px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 72 ฝ่ามือเอกะ


ต้วนหลิงเทียนและหลินฉวนยืนเผชิญหน้ากัน

ตอนนี้ทุกสายตาของผู้คนจับจ้องไปยังทั้งสองร่างกลางเวทีประกายดารา

หลินฉวน อายุ 18 ปี ระดับก่อเกิดขั้นที่ 2 สาวกรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 1 ของตระกูลหลิน

ต้วนหลิงเทียน อายุ 16 ปี ระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 สาวกกรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 2 ของตระกูลลี่

ความแข็งแกร่งของหลินฉวนนั้นเป็นเรื่องที่ร่ำลือมานานแล้ว

แต่ทว่า

ต้วนหลิงเทียนนี้แทบไม่ต่างอะไรกับดาวหางที่พุ่งผ่านชั้นฟ้า

เสียงร่ำลือถึงระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 ทว่ากลับใช้ความแข็งแกร่งได้ถึงระดับช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัว มันพาดผ่านเมืองนี้รวดเร็วราวกับดาวหาง

เซี่ยวหลันกระพริบตาก่อนที่จะกล่าวถามออกมา “ท่านพี่ว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะกัน?”

"ข้าว่าต้วนหลิงเทียน"

ใบหน้าเย็นชาของเซี่ยวหยูพลันบังเกิดรอยยิ้มที่หาดูได้ยากขึ้นมา

ตอนนี้เซี่ยวหยุนที่อยู่ด้านข้างไม่ได้ขัดอะไรขึ้นมา นางมองไปยังหลิงเทียนด้วยความสนใจ

"ตัวเลวร้าย ... "

ลี่เฟยกัดฟันเบาๆในขณะที่มองไปยังหลิงเทียนด้วยความเป็นห่วง

"มาเริ่มกันเถิด"

หลินฉวนพยักหน้าตอบรับวาจาของหลิงเทียนก่อนที่เขาจะเริ่มขยับ

วิชาท่าร่าง อัสนีเร้นลับ!

ร่างของหลินฉวนพลันพุ่งวูบไปวูบมาราวกับประกายแสงอัสนี

ทันใดนั้นหลิงเทียนพลันเริ่มขยับร่างออกมาเช่นกัน

วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

ร่างกายของหลิงเทียนเคลื่อนไหวราวกับไร้กระดูกโยกย้ายไปหาหลินฉวนด้วยความเร็วน่าอัศจรรย์

"รับมือ!" หลินฉวนตะโกนออกมาดังสนั่น ก่อนที่จะซัดฝ่ามือออกมาราวกับใบไม้ร่วงในสารทฤดู

ฝ่ามือตาข่ายฟ้า!

ฝ่ามือของหลินฉวนซัดออกมาถี่ยิบราวกับตายข่ายฟ้า โอบล้อมหลิงเทียนเอาไว้ทุกทาง ปิดกั้นทางหนีของหลิงเทียนเอาไว้แทบหมดสิ้น

หัวใจของผู้ที่เฝ้าชมดูถึงกับเต้นถี่รัวขึ้นมา

ฝ่ามือตาข่ายฟ้าของหลินฉวนซัดมามืดฟ้ามัวดินปิดกั้นทุกทางหนีของหลิงเทียนเอาไว้ และตอนนี้มันกำลังจะปะทะกับร่างของหลิงเทียนภายในเสี้ยวพริบตาหลังจากนี้

ทว่าในขณะที่ทุกคนคิดว่าหลิงเทียนคงต้องรับการปะทะครานี้ไปอย่างเต็มๆนั้น

วูบบ!

รางกายของหลิงเทียนพลันเอนตัวลงมาแทบจะขนานไปกับพื้น!

ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่รับชมอยู่ ตาแทบถลน พวกมันได้แต่หยุดหายใจราวกับพบเห็นเรื่องประหลาดที่สุดในโลก

ร่างกายหลิงเทียนที่เอียงตัวลงไปแทบจะนอนราบลงกลับพื้น พลันเด้งตัวขึ้นมาหลังจากที่ฝ่ามือของหลินฉวนพลาดเป้าหมาย อีกทั้งมันยังเคลื่อนร่างด้วยแง่มุมแปลกประหลาด วกกลับไปอยู่ด้านหลังของหลินฉวนอย่างน่าอัศจรรย์

เขาหลบมันได้!

