px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 74 การประลองช่วงชิงอันดับ 1


เหล่าอัจฉริยะบนเวทีประกายดารา ทั้งหมดพึ่งรู้สึกตัวหลังจากที่ลี่ชิงเคลื่อนร่างลับหายไปแล้ว

ขวับ!

ทุกสายตาต่างจับจ้องมายังบุรุษชุดสีม่วง

พวกเขารู้สึกตื่นตะลึงและไม่อยากจะเชื่อในภาพที่เห็น

ต้วนหลิงเทียนนั้นกระทำการอย่างเด็ดขาดจริงๆ เมื่อเขาบอกว่าจะตัดนิ้วหนึ่ง เขาก็ตัดนิ้วออกมาเพียงหนึ่งไม่มีสองย

สายตาของอัจฉริยะแทบทั้งหมดล้วนแสดงความเคารพนับถือออกมา

ต้วนหลิงเทียนนั้นมีความแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวมากทั้งๆที่อายุยังน้อย อีกทั้งเขานั้นยังมีความทระนงและบุคลิกที่โดดเด่นอีกด้วย

เขาช่างแตกต่างจากอัจฉริยะคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด

มุมปากของลี่อันแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย ภายในใจของมันกำลังคิดอย่างลิงโลด “ต้วนหลิงเทียน จะอย่างไรลี่ชิงก็เป็นหลานชายของผู้อาวุโสหลักคนหนึ่ง... ข้าอยากจะรู้นักสาวกที่ใช้แซ่อื่นอย่างเจ้าจะรับมือกับความโกรธเกรี้ยวของผู้อาวุโสหลักได้อย่างไร!"

ลี่ชิงกลายเป็นคนพิการ มันย่อมมีความสุข

และเมื่อต้วนหลิงเทียนกำลังจะประสบปัญหามันก็ย่อมมีความสุขเช่นกัน

"เจ้าทำเกินไปแล้ว ลี่ชิงมันเป็นหลานชายคนเดียวของอาวุโสหลักคนหนึ่ง เขามักปกป้องมันอยู่เสมอๆ "

ลี่เฟยที่กำลังมองไปยังหลิงเทียนนั้นขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความกังวลเล็กน้อย

"เสี่ยวเฟย ท่านเป็นห่วงข้าหรือ?"

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาเบาๆ

"เจ้า... ทำเรื่องเช่นนี้แล้วยังกล้าหัวเราะออกมาอีก?" ลี่เฟยกล่าวออกมาด้วยโทสะ

“เจ้าอย่าได้กังวล เรื่องราวในวันนี้มีอัจฉริยะจากทุกตระกูลเป็นพยาน หากไม่เพราะชี่ชิงล้ำเส้นคิดฆ่าข้าโดยไม่สนใจว่าเป็นเพียงแค่การประลอง ข้าทำเพียงแค่ตัดนิ้วมันย่อมนับเป็นความเมตตาของข้าแล้ว..การที่ข้าละเว้นชีวิตมันนี่ก็นับว่าข้าไว้หน้าประมุขตระกูลมากแล้วเช่นกัน”

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เกรงกลัวสักนิด

"ฮึ่มหากเป็นดั่งเจ้าว่าอาวุโสหลักก็คงไม่สามารถเล่นงานอะไรเจ้าออกนอกหน้าได้ แต่หอกที่จู่โจมมาซึ่งๆหน้าย่อมง่ายแก่การป้องกันแต่ทว่าศรพิษลับหลังเล่าเจ้าจะทำอย่างไร ข้าได้ยินจากท่านปู่มาว่าอาวุโสหลักคนนั้นมิใช่ตัวดีอันใด อีกทั้งมันยังเอาใจใส่ให้ท้ายลี่ชิงมากเสียด้วย" ลี่เฟยกล่าวออกมาด้วยความกังวล

ต้วนหลิงเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆว่า "จริงรึ?"

"เจ้า!!"

