px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 80 วิชา เซียนอสูรสะคราญ


ต้วนหลิงเทียนยังคงพิจารณาความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับงูน้อยทั้งสองตัว

พวกมันนับว่าเป็นลูกของงูเหลือมหิมะเหมันต์นิรันดร์ แต่ทว่าแตกต่างกันยิ่งนัก

แม้จะเป็นต้วนหลิงเทียนที่พยายามสุดกำลังใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งและพลังงานต้นกำเนิดทั้งหมด ที่มีความแข็งแกร่งระดับช้างแมมมอธโบราณ 4 ตัว เพื่อพุ่งตัวออกไปด้วยวิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย แต่ความเร็วของเขานั้นกลับเทียบงูน้อยทั้งสองตัวไม่ติดฝุ่น

"สวรรค์ช่วย"

ต้วนหลิงเทียนตกใจถึงขั้นไม่อาจจะกล่าววาจาได้

"ความเร็วพวกเจ้าสูงล้ำนัก แล้วความแข็งแกร่งพวกเจ้าถึงระดับไหนแล้ว"

ต้วนหลิงเทียนนำงูน้อยทั้งสองตัวไปยังลานบ้าน ภายในลานบ้านมีเสาหินที่เขาเอาไว้ฝึกซ้อมวัดความแข็งแกร่งตั้งเอาไว้

หมัดทะลวง!

ต้วนหลิงเทียนก้าวไปข้างหน้าก่อนที่จะงอตัวซัดหมัดทะลวงไปทำลายเสาหินออกไป แรงหมัดของเขาก่อให้เกิดลมกรรโชก ก่อนที่หมัดของเขาจะซัดเสาหินพังทลายไปครึ่งหนึ่ง

ฟ่อออ!

งูน้อยสองตัวเมื่อเห็นดังนั้นก็นึกสนุกสนานพวกมันพลันพุ่งร่างไปยังเสาหินอีกต้นหนึ่งด้วยความเร็ว

และต้วนหลิงเทียนสังเกตว่าเหนือร่างกายพวกมันนั้นปรากฏร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา..20 ตัว

ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปต้องฝึกฝนบ่มเพาะจนตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 7 เสียก่อนถึงจะมีความแข็งแกร่งดังกล่าวได้

ซึ่บบบ! ซึ่บบบ!

เงาร่างที่เคลื่อนที่ว่องไวราวกับเส้นสายอัสนี พุ่งทะลุเสาหินไปได้อย่างง่ายดาย ราวกับพวกมันพุ่งผานกระดาษเปียกน้ำ

"นี่…"

หลิงเทียนถึงกับตกตะลึง

ที่เสาหินนั้นบังเกิดรูที่ทะลุออกอีกฝั่ง โดยที่รอบๆรูนั้นที่เรียบเนียนราวกับมันเป็นอย่างนี้โดยธรรมชาติ รอบๆรูไม่มีหินแตกแม้แต่เพียงนิดเดียว ...

นี่สามารถบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอำนาจในการทะลุทะลวงของงูน้อยทั้งสองตัวนี้น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงใด

เพราะพวกมันรวบรวมพลังทำลายทั้งหมดไปอยู่ที่จุดๆเดียว

กล่าวได้ว่าเป็นการรวมศูนย์การโจมตีที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ!

"เจ้าตัวน้อย พวกเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ"

สายตาของต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังบริเวณศีรษะของงูน้อยทั้งสองตัว ตรงเนินหัวมันเริ่มมีเขาปรากฏขึ้นมาบ้างแล้ว

ของเสี่ยวเฮย เริ่มปรากฏร่องรอยของเขาสีทอง

ของเสี่ยวไป๋ เริ่มปรากฏร่องรอยของเขาสีเงิน

"ความแข็งแกร่งของพวกมันนั้นเทียบเท่ากับระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 7 ... แต่ทว่าแม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 7 อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของงูน้อยสองตัวนี้ เพราะพวกมันมีขนาดตัวที่เล็กและรวดเร็วอย่างมาก"

ต้วนหลิงเทียนได้แต่สูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ

โชคดีที่เจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวนี้ไม่ได้เป็นศัตรูกับเขา