สายตาทุกคู่บนเวทีประกายดารา ฉายแววไม่อยากจะเชื่อออกมา

ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?

มันสามารถเคลื่อนไหวในแง่มุมฝืนธรรมชาติเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ขามันใช่ทำมาจากกิ่งหลิวหรือไม่?

หมัดทะลวง!

ต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังด้านหลังของหลินฉวนที่ซัดฝ่ามือพลาด ก่อนที่ร่างกายของมันจะโค้งงอดัดตัวราวกับคันศรที่ถูกง้างจนสุดแล้วซัดหมัดออกมาด้วยความเร็วสูงจนบังเกิดเสียงอากาศแตกออก

ถึงกับสร้างคลื่นอากาศออกมา!

ดวงตาของหลินฉวนพลันกระพริบด้วยความประหลาดใจ อีกทั้งมันยังสัมผัสได้ถึงแรงลมที่ปะทะกับแผ่นหลังของมัน มันไม่คิดอันใดมาก รีบพุ่งร่างออกไปด้วยความเร็วทั้งหมดทันที

ความแข็งแกร่งระดับช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัว ถูกใช้ออกมาอย่างถึงขีดสุด!

วิชาท่าร่าง อัสนีเร้นลับ!

หลินฉวนพลันระเบิดความเร็วออกมาไม่ต่างอะไรกับจุดระเบิด พุ่งร่างหลบกำปั้นของหลิงเทียนไปได้ทันท่วงที โดยไม่ยากเย็นอะไร

"ต้วนหลิงเทียน หากเจ้าคิดที่จะเอาชนะข้า อาศัยเพียงความแข็งแกร่งระดับช้างแมมมอธโบราณเกือบสองตัวของเจ้า คงไม่อาจทำอะไรข้าได้ เลิกปิดบังฝีมือได้แล้ว"

หลินฉวนย่อมสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าหลิงเทียนพยายามปกปิดความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้

หลิงเทียนไม่ได้ตอบคำอะไรเขาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

ทันใดนั้นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณพลันปรากฏเหนือศีรษะเขาถึง 2 ตัว

ยามนี้หลิงเทียนได้ใช้ความแข็งแกร่งออกถึง 29,000 ปอนด์!

เหลืออีกเพียง 1,000 ปอนด์ เท่านั้นร่างช้างแมมมอธโบราณตัวที่ 3 จะปรากฏ

วิชาท่าร่างอสรพิษเคลื่อนกาย!

ทันใดนั้นความเร็วของหลิงเทียนพลันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ความเร็วของเขายามนี้ไม่ได้ช้ากว่าหลินฉวนที่ใช้อัสนีเร้นลับสุดกำลังแม้แต่น้อย

ในแง่ของวิชาท่าร่าง ทั้งวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายและอัสนีเร้นลับ นับว่าเป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงทั้งคู่ อีกทั้งทั้งสองคนยังสามารถฝึกฝนจนมีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญได้เหมือนกันอีกด้วย

และในด้านความแข็งแกร่งหลิงเทียนนั้น ใช้กำลังออกมาด้อยกว่าหลินฉวนเพียง 1,000 ปอนด์เท่านั้น ทำให้ความเร็วของทั้งคู่ไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย

"รับมือ!"

เสียงพลังงานต้นกำเนิดระเบิดออกมาจากฝ่ามือของหลินฉวนดังก้องขึ้นมา

ฝ่ามือตาข่ายฟ้า!

ครานี้ตาข่ายฟ้า พลันสมกับชื่อตาข่ายฟ้าจริงๆ มันซัดออกมาครอบคลุมทั้งบนล่าง ไม่เหลือชองว่างให้หลิงเทียนหลบหลีกแม้แต่น้อย

"ครานี้ ข้าว่าต้วนหลิงเทียนหาหลบได้อีกครั้งไม่!"