ลี่เฟยนั้นหมดหนทางกล่าวกับหลิงเทียนจริงๆ ตอนนี้นางหงุดหงิดมาก

แต่ทว่านางเองก็มีแผนการในใจ เมื่อกลับไปวันนี้นางจะบอกล่าวแกปู่ของนางว่าเกิดเรื่องราวอันใด และขอให้ท่านปู่ช่วยปกป้องคุ้มครองหลิงเทียน

"หลินฉวน พวกเราประลองกันเลยดีหรือไม่?"

เซี่ยวหยูหันไปมองหลินฉวน

หลินฉวนกลับโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่จะกล่าวออกมาสบายๆว่า “ลืมมันไปเถอะ พวกเราพึ่งประมือกันไปไม่กี่วันก่อน และข้าเองก็ไม่คิดว่าวันนี้จะแตกต่างอะไร อย่าให้ข้าต้องขึ้นไปลำบากเลย”

เซี่ยวหยูพยักหน้า "เช่นนั้นเดี๋ยวเจ้าประลองกับเมิ่งฉวน ส่วนข้าจะประลองกับต้วนหลิงเทียนหลังจากที่เขาพักฟื้นเสร็จสิ้น... และการจัดอันดับในงานชุมนุมมังกรซ่อนก็จะได้อันดับที่ 1! มีผู้ใดไม่เห็นด้วยหรือไม่? "

หลังจากกล่าวจบคำเซี่ยวหยูก็กวาดสายตาไปมองทั่วเวทีประกายดารา มันสบตากับอัจฉริยะทุกคนบนเวที

ไม่มีใครคิดจะคัดค้าน

"เอาล่ะ เช่นนั้นก็ตามนี้"

เซี่ยวหยูพยักหน้า "เช่นนั้นอันดับที่ 1 และ 2 ในงานชุมนุมมังกรซ่อนครั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับผลการประลองระหว่าง หลิงเทียนและ ข้า ... ส่วนอันดับที่ 3 และ 4 จะอยู่ที่ผลการประลองระหว่างเมิ่งฉวนและหลินฉวน ส่วนลำดับที่ 5 คือลี่ชิง "

"เฮ่ เมิ่งฉวน!"

หลินฉวนมองไปยังเมิ่งฉวนก่อนที่จะกล่าวเรียกมัน

เมิ่งฉวนที่กำลังถือจานพร้อมกับหยิบของกินอยู่นั้น เคี้ยวอาหารที่อยู่ในปากก่อนที่จะกล่าวออกมา "เฮ่ รอก่อน! ข้ายังพักไม่เพียงพอ ... ไม่จำเป็นต้องรีบ ทำการแข่งขันจัดอันดับ 5 ตำแหน่งที่เหลือก่อน พวกเราค่อยประลองกันก็ยังไม่สาย "

หลินฉวนเองก็เถียงไม่ออก

"ตกลง เช่นนั้นเราจะทำการประลองจัดอันดับ ตำแหน่งที่ 6-10 ของงานชุมนุมมังกรซ่อน... "

เซี่ยวหยูพยักหน้า

ภายใต้การจัดการประลองของเซี่ยวหยู อัจฉริยะจากตระกูลใหญ่และตระกูลเล็กต่างทำการประลองจัดอันดับกันอย่างเหมาะสมและดำเนินการไปอย่างราบรื่น

สุดท้ายอันดับก็จัดได้ดังนี้

อันดับรายนามในงานชุมนุมมังกรซ่อน

อันดับที่ 6 ได้แก่ ลี่อัน

อันดับที่ 7 และ 8 นั้นเสมอกันได้แก่ ลี่เฟยและเซี่ยวหลัน

อันดับที่ 9 และ 10 นั้นเสมอกัน ได้แก่ เซี่ยวหยุนและหลินฉี

ในงานชุมนุมมังกรซ่อนครั้งนี้ นามที่มาจากตระกูลเล็กมีเพียงเมิ่งฉวนเท่านั้น

ส่วนอีก 9 คนล้วนมาจากตระกูลใหญ่ทั้งหมด

ผลการประลองเช่นนี้คนของตระกูลเล็กๆหาได้แปลกใจสักเท่าไร

แต่ปีนี้ดีหน่อยที่ยังมี เมิ่งฉวนจากตระกูลเล็กๆติดอันดับด้วย

และตอนนี้ท้องฟ้าใกล้มืดค่ำแล้ว

“เอาล่ะ!”