หากหลิงเทียนเจอศัตรูแบบเจ้าตัวน้อยนี่ล่ะก็อย่าว่าแต่สองตัว เพียงแค่ตัวเดียวขนหัวเขาก็ลุกแล้ว

เค่อเอ๋อที่ยืนเฝ้ามองอยู่ด้านข้างนางถึงกับตื่นตาตื่นใจอย่างมาก

"ที่แท้เสี่ยวไป๋เก่งกาจน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ "

เค่อเอ๋อมีรอยยิ้มอยู่เต็มใบหน้าในขณะที่นางลูกหัวน้อยๆของเสี่ยวไป๋

เสี่ยวไป๋เองก็เหมือนสัมผัสได้ว่าเค่อเอ๋อกำลังกล่าวชมเชยมันอยู่มันรีบเอาหัวน้อยๆถูกฝ่ามือนางพร้อมทั้งแลบลิ้นเล็กๆไปมาอย่างร่าเริง ...

ยามค่ำคืนนั้นเอง

ต้วนหลิงเทียนมอบวิชาบ่มเพาะระดับสูงล้ำให้กับมารดาของเขา

วิชาบ่มเพาะนี้เรียกว่า เซียนอสูรสะคราญ

มันเป็นหนึ่งในวิชาบ่มเพาะระดับสูงสุดที่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดได้ฝึกฝนและทุ่มเทพัฒนาขึ้นมาในชีวิตแรกของเขา และเป็นวิชาที่จักรพรรดิได้ใช้มันบ่มเพาะจนถึงระดับจักรพรรดิ เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าหากฝึกฝนบ่มเพาะด้วยวิชาเซียนอสูรสะคราญนี้ ย่อมไม่มีปัญหาเรื่องคอขวดจนถึงระดับจักรพรรดิ...หากมีระดับจิตสำนึกที่สูงส่งและทำความเข้าใจมันได้มากพอ

"วิธีบ่มเพาะนี้มัน... "

หลังจากที่ลี่หลัวได้รับ วิชาบ่มเพาะเซียนอสูรสะคราญมานางตระหนักได้ทันทีว่าวิชานี้มันร้ายกาจถึงเพียงใด

นางถึงกับตื่นตระหนักจนแทบลืมหายใจ

ลูกชายของนางนั้นมีความลึกลับอย่างแท้จริง

อีกทั้งวิชาบ่มเพาะกระบี่เทพเจ้าเหมันต์ที่เค่อเอ๋อได้บ่มเพาะอยู่นั้นก็มีระดับสูงล้ำไม่แตกต่างอะไรกับวิชาบ่มเพาะ เซียนอสูรสะคราญนี้เลย

"ท่านแม่อดทนอีกนิด ช่วงนี้ลองทำความเข้าใจวิชานี้คร่าวๆไปก่อน ... พรุ่งนี้ข้าจะไปซื้อวัตถุดิบและสมุนไพรบางส่วนเพื่อหลอมเม็ดยาฟื้นกำเนิดให้ท่าน หลังจากที่ข้าหลอมโอสถฟื้นกำเนิดให้ท่านแล้ว ท่านก็ใช้มันพร้อมทั้งบ่มเพาะวิชาเซียนอสูรสะคราญนี้ด้วย เพียงแค่ครึ่งเดือนเมื่อท่านได้รับพลังงานต้นกำเนิดกลับคืนมารับรองว่ามันต้องแข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อย่างมาก "

"ดียิ่ง"

ลี่หลัวมองไปที่หลิงเทียนอย่างตั้งใจก่อนที่จะพยักหน้าตอบรับอย่างต่อเนื่อง

วันรุ่งขึ้น หลิงเทียนก็พาเค่อเอ๋อออกจากที่พักตระกูลลี่ออกมายังตลาดแต่เช้า

สิ่งแรกที่เขาทำคือมุ่งไปยังร้านขายโอสถ ก่อนที่จะจัดการแบ่งปันเรื่องรายได้กับผู้ดูแล อีกทั้งมันกับเค่อเอ๋อก็ช่วยกันผสมโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนให้แก่ผู้ดูแลไว้อีก 2 ถังใหญ่ ก่อนที่มันจะแจ้งจุดประสงค์ในการมาร้านโอสถครั้งนี้ของมันแก่ผู้ดูแล ...