ทุกคนที่รับชมการประลองกลางเวทีประกายดาราล้วนคิดขึ้นมาตรงกัน

ลี่เฟยเองก็รู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบคั้น

ทว่าหลิงเทียนที่ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตภายใต้การเฝ้ามองของสายตาทุกคู่นั้นกลับเผยรอยยิ้มเยือกเย็นก่อนที่มือของมันจะเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงจนหามีผู้ใดมองได้ทันไปยังบริเวณส่วนเอว

วิชา วาดกระบี่!

ประกายของกระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงปรากฏออกมาให้โลกได้ยลโฉมอีกครั้ง

ชิ้ง!

กระบี่อ่อนที่อยู่ในมือของต้วนหลิงเทียนพลันถูกชักออกมาด้วยความรวดเร็วเกินกว่าสายตาของผู้ใดจะสังเกตได้ ก่อนที่มันจะสะบัดออกไปราวกับแส้ บังเกิดเส้นแสงสีม่วงแต่งแต้มออกมาด้านหน้าในชั่วพริบตาก่อนที่จะเลือนหายไป

เพียะ!

หลิงเทียนใช้ใบดาบฟาดไปอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น

ใบหน้าของหลินฉวนพลันเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว

วิชาท่าร่างอัสนีเร้นลับ!

เขารีบถอยกลับไปด้วยความเร็วทันที

ด้วยความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้หลินฉวนหงายฝ่ามือขึ้นมาดู

บนฝ่ามือของเขาบังเกิดเป็นรอยกระบี่แดงพาดยาว...

และภาพนี้มีหลายคนที่สามารถสังเกตเห็นได้เช่นกัน...

"สวรรค์ช่วย ต้วนหลิงเทียนทำลายฝ่ามือตาข่ายฟ้าโดยอาศัยเพียง 1 กระบี่!"

"เหลือเชื่อ!"

ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะจากสามตระกูลหรืออัจฉริยะจากตระกูลเล็กๆ ตอนนี้พวกมันทั้งหมดล้วนมีท่าทางตกตะลึง และเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง

"ข้าแพ้แล้ว"

หลินฉวนมีทีท่าไม่ยินยอมอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนหายใจออกมา หลังจากนั้นมันก็กล่าวกับหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มขมขื่น

มันเข้าใจดีว่าหลิงเทียนนั้นเมตตาแล้ว

หากเมื่อครู่หลิงเทียนไม่ใช้ใบกระบี่ฟาด แต่เลือกที่จะฟันมันด้วยคมกระบี่ เกรงว่ามือข้างนี้คงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว

"มันเป็นการต่อสู้ที่ดี"

ต้วนหลิงเทียนยิ้มให้หลินฉวน

ตอนนี้เหล่าอัจฉริยะทั้งหมด หามีผู้ใดกล้าดูแคลนหลิงเทียนอีกไม่

อาศัยระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้น 9 กลับสามารถใช้ความแข็งแกร่งออกมา ระดับช้างแมมมอธโบราณ 2 ตัว ...

น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง!

และไม่เพียงเท่านั้น เขายังใช้ความแข็งแกร่งระดับช้างแมมมอธโบราณ 2 ตัว ในการเอาชัยหลินฉวนที่ใช้ออกด้วยกำลังทั้งหมดของระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 ซึ่งมีช้างแมมมอธโบราณถึง 3 ตัว!

"ต้วนหลิงเทียนับว่าไม่น่าแปลกใจเลย ที่ข้าได้ยินคำร่ำลือถึงความเหนือชั้นของวิชากระบี่เจ้าหนาหูขนาดนี้ ได้เห็นมันวันนี้นับว่าเปิดหูเปิดตาข้าแล้ว เพลงกระบี่เจ้าช่างยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือ"

เซี่ยวหยูที่เดินออกมาหาหลิงเทียนกล่าวขึ้น โดยมีเซี่ยวหยุนและเซี่ยวหลันเดินตามมา

และในตอนนี้สตรีทั้งสองกำลังมองหลิงเทียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม ...