เมิ่งฉวนเดินออกมาก่อนที่จะเดินไปหยิบพลองเหล็กดำพร้อมส่งสายตาเตรียมพร้อมต่อสู้ไปยังหลินฉวน

หลินฉวนเองก็เดินออกมาเชิญหน้ากับเมิ่งฉวน

พวกมันทั้งสองเริ่มลงมือโดยพร้อมเพรียงกัน

ทันใดนั้นครึ่งหนึ่งของเวทีประกายดาราพลันเต็มไปด้วย เงาติดตาของพลองพันเงา และเงาจากฝ่ามือตาข่ายฟ้า

ฝ่ามือตาข่ายฟ้า ถักทอเป็นตาข่ายฟ้าปิดกั้นหนทางหลบหนีของศัตรู!

พันเงาเคลื่อนไหวแปรเปลี่ยนตอบโต้อย่างอิสระ มันรวดเร็วว่องไวจู่โจมศัตรูอย่างดุดัน

ฟุ่บ!

ทั้งสองคนปะทะกันนับสิบกระบวนท่า แต่ทว่ากลับเป็นหลินฉวนที่อาศัยโอกาสที่เมิ่งฉวนเปิดช่องว่าง ส่งฝ่ามือตาข่ายฟ้าพุ่งไปจู่โจมเมิ่งฉวนได้สำเร็จ ปิดฉากการประลองครั้งนี้อย่างงดงาม

“บัดซบเอ๊ย! อันดับที่ 3 ปลิวไปซะแล้ว "

เมิ่งฉวนอดไม่ได้ที่จะสบทออกมาด้วยวาจาหยาบคาย มันขุ่นเคืองเล็กน้อยก่อนที่จะโยนพลองทมิฬทิ้งไป

แต่ถึงแม้เมิ่งฉวนจะพ่ายแพ้ แต่มันก็ได้รับความเคารพนับถือจากทุกคน

เป็นเพียงสาวกจากตระกูลเล็กๆแต่กลับประสบความสำเร็จถึงเพียงนี้ นับว่ามีความสามารถอย่างแท้จริง

อาจจะกล่าวได้ว่าด้วยพรสวรรค์ของมัน หากได้รับการดูแลหรือเกิดในตระกูลใหญ่ ทั้ง 3 แล้วล่ะก็ ต่อไปในภายภาคหน้าการที่มันจะสามารถเอาชนะหลินฉวนได้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด

"เฮ่ เมิ่งฉวน!"

ทันใดนั้นเอง เซี่ยวหยูพลันเดินไปหาเมิ่งฉวน "หากเจ้าสนใจที่จะเข้าร่วมกับตระกูลเซี่ยว โดยเข้าเป็นสาวกของตระกูลเซี่ยวที่ใช้แซ่อื่น ทางตระกูลเซี่ยวจะคอยสงเสริมเจ้าเอง"

เห็นได้ชัดว่าเซี่ยวหยูย่อมมองเห็นถึงพรสวรรค์ และอนาคตของเมิ่งฉวนหากสามารถดึงตัวมันมาร่วมตระกูลได้ มันจึงกล่าวข้อเสนอออกไปอย่างไม่ลังเล

"เมิ่งฉวน หากเจ้าอยากเข้าตระกูลหลิน เจ้าก็สามารถเข้าร่วมได้ และไม่ว่าสิ่งใดที่ทางตระกูลเซี่ยวได้ พวกเราเองก็สามารถมอบให้เจ้าได้ไม่น้อยกว่าเช่นกัน"

หลินฉวนเองก็ไม่อยากพลาดโอกาส

"หลินฉวนเป็นบุตรชายของประมุขตระกูลหลิน มันจึงมีอำนาจชักชวนเมิ่งฉวนเข้าตระกูล โดยหาได้มีอันใดแปลกไม่... แต่เซี่ยวหยูนั้นหาได้เป็นบุตรของประมุขตระกูลเซี่ยวไม่ใช่หรือ เหตุใดมันจึงมีอำนาจชักชวนเช่นนี้เล่า?"