วัตถุดิบสำหรับหลอมโอสถฟื้นกำเนิดนั้นหาได้พิเศษอะไรมันเป็นเพียงสมุนไพรธรรมดาเทานั้น

เพียงเวลาสั้นๆผู้ดูแลก็สามารถตระเตรียมสมุนไพรทั้งหมดให้กับหลิงเทียนเสร็จสิ้น

"ผู้ดูแลทั้งหมดนี้ราคาเท่าไรหรือ?"

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา

"นายท่านสมุนไพรพวกนี้นั้นมีค่าเพียงมิกี่ร้อยเงิน ท่านไม่จำเป็นต้องจ่ายหรอก "

ใบหน้าของผู้จัดการเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ตั้งแต่ต้วนหลิงเทียนนำโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนมาให้เขาจำหน่าย ส่วนแบ่งที่ได้นี้นับว่าเหนือล้ำกว่ารายได้นับสิบปีของร้านโอสถแห่งนี้เสียอีก ตอนนี้มันราวกับเทพเจ้าเสกเหรียญเงินได้เองแล้ว หากใครรู้ว่ามันทำกำไรได้มากมายถึงเพียงนี้เกรงว่าคงอิจฉาจนดิ้นตาย

"เช่นนั้นขอบคุณท่านมาก"

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าหลังจากนั้นเขาก็ออกจากร้านโอสถไปพร้อมๆกับเค่อเอ๋อ

ตอนแรกนั้นหลิงเทียนคิดว่าผู้ดูแลคนนี้อาจจะพบกับปัญหาระหว่างจำหน่ายโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนเสียอีก แต่ทว่ามันกลับราบรื่นอย่างยิ่ง ...

แน่นนอนว่าย่อมมีผู้คนมากมายโลภและอยากได้มัน

แต่จนถึงบัดนี้ผู้ดูแลยังไม่ได้ประสบปัญหาอะไรแม้แต่เพียงครั้ง นี่ย่อมแสดงว่าเขาย่อมไม่ได้ธรรมดาไร้เรื่องราวและง่ายดายดังที่ตาเห็นแน่

แต่เรื่องนี้ก็หามีอะไรเกี่ยวข้องกับหลิงเทียนไม่

หลังจากที่เขาและเค่อเอ๋อกลับมาถึงบ้าน ก็เตรียมพร้อมที่จะหลอมโอสถฟื้นกำเนิดทันที

ฟึ่บ!

เพียงแค่คิด เตาหลอมโอสถก็ลอยออกมาจากแหวนมิติของเขา

เตาหลอมโอสถนี้นับว่าสวยงามนัก มีมังกรจำนวน 5 ตัวถูกแกะสลักไว้รอบๆอย่างวิจิตรบรรจง มันสวยงามและเป็นผลงานชั้นเลิศ เมื่อมองดูใกล้ๆนั้นราวกับว่าพวกมันมีชีวิตจริงๆ

และก็เตาหลอมโอสถนี้ ก็เป็นของปู่ลี่เฟยนั่นเอง

ตอนแรกหลิงเทียนนั้นไม่คิดจะเอาของดูต่างหน้าอาจารย์ของชายชรามาเช่นนี้

แต่ชายชรานั้นยืนกรานอย่างหนักแน่น จนสุดท้ายลี่เฟยเองยังถึงกับต้องขอร้องให้มันรับเตาหลอมโอสถนี้เอาไว้

ดูเหมือนว่าอาจารย์ของปู่ลี่เฟยจะไม่ธรรมดาเพราะขนาดผ่านมาหลายปีแล้ว เตาหลอมโอสถนี้ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายจิตวิญญาณของผู้หลอมศาสตราระดับ 7... "

เมื่อต้วนหลิงเทียนสังเกตและตรวจสอบเตาหลอมโอสถนี้อยู่ครู่หนึ่งมันพลันตกตะลึงขึ้นมา

"หืม วัตถุดิบที่ใช้หลอมสร้างเตาหลอมนี่มัน ..บัดซบ มารดามันเถอะ! เป็นไปได้ยังไง!นี่มันเหล็กเย็นทมิฬพันปีไม่ใช่รึไง? "