ในแง่ของอายุแล้ว ต้วนหลิงเทียนยังอ่อนกว่าพวกนางด้วยซ้ำ

"พี่เซี่ยวหยูยอข้าเกินไปแล้ว"

ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับเบาๆให้กับคำกล่าวของเซี่ยวหยู ก่อนที่มันจะเบนสายตามายังเซี่ยวหลันพร้อมกับพยักหน้าให้นาง

"พี่ชายข้าหาได้ยกยอผู้อื่นโดยง่ายไม่ แต่ท่าน! ต้วนหลิงเทียน ท่านช่างยอดเยี่ยมนัก! "

เซี่ยวหลันกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่งดงามปานเทพธิดาจุติลงมา

"ใช่แล้ว ขนาดข้าเอง พี่หยูยังมิเคยกล่าวชมแม้แต่เพียงครั้ง"

เซี่ยวหยูได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมา

"เหตุใดข้ารู้สึกเหมือนเป็นผู้ร้าย ... "

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ตัวเลวร้าย”

กลิ่นหอมราวบุปผาสวรรค์โชยเข้าจมูกหลิงเทียน ...ร่างบางแสนงดงามทั้งยังมีสัดส่วนลงตัวราวสวรรค์สร้าง กอปรกับหน้าตาที่ไม่ได้ด้อยกว่านางฟ้าบนสวรรค์ปรากฏขึ้นด้านข้างหลิงเทียน ก่อนที่มือขาวผ่องเนียนราวกับหยกของนางจะเอื้อมไปยังเอวของหลิงเทียนพร้อมบิดมันอย่างแรง ...

ความเจ็บปวดพลันแล่นตามมาทันที

มุมปากของหลิงเทียนถึงกับบิดเบี้ยวเหยเก

เฟยน้อยบังเกิดความหึงหวงแล้ว ...

"พี่เซี่ยว ข้าใช้กำลังไปมาก ข้าขอกลับพักผ่อนสักชั่วครู่"

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมากับเซี่ยวหยูพร้อมร้อยยิ้มเจื่อนๆ

เขาคาดเดาได้เลยว่า ขืนยังชักช้าไปกว่านี้ ลี่เฟยต้องเพิ่มแรงบิดแน่ๆ ...

"จริงสิเซี่ยวหยู บนเวทีประกายดาราแห่งนี้ เหลือแต่เพียงเจ้ากับลี่อันที่ยังไม่ได้ประลอง เหตุใดพวกเจ้าไม่ประลองกันเลยเล่า ?"

ลี่เฟยกล่าวออกมา

"ตัวข้าหาได้มีปัญหาอันใดไม่ ว่าแต่ลี่อันเองจะให้เกียรติประลองกับข้าหรือไม่"

เซี่ยวหยู่หันไปมองยังทิศทางของลี่อัน

"นายน้อยหยูอย่าได้ล้อข้าเล่น ข้าจะไปสู้กับนายน้อยได้อย่างไร? "

ลี่อันรีบส่ายหัวออกมา เป็นเชิงไม่เห็นด้วย

คิ้วของเซี่ยวหยู่พลันโค้งขึ้นเล็กน้อย

สิ่งที่เขารังเกียจที่สุดคือบุคคลที่ไม่มีแม้แต่ความกล้าจะประลองกับเขา

ในความเห็นของเขา บุคคลประเภทนี้หาได้มีโอกาสประสบความสำเร็จใดๆในชีวิตไม่!

นอกจากพรสวรรค์ และ สำนึกรู้ที่เป็นความสามารถในการทำความเข้าใจแล้ว ยังมี ความกล้าหาญอีกอย่างที่เป็นลักษณะที่สำคัญของผู้ฝึกยุทธ์ที่เก่งกาจ

"เซี่ยวหยู!"

ทันใดนั้นเองกลับปรากฏร่างสวมชุดสีขาวกระโดดขึ้นมาบนเวทีประกายดารา

ลี่ชิง!

เมื่อลี่ชิงขึ้นมาบนเวทีแล้วกล่าวเรียกชื่อเซี่ยวหยู สายตาของมันพลันเบนไปหาลี่เฟยทันที และเมื่อมันพบว่านางกำลังเดินเคียงคู่อยู่กับหลิงเทียน ...