เมื่อเห็นฉากนี้หลิงเทียนกลับสงสัยจนอดไม่ได้ที่จะถามลี่เฟยออกมา

"เจ้าไม่ทราบพื้นหลังของเซี่ยวหยูหรอกหรือ?"

ลี่เฟยจ้องมองหลิงเทียนราวกับตัวประหลาด

ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าตอบกลับไป

"ถึงแม้เซี่ยวหยูจะหาใช่บุตรชายของประมุขตระกูลเซี่ยว แต่ว่าสถานะของมันกลับสูงกว่าบุตรชายของประมุขตระกูลเซี่ยวเสียด้วยซ้ำ ... ปู่ของเซี่ยวหยู ที่มีนามว่า เซี่ยวหยู่เล่อ นั้นเป็นผู้อาวุโสหลักของตระกูลเซี่ยวอีกทั้ง มันยังมีระดับบ่มเพาะถึงระดับ วิญญาณแรกก่อตั้ง นับเป็นขุมอำนาจหลักของตระกูลเซี่ยว" ลี่เฟยกล่าวอธิบาย

หลิงเทียนเมื่อได้ฟังก็หันกลับไปจ้องเซี่ยวหยูพร้อมกระพริบตาเล็กน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่น่าแปลกใจอันใด

"ขออภัยแต่ว่าอีกไม่นานข้าก็จะออกจากเมืองออโรร่าไป ทดสอบเข้าร่วมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กแล้ว"

เมิ่งฉวนได้แต่ยิ้มเจื่อนๆให้กับหลินฉวนและเซี่ยวหยู

เข้าร่วมกองกำลังโลหิตเหล็ก?

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสงสัย

เซี่ยวหยูและหลินฉวนพลันตกตะลึง

อัจฉริยะทุกคนต่างหันมองไปยังเมิ่งฉวนด้วยสายตาราวกับเห็นภูติผี

"อะไร เมิ่งฉวนนั้นต้องการเข้าร่วม ค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ ของกองกำลังโลหิตเหล็ก?"

"ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเมิ่งฉวนจะไม่เลว แต่ว่าการเข้าร่วมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะนั้น ... "

"ถูกแล้ว บททดสอบของค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะนั้นหนักหนานัก มันจำกัดอายุไว้ที่ 19 ปีเท่านั้นแต่ทว่าความต้องการขั้นต่ำของมันกลับสูงมาก แม้จะเป็นผู้ฝึกตนระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 ไม่แน่ว่าจะสามารถผ่านการทดสอบได้"

"เมิ่งฉวนผู้นี้เสียสติไปแล้วหรือ!"

......

อัจฉริยะหนุ่มหลายคนช่วยไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา ความต้องการของเมิ่งฉวนครานี้มันฝันเฟื่องเกินไป

หลินฉวนพลันหันไปจ้องมองเมิ่งฉวนด้วยแววตาจริงจังก่อนที่จะกล่าวถามว่า "เมิ่งฉวน เจ้าวางแผนจะเข้าร่วมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะนั่นจริงๆรึ?"

"ข้าวางแผนไว้เช่นนั้น แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะผ่านการทดสอบนี้หรือไม่ เพราะข้าได้ยินมาว่าการทดสอบนี้ค่อนข้างเข้มงวดมากทีเดียว "

เมิ่งฉวนกล่าวพร้อมรอยยิ้มอย่างตรงไปตรงมา

"มันเกินคำว่าเข้มงวดเสียอีก จากคำบอกเล่าสาวกของตระกูลข้าที่ได้ไปเข้าร่วมทดสอบของค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะนั้น พวกมันล้วนบอกกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าการทดสอบนั้นโหดเหี้ยมและอำมหิตอย่างมาก หากจะกล่าวตามตรงต้องบอกเจ้าเอาไว้เลยว่า อัจฉริยะจากตระกูลหลินในช่วงหลายปีมานี้ หามีผู้ใดสามารถผ่านบททดสอบการคัดเลือกเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กด้วยซ้ำ"

หลินฉวนกล่าวพร้อมถอนหายใจออกมา "โชคร้ายที่บิดาข้าเอง ก็ไม่เต็มใจที่จะส่งข้าไป ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องขอลองเข้าร่วมทดสอบสักครา"