หลังจากตรวจอยู่ชั่วครู่หลิงเทียนถึงกับตื่นตะลึงก่อนที่จะสบถออกมา

เหล็กเย็นทมิฬพันปีนั้นนับว่ามีค่าอย่างยิ่งสำหรับผู้หลอมศาสตรา

ขีดจำกัดของโลหะชนิดนี้คือมันสามารถทนได้แม้กระทั่งเปลวเพลิงหลอมศาสตราระดับ 6 กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า เหล็กเย็นทมิฬพันปีนี้สามารถนำไปหลอมสร้างอาวุธวิญญาณระดับ 6 ได้อย่างสบายๆ

"เตาหลอมนี้ทั้งเตาล้วนทำมาจากเหล็กเย็นทมิฬพันปี สิ้นเปลือง..สิ้นเปลืองมโหฬารแล้ว! ด้วยเตาหลอมโอสถนี้จนกว่าข้าจะบรรลุระดับผู้หลอมศาสตราขั้นที่ 6 หรือผู้หลอมโอสถขั้นที่ 6 ข้าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมันแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อข้าเลื่อนระดับข้าสามารถปรับแต่งมันให้ดีขึ้นได้อีกด้วย "

ดวงตาของต้วนหลิงเทียนทอประกายวาวโรจน์ออกมา

หลังจากที่ได้รับและหลอมรวมความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดสองชาติภพนั้น หลิงเทียนหาได้เป็นแค่ผู้จารึกอาคม หรือผู้หลอมโอสถเท่านั้น แต่มันยังเป็นผู้หลอมศาสตราอีกด้วย...อีกทั้งมองในทวีปแห่งนี้เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญเท่ามันอีกแล้ว

หลังจากสงบใจได้ หลิงเทียนก็เริ่มต้นหลอมโอสถฟื้นกำเนิดทันที

เมือเทียบกับโอสถหลิงพิสุทธิ์แล้ว โอสถฟื้นกำเนิดนั้นกลับหลอมสร้างได้ง่ายกว่ากันมากนัก

หลังจากที่ใช้เวลาหลอมโอสถเพียง 2 เค่อหลิงเทียนก็หลอมมันเสร็จสิ้น เขาหลอมมันออกมา 2 เม็ด

หนึ่งนั้นมีไว้เพื่อมารดาของเขา

ส่วนอีกเม็ดนั้นเขาวางแผนจะมอบมันให้กับลี่เฟย

หลังจากนำโอสถฟื้นกำเนิดไปให้มารดาของเขาพร้อมทั้งแจ้งวิธีปฏิบัติและข้อควรระวังแล้ว หลิงเทียนก็กลับมาที่ห้องของเขา

เขาเริ่มบ่มเพาะอีกครั้ง

วิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบ งูเหลือมคลั่ง!

ปัจจุบันต้วนหลิงเทียนได้พัฒนาพลังงานต้นกำเนิดของเขาจนตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดได้แล้ว

หากเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาสามัญตอนนี้เขาคงเร่งเพาะปลูกเพื่อเพิ่มปริมาณพลังงานต้นกำเนิดและเตรียมตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 ...

แต่อย่างไรก็ตาม วิชาบ่มเพาะของเขาคือ วิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม ...

สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำตอนนี้คือการเพิ่มพูนพลังงานต้นกำเนิดก่อนที่จะใช้มันหลอมรวมพัฒนาร่างเนื้อของเขาไปด้วยพร้อมๆกัน เพื่อเพิ่มขีดจำกัดของร่างเนื้อเขาให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอีกระดับขั้น หลังจากที่เขาใช้พลังงานต้นกำเนิดในการพัฒนาร่างเนื้อแล้ว ความแข็งแกร่งของร่างกายเขานั้นจะเพิ่มจากระดับช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัว กลายเป็นระดับช้างแมมมอธโบราณ 4 ตัว

กล่าวง่ายๆเมื่อพัฒนาบ่มเพาะร่างกายเสร็จสิ้น ความแข็งแกร่งของร่างกายเขาเพิ่มมาทันที 1 ช้างแมมมอธโบราณ

และหากทำสำเร็จถึงแม้ว่าเขาจะพึ่งตัดผ่านมายังระดับกอกำเนิด ซึ่งถือว่าเป็นผู้บ่มเพาะระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 1 แต่เขาจะครอบครองความแกร่งของช้างแมมมอธโบราณ 5 ตัว ทันที

