจึงเข้ามาขวางทางนางเอาไว้

 

         เย่ชิงถางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางยิ้มและเอ่ยประโยคแรกที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของนางออกไป “จงไปแจ้งท่านหัวหน้าตระกูลว่าข้ามีวิธีช่วยคุณชายสาม”

 

         …

 

          อาวุโสซือขมวดคิ้วแน่นขณะจ้องไปยังชายหนุ่มรูปงามภายในห้องโถงแววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อได้เห็นใบหน้าอันซีดเซียวของชายหนุ่ม เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนักจากนั้นเขาจึงเอ่ยถามท่านหมอเทวดาซู ผู้ซึ่งกำลังตรวจชีพจรให้ชายหนุ่ม

 

         “ท่านหมอเทวดาซู สุขภาพหลานข้าเป็นเช่นไรบ้าง…”

 

         หมอเทวดาซูมีอายุมากกว่าห้าสิบปีและทักษะทางการแพทย์ของเขาก็โด่งดังไปทั่วทวีปอย่างไรก็ตาม ชายวัยกลางคนกลับส่ายศีรษะช้าๆ “คุณชายสามได้รับพิษมาตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดมันออกไป”

 

         หลังจากได้ยินคำพูดของหมอเทวดาซูสีหน้าของอาวุโสซือพลันซีดขาวราวกระดาษ ภายในใจรู้สึกหดหู่เป็นอย่างยิ่ง

 

         ในขณะเดียวกันซือไป๋ก็ลุกขึ้นนั่งและจัดแขนเสื้อของตนเองอย่างสงบ ใบหน้าของเขาเฉยเมยราวกับว่าไม่สนใจว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้นานเพียงใด เขาพยายามเอ่ยปลอบโยนท่านปู่ของตน “ท่านปู่ ข้าไม่เป็นไร ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลไป”

 

         เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของหลานชาย อาวุโสซือก็รู้สึกราวกับว่ามีมีดคมนับร้อยนับพันกำลังทิ่มแทงหัวใจของเขา

 

         “ไม่เป็นไรงั้นหรือ? เจ้าจะไม่เป็นไรได้อย่างไร? หากคนของตระกูลเย่ไม่วางยาแม่ของเจ้าตั้งแต่นางตั้งครรภ์ เจ้าก็คงไม่ต้องตายและเจ้าย่อมไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากผลของพิษเย็นกัดกิน !”

 

         “ท่านปู่ไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกว่าตระกูลเย่วางยาพิษท่านแม่…” ซือไป๋ถอนหายใจเบาๆ

 

         อาวุโสซือหัวเราะเย้ยหยัน “หลักฐานงั้นหรือ? หากมีหลักฐานยืนยัน ข้าคงกำจัด ตระกูลเย่จนสิ้นซากไปนานแล้วจะให้ข้าอดทนกับการกระทำอันต่ำช้าของพวกเขาได้อย่างไร!”

 

 

         ซือไป๋นิ่งเงียบ

 

         ทันใดนั้น ข้ารับใช้ผู้หนึ่งก็รีบเร่งวิ่งเข้ามาในห้องและกล่าวรายงานว่าเย่ชิงถางมารอพบท่านอยู่ด้านนอก

 

         “นางมีวิธีช่วยหลานรักของข้างั้นหรือ?” อาวุโสซือหัวเราะเยาะ “ตระกูลเย่ ชักจะอวดดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว! ข้าไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาแต่กลับเป็นพวกเขาเองที่มาหาข้าถึงที่!”

 

         “ดี! ดี! ดียิ่ง! ให้นางเข้ามา! หากนางไม่สามารถช่วยหลานรักข้าได้ ข้าจะใช้คุณหนูแห่งตระกูลเย่เป็นที่ระบายโทสะ!”

 

         ซือไป๋ขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้รู้ว่าท่านปู่ของเขาโกรธแค้นตระกูลเย่มากเพียงใด

 

         “ท่านปู่ คุณหนูเย่ยังเด็กนัก…” ซือไป๋กล่าว

 

         “เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องนี้ ข้ารู้ดีว่าต้องทำเช่นไร” อาวุโสซือเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

 

 

         ซือไป๋ถอนหายใจออกมาเพราะเขาไม่อาจโน้มน้าวใจท่านปู่ได้ เขาเหม่อมองไปยังทางเข้าห้องโถงราวกับว่ากำลังครุ่นคิดบางอย่าง

 

         ในไม่ช้าองครักษ์ก็พาคุณหนูท่านหนึ่งที่มีผ้าคุลมปิดบังใบหน้าเข้ามาภายในห้องโถง

 

         เมื่อซือไป๋ได้เห็นเด็กสาว เขาก็ตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง เขาเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับคุณหนูเย่มาก่อน ข่าวลือนั้นกล่าวว่านางทั้งอ่อนแอ อัปลักษณ์ และสวมผ้าคุลมปิดบังใบหน้าตลอดเวลาแต่ในวันนี้เขาเข้าใจแล้วว่าข่าวลือนั้นล้วนผิดทั้งสิ้น

 

         สตรีนางนี้ทั้งสงบและเยือกเย็นแม้ว่าจะมีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าแต่แววตาของนางกลับสดใสและเปล่งประกาย

 

          ซือไป๋ไม่เชื่อว่าคนที่มีแววตาสดใสเช่นนี้จะอัปลักษณ์ เขาไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่าสตรีที่ดูท่าทางเยือกเย็นเช่นนี้จะอ่อนแอ

 

         ดูเหมือนว่าเย่ชิงถาง ผู้ซึ่งเพิ่งจะก้าวเข้ามาภายในห้องโถงจะสังเกตเห็นสายตาของ ซือไป๋ นางจึงเผลอเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่รู้ตัวและดวงตาสดใสของนางก็จับจ้องไปยังใบหน้าของชายหนุ่มรูปงาม

 

         เมื่อสายตาทั้งคู่ประสานกันรอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซือไป๋ เขาพยักหน้าให้เย่ชิงถางเล็กน้อย...

 

ติดตามตอนต่อไป...........

รีวิวผู้อ่าน