ค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กนั้น ไม่แตกต่างจากลานประหาร

มีอัจฉริยะเยาว์วัยหลายต่อหลายคนเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น

หลินฉวนกล่าวอย่างจริงจังออกมาด้วยท่าทีเคร่งเครียด "เอาล่ะ หากว่าเจ้าไม่ผ่านบททดสอบในการเข้าร่วมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะนั่น เจ้าสามารถกลับมาเข้าร่วมตระกูลหลินได้ทุกเมื่อ หากเจ้าต้องการ ข้าจะเป็นผู้เปิดประตูต้อนรับเจ้าเอง"

หลินฉวนนั้นไม่อยากพลาดโอกาสรับตัวอัจฉริยะอย่างเมิ่งฉวน

"ตกลงตามนั้น"

เมิ่งฉวนพยักหน้ารับคำ

"เฮ่ เมิ่งฉวน แล้วเจ้าคิดที่จะเดินทางเมื่อไหร่รึ?"

ทันใดนั้นเองประกายตาที่เซี่ยวหยูใช้มองเมิ่งฉวนก็เรืองวูบขึ้นมาเล็กน้อย

"การทดสอบเข้าร่วมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะจะมีขึ้นในอีกครึ่งปีหลังจากนี้ ข้าคิดว่าจะเริ่มออกเดือนทางหลังจากนี้ 5 เดือน"

เมิ่งฉวนยิ้มก่อนที่จะกล่าวตอบออกมาตามตรง

"ในอีก 5 เดือนหรือ? เช่นนั้นเมื่อถึงเวลา เจ้ามาหาข้าที่ตระกูลเซี่ยว ข้าจะไปพร้อมกันกับเจ้า" เซี่ยวหยูกล่าวออกมา

“เจ้าจะไปด้วยรึ?”

เมิ่งฉวนรู้สึกตกใจ

"พี่ชายตัวใหญ่ พี่หยูของข้าได้วางแผนจะไปเข้าร่วมการทดสอบมาหลายเดือนแล้ว"

เซี่ยวหยุนกล่าวแทรกขึ้นมา

"นายน้อยหยูต้องการเข้าร่วมทดสอบค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะด้วยงั้นรึ?"

เหล่าอัจฉริยะจากทุกตระกูลบนเวทีประกายดาราล้วนหันมองไปยังเซี่ยวหยู ด้วยความประหลาดใจ

ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าเซี่ยวหยูนั้นเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นหาได้ยากยิ่งในรอบร้อยปีของตระกูลเซี่ยว และหากเซี่ยวหยูยังอยู่ในตระกูลต่อไปในอนาคตเขาต้องได้เป็นประมุขตระกูลเซี่ยวอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่หากเขาไปเข้าร่วมการทดสอบค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ หรือเข้าร่วมการฝึกของกองกำลังโลหิตเหล็กแล้วล่ะก็ โอกาสรอดชีวิตเขาน้อยมาก!

หากพวกเขาเป็นเซี่ยวหยูพวกเขาคงไม่คิดเสี่ยง

แม้ว่าผลตอบแทนเรื่องนี้จะสูงแต่ว่าหากต้องแลกด้วยชีวิตมันก็ออกจะเกินไปหน่อย ...

เพราะเมื่อตายแล้วทุกสิ่งก็ว่างเปล่า ไม่ต่างอันใดกับภาพลวงตา...

"เอาสิ เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาข้าจะไปหาเจ้า พวกเราไปด้วยกันก็ดี จะได้คอยช่วยเหลือกัน "

เมิ่งฉวนยิ้มออกมา

เซี่ยวหยูพยักหน้า ก่อนที่จะหันกลับมามองไปยังต้วนหลิงเทียน

ต้วนหลิงเทียนที่กำลังจะหันไปถามลี่เฟยว่าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กคืออะไร แต่เมื่อเขาหันไปเห็นสายตาของเซี่ยวหยู เขาก็เคลื่อนร่างขึ้นไปบนเวทีประกายดารา เผชิญหน้ากับเซี่ยวหยูเพื่อเตรียมประลองทันที

ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องไปยังร่างของทั้งสองบนเวทีประกายดารา

ต้วนหลิงเทียนกำลังจะประลองเพื่อตัดสินหาอันดับที่ 1 ในงานชุมนุมมังกรซ่อนครั้งนี้!