ในแง่ของความแข็งแกร่งนั้นเขานับว่าเหนือกว่าระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 และด้อยกว่าระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4อยู่เพียง 1 ช้างแมมมอธโบราณ

เพราะผู้บ่มเพาะระดับก่อกำเนิดธรรมดาสามัญเมื่อมีระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 พวกมันจะมีความแข็งแกร่งเพียง 4 ช้างแมมมอธโบราณ

ซึ่งมีความแข็งแกร่งเท่ากับอาวุโสที่ 7 ของตระกูลลี่สาขาเมืองวายุโปรย ลี่คุน

ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 โดยปกตินั้นจะมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับ 6 ช้างแมมมอธโบราณ

เช่นเดียวกับมารดาของเขา

"การบ่มเพาะร่างกายด้วยพลังงานต้นกำเนิดนี่ยอดเยี่ยมนัก ... "

ตามวิธีบ่มเพาะของวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามรูปแบบงูเหลือมคลั่งนั้น จะเริ่มต้นด้วยการหลอมรวมผสานพลังงานต้นกำเนิดเข้ากับร่างกายของเขา

ทว่า..เมื่อเริ่มต้นผสานพลังงานต้นกำเนิดเข้ากับกายเนื้อไปได้ไม่นานร่างกายของเขาพลันสั่นสะท้านขึ้นมาทำให้เขาต้องหยุดทันที สีหน้าของเขาเจื่อนลงเล็กน้อย

เหนือความคาดหมายของเขาอย่างรุนแรง การบ่มเพาะร่างกายด้วยพลังงานต้นกำเนิดนั้นหาได้เจ็บปวดไม่...

แต่ทว่ามันบังเกิดความรู้สึกว่าชาๆ สลับๆกับอาการคันคะเยอ...นี่มันทำให้เขารู้สึกยากลำบากมากจริงๆ

ถ้าจะให้อธิบายอย่างละเอียด

มันรู้สึกคล้ายๆกับว่ามีมดนับพันตัวคลานไปมาใต้ผิวหนังของเขาไม่หยุดหย่อน...

ความรู้สึกคันแต่ยากจะเกาเช่นนี้นั้น สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วมันทรมานยิ่งกว่าถูกมีดกรีดหรืออาการบาดเจ็บจากการถูกยิงเสียอีก...

"อีกที!"

หลิงเทียนสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดก่อนที่จะตั้งใจลองอีกครั้งด้วยความแน่วแน่

เมื่อปลดปล่อยพลังงานต้นกำเนิดออกมาผสานหลอมรวมกายเนื้อของเขามากเท่าไร เลือดเนื้อของเขายิ่งเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

พลังงานดั้งเดิมจากโลหิตของเขานั้นพลันแข็งแกร่งขึ้นมาอีกด้วยตอนนี้มันเติบโตแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างน่าตกตะลึง และมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตามมา...

ความสำเร็จย่อมแลกมากับความเจ็บปวด!

ต้วนหลิงเทียนเข้าใจคำกล่าวนี้ดี...เพียงแต่ความเจ็บปวดนี้ของเขามันออกจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย เพราะแค่คันเท่านั้น...

หลังจากที่บ่มเพาะอยู่ครึ่งวันจนถึงยามเที่ยง ร่างกายของหลิงเทียนก็เต็มไปด้วยเหงื่อไคล อีกทั้งยังมีของเสีย สิ่งสกปรกที่เป็นเมือกดำเหนอะหนะไปทั่วเขาจึงรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วหลิงเทียนก็เดินออกมาจากห้องของเขา

และในขณะที่หลิงเทียนกำลังกินอาหารเที่ยงกับครอบครัวของเขาอยู่นั้น แขกที่เหนือความคาดคิดสำหรับผู้อื่นก็มาถึง

"หัวหน้าสมาคมซื่อขอรับ ต้วนหลิงเทียนอยู่ที่นี่"

เสียงที่ดังขึ้นจากด้านนอกนั้นคุ้นหูนัก

"ลูกเทียนผู้ใดมาหาเจ้ากัน?"