ท่าทางของมันพลันดุร้ายขึ้นหลายส่วน แววตาของมันเต็มไปด้วยความอำมหิต

เซี่ยวหยูเองก็ทึ่งกับการแสดงออกของลี่ชิงไม่น้อย

"ลี่ชิง อาการบาดเจ็บเจ้าหายดีแล้วหรือ?" เซี่ยวหยูกล่าวถามออกมา มันไม่อยากใช้ประโยชน์จากสภาพบาดเจ็บของอีกฝ่าย

"มันเป็นเพียงอาการบาดเจ็บภายนอกเท่านั้น หลังจากที่ข้ากินโอสถทองประสานกายระดับ 9 ก็ไม่เหลืออันใดให้กังวล "

ลี่ชิงพยักหน้า แววตาของมันดูเย็นชาและแข็งกร้าวไม่น้อย

"เช่นนั้นก็เชิญ "

เซี่ยวหยูพยักหน้าก่อนที่จะเคลื่อนร่างไปยืนเผชิญหน้ากับลี่ชิง

"เอาล่ะ เริ่มกันเถอะ"

เซี่ยวหยูมองไปยังลี่ชิงด้วยสายตาเรียบเฉย ร่างของมันตั้งตระหง่านราวกับเขาไท่ซานที่ไม่มีวันสั่นคลอน

ราวกับว่ามันกำลังรอให้ลี่ชิงป้อนกระบวนท่าแรก

ลี่ชิงเองก็จับจ้องไปยังเวี่ยวหยู ด้วยแววตาคาดหวัง

"หากข้าสามารถเอาชนะเซี่ยวหยูได้ ฐานะของข้าในใจของลี่เฟยย่อมสูงขึ้นอย่างมาก นางต้องเลิกสนใจตัวอ่อนด้อยอย่างหลิงเทียนแล้วหันมาสนใจข้าเป็นแน่" ลี่ชิงคิดในใจอย่างคาดหวัง

ความกระหายในการต่อสู้ของเขาเพิ่มมากขึ้น!

เขาต้องเอาชนะเซี่ยวหยูให้ได้

มังกรแหวกนภา!

ร่างกายของลี่ชิงสั่นไหวจากการระเบิดพลังออกมามาชั่วครู่ ก่อนที่จะพุ่งออกไปหาเซี่ยวหยูราวกับมังกรทะยาน

มันสังเกตเห็นว่าเซี่ยวหยูยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่คิดหลบหนี

"เซี่ยวหยู ข้าจะล้มเจ้าโดยอาศัยเพียงหนึ่งกระบวนท่า!"

สายตาของลี่ชิงพลันเต็มไปด้วยโทสะ พลังงานต้นกำเนิดทั้งหมดในร่างกายของมันพลันปะทุขึ้นมาทั่วร่างก่อนที่จะถูกควบรวมไปยังนิ้วชี้อย่างบ้าคลั่ง

ดัชนีอุดรทมิฬ!

พลังงานต้นกำเนิดพลันถูกบีบอัดหมุนวนราวกับพายใต้ฝุ่น มันฉีกกระชากอากาศรอบๆ ปลายนิ้วก่อนที่จะถูกส่งไปยังร่างของเซี่ยวหยู

เมื่อการจู่โจมของลี่ชิงมาถึงเซี่ยวหยูพลันเคลื่อนไหว

เหนือศีรษะเขามีเงาร่างช้างแมมมอธโบราณปรากฏออกมา 2 ตัว ...

เขาเคื่อนฝ่ามือสะบัดแขนเสื้อออกไปรองรับดัชนีอุดรทมิฬ

ทันใดนั้นเองสีหน้าของลี่ชิงพลันแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว

มันรู้สึกราวกับว่าดัชนีอุดรทมิฬของมันที่ใช้ออกสุดกำลัง ได้จู่โจมปะทะกับปุยนุ่น

และในทันใดนั้นเองมันพลันตระหนักได้ถึงอันตราย

"สายไปแล้ว!"

เสียงเย็นชาของเซี่ยวหยูพลันดังขึ้น

ทันใดนั้นสายตาของลี่ชิงพลันเปลี่ยนเป็นดำมืด ร่างของมันถูกซัดกระแทกลอยออกไปราวกับว่าวสายป่านขาด มันรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในเต้นระบำจนราวกับพวกมันจะดิ้นพล่านออกมา จากลำคอ

ความหยิ่งผยองของลี่ชิงพลันต้องกลืนกลับไปทันทีไม่ต่างอะไรกับเลือดที่จะกระอักออกมา

“วิชาต่อสู้นั่นช่าง แข็งแกร่งนัก!”