"เจ้าคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะเอาชนะเซี่ยวหยูได้หรือไม่?"

"จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร!? ถึงแม้ข้าจะยอมรับว่าต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นคนที่น่าทึ่งอย่างแท้จริงอีกทั้งพรสวรรค์ของเขาก็หาได้ด้อยกว่านายน้อยหยูไม่ แต่ปีนี้เขาเพียงมีอายุได้ 16 ปีเท่านั้น ... ยามนี้เขายังสามารถเทียบได้กับนายน้อยหยู "

"นั่นสิ! ข้าก็คิดเช่นนั้น"

......

ในขณะที่อัจฉริยะต่างๆกับลังสนทนากัน

ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเคลื่อนที่

ส่วนทางด้านเซี่ยวหยูนั้นยังยืนตั้งรับอย่างมั่นคงดั่งภูผา

วิชาวาดกระบี่!

กระบวนท่าแรกของหลิงเทียนใช้ออกด้วยวิชาที่เขาชำนาญมากที่สุด

และเวลาเดียวกันนั้นเองเหนือศีรษะหลิงเทียนพลันปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัว

เมื่อประลองกับเซี่ยวหยูเขาไม่คิดปกปิดอะไรอีกต่อไป!

"3 ช้างแมมมอธโบราณ!!"

อัจฉริยะรอบๆนั้นตื่นตระหนกอย่างแท้จริง

อาศัยระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 ทว่า! กลับมีความแข็งแกร่งถึง 3 ช้างแมมมอธโบราณ!

ตอนนี้กระจ่างแจ้งแล้วว่า ข่าวลือทั้งหมดล้วนเป็นจริง

ฟุ่บ!

กระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงทอประกายเย็นเยียบพุ่งไปยังเซี่ยวหยูอย่างดุดัน

ฝ่ามือเอกะ!

เซี่ยวหยูสะบัดฝามือส่งพลังงานต้นกำเนิดให้หมุนวนไปยังบริเวณแขนเสื้อก่อนที่มันจะพุ่งไปหวังรัดพันกระบี่อ่อนของต้วนหลิงเทียน

"หึ!"

มุมปากของหลิงเทียนพลันแสยะยิ้มขึ้นมา

มือที่จับกระบี่ของหลิงเทียนนั้นเกร็งกำลังพร้อมสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย

ฉัวะ!

กระบี่นี้วาดผ่านแขนเสื้อของเซี่ยวหยูที่ปกคลุมไปด้วยพลังงานต้นกำเนิด จนฉีกขาดออกจากกันราวกับกระดาษบางๆแผ่นหนึ่ง

"อาวุธวิญญาณ!"

ในขณะที่เซี่ยวหยูตะโกนออกมา ท่าทางเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนที่จะพุ่งตัวถอยกลับไปด้วยความเร็วสูง

ประกายแสงไร้เงา!

กระบี่ของต้วนหลิงเทียนทำได้แค่ฟาดฟันไปยังภาพติดตาของเซี่ยวหยูเท่านั้น ความเร็วในการถอยหลบของเซี่ยวหยู นับว่ารวดเร็วอย่างแท้จริง ถึงกับสามารถสร้างภาพติดตาขึ้นมาได้เช่นนี้

เหนือศีรษะของเซี่ยวหยูพลันปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 3 ตัว ...

"อาวุธวิญญาณ?"

ทุกคนบนเวทีประกายดาราถึงกับตกตะลึง

ต้วนหลิงเทียน มีอาวุธวิญญาณในครอบครอง

ไม่ใช่ว่าฐานะของมันเป็นแค่สาวกจากตระกูลสาขาของตระกูลลี่หรอกหรือ?

เพราะขนาดผู้เยาว์จากสาวกหลักในตระกูลลี่ แม้กระทั่งลี่ชิงเอง ยังไม่มีอาวุธวิญญาณไว้ใช้งานสักคนเดียว

รีวิวผู้อ่าน