ลี่หลัวหันไปมองหลิงเทียน

"ไม่มีอะไรท่านแม่ ใครจะมาก็ให้เขารอไปก่อน เรามากินข้าวกันต่อเถอะ "

ต้วนหลิงเทียนนั้นยังคงมีท่าทางเหมือนเดิมไม่ได้รีบร้อนอะไร เขาค่อยๆบรรจงใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย มีบ้างที่คีบให้มารดาและเค่อเอ๋อ

"ต้วนหลิงเทียน ข้า ลี่เฉียง ผู้จัดการสายในของตระกูลลี่ ...ท่านหัวหน้าสมาคมซื่ออยากพบเจ้า"

ด้านนอกลานมีเสียงตะโกนดังเข้ามา

"ก็ให้เขาเข้ามาสิ จะโวยวายทำไม"

ต้วนหลิงเทียนไม่พอใจเล็กน้อย คนกำลังกินอร่อยๆกลับถูกขัดจังหวะซะได้

ลี่เฉียงที่อยู่ด้านนอกพลันอ้าปากค้าง

นิ..นี่..เหตุใดต้วนหลิงเทียนหยาบคายเช่นนี้ ...

ชายชราที่ยืนข้างๆเขาเป็นผู้ใดกัน?

นี่เป็นตัวตนที่แม้แต่ประมุขของตระกูลลี่ยังต้องให้ความเคารพนับถือ!

เขาเป็นหัวหน้าสมาคมผู้หลอมโอสถแห่งเมืองออโรร่า

ซื่อโหมว!

"ทะ ... ท่านหัวหน้าสมาคมซื่อ ต้วนหลิงเทียนนี้ยังเด็กนัก เกรงว่าเขาจะไม่ค่อยมีมารยาทและขาดประสบการณ์... "

ลี่เฉียงถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นออกมา รีบกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกักมันเกรงว่าหากชายชราด้านข้างบังเกิดโทสะขึ้นมาล่ะก็ ตระกูลลี่...

แต่พริบตาต่อมาลี่เฉียงพลันตกตะลึงอีกครั้งอีกทั้งยังเต็มไปด้วยความสับสน

"ไมเป็นไร เจ้าไปเถอะ เดี๋ยวข้าเข้าไปหาเขาเอง"

ซื่อโหมวคนนั้นพยักหน้าให้เขา ก่อนที่จะโยนถุงใบหนึ่งมาให้เขา

หลังจากที่ลี่เฉียงรับถุงใบนั้นมา เขาก็สังเกตเห็นว่าซื่อโหมวเดินเข้าไปในบ้านหลิงเทียนอย่างปกติหาได้มีโทสะอันใดทั้งสิ้น

"เม็ดยาเร่งกำเนิด!"

เม็ดยาเร่งกำเนิดในถุงนี้มีมูลค่า 5,000 เหรียญเงิน

"อา..เป็นอย่างที่เขากล่าวขานกันจริงๆ หัวหน้าสมาคมผู้หลอมโอสถซื่อโหมว นั้นเป็นคนใจกว้างอย่างยิ่ง เพียงแค่ข้านำทางเขามา เขากลับมอบเม็ดยาเร่งกำเนิดให้ข้าแล้ว"

ลี่เฉียงสูดหายใจเข้าลึกๆด้วยความตื่นเต้น

ถึงแม้เขาจะเป็นผู้จัดการสายในของตระกูลลี่ แต่เขาเองก็ได้รับเงินเดือนเพียง 1,000 เหรียญเท่านั้น

โดยปกติแล้วเขานั้นหาได้มีทุนทรัพย์เพียงพอที่จะซื้อโอสถเช่นนี้มาบ่มเพาะไม่

แต่ในขณะที่เขากำลังจะเดินกลับนั้น เสียงที่ดังลั่นมาจากในบ้านถึงกับทำให้ใบหน้าของเขาแข็งค้าง เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก ...

"อะไรกัน ทำไมท่านมาเร็วนักเล่า ไม่ใช่ว่าท่านคิดจะมากินข้าวที่บ้านของข้าฟรีๆหรอกนะ? ขอบอกท่านไว้ตรงนี้เลย บนโต๊ะนี้มีกับข้าวไม่เพียงพอสำหรับท่าน เพราะข้าไม่ได้เตรียมไว้! "

รีวิวผู้อ่าน