ต้วนหลิงเทียนให้ความสนใจทันที

การกระทำของเซี่ยวหยูเมื่อครู่ดูเหมือนง่ายดาย ผู้อื่นอาจจะมองได้ว่ามันเพียงแกว่งฝ่ามือส่งชายเสื้อออกไปเบาๆเท่านั้น แต่ทว่าหลิงเทียนกลับมองเห็นสุดยอดวิชาที่อาศัยหลักการอ่อนสยบแข็งที่แยบยล

วิชาเมื่อครู่แทบจะไม่ต่างอะไรกับฝ่ามือไทเก๊กในโลกเก่าของเขาแม้แต่น้อย

แต่น่าเสียดาย ที่ฝ่ามือไทเก๊กที่แท้จริงบนโลกเก่านั้นหายสาบสูญไปนานแล้ว หลิงเทียนจึงไม่มีโอกาสค้นพบปรมาจารย์ที่สำเร็จวิชาฝ่ามือไทเก๊กขั้นสุดยอดแม้แต่คนเดียว

เหลือแต่กระบวนท่าไทเก๊กที่ผู้สูงอายุ ใช้เพื่อออกกำลังกายในยามเช้าเท่านั้น

...หลงเหลือแต่เพียงรูปแบบคร่าวๆ หาใช่แก่นแท้ของวิชาไม่

"นี่เมื่อครู่นั่นใช้วิชาต่อสู้ระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงที่ร่ำลือว่าแข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเซี่ยว ฝ่ามือเอกะ ใช่หรือไม่"

"ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว อาศัยเพียงการแกว่งฝ่ามือสะบัดแขนเสื้อที่บางเบาออกไปรับวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงที่แข็งแกร่งอย่าง ดัชนีอุดรทมิฬของตระกูลลี่ได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น"

"ฝีมือต่างชั้นกันเหลือเกิน"

"ท่าทางจะไม่ใช่เรื่องโกหก... ตอนนี้ข้าเชื่อแล้วว่าวันนั้น ต้วนหลิงเทียน ถูกผู้อื่นบีบบังคับให้กล่าวยอมแพ้ลี่ชิง!"

......

ตอนนี้เหล่าอัจฉริยะบนเวทีประกายดาราต่างสนทนาเรื่องราวกันอย่างออกรส พวกมันกล่าวถึงเรื่องความเหนือชั้นของหลิงเทียนกับความอ่อนด้อยของลี่ชิง พวกมันล้วนสรุปว่า การประลองประจำตระกูลลี่วันนั้นต้องมีผู้ใดใช้อำนาจบีบบังคับต้วนหลิงเทียนเป็นแน่

และเสียงเหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับเหล็กแหลม ที่พุ่งมาทิ่มแทงเข้าไปในหูของลี่ชิงแม้แต่น้อย!

"ข้าจะเอาชนะหลิงเทียนต่อหน้าพวกมัน เพื่อให้พวกมันทุกคนได้รับรู้ถึงความต่างชั้นระหว่างข้ากับมัน!" ลีชิงได้แต่สบถอยู่ในใจ

ลี่ชิงมองไปทางเซี่ยวหยูก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้นมา "เซี่ยวหยู ฝ่ามือเอกะของเจ้าฝึกฝนจนมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้ แล้วงั้นหรือ"

"มิผิด"

เซี่ยวหยูพยักหน้ารับเบาๆ

"ข้าไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ... คราวหน้าเมื่อ วิชาดัชนีอุดรทมิฬของข้าสำเร็จถึงขั้นตอนแก่นแท้ ข้าจะมาท้าเจ้าประลองอีกครั้ง! ข้าอยากรู้นัก! ว่าเป็นดัชนีอุดรทมิฬหรือฝ่ามือเอกะที่แข็งแกร่งกว่ากัน "

เมื่อกล่าวจบลี่ชิงก็เดินจากไป

เสี่ยวหยูเองก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆไม่แยแส "แล้วข้าจะรอ"

"ฝ่ามือเอกะ?"

หลิงเทียนแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย

เป็นวิชาที่แข็งแกร่งเหนือชั้นยิ่งนัก!

รีวิวผู้อ่าน